พอนางเริ่มตื่นตระหนก สายตาเลิ่กลั่กกวาดมองไปทั่ว นางหันหน้าไปมั่วราวกับแมลงวันไม่มีหัว เริ่มพูดจาเหลวไหล “นะ หนังสือสมรสของจริงถูกเจ้าเผาทิ้งไปตั้งแต่วันที่ท่านอ๋องกลับมาเมืองหลวงแล้ว เจ้าในตอนนี้อยากจะแต่งงานกับองค์ชายสามคนเดียว แต่ท่านอ๋องมาบอกว่ามีสัญญาหมั้นกับเจ้า จะแต่งกับเจ้าคนเดียวเท่านั้น พอเจ้าโมโหเจ้าก็เลย...” พอพูดถึงสุดท้ายก็ร้องไห้อีกครั้ง “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรก ข้าคงเอาเรื่องนี้บอกกับท่านโหวนานแล้ว ใครจะรู้ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้” เสิ่นอวี้ดูนางเล่นละคร กล่าวแทรกเสียงร้องไห้ของนางกล่าวเปิดประเด็นว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ข้าฉีกหนังสือสมรสแล้ว ท่านไม่ได้บอกท่านพ่อเพื่อปกป้องข้า และหนังสือสมรสปลอมเล่มนี้ท่านเป็นคนเอามาไว้ในกล่องเครื่องประดับของข้าใช่หรือไม่?” เดิมทีนางไม่ได้คิดจะจัดการหลิ่วอี๋เหนียงถึงอย่างไรนางก็คือแม่แท้ ๆแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วอี๋เหนียงจะเข้าข้างซ่งหว่านฉิง ต่อให้พูดโกหกก็ต้องผลักนางไปตายให้ได้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ นางอยากเห็นนักว่านางหลิ่วคนนี้จะปกป้องซ่งหว่านฉิงไปถึงขั้นไหนกัน!สายตาของเสิ
ขณะที่กล่าว นางถึงกับหันไปมองจ้านอวิ๋นเซียว “ท่านอ๋อง ท่านรักลูกอวี้มาก ข้าเป็นถึงแม่ของนาง ท่านคงไม่มองข้าถูกตีตายใช่หรือไม่?” “นางหลิ่วคนนี้ช่าง...” ทุกคนส่ายหัวให้กับสิ่งที่เห็นจ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่มองเสิ่นอวี้เงียบ ๆ เขาเริ่มสงสัยแล้วว่านางจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรเสิ่นอวี้มองหลิ่วอี๋เหนียง ในดวงตาหลงเหลือเพียงความเย็นชา “แม่เล็ก หรือว่าท่านจะลืมแล้วว่าตัวเองเพิ่งว่าข้าเกลียดท่านอ๋องมาก ถึงได้เผาหนังสือสมรสไม่ใช่หรือ? ข้าเผาหนังสือสมรสไปแล้ว ต้องโทษตายสถานเดียว อีกไม่นานข้าก็จะถูกประหารแล้ว ท่านอ๋องไม่ปล่อยข้าไปแน่ ท่านยังคิดจะให้เขาปล่อยท่านไปเพราะเห็นแก่หน้าข้าหรือ?” “......”หลิ่วอี๋เหนียงนิ่งเป็นท่อนไม้ น้ำตาที่ไหลรินบนใบหน้าเลอะเทอะของนาง เหมือนแข็งค้างอยู่ตรงนั้นจ้านอวิ๋นเซียวทนไม่ไหวเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็กำลังยิ้มเจียงจิ่วพึมพำ “คิดไม่ถึงจริง ๆ แม่นางเสิ่นสามคนนี้ถึงกับเป็นคนยอดเยี่ยมคนหนึ่ง!”ยอดเยี่ยมหรือไม่หลิ่วอี๋เหนียงไม่รู้ แต่ตอนนี้นางรู้เพียงนางขุดหลุมฝังตัวเองเข้าแล้วตอนนี้นางตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร
เมื่อองค์ชายสามได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจแต่มีปัญหาตรงไหนนั้นเขายังคิดไม่ออก จึงทำได้แค่รอดูสถานการณ์ต่อไปแต่หลิ่วอี๋เหนียงมีความอดทนจำกัด เดิมก็พูดโกหกอยู่แล้ว จะไปหาคนแบบนี้ที่ไหน?ด้วยเหตุนี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเจ้ากรมซุนเมื่อเสิ่นอวี้เห็นจึงรู้สึกตะลึง “หรือว่าระหว่างหลิ่วอี๋เหนียงกับเจ้ากรมซุนยังมีเรื่องปิดบังอื่นอีก?” เจ้ากรมซุนเดิมทีคิดจะส่งสัญญาณผ่านสายตาให้หลิ่วอี๋เหนียง แต่ไม่ทันตั้งตัวกลับเห็นสายตาของเสิ่นอวี้ เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเฉย ก้มหน้ามองพื้น แกล้งทำเป็นไม่เห็นหลิ่วอี๋เหนียงหลิ่วอี๋เหนียงตกใจ เวลาไม่คอยท่า นางทำได้เพียงเอ่ยชื่อคนหนึ่งออกมา “นะ หนังสือสมรสปลอมนี้เป็นฝีมือของเวินซื่อไห่จากหอตำราซื่อไห่”เสิ่นอวี้หัวเราะเงยหน้ามององค์ชายสามองค์ชายสามกำหมัดแน่น ไม่มีทีท่าจะปล่อยวาง เพียงแต่อารมณ์บนใบหน้าไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเวินซื่อไห่ไม่ใช่คนธรรมดาถึงแม้คนคนนี้จะเป็นเพียงเถ้าแก่หอตำราคนหนึ่ง ชอบเขียนอักษรวาดภาพเท่านั้น แต่ความจริงแล้วกลับเป็นคนขององค์ชายสาม ชาติก่อนองค์ชายสามใช้เขาปลอมหนังสือราชการใส่ร้ายขุนนางดี ๆ มาไม่น้อย ท้ายท
ความจริงแล้วเจ้ากรมซุนก็รู้สึกถึงอันตรายแล้วถึงแม้จะยังไม่มั่นใจว่าเสิ่นอวี้จงใจหรือไม่ แต่ชัดเจนว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินการต่อไปไม่ได้เขาเริ่มลนลานแล้ว แต่กลับกันเสิ่นอวี้กลับไม่รีบร้อนนางก้มมองซ่งหว่านฉิง แกล้งทำเป็นจะอธิบาย “หนังสือสมรสของจริง...”ซ่งหว่านฉิงกลัวว่านางจะหาทางออกได้ จึงรีบพูดแทรกขึ้นมา “เสิ่นอวี้เจ้าคิดจะพูดโกหกอะไรอีก? ข้าว่าเจ้าอยากจะให้หลิ่วอี๋เหนียงตาย!”หลิ่วอี๋เหนียงเพิ่งได้สติจึงกล่าวเสริม “อวี้เอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าสนิทกับฮูหยินใหญ่มาตั้งแต่เด็ก รังเกียจที่ข้าเป็นแม่มีสถานะต่ำต้อย...แต่อย่างไรเจ้าก็เป็นลูกที่แม่คลอดออกมา เจ้าจะทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?” เมื่อเจ้ากรมซุนได้ฟังจึงหันไปทางเสิ่นอวี้ “คุณหนูเสิ่นสามเหมือนจะไม่สนใจความเป็นตายของแม่เจ้าเลยนะ”พูดเพียงไม่กี่ประโยค เสิ่นอวี้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว รังเกียจมารดาแท้ ๆ ลืมบุญคุณคนเมื่อเสิ่นอวี้ได้ยินก็หัวเราะออกมา คุกเข่าไปทางเจ้ากรมซุน กล่าวด้วยความจริงใจ “หลานสาวคนนี้ขอร้องท่านเจ้ากรมช่วยชีวิตแม่ข้าด้วย! ถ้าท่านเจ้ากรมขอร้องฝ่าบาทไม่ให้เอาเรื่องแม่ข้าในวันนี้ได้ ข้าจะยอมรับท่านเจ้ากรมเป็นพ่อ
คนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก สวมชุดสีเขียว ในความเป็นบัณฑิตนั้นยังแฝงด้วยกลิ่นเหม็นทองแดง ค่อนข้างเป็นคนพิเศษเพียงแต่ตอนนี้เขาถูกโยนไว้ที่พื้น จึงรู้สึกมึนงง หันมองรอบด้าน ท้ายที่สุดสายตามองไปที่ใบหน้าขององค์ชายสามเสิ่นอวี้ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองตามสายตาของเขาไปทางองค์ชายสามจากที่นางรู้มาคนคนนี้ถูกคนขององค์ชายสามพามาจากเจียงหนาน หอตำราซื่อไห่ที่เปิดในเมืองหลวงก็มีองค์ชายสามเป็นคนลงทุนให้ นับได้ว่าเป็นกิจการขององค์ชายสามชาติก่อนคนคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในหอตำราซื่อไห่ตลอด จนกระทั่งองค์ชายสามให้เขาปลอมแปลงราชโองการ และวางยาพิษสังหารฮ่องเต้ เขาถึงได้เปิดเผยตัวออกมา สำหรับในเวลาต่อมาถูกองค์ชายสามสังหารปิดปากหรือไม่ เสิ่นอวี้ไม่รู้แต่ครั้งนี้...เสิ่นอวี้หลี่ตาแคบ ไม่รู้ว่าสายตาที่เขามององค์ชายสาม จะสร้างความกังวลให้ฮ่องเต้ได้หรือไม่ องค์ชายสามสีหน้าน่าเกลียดมาก ตะโกนออกมา “เห็นฮ่องเต้แล้วยังไม่ทำความเคารพอีก มาจ้องข้าทำไม!”เป็นการเตือนและเป็นการข่มขู่ด้วยเสิ่นอวี้เหลือบมองฮ่องเต้เป็นอย่างที่คิดนางเห็นดวงตาของฮ่องเต้เผยความหม่นหมอง มองไปทางองค์ชายสาม จากนั้นถึงมองเวินซื่อไห่เสิ่นอ
นางหลิ่วเริ่มพูดจาเลยเถิด นางพูดเป็นเรื่องเป็นราวจนสุดท้ายกล่าวว่า “ข้าก็คงไม่ทรยศนายท่าน ยอมรับคำขอไร้ยางอายของเจ้า ปล่อยให้เจ้าขืนใจข้า!”ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องเงียบเป็นป่าช้า“ให้ตายเถอะ นางหลิ่วสวมหมวกเขียว1 ให้ท่านโหวเสิ่นแล้ว” ไม่มีใครคาดคิด เดิมทีพวกเขามาเข้าร่วมงานวันเกิดของไท่เฟย สุดท้ายได้มาเห็นเรื่องน่าอายของตระกูลเสิ่นเสิ่นจิ้นหงุดหงิดใจมาก แต่เขารู้ว่าหลิ่วอี๋เหนียงจะก่อเรื่องไปเรื่อย ๆ เพื่อเป้าหมายแล้วนางไม่เกี่ยงวิธี ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจนาง เพียงแค่มองเวินซื่อไห่กล่าวว่า “เวินซื่อไห่ ข้าให้โอกาสเจ้าอธิบายครั้งหนึ่ง!”เวินซื่อไห่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร “ไม่ใช่นะท่านโหว ไม่ใช่อย่างที่นางหลิ่วพูด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปลอมแปลงหนังสือสมรสเลย แค่จดหมายล้วนเป็นลูกน้องในหอตำราเป็นคนเขียน กระหม่อมไม่ได้เขียน!”“ความหมายของเจ้าก็คือเจ้าไม่ได้เป็นคนทำหนังสือสมรสหรือ?”องค์ชายสามยังคิดจะช่วยถึงอย่างไรเวินซื่อไห่สำคัญกับเขามาก สำคัญยิ่งกว่าหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิงมากแต่หลิ่วอี๋เหนียงจะยอมปล่อยตัวเองตายได้อย่างไร?ไม่รอเวินซื่อไห่พูด หลิ่วอี๋เหนียงก็ร้องไห้โวยวายกล่าวว
เขากล่าวออกมาได้ฉลาดมาก ไม่ได้บอกว่าเป็นหนังสือสมรส แต่บอกว่าเป็นราชโองการเช่นนี้คนอื่นก็ไม่อาจจับผิดได้หนังสือสมรสเป็นเรื่องของตระกูลเสิ่นจ้านสองตระกูล พวกเขาจัดการเองได้ แต่ราชโองการคือชื่อเสียงและอำนาจของฮ่องเต้องค์ก่อน วันนี้ต้องมีคำอธิบาย ต่อให้เป็นเสิ่นอวี้ก็ยากจะจับผิดจากคำพูดนี้“ครั้งนี้ยุ่งยากแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูเสิ่นสามจะอธิบายอย่างไร”เจียงจิ่วขมวดคิ้ว กระซิบกล่าวข้าง ๆ จ้านอวิ๋นเซียว “เจ้ากรมซุนดูท่าทางจะกัดไม่ปล่อย เกรงว่าคงไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่ ถ้าปล่อยให้เขาทำสำเร็จ ตระกูลเสิ่นจะเป็นอย่างไรเป็นแค่เรื่องรอง แต่ไม่ใช่เรื่องดีกับจวนอ๋องของพวกเราแน่”ถ้าตระกูลเสิ่นจ้านสองตระกูลห้ำหั่นกัน คนที่ได้รับประโยชน์คือองค์ชายสามกับฮ่องเต้เรื่องนี้ดำเนินมาหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว คนโง่ล้วนมองออกมาเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แม้แต่ซุนเสี่ยวพ่างล้วนสีหน้าหนักอึ้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจ้านอวิ๋นเซียวเลยจิตใจของจ้านอวิ๋นเซียวกระจ่างใสราวกับกระจกถ้าเป็นปกติ เขาคงเอ่ยปากหยุดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันนี้เขาอยากเห็นว่าเสิ่นอวี้จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร“รอไปก่อน”เขาเสียงเบามาก มองออกไปนอกประตูอย
“ความหมายของเจ้าก็คือหนังสือสมรสยังอยู่หรือ?”เมื่อเจ้ากรมซุนได้ฟังแทบจะวิญญาณหลุดออกจากร่าง ถ้าหนังสือสมรสยังอยู่จริง ๆ ทำไมเสิ่นอวี้ถึงเอาของปลอมไว้ในกล่องเครื่องประดับกัน?เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เสิ่นอวี้เมื่อก่อนเป็นแค่คนโง่ สมองไม่ค่อยมี ต่อให้นางฉลาดเหมือนกับคุณหนูใหญ่ ก็ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้า เตรียมหนังสือสมรสปลอมฉบับหนึ่งใส่ไว้ในกล่องเครื่องประดับเพื่อวางแผนจัดการคนอื่นกระมัง?นางมองหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิงออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?เจ้ากรมซุนยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เขาอดหันไปถามหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิงไม่ได้ “พวกเจ้าว่าอย่างไร?”หลิ่วอี๋เหนียงส่ายหัวราวกับกลองป๋องแป๋ง “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่หนังสือสมรสจริงยังอยู่แน่...”ขณะที่กล่าวก็เน้นย้ำคำพูดก่อนหน้านี้ “ข้าเห็นนางเผาหนังสือสมรสกับตา ไม่มีทางยังมีอยู่แน่ ๆ!”ถ้ายังอยู่ละก็ คำพูดที่นางกล่าวก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็นแค่คำโกหกไม่ใช่หรือ?ฮ่องเต้ยังนั่งอยู่ด้านหน้า นางโกหกต่อหน้าฮ่องเต้ ไม่ใช่มีโทษหลอกลวงเบื้องสูงหรอกหรือ?หลิ่วอี๋เหนียงเหงื่อไหลท่วม แต่ไม่ยอมกลับคำพูดซ่งหว่านฉิงกล่าว “หนังสือสม