บ้านวัฒนะพันธ์หลังจากไม่มีตัวซวย บรรยากาศภายในบ้านดูครึกครื้น ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ไม่ต้องอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดใจยามเห็นหน้ากุลธิรัตน์ ลูกหลานแสนเกลียดชัง โดยเฉพาะลัดดา ที่ดูมีความสุขมากที่สุด
“พักนี้คุณแม่ดูอารมณ์ดีนะคะ ยิ้มแย้มทุกวันเลย” อนงค์เอ่ยขึ้น ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“แน่สิ ฉันไม่ต้องทนเห็นหน้าลูกสาวคนโตของเธอไง เห็นแล้วอารมณ์เสีย” ลัดดาไม่กลั้นความชิงชัง อนงค์ยิ้มบาง หยิบของว่างขึ้นมากิน “ฉันว่าจะหาคู่ให้ลูกแก้ว หล่อนคิดว่ายังไง”
“ลูกแก้วจะยอมหรือคะ รายนั้นน่ะ หัวแข็ง คงไม่ยอมถูกบังคับเหมือนลูกหมีแน่ค่ะ” อนงค์รู้นิสัยลูกทั้งสามคนดีว่า ใครคุมได้และคุมไม่ได้ “ทำไมคุณแม่คิดหาคู่ให้ลูกแก้วล่ะคะ”
“ถ้าได้ครอบครัวคนรวยๆ ฐานะมั่นคงมาเกี่ยวดองด้วย มันก็เป็นเรื่องดีกับเราไม่ใช่เหรอ เวลาล้มก็ยังมีฟูกรองรับ ไม่ได้ล้มบนพื้นแข็งๆ แล้วยังมีคอนช่วยพยุง มีแต่ได้กับได้นะ”
“ถ้าคุณแม่ให้ลูกแก้วไปอยู่กับอิฐ แทนที่จะส่งลูกหมีไป ไม่แน่ว่าเราอาจไม้หลักดีๆ ไว้พยุงตัวนะคะ”
อนงค์ค้านแม่สามีไม่ได้ ใจจริงนางอยากให้คีรยาไปเป็นลูกสะใภ้หิรัญภักดีมากกว่า เพราะทางนั้นอยากได้คีรยาเป็นทุนเดิม จะขออะไรย่อมขอได้
“ฉันเหม็นขี้หน้ามันไงล่ะ ไม่อยากให้มันอยู่ที่นี่ เลยทำอย่างนั้น” ลัดดาบอกตามตรง ซึ่งทุกคนในบ้านหลังนี้รู้ดี “บ้านนั้นโง่ที่ถูกฉันใช้เล่ห์เหลี่ยมก็จริง แต่ไม่โง่ที่จะหลอกเงินเข้ากระเป๋านะ ที่ยอมให้นังลูกหมีเข้าไปอยู่ในบ้าน เพราะเสียเงินไปแล้ว คงไม่อยากให้เสียเงินเปล่า เท่าที่ฉันรู้มา บ้านนั้นก็ไม่ยอมรับมันสักคน มันก็เหมือนคนใช้คนหนึ่ง สมน้ำหน้ามัน สะใจฉันเหลือเกิน”
ความเกลียดชังที่มีต่อกุลธิรัตน์ฝังแน่นมาก มากจนบางครั้ง ดูน่ากลัว อนงค์มองแม่สามีที่แสดงออกถึงความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่า ลูกสาวคนโตของตนเป็นเพศใด และไม่เคยผ่อนความชิงชังแม้แต่น้อย ทว่านางก็ไม่เคยปกป้องหรือให้ความรัก ความอบอุ่นกุลธิรัตน์ เหมือนลูกอีกสองคน ทำราวกับว่า กุลธิรัตน์ไม่ใช่ลูกตัวเอง
“ค่ะ แล้วแต่คุณแม่ค่ะ”
“ฉันหมายตาผู้ชายลูกผู้ดีมีเงิน แต่หลอกง่ายไว้สองคน แต่ละคนจูงจมูกง่าย เหมาะที่จะเป็นหลานเขยฉัน พวกฉลาดๆ หลอกยากไม่อยากไปยุ่งด้วย” ลัดดาพูดเพิ่มเติม “ส่วนเรื่องที่หล่อนกลัวว่าลูกแก้วไม่ยอม ฉันจัดการเอง ฉันเชื่อว่า ลูกแก้วต้องยอม”
“คุณแม่จะไปงานการกุศลที่คุณหญิงศรีจัดไหมคะ”
“ดูก่อน เพราะฉันไม่ค่อยชอบหน้าคุณหญิงศรีเท่าไหร่”
“ได้ข่าวว่า คนที่จะมาเดินแบบในชุดฟินาเล่เป็นลูกสาวของคุณนิ่ม สวยมากเลยนะคะ” อนงค์ไม่พูดเปล่า นางหยิบมือถือมาเปิดแกลลอรี่ภาพ เลื่อนหาไม่นานนักก็ยื่นมือถือให้แม่สามีดู “สวยไหมคะ หนูคนนี้ชื่อเก็จมณีค่ะ ชื่อเล่นชื่อเมญ่าค่ะ”
ลัดดามองดูภาพสตรีวัยใกล้เคียงกับกุลธิรัตน์ ก่อนขยับตามองลูกสะใภ้
“อืม ก็สวยดีนะ แต่ดูจากแววตา ท่าจะร้ายไม่เบา”
“ก็คงเอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนูน่ะค่ะ ได้ข่าวว่า คุณนิ่มรักและตามใจมากค่ะ” อนงค์พูดไปยิ้มไป มองดูใบหน้าเก็จมณีด้วยความชื่นชม
“ดูท่าทางหล่อนจะปลื้มแม่คนนี้มากเลยนะ ถึงขนาดเซฟเก็บไว้”
“ที่เซฟเก็บไว้ เพราะคุณหญิงสายดูแลเรื่องเครื่องเพชรที่จะให้เหล่านางแบบใส่น่ะค่ะ คุณหญิงเลยส่งรูปนางแบบและชุดมาให้นงค์ ช่วยเลือกเครื่องเพชรที่จะให้พวกหล่อนใส่น่ะค่ะ ว่าเพชรชุดไหนเหมาะกับชุดที่นางแบบใส่ ในมือถือนงค์มีรูปนางแบบทุกคนค่ะ คุณแม่จะดูไหมคะ” อนงค์ตอบแม่สามีให้คลายสงสัย
“ไม่ดูหรอกย่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
“แล้วคุณแม่ไม่คิดหาผู้หญิงให้ฟิล์มบ้างหรือคะ”
“ก็ดูๆ อยู่ ฉันก็กลัวหลานรักของฉันไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียเหมือนกัน” ขณะพูด สายตามองไปยังมือถืออนงค์ ที่หน้าจอยังเป็นภาพเก็จมณี ความคิดบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัว “ว่าแต่เธอรู้จักคุณนิ่มคนนี้ไหม ที่ฉันถามเพราะเห็นเธอบอกว่า ลูกสาวคุณนิ่มจะได้เดินแบบในชุดฟินาเล่ ถ้าพ่อแม่ไม่ดัง ไม่สำคัญจริง ไม่มีทางได้เดินในงานคุณหญิงศรีแน่ รายนั้นน่ะ เอาใจแต่คนรวย”
“คุณนิ่มพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ค่ะ เป็นแม่เลี้ยงไร่พันดาว หลังจากสามีเสียชีวิตก็ไปๆ มาๆ เชียงใหม่กับกรุงเทพค่ะ เธอไม่ค่อยออกงานค่ะ ค่อนข้างเก็บตัว อาจรู้จักคุณหญิงศรีเป็นการส่วนตัวค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน หรือไม่ก็บริจาคเงินเยอะ หนูเมญ่าถึงได้เดินแบบชุดนั้นค่ะ แล้วยังได้สวมเครื่องเพชรชุดสำคัญในงานประมูลด้วยนะคะ”
“เก็บตัวไม่ออกงานนี่เอง ฉันถึงไม่รู้จัก” ลัดดาออกงานสังคมบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ารู้จักคนรวย คนมีชื่อเสียงทุกคน ในเมืองไทยคนมีเงินกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ นางรู้จักแค่ในวงสังคมที่ไปร่วมงานนั้นๆ และติดต่อพูดคุยกันบ่อยๆ เท่านั้น “ตอนแรกสองจิตสองใจว่าจะไปงานนี้ดีไหม ตอนนี้ฉันคิดว่า คงต้องไป จะได้รู้จักคนรวยคนอื่นบ้าง เผื่อเจอผู้หญิงถูกใจจะได้ให้มาเป็นเมียฟิล์ม”
อนงค์ไม่ได้กล่าวคำใด หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ หลุบตามองไปยังมือถือ ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม ยามมองคนในรูปภาพ สายตาอนงค์เปี่ยมด้วยความชื่นชม เป็นแววตาที่ต่างกับมองกุลธิรัตน์ลิบลับ ทั้งที่กุลธิรัตน์คือลูกสาวในไส้ของตน
คีรยาไม่ได้กลับบ้านหลายวัน หล่อนมาเที่ยวภูเก็ตกับกลุ่มเพื่อนสนิท ที่ล้วนเป็นลูกหลานคนมีเงิน ที่พักเป็นวิล-ล่าหรูบนภูเขาติดทะเล ราคาที่พักต่อคืนสูงถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท เช่าเรือยอร์ชท่องเที่ยวทางทะเลแบบส่วนตัว ไปตามเกาะขึ้นชื่อตามโปรแกรมการเที่ยว เดิมทีวันนี้คีรยากับเพื่อน ตั้งใจไปเกาะพีพีดอน ทว่าฝนตกตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่หยุด พวกเขาและหล่อนจึงพักผ่อนอยู่ในห้อง “แกดูอะไรอยู่เอิร์น” คีรยาเดินมายังห้องโถงใหญ่ของวิลล่า ทักถามเมื่อเห็นชุตินันท์ก้มดูมือถือ “ส่องผู้ชาย” “ไหนคนไหน” คนถามทรุดตัวลงนั่งใกล้เพื่อน “คนนี้ไง” ชุตินันท์ชี้ให้คีรยาดูผู้ชายที่ตนสนใจ ในภาพบนจอมือถือเป็นบุรุษสามคน หนึ่งในสามคนนั้นคีรยารู้จัก เคยพูดคุยกันสามครั้ง “เขาชื่อคุณโฟร์คเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลมิคาเรลกรุ๊ป รวยมากเลยนะแก” “เขาเป็นเพื่อนพี่อิฐ ก็ต้องรวยอยู่แล้ว” “แกรู้จักคุณอิฐเหรอ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ” “ตอนที่ฉันบอกแก แกสนใจฟังที่ไหน มัวแต่คุยกับผู้ชาย แกเลยไม่รู้ว่า ผู้ชายที่คุณย่าจะให้ฉันไปเป็นแม่พันธ์ให้ คือพี่อิฐ” “
สองวันต่อมา มื้อเช้าบ้านหิรัญภักดีเป็นไปอย่างทุกวัน คนทำอาหารคือกุลธิรัตน์ ที่เปลี่ยนเมนูไม่ซ้ำกัน คนในบ้านกินอาหารตามปกติ ส่วนแม่ครัวหลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเรียบร้อย หล่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ เช่นสามวันที่ผ่านมา “กาแฟค่ะคุณอิฐ” ช้อยวางถ้วยกาแฟแทนที่ชามข้าวต้มทะเล ธรรม์บดีจิบดื่ม เขารู้สึกถึงรสชาติที่ไม่เหมือนเดิม “ทำกาแฟเป็นแบบนี้” ธรรม์บดีถามสาวใช้ “เหมือนกาแฟชงสำเร็จรูปเลย” “ใช่ค่ะ เป็นกาแฟสำเร็จรูปค่ะ” ช้อยตอบ “พอดีเครื่องชงกาแฟเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ช้อยกับนางทำไม่เป็นค่ะ คุณลูกหมีสอนแต่ก็จำไม่ได้” “แล้วทำไมลูกหมา...เอ๊ย! ลูกหมีไม่ชงล่ะ” ธรรม์บดีถามต่อ “คุณลูกหมีไม่อยู่ค่ะ เธอทำกับข้าวเสร็จก็ออกไปข้างนอกค่ะ ไปมาสามวันแล้วค่ะ” “ไปไหน” ปกติธรรม์บดีไม่สนใจว่า ภรรยาไปไหนมาไหน ทว่าวันนี้อยากรู้มาก “ไม่ทราบค่ะ ช้อยไม่ได้ถามค่ะ คุณลูกหมีก็ไม่ได้บอก” “ย่าก็สังเกตนะว่า หลายวันมานี้ลูกหมีออกไปข้างนอกทุกวัน กลับมาก็ค่ำๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน แต่ก็ดี ย่าจะได้ไม่เกะกะลูกตา” เดือนดาวไม่สนใจกุลธิรัต
มิ่งเมืองเห็นว่ากุลธิรัตน์ว่างงาน และไม่อยากให้เพื่อนสนิทอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครต้องการ ในวันที่นัดเจอกุลธิรัตน์กับพัชรินทร์ เขาพูดเรื่องนี้กับกุลธิรัตน์ ซึ่งหล่อนก็ยินดีทำแม้ว่าเพียงแค่เจ็ดวันก็ตาม ได้เงินไม่กี่พัน หล่อนก็ไม่เกี่ยง เก็บสะสมไว้เผื่อตอนได้งานทำ จะได้มีทุนเอาไว้ไปทำงาน “เสียดายนะคะที่รู้จักลูกหมีทีหลัง ไม่งั้นจะให้มาทำงานที่นี่เลย” ชนิตพรเสียดายข้อนี้ เพราะหายากที่เพียงไม่กี่วัน กุลธิรัตน์ก็เข้ากับเด็กๆ ได้ดี “นิไปก่อนนะคะ ต้องไปทำธุระให้คุณแม่” “ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”ชนิตพรยิ้มให้คนพูด ก่อนหมุนตัวเดินไปขึ้นรถยนต์ จากนั้นก็ขับออกไป ภายในห้องขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเด็กหญิงและเด็กชายวัยหนึ่งปีถึงสี่ปีราวสิบคน นั่งเล่นอยู่บนพื้น โดยมีพี่เลี้ยงสองคนคอยช่วยกันดูแล แม้ว่ากุลธิรัตน์จะเหนื่อย หัวหมุนกับความซน ความดื้ออันไร้เดียงสาของเด็กๆ ทว่าหล่อนกลับมีความสุข สามวันมานี้ หล่อนยิ้ม หัวเราะมากขึ้น นัยน์ตาหม่นเศร้า มีความสดใส ร่าเริง ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่กุลธิรัตน์ถือว่า เป็นการบรรเทาความทุกข์ในใจลงไปได้มากโข ความบริสุทธิ์ สดใสของพวกเด็กๆ เ
“ลูกหมีมาแล้วค่ะคุณหมอ” อำพรบอกทั้งสอง “สวัสดีครับลูกหมี ได้เจอตัวจริงสักที ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ รู้ไหมว่านิชมลูกหมีกับพี่ไม่ขาดปากเลยนะ” ฐากูรทักทายกุลธิรัตน์ที่ยกมือไหว้ตน “สวัสดีค่ะคุณหมอ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กัน “พี่ขอตัวนะคะ ครั้งหน้าไว้คุยกันนะคะคุณหมอเอื้อ” “ครับพี่พร สวัสดีครับ” อำพรรับไหว้ ก่อนเดินไปทำงานตามหน้าที่ตน “เราไปกันเลยนะ กว่าจะถึงบ้านพี่เดี๋ยวรถติด” “ค่ะคุณหมอ” “เรียกพี่ว่าพี่ดีกว่านะ พี่เอื้อไรงี้ ดูเป็นกันเองดี เหมือนน้องสาวเรียกพี่ชายน่ะ” “ได้ค่ะพี่เอื้อ” กุลธิรัตน์ไม่ขัดข้อง ลึกๆ ในหัวใจอยากให้ฐากูรเป็นพี่ชาย แต่ก็รู้ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ สองหนุ่มสาวพากันเดินไปที่รถ ฐากูรเป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูให้กุลธิรัตน์สอดตัวเข้าไปนั่ง ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาทะยานรถออกจากหน้าอาคาร มุ่งหน้ากลับบ้าน เสียงโมบายหน้าประตูร้านดังขึ้น คนเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับสตรีร่างเล็ก ทั้งคู่เดินมาหยุดยืนตรงเคาน์เตอร์ร้าน พนักงานหญิงยกมือไหว้ลูก
ความรู้สึกกรกนกเวลานี้อธิบายไม่ถูก นางมองหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มของกุลธิรัตน์แล้วยิ้มตาม นางมีความสุขมากกับการได้พบกุลธิรัตน์ เสี้ยวใจหนึ่งกระตุ้นบอกว่า นางกำลังได้ของที่หายไปกลับคืนมา ไม่ทราบเหตุผลที่สมองคิดเช่นนี้ แต่มันบอกเช่นนั้นจริงๆ คุยกันสักครู่ ทั้งหมดพากันเดินไปกินมื้อเย็นในห้องกินข้าว อาหารมื้อนี้เป็นอาหารง่ายๆ ต้มยำทะเล ผัดผักรวมมิตร น้ำพริกกะปิกับปลาทูตัวใหญ่ มีผักเครื่องเคียงหลายชนิด ทั้งลวกและแบบสด แกงจืดเต้าหูไข่ไก่ใส่หมูสับ เอาไว้ซดคล่องคอ กรกนกเจริญอาหารกว่าทุกวัน นางรู้สึกดี ยิ้มทุกครั้งที่กุลธิรัตน์เอาอกเอาใจ ตักกับข้าวใส่จาน แกงจืดตักใส่ถ้วยแบ่งให้ ไม่ลืมใส่ต้มยำให้อีกหนึ่งถ้วยเล็ก การกระทำของกุลธิรัตน์ ทำให้นางนึกถึงเก็จมณี ลูกสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจ อาจเป็นเพราะถูกตามใจแต่เยาว์วัยจากตัวนางเองและคนรอบข้าง เป็นนิสัยแก้ไม่หาย แล้วดูเหมือนว่าจะมากขึ้นทุกวันด้วยทำให้อดเปรียบเทียบกับเก็จมณีลูกสาวนางไม่ได้ ไม่เคยทำเหมือนกุลธิรัตน์ ยามกินอาหารก็ต่างคนต่างกิน แทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก หากมีเรื่องคุยก็ไม่พ้นขอนั่นขอนี่ คำพูดคำจาต่างกัน กุลธิรัตน์วาจาไพเราะ มี
11ตกค่ำ ณ ผับเมอรองค์ คีรยาเดินเข้ามาในผับหรูพร้อมชุตินันท์ ทั้งคู่นั่งบนโซฟาโต๊ะทางด้านขวามือ สองสาวสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยก็นั่งคุยกันตามประสาเพื่อน คุยไปด้วยฟังเพลงไปด้วย เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง จุดประสงค์หลักของสองเพื่อนรักในการมาเที่ยว ยังไม่ปรากฏ “แกแน่ใจเหรอว่า วันนี้พี่อิฐจะมาที่นี่ เรานั่งรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ยังไม่เห็นเลย”คีรยาถามเพื่อน นัยน์ตามองไปยังประตูผับ ราวกับว่า อยากให้ธรรม์บดีปรากฏตัวตอนนี้ เพราะเบื่อการรอเต็มทน “แน่ใจสิว่ามา เพื่อนฉันมาที่นี่บ่อย แล้วมันก็รู้ว่าฉันเล็งคุณโฟร์คอยู่ มันไปติดสินบนพนักงานผับ ถ้าคุณโฟร์คหรือเพื่อนในกลุ่มโทรมาจองโต๊ะ ให้รีบบอกมัน แล้วพนักงานคนรับจองโต๊ะก็โทรมาบอกว่า คุณโฟร์คโทรมาจองโต๊ะที่เดิม ฉะนั้นวันนี้เขามาแน่ๆ” ชุตินันท์วางแผนมาเรียบร้อย ไม่มีทางพลาด “คุณโฟร์คเป็นคนจองโต๊ะ ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่อิฐจะมาด้วยนี่ คุณโฟร์คอาจมากับคนอื่นก็ได้” คีรยาคิดอีกทาง เริ่มไม่แน่ใจว่า คนที่ตนเฝ้ารอจะมาหรือไม่ “มาสิ เพราะผับนี้คุณโฟร์คกับแก็งมาประจำ หนึ่งในนั้นคือคุณอิฐ” ชุตินันท์มั่นใจ “คุณอิฐมา
12เจ็บใจ แค้น รู้สึกราวกับว่าถูกต้มจนเปื่อย ธรรม์บดีต้องการได้ของดีมีคุณภาพ ที่ตนหมายตาไว้ แต่กลับได้ของเหลือเดน ของด้อยคุณภาพที่ไม่มีใครอยากได้ เขาดันได้มา...ไม่เจ็บใจคงไม่ได้ คีรยาลอบยิ้มสมใจ เมื่อเห็นใบหน้าธรรม์บดี รวมถึงแววตาดุดัน บอกให้รู้ว่า แผนโยนความเกลียดชังกุลธิรัตน์เข้าสู่จิตใจธรรม์บดีได้สำเร็จ แผนขั้นต่อไป เสนอตัวเป็นแม่พันธ์แทนพี่สาวก็คงไม่ยาก “ลูกแก้วพร้อมเป็นมะ...”เสียงคีรยาค้างเติ่ง เมื่อดิสพงษ์เดินมานั่งบนโซฟา คนมาใหม่มองหน้าสาวข้างกายเพื่อน ที่หน้าคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่า เคยเจอที่ไหน “ลูกแก้ว น้องสาวลูกหมี” ธรรม์บดีบอกดิสพงษ์ “สวัสดีค่ะพี่โฟร์ค” คีรยาทักทาย แต่ไม่ไหว้ เขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร “สวัสดีครับ”ดิสพงษ์ทักกลับ ยังไม่ทันเอ่ยคำใด นรภัทรเดินมาสมทบอีกคน “เพื่อนพี่อิฐมากันแล้ว ลูกแก้วขอตัวนะคะ ไว้พรุ่งนี้ลูกแก้วโทรหานะคะ เราจะได้คุยกันต่อ” “ครับ” ธรรม์บดีตอบสั้นๆ คีรยายิ้มให้สามหนุ่ม จากนั้นลุกเดินกลับไปที่นั่งของตน “ใครวะ” นรภัทรถาม “น้องสาวลูกหมี ชื่อลูกแก้ว” ดิส
13คืนนี้เป็นคืนแรกที่กุลธิรัตน์ไม่นอนร้องไห้ หล่อนนอนยิ้มอย่างมีความสุข แต่ดูเหมือนพระเจ้าไม่เมตตาหล่อนสักเท่าไหร่ เมื่อประตูห้องนอนเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของธรรม์บดีก้าวเข้ามาในห้อง นัยน์ตาสีนิลมองคนนอนหลับบนเตียงเขม็ง แววตาดุกร้าว กลิ่นสุราคลุ้งไปทั่วตัว เขาเดินร่างนวลลออที่เพิ่งเคลิ้มหลับไปเดี๋ยวเดียวความที่ธรรม์บดีทิ้งตัวลงนอนด้านข้างแรงมาก คล้ายตั้งใจปลุกให้กุลธิรัตน์ตื่น เป็นไปตามเขาตั้งใจ หล่อนขยับตัวหันมองคนตัวโต“ว้าย!” เพียงเสี้ยววินาที กุลธิรัตน์ไม่ทันตั้งตัว ความตกใจแน่นอก เมื่อเขากดหัวไหล่ตนไว้ นำร่างกายสูงใหญ่คร่อมร่างตน “คุณอิฐ คุณจะทำอะไรคะ”ปกติต่างคนต่างนอน ธรรม์บดีไม่เคยแตะต้องร่างกายกุลธิรัตน์เลยสักครั้ง พอเขากลับมาบ้านก็จะอาบน้ำ เข้านอนด้วยการหันหลังให้ตน กอดหมอนข้างใบโปรดของเขา หรือไม่ก็นอนท่าหงาย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ธรรม์บดีสัมผัสตัวกุลธิรัตน์ และเหมือนหล่อนรู้ถึงความไม่ปลอดภัย“ฉันอยากรู้นักว่า เธอมีอะไรดี ผู้ชายถึงหลงใหลเธอนัก ทั้งที่ตัวเธอเน่าเฟะ ผ่านผู้ชายมาหลายคน แต่ก็ยังมีคนอยากเอา” น้ำเสียงแน่นไม่ด้วยแรงโทสะ ไม่พอใจเต็มเปี่ยม โดยเจ้าตัวไม่รู้เหตุผลว่า ทำ
บทที่ 86 “น้าคงจำผมได้ใช่ไหมครับ เจ้าของเงินห้าแสนที่ให้น้าแก้กรรมให้เมียผมเมื่อสิบวันก่อน” ธรรม์บดีถามหลังจากทรุดตัวนั่งบนโซฟา “ค่ะ จำได้ค่ะ” เสียงตอบค่อนข้างสั่น หัวใจเต้นแรง “ไหนล่ะครับ หลักฐานว่าน้าแก้กรรมให้แล้ว ตั้งแต่จ่ายเงินไป ผมไม่ได้รับการติดต่อจากน้าเลย” ธรรม์บดีทวง สมใจแม้ว่าใจหวาดหวั่น แต่นางตั้งสติได้ เปิดคลิปที่บันทึกไว้ให้ธรรม์บดีดู “นี่ไงคะ น้าว่าจะส่งให้ดูก็ลืมทุกที” สมใจทำสีหน้าปกติ “คลิปนี้หรือครับ ที่น้าทำพิธีให้เมียผม” ธรรม์บดีถามย้ำ “แน่ใจนะครับว่าเป็นพิธีแก้กรรมให้เมียผม” “ใช่ค่ะ คลิปนี้แหละค่ะ” สมใจตอบไม่ติดขัด ครั้งนี้สมใจใจไม่สู้ดีนัก นางต้มตุ๋นคนมาเยอะ ไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง แม้บางหนจะคล้ายถูกจับผิดได้ แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้ ทว่าเวลานี้ นางใจเต้นระส่ำมาก กลัว กังวลอย่างบอกไม่ถูก “เอ...ผมว่าคลิปนี้ผมเคยเห็นนะครับ” ธรรม์บดีพูด ขณะหยิบมือถือตนขึ้นมาเปิดคลิป ก่อนหันหน้าจอมมือถือให้สมใจดู “นี่ไงครับ พิธีกรรมเหมือนกันเลย เป็นแบบนี้แล้ว คลิปที่น้าให้ผมดู จะใช้พิธีกรรมที่น้าทำให้เมียผมจริงหรื
บทที่ 85 “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” เขาเร่งเร้าอารมณ์กุลธิรัตน์เก่งมาก จุดเชื่อมต่อขยับเข้าออกเนิบช้า บางจังหวะมีเผลอกระแทกแรงๆ แต่เพียงไม่กี่ครั้ง มือใหญ่ทำงานอยู่สองจุดคือ หนึ่งนวดเฟ้นทรวงอกสล้างทั้งสองข้าง หมนุยอดถันบ้างบางเวลา จุดที่สองคือ เนินสวาทเต็มมือ เขาวางนิ้วลงบนเม็ดกระสัน สะกิดบ้าง บดบี้บ้าง ทำงานควบคู่กับเอวใหญ่กระชั้นกายแกร่งเข้าสู่คูหาสวรรค์ “พี่อิฐ พี่อิฐ”“ลูกหมี...ที่รัก...อา” ความสุขสมของกุลธิรัตน์ โอบรัดลำทวนใหญ่จนเขาเสียวไปทั่วตัว เร่งจังหวะมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้ตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “ที่รัก...ที่รักของพี่”ธรรม์บดีหยุดแช่นิ่งตัวตนในจังหวะสุดท้าย กอดร่างอวบอิ่มไว้แน่น จูบหัวไหล่หล่อนเบาๆ หลังจากดึงกายชายออกจากตัว เขาอุ้มร่างคนท้องเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำให้หล่อนสดชื่น เวลานอนจะได้หลับสบาย แล้วเสร็จก็พาภรรยามานอนที่เตียง“พี่รักลูกหมีนะครับ” เช่นทุกคืนก่อนนอน ที่เขาเอ่ยคำนี้ ก้มหน้าจูบหน้าผากกุลธิรัตน์“ลูกหมีรักพี่อิฐค่ะ” ผลัดกันบอกรัก เติมความหวานให้กันและกัน ธรรม์บดียิ้ม เอนตัวนอนข้างหล่อน โอบกอดภรรยาที่รักสุดหัวใจ และไม่มีวันให้ใครทำร้ายหล่อนได้แม้แต่ปลายก้อย หาก
บทที่ 84 “วันนี้ลูกหมีคงตกใจน่าดู พี่จูบปลอบขวัญละกันนะครับ”ธรรม์บดีรั้งร่างอวบเข้ามากอด เขาบรรจงแนบปากลงบนกลีบปากนุ่มละมุน ตรึงใจเขาเรื่อยมาแม้ว่าผ่านมาหลายปี กุลธิรัตน์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ธรรม์บดีปรารถนา และวางหัวใจให้ จุมพิตครั้งนี้ไม่ต่างกับครั้งก่อน ยังคงอ่อนหวาน อ่อนโยนและเรียกร้องไปในที เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของบทเพลงรัก ที่เขากำลังป้อนให้ภรรยา อายุครรภ์หกเดือนไม่ใช่ปัญหา ธรรม์บดีรู้ดีว่า ตนต้องทำอย่างไร ให้เขาและภรรยามีความสุข ในขณะเดียวกันก็ทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ หลังจากจุมพิตปากหวานสะท้านใจจนพอใจ เขาละห่างเพื่อจัดการชุดนอนของกุลธิรัตน์ให้พ้นตัว เมื่อหล่อนอยู่ในสภาพไร้ซึ่งอาภรณ์ เขาวางมือลงบนท้องนูน ลูบแผ่วเบา คล้ายทักทายคนสำคัญในนั้น ร่างอวบอิ่มถูกดันให้นอนราบบนที่นอน ธรรม์บดีเอนตัวเกยก่าย มือใหญ่วางลงบนดอกบัวสล้าง ที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย บีบเบาๆ เคล้นหนักมือพอประมาณ “พี่รักลูกหมีที่สุดในโลก” ธรรม์บดีเอ่ยคำหวาน จุมพิตปากสาวอีกรอบ ไม่นานนักเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแก้มนวล แวะเวียนหอมหลายฟอด ปลุกความซ่านสยิวให้สาวเจ้าตรง
บทที่ 83 “น้าดูดวงให้ใครมาเยอะค่ะ แล้วทุกคนก็เชื่อตามที่น้าแนะนำ แต่ก็มีบ้างค่ะที่ไม่เชื่อ คนเชื่อและทำตามก็ดีไป แก้กรรมได้ทัน บางคนไม่เชื่อ ไม่ทำตามที่น้าบอก เลยเกิดเรื่องไม่ดี อย่างคนนึงค่ะ น้าบอกว่าหลานที่เกิดมาถ้าเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าเป็นหญิงไม่ดี เธอกลับไม่เชื่อน้าค่ะ สุดท้ายก็ได้หลานผู้หญิง ครอบครัวเลยวิบัติ ถ้าเชื่อน่าแล้วทำตามล่ะก็ คงไม่เป็นแบบนี้” สมใจพูดโอ้อวดกุลธิรัตน์หน้าเสียขึ้นมาทันใด มีความตกใจเข้าแทรก เพราะเรื่องราวคล้ายกับลัดดา ที่เชื่อหมอดูมากเหลือเกิน หล่อนจับมือสามีไว้แน่น ซึ่งธรรม์บดีรับรู้ได้ว่า ภรรยารู้สึกเช่นไร เดือนดาว มณี กรกนกทำหน้าเหมือนมีอะไรติดในใจ กับเรื่องราวคุ้นๆ “แล้วโหงวเฮ้งเมียผมเป็นยังไงครับ มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ” ธรรม์บดีถามราวกับว่าสนใจ เขาอยากรู้ว่า สมใจจะมาไม้ไหน “แล้วพอจะบอกผมได้ไหมครับว่า ชื่อของคนที่คุณบอกว่า ไม่เชื่อคำพูดคุณ แล้วครอบครัววิบัติ คือใคร” “ได้สิคะ ยกตัวอย่างคนนี้ค่ะ ชื่อลัดดา น้าบอกเธอว่า ถ้าหลานเกิดมาเป็นผู้หญิงจะไม่ดี แต่เธอไม่เชื่อค่ะ ให้หลานสาวเกิดมาจนได้ ก็เลยเกิดเรื่องไม่ดี” สมใจได้รับเ
บทที่ 82 วันหยุดยาวหลายวัน สองครอบครัวมีทริปเที่ยวทะเล ตามที่ธวัฒน์ชลอยากมา สถานที่ที่ทั้งหมดเลือกคือ ทะเลแถวจังหวัดตรัง บ้านพักริมทะเลของญาติกรกนกคือบ้านพักของพวกเขา ครั้งนี้มากันครบองค์ประชุม นอกจากเหตุผลตามใจธวัฒน์ชล อีกเหตุผลหนึ่งคือ ธรรม์บดีมาติดต่อซื้อบ้านพักที่อยู่ห่างไปสี่ร้อยเมตร เจ้าของประสบปัญหาทางการเงิน จึงขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เมื่อฐากูรรู้เรื่องจึงนำมาบอกธรรม์บดี เขาสนใจเพราะคิดว่า ต่อยอดได้ ผ่านมาสี่ปีความพยายามฐากูรในการผลิตทายาทไม่เป็นผล ทั้งวิธีธรรมชาติและพึ่งวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทั้งสองจึงไม่รีบเร่ง คิดในแง่บวกคือ หากมีบุญวาสนาต่อกัน ทายาททั้งคู่คงมาเอง การไม่รีบร้อน ปล่อยไปตามบุญพาวาสนา ทั้งคู่ตกลงกันว่า สุดท้ายไม่มีลูกจริง ก็จะเลี้ยงหลานที่เกิดจากกุลธิรัตน์กับเก็จมณี เพราะถือว่า เป็นคนในครอบครัวทั้งสองเช่นกัน เอ่ยถึงเก็จมณี ความรักครั้งแรกของหล่อนพังทลาย เมื่อเขาคนนั้นคือน้องชายตนเอง เก็จมณีจึงกลบความรักของตนไว้ก้นบึงหัวใจ ไม่เปิดใจรับใครทั้งสิ้น แม้คนที่มาจีบ บางคนโปรไฟล์เลิศ หล่อ รวย ดูดีมีชาติตระกูล หล่อนขอรับชายเ
บทที่ 81บ้านหิรัญภักดีหลังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือ สมาชิกในบ้าน และความสุขที่มากขึ้นทุกวัน คนที่สร้างความสุขใจให้ทุกคน เป็นใครไม่ได้นอกจากเด็กชายธวัฒน์ชลหรือน้องชอปเปอร์ วัยสี่ขวบ จุดศูนย์รวมแห่งความรัก สร้างความบันเทิงให้ทุกคนไม่น้อย ไม่เพียงแค่ครอบครัวหิรัญภักดีที่ได้รับความสุข ครอบครัวอนันตเสรีได้รับความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะกรกนก นางมีความสุขนอกจากมีหลานชายไว้อุ้มชู เก็จมณีลูกสาวนอกสายเลือดที่นางรักไม่ต่างกับลูก เป็นคนดีขึ้นมากแบบหนึ่งล้านเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ไม่คิดทำอะไร เวลานี้เป็นเจ้าของร้านสเต็กที่ได้รับความนิยมในเวลาเพียงแค่หกเดือน ชื่อร้านของเก็จมณี ไม่ได้เลิศหรู เป็นภาษาต่างประเทศที่หลายร้านมักใช้ หล่อนใช้ชื่อ ร้านสเต็กกรกนก เพราะคิดว่า มารดาคือสิ่งมงคลที่สุดสำหรับชีวิต เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และเป็นแม่ที่ให้โอกาสลูกเสมอ โดยเฉพาะกับหล่อน ลูกที่นางไม่ควรได้รับโอกาสจากใคร นิสัยเก็จมณีเปลี่ยนไปเช่นกัน จากใช้ของฟุ่มเฟือย เก่งแต่ซื้อ แต่ไม่ค่อยใช้ เข้ากับคำพูดที่ว่า ของมันต้องมี โดยไม่สนใจเรื่องราคา เวลานี้เก็จมณีไม่ใช่นักช็อป หล่อนใช้ของที่มีอยู่สลับกันไป
บทที่ 80ข่าวคราวเรื่องอนงค์กับลัดดา ไม่ได้มีอิทธิพลต่อครอบครับกรกนกและกุลธิรัตน์ สองแม่ลูกคิดว่า มันคือข่าวสารปกติ ไม่ได้ยินดียินร้าย ให้ความสงสารหรือต้องไปเยี่ยมดูอาการ ลัดดายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่อย่างทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ อภิรักษ์กับคีรยาไม่สนใจนาง รวมถึงลูกคนอื่นต่างหันหน้าหนี มีหรือญาติพี่น้องจะใส่ใจ เมินเฉยกันทุกคน สร้างความบอบช้ำทางใจให้นางไม่น้อย ร้องไห้แทบทุกวัน คนที่ดูแลลัดดาคือ ลูกจ้างที่อภิรักษ์จ้างมาแต่ก็ดูแลลัดดาไม่ดีเท่าที่ควร ปล่อยปะละเลย ให้นอนจมกองของขับถ่าย เป็นนานกว่าจะมาเปลี่ยนให้ แถมยังหยิกแขน ตีขาลัดดาบ่อยๆ จนเกิดรอยไปทั่ว อภิรักษ์เห็นก็ไม่ดุด่าว่ากล่าวลูกจ้าง ทำเป็นมองไม่เห็น หัวใจลัดดายิ่งร้าวรานมากขึ้นหลายเท่า อาการอัมพฤกษ์ขยับตัวไปไหนไม่ได้ ทำให้ลัดดามีเวลาคิดทบทวน เรื่องในอดีต ความเชื่อมั่นในคำทำนายของหมอดู คือชนวนแรก หากวันนั้นนางมีสตินึกคิด ไม่หลงเชื่อแบบปักใจ ให้ทุกสิ่งอย่างเป็นไปตามกำหนด หาใช่เพราะตัวนางชี้นำ เรื่องร้ายในครอบครัวคงไม่เกิดขึ้นใครกันแน่ที่เป็นตัวซวย เป็นตัวกาลกินีนำพาความวิบัติมาให้ ตอนนี้ลัดดารู้แล้วว่า คือใ
บทที่ 79 หกเดือนต่อมา ที่นอนหลังที่ใช้มานานเกือบห้าปี กำลังถูกทดสอบว่า ยังคงทำงานได้ดีหรือไม่ หรือว่าต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพดีกว่า การทดสอบของเขาและหล่อนคือ พลอดรัก ริมฝีปากสองหนุ่มสาวแนบชิด ต่างฝ่ายต่างมอบจูบเร่าร้อน คุกรุ่นด้วยไอเสน่หาเคลือบผิวกาย มือใหญ่กอบกุมอกอวบ เคล้นไม่แรงมาก ก่อนละห่างเรียวปากนุ่มละมุน มายังอวัยวะที่มือสัมผัส มอบความกระสันซ่านให้สาวสวยด้วยปากและลิ้น ประโลมเลียแผ่วเบา ทว่าเผ็ดร้อน ลิ้นตวัดบนเม็ดบัวเบาๆ ไรฟันขบกัดอย่างหยอกล้อ “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” กุลธิรัตน์ครางจากความเสียวเล่นงาน ท้องไส้หล่อนปั่นป่วน เพลิงสวาทเริ่มสุมในร่างกายมากขึ้นทุกขณะ เขาเติมเชื้อไฟต่อเนื่อง มือเคลื่อนต่ำไปยังดอกไม้งาม จุดที่ทำให้ร่างสาวร้อนดังไฟนาบ วูบวาบจนหล่อนต้องปล่อยเสียรัญจวน ระบายความร้อนสุมทรวง “อา...พี่อิฐ...พี่อิฐ”นิ้วมือบดบี้เม็ดละมุดหนักมือ เนื้อตัวกุลธิรัตน์สั่นตามแรงกดเน้น ที่เพิ่มความแรง ก่อนเปลี่ยนเป็นระรัวนิ้ว หญิงสาวรู้สึกว่า กำลังถูกพายุปรารถนาเล่นงาน ก่อนพายุนั้นลูกจมดิ่งแทรกซ้อนลงไปในดอกผกา ปลุกเร้าทุกความสยิวซ่านในกายโหมกระพือ
บทที่ 78 ลัดดาร้องไห้กับสภาพตัวเอง คนที่เคยเดินได้ ไปไหนมาไหนตามใจ ต้องมานั่งนอนติดเตียง มีหรือจะไม่ทรมานใจ ราวกับว่าหัวใจถูกราดด้วยน้ำกรด แสบร้อน ย่อยยับ มาโบกทับด้วยความใจร้ายใจดำของลูกชายกับคีรยาที่ทำกับตนเช่นนี้ ไม่เห็นว่านางเป็นคนในครอบครัว ทิ้งขว้างไม่สนใจใยดี เสมือนฉีกหัวใจนางออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ ร้องให้กับความเสียใจ เจ็บปวดทุกข์ทรมาน ห้องที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องลัดดา คือห้องของอนงค์ หลังจากงานศพชนินทร์ที่จัดอย่างเรียบง่าย มีแขกมาไม่มากนัก ด้วยสภาพร่างกายลัดดา อภิรักษ์ไม่ให้ไปร่วมงานด้วย อนงค์กลายเป็นคนละคน หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง บางครั้งนั่งเหม่อลอย กอดรูปภาพชนินทร์ พร่ำรำพันคำขอโทษ หอมรูปภาพในมือ แล้วร้องไห้ “อีนิ่ม เอาลูกกูคืนมานะ แล้วเอาลูกมึงไป เอาลูกกูคืนมา เมญ่าลูกแม่ ลูกแม่...ฮือ”จิตใจอนงค์ถวิลหาเก็จมณีไม่น้อย นางเอ่ยปากไม่หยุด โวยวายหาว่ากรกนกชิงเก็จมณีไป ด่าทอไม่ขาดปาก สลับกับร้องไห้ สภาพน่าสงสาร ทว่ากลับไม่มีใครเห็นใจสักคน ตกบ่าย ขณะลัดดากับอนงค์ไร้คนสนใจ รถบีเอ็มดับบลิวแล่นมาจอดหน้าป