บทที่ 30 เก็จมณีมาถึงโรงแรมในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกายี่สิบนาที เมื่อมาถึงก็ไปหาแองจี้ที่อยู่ห้องแต่งตัว ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในห้องนั้น ทุกสายตามองมาที่หล่อนเป็นตาเดียว “มองอะไรหนักหนา แค่มาสายนิดๆ หน่อยๆ” แทนที่จะขอโทษแองจี้กับการมาล่าช้า เก็จมณีกลับเหวี่ยงใส่เยี่ยงคนอารมณ์ไม่ดี “มันก็ไม่นิดหน่อยนะคะเมญ่า สายเกือบชั่วโมงครึ่ง อย่าลืมนะคะว่า เราต้องเตรียมตัวก่อนงานเริ่ม มาช้าอย่างนี้...” แองจี้ยังพูดไม่ทันจบ เสียงแวดของเก็จมณีดังแทรก ท่ามกลางความตกใจของคนในห้อง ที่ไม่คิดว่า ลูกผู้ดีมีเงินจะใช้วาจาและกิริยาเช่นนี้ “โอ๊ย...เลิกพูดมากได้ไหมอีกระเทย ฉันก็มาแล้วไง จะพูดมากทำไมเนี่ย รำคาญจริงๆ เลย เดี๋ยวไม่ดงไม่เดินมันเลย” เก็จมณีเหยียดสายตามองแองจี้ “เป็นแค่ขี้ข้าไม่ได้เป็นเจ้าของงาน ไม่ต้องมาบงการฉันมากนักหรอก สำเหนียกตัวเองบ้างนะว่า แกกับฉันมันคนละระดับ ลดตัวให้แกชี้นิ้วสั่งสอนให้เดินแบบก็พอแล้ว ไม่ต้องมาบงการชีวิตฉัน อีกระจอก”แองจี้ถึงกับอ้าปากค้าง ความโกรธแล่นริ้วในใจ แองจี้ทำงานด้านนี้มานานกว่าสิบปี เพื่อนร่วมงานมีหลากหลายรูปแบบจริง แต่ไม่มีสักครั้งที
บทที่ 31“พี่ก็เชื่อนะว่า ลูกหมีทำได้” ฐากูรให้กำลังใจอีกคน“ลูกหมีไม่ต้องกังวลนะ พี่จะสอนลูกหมีเอง เรื่องการออกงาน เรื่องการกินอาหาร คนหัวไวอย่างลูกหมี ทำได้อยู่แล้วจ้ะ” ชนิตพรช่วยเรื่องนี้เต็มที่ กุลธิรัตน์ยิ้มให้ทั้งสาม หล่อนอบอุ่นใจมากที่ได้รับกำลังใจจากกรกนกและครอบครัว อดนึกถึงครอบครัวตัวเองไม่ได้ ช่างตรงกันข้ามเหลือเกิน เมื่อวานนี้ชนิตพรสอนกุลธิรัตน์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานกาลาดินเนอร์สุดหรู ซึ่งกุลธิรัตน์ตั้งใจฟัง เรียนรู้จากอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารจริง ทำให้หล่อนใช้มีด ส้อมและช้อนได้อย่างถูกต้อง ชนิตพรยังบอกอีกว่า ถ้าคิดว่าตัวเองกลัวทำผิดพลาด ให้มองดูกรกนก ฐากูรและตนยามทานอาหาร แล้วทำตามแค่นั้น รถยนต์เอนกประสงค์เจ็ดที่นั่งสุดหรู แล่นมาจอดในลานจอดรถของโรงแรม คนที่โดยสารมามีอยู่ด้วยกันห้าคนคือ กรกนก ฐากูร ชนิตพร กุลธิรัตน์และสมหมาย คนขับรถ จะมีเพียงคนเดียวในรถที่ไม่อยากลงจากรถ แม้ว่าถูกเทรนด์เรื่องงานนี้มาแล้วก็ตาม “ไม่ต้องกลัวนะลูก ป้าอยู่ข้างๆ ลูกหมีเสมอ” ไม่เพียงแค่คำพูดให้กำลังใจ กรกนกวางมือลงบนมือคนตื่นเต้น บีบเบาๆ “ค่ะคุณป้า” กุลธิร
บทที่ 32 “หูไม่หนวก แต่ไม่อยากทำตามมีอะไรไหม” เก็จมณีโต้กลับ “ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่ญาติโกโหติกา อย่ามาสั่ง ฉันไม่ชอบ” ลัดดาถึงกับตกใจ อ้าปากค้าง ในใจร้องฮึ่มด้วยความไม่พอใจ หน้าสวยแต่นิสัยทรามเหลือเกิน นางยังไม่ทันพูดตอบโต้ ประตูห้องน้ำเปิดออก สตรีวัยกลางคนที่เพิ่งทำธุระเสร็จเดินออกมา เก็จมณีจึงรีบเดินเข้าไปในห้องนั้น “คุณลัดดา มางานไหนคะเนี่ย” บงกชคือสตรีวัยกลางคนคนนั้นพนมมือไหว้ลัดดา ก่อนทัก ลัดดารีบปรับเปลี่ยนสีหน้าทันที “มางานคุณหญิงศรีนวลค่ะ” ลัดดาตอบเสียงปกติ ออกจีบปากจีบคอเล็กน้อย “แล้วคุณน้องล่ะคะ” “มางานเดียวกันเลยค่ะ ไม่ยักรู้ว่า คุณลัดดามางานนี้ด้วย เคยได้ยินว่า คุณลัดดาไม่ชอบงานกาลาดินเนอร์” คนพูดรู้นิสัย เพราะเจอกันในงานบ่อยครั้ง “ก็งานนี้น่าสนใจนี่คะ เครื่องเพชรของคุณหญิงศรี นงค์บอกว่าน้ำงามมาก แต่ละชิ้นเป็นของเก่าทั้งนั้นค่ะ พี่เลยอยากเห็นกับตา เผื่อถูกใจชุดไหนจะได้ร่วมประมูลค่ะ” ลัดดาพูดราวกับว่ามีเงินถุงเงินถัง แท้จริงแล้ว ข้างในกลวงมาก “ระดับคุณลัดดา ประมูลสักสองสามชิ้นก็ไม่ระคายผิวค่ะ” บงกชยังไม่รู้ว่า
บทที่ 33 เสียงเขายังไม่ทันพูดจบ เสียงเรียกชื่อเล่นเก็จมณีดังมาทางด้านหลัง สองหนุ่มสาวหันไปมองพร้อมกัน “เมญ่า” คนเรียกคือ กรกนก นางเดินมาหาบุตรสาวพร้อมกุลธิรัตน์ ความรู้สึกธรรม์บดีกับเก็จมณีช่างต่างกันเหลือเกิน เมื่อเห็นกุลธิรัตน์ในชุดราตรีสีหวานยาวเลยเข่ามาครึ่งหนึ่ง แบบเกาะอกเปิดไหล่ทางด้านขวา ปกติกุลธิรัตน์ไม่แต่งหน้า ทว่าวันนี้ดวงหน้าหวานมีเครื่องสำอางบางเบาแต่งแต้ม เส้นผมยาวกลางหลังถูกปล่อยสยายเข้ากับชุด เมื่อรวมทั้งชุด สีผิวขาวลออและความงดงามบนใบหน้า ส่งให้ค่ำคืนนี้กุลธิรัตน์เสมือนเจ้าหญิงหลุดออกมาจากเทพนิยาย สายตาเก็จมณีล้นไปด้วยความไม่พอใจ ความริษยาพวยพุ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความกลัวบางอย่างวิ่งเข้ามาในจิตใจโดยไร้เหตุผล หล่อนคาดเดาได้ไม่ยากว่า ลุคใหม่ของกุลธิรัตน์มาจากฝีมือใคร แต่ที่ไม่เข้าใจคือ มารดาพาเลขาคนใหม่ออกงานทำไม แม้แต่อุ้มยังไม่เคยได้ออกงานใหญ่กับกรกนกเลย ส่วนธรรม์บดี เขาตกในอาการอึ้ง มองภรรยาสาวตาไม่กระพริบ หัวใจสั่นกับความสวยงามอันตรึงใจเขามาก ธรรม์บดีพบเจอสตรีมีความสวยกว่ากุลธิรัตน์มานักต่อนัก กลับไม่มีใครสักคนสะ
บทที่ 34 นางต้องขัดขวาง ไม่ให้กุลธิรัตน์ทำงานกับกรกนก ไม่ได้เด็ดขาด ต้องดึงตัวกุลธิรัตน์ให้ห่างกรกนกมากที่สุดด้วย จิตใจอนงค์ตอนนี้ร้อนรนมาก ราวกับกำลังไฟเคลือบอยู่ ความกลัว ความกังวลเรื่องหนึ่งฉาบแน่นความรู้สึก รีบเดินตามหาบุตรสาวแสนชัง นางไปยังโต๊ะวีไอพี แต่ไม่เจอคนที่ต้องการพบ เจอเพียงฐากูรจึงถามถึงกรกนก เมื่อรู้ว่าไปที่ใด อนงค์รีบเดินไปยังที่นั่นทันทีด้วยความที่มีเรื่องปิดบังอยู่ในใจ อนงค์จึงไม่ทันคิดว่าการที่นางทำแบบนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น... อนงค์ภาวนามาตลอดทางว่า ไปถึงห้องน้ำ ขอให้เจอกุลธิรัตน์อยู่ตามลำพัง หรือไม่ก็กรกนกเข้าห้องน้ำอยู่ นางจะได้ทำตามความตั้งใจได้สะดวก แล้วเรื่องที่นางขอไว้ในใจเป็นผล เมื่อกุลธิรัตน์เดินออกจากห้องน้ำหลังทำธุระเสร็จ “ลูกหมี” กุลธิรัตน์หันมองต้นเสียง “คุณแม่” หล่อนเรียกชื่ออนงค์ ที่ปรี่เดินมาฉุดข้อมือ“มานี่”อนงค์ลากลูกสาวคนโตออกจากห้องน้ำ กุลธิรัตน์แม้ไม่อยากไป แต่ก็ขัดขืนไม่ได้ เดินตามแรงลากจูงของมารดาธรรม์บดีที่หันหลังไปคุยมือถือกับลูกค้าชาวต่างประเทศที่โทรเข้ามา หมุนตัวกลับมาทางห้องน้ำ เข
บทที่ 35 “ไม่สมเหตุสมผล” ธรรม์บดีตอบกลับทันที “ผมว่าไม่มีอะไรน่าเสียหายนะครับ เป็นการดีเสียอีกที่ลูกหมีได้ทำงานกับคุณน้านิ่ม ที่มีหน้ามีตาทางสังคม ถ้าลูกหมีทำงานดี ได้รับการยกย่องจากคุณน้านิ่ม และถูกชมต่อหน้าคนอื่น คุณก็ได้หน้าได้ตาไปด้วย ซึ่งผมมั่นใจเกินร้อยว่า ลูกหมีทำงานได้ดีแน่นอน ไม่มีทางทำให้คุณขายหน้า ครอบครัวผมที่ผมมั่นใจว่า มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย ยังไม่อายเลย คุณไม่ได้อยู่กับลูกหมี จะอายทำไม”ธรรม์บดีไม่เห็นการที่กุลธิรัตน์ทำงานกับกรกนกจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นเหตุผลที่อนงค์ยกมาเขาจึงคิดว่ามันไร้สาระ น่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่นมากกว่า แล้วเขาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม และไม่ให้ใครมาทำร้ายกุลธิรัตน์เด็ดขาดกุลธิรัตน์เงยหน้ามองคนพูด หล่อนไม่ได้รู้สึกไปเองว่า ธรรม์บดีพูดเข้าข้างตน อีกทั้งลำแขนเขาไม่ละไปจากบ่าหล่อนเลย ยังคงโอบกอดไม่ปล่อย ปกป้องหล่อนเต็มที่ ความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องจากใครสักคนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง หล่อนรู้สึกอุ่นใจมาก“อย่ามาทำร้ายลูกหมีอีก ถึงแม้จะเป็นแม่ก็เถอะ ผมไม่ยอมแน่”“คุณก็เป็นแค่ผัว ผัวที่ไม่ต้องการมันตั้งแต่แรก คุณกับครอบครัวคุณเกลียดมันไม่ใช่เหรอ
บทที่ 36ยังไม่มีใครตอบคำถามนี้ กรกนกมาถึงห้องแต่งตัว นางกวาดตามองหาบุตรสาวจอมเอาแต่ใจ แต่ก็หาไม่เจอ นางหยิบมือถือโทรหาเก็จมณีทันที แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย“ทำไมทำตัวแบบนี้นะ” กรกนกเสียใจกับการกระทำของบุตรสาว เรื่องเก็จมณีท้องเสีย นางรู้เรื่องสักพักหนึ่งแล้ว ยังโทรบอกให้เก็จมณีกินยาตามที่แองจี้บอก แต่ลูกสาวไม่ทำตาม ยังแสดงกิริยาไม่ดีใส่แองจี้และเพื่อนร่วมงานอีก“หนูเมญ่ากลับแล้วเหรอแองจี้” อนงค์ถามแองจี้“ใช่ค่ะ กลับไปเมื่อกี้ แองจี้ตามไปพูดก็ไม่ฟังค่ะ” แองจี้ตอบ“แล้วอาการเมญ่าเป็นไงบ้างล่ะ ดีขึ้นไหม” อนงค์ถามต่อ ด้วยความเป็นห่วง“ก็คงปวดท้องแหละค่ะ เห็นบอกอย่างนั้น” แองจี้ตอบ ปวดหัวกับนางแบบกิตติมศักดิ์คนนี้มาก “เมญ่าอยากกลับบ้านไปพักค่ะ คงเดินไม่ไหว แองจี้เข้าใจนะคะ ถ่ายท้องหลายครั้งก็ต้องเพลีย แต่ถ้ากินยา กินเกลือแร่แก้ท้องเสียตั้งแต่แรกก็คงหายแล้ว”“ฉันขอโทษแทนเมญ่าด้วยนะ ขอโทษคุณศรีด้วยนะ ที่เมญ่าทำตัวไม่ดี”กรกนกก้มหัวกล่าวขอโทษจากใจ นางจนปัญญากับลูกคนนี้จริงๆ“จะว่าไปเมญ่าไม่ผิดเสียทีเดียวค่ะ เรื่องท้องเสียมันเกิดขึ้นได้แบบปัจจุบันทันด่วน ที่กลับบ้านก็คงเพราะเดินไม่ไหวจริงๆ” อนงค์
บทที่ 37 ‘กลัวว่า ทางบ้านพี่อิฐจะรู้นิสัยส่ำส่อนของพี่ลูกหมีค่ะ รายนั้นน่ะ คบผู้ชายไปทั่ว นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า’ตอนนั้นธรรม์บดีเชื่อสนิทใจ จนกระทั่งพิสูจน์ด้วยตัวเองจึงรู้ว่า กุลธิรัตน์บริสุทธิ์ผุดผ่อง คีรยามีเหตุใดถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีกุลธิรัตน์ ทั้งที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมานั่นสิ...ทำไมความอยากรู้ที่มีมาก ธรรม์บดีไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ และมีหลายประเด็นให้ชวนสงสัย และเป็นความคลางแคลงใจที่ปรารถนาได้รับความกระจ่าง เสียงปรบมือดังก้องห้องจัดเลี้ยง หลังจากนางแบบในชุดสำคัญของงานเดินแบบเสร็จสิ้น กุลธิรัตน์ยิ้มโพสต์ท่าตามแองจี้สอน สายตามองไปยังผู้คนที่มองตนด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะธรรม์บดี เขายืนอยู่ข้างเวที ชูนิ้วโป้งทั้งสองมือ ส่งกำลังใจให้ภรรยามีเพียงสองคนที่สีหน้าต่างกับทุกคน บึ้งตึง ไม่พอใจกับการเป็นดาวเด่นของงาน คนแรกคือลัดดา นางมองหลานแสนเกลียดชัง ไม่คิดว่ากุลธิรัตน์จะได้เชิดหน้าอยู่บนเวที เป็นดาวเด่นประจำงาน ผู้คนต่างพากับชมเรื่องความสวยงาม เรื่องที่นางไม่เคยมองเห็น นึกอยากกระชากลงมาจากเวทีด้วยซ้ำไปอีกคนคืออนงค์ สายตายามมองกุลธิรัตน์ ไม่มีความรักสักนิดเดียว เจ
บทที่ 86 “น้าคงจำผมได้ใช่ไหมครับ เจ้าของเงินห้าแสนที่ให้น้าแก้กรรมให้เมียผมเมื่อสิบวันก่อน” ธรรม์บดีถามหลังจากทรุดตัวนั่งบนโซฟา “ค่ะ จำได้ค่ะ” เสียงตอบค่อนข้างสั่น หัวใจเต้นแรง “ไหนล่ะครับ หลักฐานว่าน้าแก้กรรมให้แล้ว ตั้งแต่จ่ายเงินไป ผมไม่ได้รับการติดต่อจากน้าเลย” ธรรม์บดีทวง สมใจแม้ว่าใจหวาดหวั่น แต่นางตั้งสติได้ เปิดคลิปที่บันทึกไว้ให้ธรรม์บดีดู “นี่ไงคะ น้าว่าจะส่งให้ดูก็ลืมทุกที” สมใจทำสีหน้าปกติ “คลิปนี้หรือครับ ที่น้าทำพิธีให้เมียผม” ธรรม์บดีถามย้ำ “แน่ใจนะครับว่าเป็นพิธีแก้กรรมให้เมียผม” “ใช่ค่ะ คลิปนี้แหละค่ะ” สมใจตอบไม่ติดขัด ครั้งนี้สมใจใจไม่สู้ดีนัก นางต้มตุ๋นคนมาเยอะ ไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง แม้บางหนจะคล้ายถูกจับผิดได้ แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้ ทว่าเวลานี้ นางใจเต้นระส่ำมาก กลัว กังวลอย่างบอกไม่ถูก “เอ...ผมว่าคลิปนี้ผมเคยเห็นนะครับ” ธรรม์บดีพูด ขณะหยิบมือถือตนขึ้นมาเปิดคลิป ก่อนหันหน้าจอมมือถือให้สมใจดู “นี่ไงครับ พิธีกรรมเหมือนกันเลย เป็นแบบนี้แล้ว คลิปที่น้าให้ผมดู จะใช้พิธีกรรมที่น้าทำให้เมียผมจริงหรื
บทที่ 85 “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” เขาเร่งเร้าอารมณ์กุลธิรัตน์เก่งมาก จุดเชื่อมต่อขยับเข้าออกเนิบช้า บางจังหวะมีเผลอกระแทกแรงๆ แต่เพียงไม่กี่ครั้ง มือใหญ่ทำงานอยู่สองจุดคือ หนึ่งนวดเฟ้นทรวงอกสล้างทั้งสองข้าง หมนุยอดถันบ้างบางเวลา จุดที่สองคือ เนินสวาทเต็มมือ เขาวางนิ้วลงบนเม็ดกระสัน สะกิดบ้าง บดบี้บ้าง ทำงานควบคู่กับเอวใหญ่กระชั้นกายแกร่งเข้าสู่คูหาสวรรค์ “พี่อิฐ พี่อิฐ”“ลูกหมี...ที่รัก...อา” ความสุขสมของกุลธิรัตน์ โอบรัดลำทวนใหญ่จนเขาเสียวไปทั่วตัว เร่งจังหวะมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้ตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “ที่รัก...ที่รักของพี่”ธรรม์บดีหยุดแช่นิ่งตัวตนในจังหวะสุดท้าย กอดร่างอวบอิ่มไว้แน่น จูบหัวไหล่หล่อนเบาๆ หลังจากดึงกายชายออกจากตัว เขาอุ้มร่างคนท้องเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำให้หล่อนสดชื่น เวลานอนจะได้หลับสบาย แล้วเสร็จก็พาภรรยามานอนที่เตียง“พี่รักลูกหมีนะครับ” เช่นทุกคืนก่อนนอน ที่เขาเอ่ยคำนี้ ก้มหน้าจูบหน้าผากกุลธิรัตน์“ลูกหมีรักพี่อิฐค่ะ” ผลัดกันบอกรัก เติมความหวานให้กันและกัน ธรรม์บดียิ้ม เอนตัวนอนข้างหล่อน โอบกอดภรรยาที่รักสุดหัวใจ และไม่มีวันให้ใครทำร้ายหล่อนได้แม้แต่ปลายก้อย หาก
บทที่ 84 “วันนี้ลูกหมีคงตกใจน่าดู พี่จูบปลอบขวัญละกันนะครับ”ธรรม์บดีรั้งร่างอวบเข้ามากอด เขาบรรจงแนบปากลงบนกลีบปากนุ่มละมุน ตรึงใจเขาเรื่อยมาแม้ว่าผ่านมาหลายปี กุลธิรัตน์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ธรรม์บดีปรารถนา และวางหัวใจให้ จุมพิตครั้งนี้ไม่ต่างกับครั้งก่อน ยังคงอ่อนหวาน อ่อนโยนและเรียกร้องไปในที เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของบทเพลงรัก ที่เขากำลังป้อนให้ภรรยา อายุครรภ์หกเดือนไม่ใช่ปัญหา ธรรม์บดีรู้ดีว่า ตนต้องทำอย่างไร ให้เขาและภรรยามีความสุข ในขณะเดียวกันก็ทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ หลังจากจุมพิตปากหวานสะท้านใจจนพอใจ เขาละห่างเพื่อจัดการชุดนอนของกุลธิรัตน์ให้พ้นตัว เมื่อหล่อนอยู่ในสภาพไร้ซึ่งอาภรณ์ เขาวางมือลงบนท้องนูน ลูบแผ่วเบา คล้ายทักทายคนสำคัญในนั้น ร่างอวบอิ่มถูกดันให้นอนราบบนที่นอน ธรรม์บดีเอนตัวเกยก่าย มือใหญ่วางลงบนดอกบัวสล้าง ที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย บีบเบาๆ เคล้นหนักมือพอประมาณ “พี่รักลูกหมีที่สุดในโลก” ธรรม์บดีเอ่ยคำหวาน จุมพิตปากสาวอีกรอบ ไม่นานนักเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแก้มนวล แวะเวียนหอมหลายฟอด ปลุกความซ่านสยิวให้สาวเจ้าตรง
บทที่ 83 “น้าดูดวงให้ใครมาเยอะค่ะ แล้วทุกคนก็เชื่อตามที่น้าแนะนำ แต่ก็มีบ้างค่ะที่ไม่เชื่อ คนเชื่อและทำตามก็ดีไป แก้กรรมได้ทัน บางคนไม่เชื่อ ไม่ทำตามที่น้าบอก เลยเกิดเรื่องไม่ดี อย่างคนนึงค่ะ น้าบอกว่าหลานที่เกิดมาถ้าเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าเป็นหญิงไม่ดี เธอกลับไม่เชื่อน้าค่ะ สุดท้ายก็ได้หลานผู้หญิง ครอบครัวเลยวิบัติ ถ้าเชื่อน่าแล้วทำตามล่ะก็ คงไม่เป็นแบบนี้” สมใจพูดโอ้อวดกุลธิรัตน์หน้าเสียขึ้นมาทันใด มีความตกใจเข้าแทรก เพราะเรื่องราวคล้ายกับลัดดา ที่เชื่อหมอดูมากเหลือเกิน หล่อนจับมือสามีไว้แน่น ซึ่งธรรม์บดีรับรู้ได้ว่า ภรรยารู้สึกเช่นไร เดือนดาว มณี กรกนกทำหน้าเหมือนมีอะไรติดในใจ กับเรื่องราวคุ้นๆ “แล้วโหงวเฮ้งเมียผมเป็นยังไงครับ มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ” ธรรม์บดีถามราวกับว่าสนใจ เขาอยากรู้ว่า สมใจจะมาไม้ไหน “แล้วพอจะบอกผมได้ไหมครับว่า ชื่อของคนที่คุณบอกว่า ไม่เชื่อคำพูดคุณ แล้วครอบครัววิบัติ คือใคร” “ได้สิคะ ยกตัวอย่างคนนี้ค่ะ ชื่อลัดดา น้าบอกเธอว่า ถ้าหลานเกิดมาเป็นผู้หญิงจะไม่ดี แต่เธอไม่เชื่อค่ะ ให้หลานสาวเกิดมาจนได้ ก็เลยเกิดเรื่องไม่ดี” สมใจได้รับเ
บทที่ 82 วันหยุดยาวหลายวัน สองครอบครัวมีทริปเที่ยวทะเล ตามที่ธวัฒน์ชลอยากมา สถานที่ที่ทั้งหมดเลือกคือ ทะเลแถวจังหวัดตรัง บ้านพักริมทะเลของญาติกรกนกคือบ้านพักของพวกเขา ครั้งนี้มากันครบองค์ประชุม นอกจากเหตุผลตามใจธวัฒน์ชล อีกเหตุผลหนึ่งคือ ธรรม์บดีมาติดต่อซื้อบ้านพักที่อยู่ห่างไปสี่ร้อยเมตร เจ้าของประสบปัญหาทางการเงิน จึงขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เมื่อฐากูรรู้เรื่องจึงนำมาบอกธรรม์บดี เขาสนใจเพราะคิดว่า ต่อยอดได้ ผ่านมาสี่ปีความพยายามฐากูรในการผลิตทายาทไม่เป็นผล ทั้งวิธีธรรมชาติและพึ่งวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทั้งสองจึงไม่รีบเร่ง คิดในแง่บวกคือ หากมีบุญวาสนาต่อกัน ทายาททั้งคู่คงมาเอง การไม่รีบร้อน ปล่อยไปตามบุญพาวาสนา ทั้งคู่ตกลงกันว่า สุดท้ายไม่มีลูกจริง ก็จะเลี้ยงหลานที่เกิดจากกุลธิรัตน์กับเก็จมณี เพราะถือว่า เป็นคนในครอบครัวทั้งสองเช่นกัน เอ่ยถึงเก็จมณี ความรักครั้งแรกของหล่อนพังทลาย เมื่อเขาคนนั้นคือน้องชายตนเอง เก็จมณีจึงกลบความรักของตนไว้ก้นบึงหัวใจ ไม่เปิดใจรับใครทั้งสิ้น แม้คนที่มาจีบ บางคนโปรไฟล์เลิศ หล่อ รวย ดูดีมีชาติตระกูล หล่อนขอรับชายเ
บทที่ 81บ้านหิรัญภักดีหลังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือ สมาชิกในบ้าน และความสุขที่มากขึ้นทุกวัน คนที่สร้างความสุขใจให้ทุกคน เป็นใครไม่ได้นอกจากเด็กชายธวัฒน์ชลหรือน้องชอปเปอร์ วัยสี่ขวบ จุดศูนย์รวมแห่งความรัก สร้างความบันเทิงให้ทุกคนไม่น้อย ไม่เพียงแค่ครอบครัวหิรัญภักดีที่ได้รับความสุข ครอบครัวอนันตเสรีได้รับความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะกรกนก นางมีความสุขนอกจากมีหลานชายไว้อุ้มชู เก็จมณีลูกสาวนอกสายเลือดที่นางรักไม่ต่างกับลูก เป็นคนดีขึ้นมากแบบหนึ่งล้านเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ไม่คิดทำอะไร เวลานี้เป็นเจ้าของร้านสเต็กที่ได้รับความนิยมในเวลาเพียงแค่หกเดือน ชื่อร้านของเก็จมณี ไม่ได้เลิศหรู เป็นภาษาต่างประเทศที่หลายร้านมักใช้ หล่อนใช้ชื่อ ร้านสเต็กกรกนก เพราะคิดว่า มารดาคือสิ่งมงคลที่สุดสำหรับชีวิต เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และเป็นแม่ที่ให้โอกาสลูกเสมอ โดยเฉพาะกับหล่อน ลูกที่นางไม่ควรได้รับโอกาสจากใคร นิสัยเก็จมณีเปลี่ยนไปเช่นกัน จากใช้ของฟุ่มเฟือย เก่งแต่ซื้อ แต่ไม่ค่อยใช้ เข้ากับคำพูดที่ว่า ของมันต้องมี โดยไม่สนใจเรื่องราคา เวลานี้เก็จมณีไม่ใช่นักช็อป หล่อนใช้ของที่มีอยู่สลับกันไป
บทที่ 80ข่าวคราวเรื่องอนงค์กับลัดดา ไม่ได้มีอิทธิพลต่อครอบครับกรกนกและกุลธิรัตน์ สองแม่ลูกคิดว่า มันคือข่าวสารปกติ ไม่ได้ยินดียินร้าย ให้ความสงสารหรือต้องไปเยี่ยมดูอาการ ลัดดายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่อย่างทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ อภิรักษ์กับคีรยาไม่สนใจนาง รวมถึงลูกคนอื่นต่างหันหน้าหนี มีหรือญาติพี่น้องจะใส่ใจ เมินเฉยกันทุกคน สร้างความบอบช้ำทางใจให้นางไม่น้อย ร้องไห้แทบทุกวัน คนที่ดูแลลัดดาคือ ลูกจ้างที่อภิรักษ์จ้างมาแต่ก็ดูแลลัดดาไม่ดีเท่าที่ควร ปล่อยปะละเลย ให้นอนจมกองของขับถ่าย เป็นนานกว่าจะมาเปลี่ยนให้ แถมยังหยิกแขน ตีขาลัดดาบ่อยๆ จนเกิดรอยไปทั่ว อภิรักษ์เห็นก็ไม่ดุด่าว่ากล่าวลูกจ้าง ทำเป็นมองไม่เห็น หัวใจลัดดายิ่งร้าวรานมากขึ้นหลายเท่า อาการอัมพฤกษ์ขยับตัวไปไหนไม่ได้ ทำให้ลัดดามีเวลาคิดทบทวน เรื่องในอดีต ความเชื่อมั่นในคำทำนายของหมอดู คือชนวนแรก หากวันนั้นนางมีสตินึกคิด ไม่หลงเชื่อแบบปักใจ ให้ทุกสิ่งอย่างเป็นไปตามกำหนด หาใช่เพราะตัวนางชี้นำ เรื่องร้ายในครอบครัวคงไม่เกิดขึ้นใครกันแน่ที่เป็นตัวซวย เป็นตัวกาลกินีนำพาความวิบัติมาให้ ตอนนี้ลัดดารู้แล้วว่า คือใ
บทที่ 79 หกเดือนต่อมา ที่นอนหลังที่ใช้มานานเกือบห้าปี กำลังถูกทดสอบว่า ยังคงทำงานได้ดีหรือไม่ หรือว่าต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพดีกว่า การทดสอบของเขาและหล่อนคือ พลอดรัก ริมฝีปากสองหนุ่มสาวแนบชิด ต่างฝ่ายต่างมอบจูบเร่าร้อน คุกรุ่นด้วยไอเสน่หาเคลือบผิวกาย มือใหญ่กอบกุมอกอวบ เคล้นไม่แรงมาก ก่อนละห่างเรียวปากนุ่มละมุน มายังอวัยวะที่มือสัมผัส มอบความกระสันซ่านให้สาวสวยด้วยปากและลิ้น ประโลมเลียแผ่วเบา ทว่าเผ็ดร้อน ลิ้นตวัดบนเม็ดบัวเบาๆ ไรฟันขบกัดอย่างหยอกล้อ “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” กุลธิรัตน์ครางจากความเสียวเล่นงาน ท้องไส้หล่อนปั่นป่วน เพลิงสวาทเริ่มสุมในร่างกายมากขึ้นทุกขณะ เขาเติมเชื้อไฟต่อเนื่อง มือเคลื่อนต่ำไปยังดอกไม้งาม จุดที่ทำให้ร่างสาวร้อนดังไฟนาบ วูบวาบจนหล่อนต้องปล่อยเสียรัญจวน ระบายความร้อนสุมทรวง “อา...พี่อิฐ...พี่อิฐ”นิ้วมือบดบี้เม็ดละมุดหนักมือ เนื้อตัวกุลธิรัตน์สั่นตามแรงกดเน้น ที่เพิ่มความแรง ก่อนเปลี่ยนเป็นระรัวนิ้ว หญิงสาวรู้สึกว่า กำลังถูกพายุปรารถนาเล่นงาน ก่อนพายุนั้นลูกจมดิ่งแทรกซ้อนลงไปในดอกผกา ปลุกเร้าทุกความสยิวซ่านในกายโหมกระพือ
บทที่ 78 ลัดดาร้องไห้กับสภาพตัวเอง คนที่เคยเดินได้ ไปไหนมาไหนตามใจ ต้องมานั่งนอนติดเตียง มีหรือจะไม่ทรมานใจ ราวกับว่าหัวใจถูกราดด้วยน้ำกรด แสบร้อน ย่อยยับ มาโบกทับด้วยความใจร้ายใจดำของลูกชายกับคีรยาที่ทำกับตนเช่นนี้ ไม่เห็นว่านางเป็นคนในครอบครัว ทิ้งขว้างไม่สนใจใยดี เสมือนฉีกหัวใจนางออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ ร้องให้กับความเสียใจ เจ็บปวดทุกข์ทรมาน ห้องที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องลัดดา คือห้องของอนงค์ หลังจากงานศพชนินทร์ที่จัดอย่างเรียบง่าย มีแขกมาไม่มากนัก ด้วยสภาพร่างกายลัดดา อภิรักษ์ไม่ให้ไปร่วมงานด้วย อนงค์กลายเป็นคนละคน หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง บางครั้งนั่งเหม่อลอย กอดรูปภาพชนินทร์ พร่ำรำพันคำขอโทษ หอมรูปภาพในมือ แล้วร้องไห้ “อีนิ่ม เอาลูกกูคืนมานะ แล้วเอาลูกมึงไป เอาลูกกูคืนมา เมญ่าลูกแม่ ลูกแม่...ฮือ”จิตใจอนงค์ถวิลหาเก็จมณีไม่น้อย นางเอ่ยปากไม่หยุด โวยวายหาว่ากรกนกชิงเก็จมณีไป ด่าทอไม่ขาดปาก สลับกับร้องไห้ สภาพน่าสงสาร ทว่ากลับไม่มีใครเห็นใจสักคน ตกบ่าย ขณะลัดดากับอนงค์ไร้คนสนใจ รถบีเอ็มดับบลิวแล่นมาจอดหน้าป