เฟิ้งฉีเทียนเชิดคางขึ้น เขาทำหน้าไม่สบายใจและพูดกับหลิวหลงถิงว่า “ข้าไม่ได้ไปที่เขาฉางป๋ายบ้านเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะสนใจข้าทำไม”หลิวหลงถิงได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่ได้สนใจเฟิ้งฉีเทียนมากมาย บอกว่าโถงที่บ้านมีขนาดเล็ก ทางที่ดีที่สุดเขาควรย้ายออกไป“ขนาดเล็กเจ้าก็ยังอยู่ได้ ทำไมข้าจะอยู่ไม่ได้?”เมื่อเฟิ้งฉีเทียนกับหลิวหลงถิงเจอกันก็เริ่มมีปากเสียงกัน มองดูเขาสองคนเป็นแบบนี้ในใจฉันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันทีเลย เป็นคู่กัดกันแท้ ๆ เลยหลิวหลงถิงก็ไม่สนใจเฟิ้งฉีเทียนอีก เขาโอบไหล่ฉันแล้วเดินออกไปข้า
ฉันไม่มีโอกาสได้คุยกับหลิวหลวถิงเลย เพราะวินาทีต่อมาก็ถูกหลิวหลงถิงประกบจูบลงมาแล้วฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้จะน้อยใจมากแค่ไหน อาจจะเป็นเพราะกำแพงประตูชั้นเดียวที่กั้นอยู่ เสียงย่าคุยกับเพื่อนบ้านสองสามคนก็ยังดังเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ฉันตื่นเต้นกว่าปกติ แต่เพราะว่าความตื่นเต้นแบบนี้ ทุก ๆ ที่บนร่างกายก็ล้วนแต่เหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรงอาหารมื้อเย็นฉันก็ไม่ได้กิน เพราะเสพติดความสุขและไม่สามารถถอนตัวได้ หลิวหลงถิงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น ฉันสงสัยว่าไม่ช้าก็เร็วฉันจะถูกเขาดูดเลือด
เมื่อพูดถึงเรื่องสำเร็จพลัง จู่ ๆ ก็ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่หลังจากก่อตั้งประเทศขึ้นมา สัตว์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกจนสำเร็จพลัง คำกล่าวเช่นนี้คือห้ามไม่ให้สัตว์บางชนิดฝึกฝนจริง ๆ และในขณะนั้นพลังงานทุกอย่างที่ออกมาจากป่าก็น้อยลง ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างในโลกนี้เปรียบเสมือนสายโซ่ชีวภาพ เทพและภูติผีมีพลังมากกว่ามนุษย์ แต่มนุษย์ยังสามารถกำหนดชีวิต และความตายของเทพภูตต่าง ๆ ได้เช่นกันแต่ฉันมองไปรอบ ๆ ร้านและห้องนอนชั้นด้านบน นอกจากของโบราณและเฟอร์นิเจอร์ ไม่ต้องพูดถึงสัตว์สำเร็จพลังอะไรหรอก แม้แ
พอเห็นว่าฉันกำลังอธิบาย สีหน้าของเฟิ้งฉีเทียนก็ค่อย ๆ กลับมาอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย พลันบอกฉันว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ นั่นเป็นเสื้อผ้าในราชสำนักของเขา ถ้าหากว่าดูไม่ดี ก็คงขายหน้าต่อหน้าคนอื่นแล้วหลังจากความรู้สึกอึดอัดผ่านไป ฉันและเฟิ่งฉีเทียนก็เริ่มเตรียมวิธีจัดการกับวิญญาณนั้น เพราะฉันคิดไปถึงว่าเพื่อนของเขาบอกว่ามันจะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน และเมื่อผู้หญิงคนนั้นออกมาก็ดูเหมือนว่าร่างทั้งร่างจะโดนบางอย่างหนีบอย่างไงอย่างงั้น ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันและเฟิ้งฉีเทียนวางแผนที่
สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดทำให้ฉันสับสนเล็กน้อยขึ้นมาทันที ตอนนี้ฉันท้องอยู่ และเต็มไปด้วยงูตัวเล็ก ๆ เธอพูดในท้องของฉันมีของชิ้นใหญ่อย่างไรกัน?ผู้หญิงคนนั้นอยากรู้อยากเห็นมาก ๆ กับท้องของฉัน เธอทิ้งไม้กวาดทั้งสองอันที่อยู่ในมือ ฟุบลงมาที่ตำแหน่งของท้องฉัน ก็ดึงผ้าห่มที่ห่มท้องออกมา เธอกำลังจะเตรียมจะเอื้อมมือมาฉีกท้องของฉัน ในขณะนั้นเองเฟิ้งฉีเทียนก็ลุกขึ้น คว้าตัวผู้หญิงที่กำลังนอนทับฉันอยู่ หิ้วคอเสื้อกี่เพ้าของเธอขึ้นมาแล้วยกขึ้นไปที่เตียง พลันโยนผู้หญิงคนนั้นลงกับพื้นทันที “ข้าก็คิดว่ามันคืออ
ครอบครัวของขุนนางนี้ตายอย่างอนาถในจวน ต่างก็บอกว่าในจวนมีผีสิง แต่หาผู้เชี่ยวชาญมาจำนวนมากก็ไม่พบว่ามีภูตผีอะไรสิงอยู่ในบ้านนี้ แล้ววันหนึ่งมีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินผ่านซากปรักหักพังของจวนขุนนางนี้ พบว่าภายในซากปรักหักพังของจวนนี้มีหญิงงามออกมาซื้อดอกไม้ ซื้อดอกไม้เสร็จก็หายเข้าไปในเรือน พระภิกษุเข้าไปสืบดูก็พบว่าดอกไม้สามสี่ดอกที่หญิงสาวคนนั้นซื้อมาปักอยู่ตรงหัวมุมด้านล่างบนไม้กวาดสองสามอันที่ไม่ได้ใช้ตลอดทั้งปี จึงสรุปได้ว่าผู้หญิงคนนี้เอาไม้กวาดมาเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ สามารถใช้ไม้กวาดบีบคนจนตายไ
ถึงอย่างไรฉันก็ตั้งครรภ์ใกล้ครบสี่เดือนแล้ว ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ ในท้องของฉันก็ยังเหมือนกับตอนแรกอย่างไงอย่างนั้นเลย ไม่ได้ใหญ่และก็ไม่ได้เล็ก เมื่อก่อนคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นหลิวหลงถิงคอยดูแลลูก ฉันก็ขี้เกียจสนใจ แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็อยู่ในท้องของฉันมาสี่เดือนแล้ว อย่างไรก็ต้องมีความผูกผันธ์กันทั้งนั้น ดังนั้นฉันเลยอยากดูว่าพวกเขาเติบโตจนเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว ต่อให้ในท้องเป็นงู ฉันก็ไม่หวั่นแต่ว่าหลิวหลงถิงได้ยินว่าฉันอยากไปตรวจครรภ์ ขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันที แม้แต่น้ำเสียงก็นิ่งขึ้น
ย่าคิดว่าฉันแค่ก่อกวนไปตามนิสัย ก็ไม่สนใจฉัน หลังจากวางจานผลไม้ลงบนโต๊ะแล้ว ท่านก็ลงไปข้างล่างเพื่อไปคุยเลยกับเพื่อนบ้าน“งั้นถ้าหากว่าย่าของเจ้าไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าและหลิวหลงถิงอยู่ด้วยกันจะทำอย่างไร? ในท้องของเจ้าตอนนี้ยังมีลูกของเขาอยู่นะ” เฟิ้งฉีเทียนถามฉันตอนแรกเมื่อกี้ฉันโดนย่าแบบพูดแบบนี้ใส่แล้วก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย ตอนนี้เฟิ้งฉีเทียนยังคงถามคำถามนี้กับฉัน จึงพูดกับเฟิ้งฉีเทียนว่าไม่รู้ บอกให้เขาออกเล่นข้างนอกก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เฟิ้งฉีเทียนมองมาที่ฉันอยากจะพูดอะไรกับ