นี่เขา..ปลดกระดุมเสื้อหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มือเล็กรีบกระชับสาบเสื้อเข้าหากันแทบจะทันที กุมไว้แน่น ใบหน้าขาวใสบัดนี้กลายเป็นสีแดงจัด ดวงตาตื่นตระหนกตกใจ ผมที่ผูกเป็นหางม้าไว้ลวก ๆ หลุดรุ่ยร่ายระใบหน้า และลำคอเรื่อยมาจนถึงไหล่เล็กบางหญิงสาวนั่งนิ่ง ปากสั่น พูดไม่ออกไปชั่วขณะ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความตกใจ แต่อดกลั้นเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
ร่างสูงที่ถูกผลักออกมาจากร่างนุ่มนิ่ม กลับนั่งนิ่งอยู่เป็นครู่ ภาพตรงหน้ามันช่างกระชากใจของหนุ่ม ที่มากด้วยพละกำลังแห่งบุรุษเพศได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่อยู่ในสภาพแบบนี้แล้วดูน่ารักน่าใคร่ ได้มากมายขนาดนี้ อิริยาบถต่าง ๆ ของหล่อนอยู่ในสายตาของเขาแทบทั้งสิ้น แลดูบริสุทธิ์เหลือเกิน ราวกับดอกไม้แรกแย้ม ที่ไม่เคยต้องสายลมและแสงแดดแม้เพียงสักครั้ง จนแทบทำให้เขาอดใจไม่ไหวอยากจับหล่อนมากอดและจูบให้หนำใจอีกครั้ง.. หากติดที่ดวงตาแดงก่ำดูเหมือนจะมีน้ำใส ๆ เอ่อคลออยู่รอบดวงตาไหวระริกนั่น ฮิโรยูกิทำเป็นเฉยเสียก่อนจะเลิกคิ้วสูง และเปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงกังวานเจือเยาะหยันเล็กน้อยและสายตาที่มองหล่อนมีแววแปลก ๆ
“จำเอาไว้น
ฮิโรยูกิได้ให้ลูกน้องไปสืบหาตัวคนที่มาทำร้ายเขา จนกระทั่งหาตัวจนเจอภายในเวลาไม่ถึงวันด้วยซ้ำหลังวันเกิดเหตุ และมันผู้นั้นก็ช่างจงรักภักดีเจ้านายเหลือเกิน มันใจเด็ดขนาดยิงตัวตายไปก่อนที่ลูกน้องของเขาจะเค้นหาตัวบงการด้วยซ้ำ แต่ฮิโรยูกิ ก็พอจะรู้ต้นตอผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ทำให้เขาแทบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ทาจิบานะ โทรุ คนนั้น แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า แค่เรื่องไม่ร่วมลงทุนด้วย ใยถึงต้องคร่าด้วยชีวิตกันเลยหรือ เพราะตัวเขาเองไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนักธุรกิจรุ่นพ่อเลยสักครั้งเดียวเอ่อ..ท่านครับงานนี้ต้องมีคู่ควงออกงานด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าท่าน จะเชิญใครออกงานดี ผมจะได้เชิญเธอตั้งแต่เนิ่น ๆ เผื่อว่าเจ้าตัวจะไม่ว่างน่ะครับ” บอดี้การ์ด ที่รับหน้าที่เป็นเลขาไปในคราวเดียวกัน เว้นระยะเรื่องเครียด ๆ ไว้สักพัก ก่อนจะกล่าวประโยคถัดมา ด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ฮิโรยูกิไม่ตอบ ใช่สินะ..คนที่จะมาเป็นคู่ควงของเขาในวันงานจะเลือกใครดี ที่ผ่านมา ผู้หญิงที่ควงอยู่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาวไฮโซแทบทั้งนั้น หรือไม่ก็เป็นพวกที่อยู่ในแวดวงดาราดัง ซึ่งพวกหล่อนถนัดนักล่ะในเรื่องออก
น้ำรินรู้สึกเขินอายและแอบดีใจลึก ๆ ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนที่มารับไม่ใช่ฮิโรยูกิ แต่เป็นหมอหนุ่มผู้ใจดีนั่นเองเพราะหล่อนไม่ต้องการให้เขามาพูดกระแนะกระแหน ใช้วาจาที่ทำร้ายจิตใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา นี่ถ้าเขาเห็นหล่อนแต่งตัวแบบนี้ คงใช้คำพูดว่าหล่อนแต่งตัวอ่อยผู้ชายในงานเป็นแน่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทำเอาหญิงสาวอยากจะเปลี่ยนใจไม่ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์นี่เลย ถ้าไม่ติดที่ผู้สูงอายุคะยั้นคะยอล่ะก็ จ้างให้หล่อนก็ไม่ไปให้ใครดูถูกเด็ดขาด“โอ้..สวยมาก ๆ เลยหนูน้ำรินไม่นึกเลยว่า เธอจะสวยขนาดนี้ ทำให้ฉันอยากมีหลานสาวขึ้นมาเสียแล้วสิ.. อ๊ะ! วันนี้หนูมาเป็นหลานสาวให้ปู่สักวันหนึ่งจะได้ไหมหนูน้ำริน”“คะ? ..หลานสาวเหรอคะ” หญิงสาวยังตั้งรับไม่ทันกับมุขของผู้สูงวัย เล่นเอาอึ้งตอบไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้ำริน คุณปู่น่ะท่านไม่มีหลานผู้หญิงเลย ยังไงวันนี้ตามใจท่านหน่อยนะครับ แล้วอีกอย่าง ถ้ามีหลานสาวสวยน่ารัก ๆ อย่างนี้ใครก็อยากโชว์กันทั้งนั่นแหละครับ” เมื่อมีอีกเสียงหนึ่งช่วยสนับสนุนอย่างนี้ มีหรือหล่อนจะกล้าปฏิเสธได้ลงคอ จึงยิ้มฝืน ๆ อ
บรรดาแขกเหรื่อภายในงาน ต่างก็พูดคุยกันในภาษาที่บางทีหล่อนก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก ผู้มีอันจะกินทั้งหลายต่างก็มารวมตัวกันเพื่อรอเจ้าของงานมากล่าวเปิดงาน ซึ่งตอนนี้ภายในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ชาวต่างชาติมากมาย น้อยมากที่จะเห็นชาวเอเชียอย่างหล่อน ทำให้ห้องหรูกว้างใหญ่ของเรือดูเหมือนจะคับแคบลงไปถนัดตา ต่างคนก็ต่างจับกลุ่มคุยกันอย่างเป็นกันเอง โดยมีบริกรทั้งหญิงและชายคอยบริการเดินเสิร์ฟเครื่อง ดื่มเป็นระยะ ๆ มีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศในงานให้น่ารื่นรมย์มากขึ้นไม่น่าเชื่อว่า นี่จะเป็นความจริง จากที่เคยดูแต่ในหนัง ในละคร หรือแม้แต่ในหนังสือ น้ำรินอดกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ รู้สึกตัวเล็กลีบลงไปถนัดใจ ไม่นึกไม่ฝันเลยสักครั้งว่าตนเองจะได้เข้ามาเดินอยู่ในงานใหญ่เลิศหรู อลังการงานสร้างอย่างนี้มาก่อน ใช่เรือลำนี้หรือเปล่านะ..ที่หล่อนเคยเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงที่นี่ เมื่อครั้งที่นั่งอยู่ในรถลีมูซีนคันใหญ่นั่น จำได้ว่ารถได้แล่นผ่านมาบนสะพานเมื่อมองลงมาจะเห็น ทะเลสาบแสนสวย และเรือสำราญหลาย ๆ ลำลอยเด่น อวดแสงสีในยามค่ำคืน หนึ่
ทางด้านน้ำริน หญิงสาวจัดการล้างหน้าล้างตา แล้วก็แต้มแป้งพับแบบพกพาบนใบหน้า แต่งเติมริมฝีปากเสียใหม่ด้วยลิปกลอสสีชมพูเป็นประกาย เท่านั้นก็ทำให้ใบหน้าที่เนียนใส ขาวสะอาดแทบเห็นเส้นเลือด กลับมามีสีสันได้อีกครั้ง เมื่อสำรวจตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวร่างเล็กจึงเดินกลับเข้าไปในงาน แต่ก็ต้องชะงักเท้าแทบจะทันที เมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณลานกว้างใหญ่ภายในงานแย่แล้ว!..ยูอิจิกับท่านคัทซึฮิโกะ ไปไหนเสียแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย จำได้ว่าพวกเขาหยุดยืนคุยกับแขกที่มาร่วมงานตรงนี้นี่นา.. หายไปไหนแล้ว โธ่เอ๊ย! ยัยน้ำรินผู้แสนโง่เขลา เธอต้องจำผิดแน่ ๆ เลยว่าที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ไม่น่าจะใช่ตรงนี้ สงสัยว่าอ้ายเจ้าโรคจำที่จำทางไม่ค่อยได้นั้นมันสำแดงเดชออกมาอีกแล้ว ทำไมเจ้าโรคบ้า!นี่ถึงได้ร้ายกาจอย่างนี้นะ ทำไงดีล่ะทีนี้ เรานี่แย่จริงๆ เลย อุตส่าห์ได้เข้ามาในงาน ใหญ่โตหรูหรา ระดับไฮโซ แล้วยังจะมาทำเปิ่นเป๋อเป็นเด็กหลงทางไปซะได้ สมแล้วที่โดนคนบางคนดูถูกเอาไว้... หญิงสาวว่าตัวเองในใจไป เท้าก็เขย่งไป สายตาก็พยายามสอดส่ายมองหาสอง
“โอ้! มิสเตอร์ฮิโรยูกิ ยินดีที่ได้พบกันอีก” น้ำเสียงทุ้มต่ำทักทายกลับไป ทำให้น้ำรินตื่นจากภวังค์ เมื่อชายหนุ่มที่รูปร่างลักษณะ ท่าทางไม่แตกต่างกันมากนักจับมือทักทายกันอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่เจ้าของงานจะเหลือบแลมาทางหล่อน โดยใช้สายตาคมกริบมองปราด ๆ เพียงนิด ก่อนจะเสมองไปทางอื่นราวกับว่าไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตากระนั้น“งานจัดได้ดี แล้วก็สวยมากเลยครับ สงสัยว่าผมคงต้องเก็บไว้เป็นแบบอย่างในงานของผมบ้างแล้วล่ะ”“ไม่มีปัญหาครับ รู้สึกเป็นเกียรติเสียอีก ที่งานของเราจะได้เป็นตัวอย่างให้กับคุณ”“ขอบคุณล่วงหน้านะครับ เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงท่านนี้คือ..” โฮเวิ์รด เว้นจังหวะเพียงนิด เพื่อให้เพื่อนร่วมธุรกิจหนุ่ม แนะนำหญิงสาวแสนสวยข้างกายชายหนุ่มให้ได้รู้จัก เพื่อว่าจะได้คุยกันถนัดขึ้น“อ้อ!..ฮีจิน นี่มิสเตอร์โฮเวิ์รด แม็กซ์เวล เศรษฐีบ่อน้ำมันเป็นหนึ่งในสิบที่จัดว่าร่ำรวยที่สุดในบรูไน เพื่อนร่วมธุรกิจของผม ส่วนนี่คือ..คิมฮีจินเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม ตอนที่ผมไปเรียนอยู่ที่เกาหลี เธอเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในตอน
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นเดินจากไปแล้ว พร้อมกับบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาขาวสะอาด ออกตี๋ ๆ ที่เขาคาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นคนสำคัญสำหรับหล่อนอย่างแน่นอน ทำไมนะ..เขาถึงไม่อาจถอนสายตาไปจากร่างเล็กนั้นได้ง่าย ๆ เลย คงเพราะดวงหน้าขาวใสแลดูสะอาดสะอ้านบริสุทธิ์เหมือนเด็กสาวแรกรุ่น ริมฝีปากเล็กบาง เมื่อแย้มยิ้มช่างสวยสดงดงามจับตาเสียจนไม่อยากละสายตาให้ผ่านไปโดยง่าย.. เสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้ทำความรู้จักกับหล่อนให้มากกว่านี้ แต่ไม่เป็นไรเขามีลางสังหรณ์ว่าจะต้องได้พบเจอกับเธออีกแน่นอน เซ้นส์เขาบอกอย่างนั้น“คุณรู้จักเขาหรือครับ? น้ำริน”“ใครคะ? อ๋อ..ฝรั่งตัวโตคนนั้นน่ะเหรอ? หึ ๆ ไม่หรอกค่ะ แค่บังเอิญนิดหน่อยเท่านั้น ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ” พูดอ้อมแอ้มออกไป เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ชวนให้หน้าแตกเมื่อครู่ใหญ่ จู่ ๆ หน้าขาวใสก็แดงซ่านขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติตลอดการเดินกลับเข้ามาในงาน ที่ต้องฝ่าผู้คนมากมาย คอยหลบหลีกคนโน้นคนนี้ เป็นการลำบากที่ต้องคอยหันหลังไปมองหญิงสาวร่างเล็ก ยูอิจิจึงถือวิสาสะจับกระชับข้อมือของหญิงสาวไว้มั่น ก่อนจะจูงให้ร่างเล็กเดินตามพลางหล
“อะ..ไม่มีจ่ะ พี่เพิ่งเดินทางมาไม่นาน ไม่มีเวลาไปหาซื้อโทรศัพท์ใหม่เลย เอาเป็นว่าเราติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ตก็ได้ แล้วพี่จะเมลล์ไปหานะ”“เอาเบอร์ผมไปก่อนก็ได้ครับถ้าหากว่าคุณสมรอยากโทรคุยกับคุณน้ำรินเมื่อไหร่ก็โทรเข้าเครื่องผมก่อนได้”“อะ..เอ่อ..เอาอย่างนั้นเหรอคะ?” สมรหันมาทางเพื่อนสนิทรุ่นพี่อย่างขอความเห็น ก่อนที่จะได้รับคำตอบโดยการพยักหน้า ดังนั้นหมอหนุ่มจึงจัดการจดเบอร์โทรของตนใส่กระดาษทิชชูที่หยิบฉวยได้ บนโต๊ะข้าง ๆ พลางยื่นส่งให้ภรรยาเพื่อนไป“ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้คุยกันต่อ..เอาไว้คราวหน้า เราค่อยนัดเจอกันนะครับน้ำริน..ลาก่อนนะยู แล้วเจอกัน ไปกันเถอะที่รัก” นักข่าวหนุ่มกล่าวสมทบ“อือ..ค่ะ..ไปก่อนนะคะคุณหมอ พี่น้ำ แล้วจะโทรหาจ่ะ บ๊ายบาย” สองสามีภรรยาเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้สองหนุ่มสาว มองตามทั้งคู่อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ทัสซึโอะนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะคะ..ทำอะไรว่องไวไปซะหมด นึกอยากไปก็ไปซะอย่างนั้น”“หึ ๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่ได้รับรางวัลนักข่าวดีเด่นหรอกครับ นักข่
“ ปู่ลืมไปว่า ฮีจินยังไม่ได้รู้จักกับสามคนนี้เลย..นี่ยูอิจิกับฮานะเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับฮีโร่น่ะ ส่วนนี่หนูน้ำริน เป็นพยาบาลพิเศษที่มาดูแลปู่ อิมพอร์ตมาจากเมืองไทยเชียวล่ะ ฮ่ะ ๆ แล้วนี่..หนูคิมฮีจิน เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเด็ก ตอนที่ฮีโร่เขาไปอยู่ที่เกาหลีตอนเล็ก ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น..เขาคือคู่หมั้นของฮีโร่ยังไงล่ะ เอ้ารู้จักกันไว้ซะสิ” เมื่อจบประโยคที่ผู้อาวุโสแนะนำคนโน้นคนนี้ให้ได้รู้จักกัน ก็ส่งผลให้แต่ละคนต้องพบกับความรู้สึกที่แตกต่างออกไป หนึ่งในนั้นคือความแปลกใจของยูอิจิ ที่เพื่อนรักของเขาไม่เคยพูดเรื่องคู่หมั้นให้ได้รับรู้เลยสักครั้ง และอีกหนึ่งนั้น ก็คือหมอสาวที่ทั้งรู้สึกแปลกใจและเสียใจ ที่มารับรู้ว่าฮิโรยูกิมีคู่หมั้นแล้ว แถมยังสวยหวานหยดย้อยซะขนาดนี้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งอิจฉาริษยาหญิงสาวชาวเกาหลีคนนี้นัก พลอยทำให้เกลียดขี้หน้าหล่อนขึ้นมาจับใจ และสุดท้ายที่หญิงสาวชาวไทย เมื่อได้ยินประโยคท้าย ๆ ของผู้สูงอายุเอ่ยออกมา ก็แทบผงะรู้สึกเจ็บปวดแปลบที่หัวใจขึ้นมาแทบจะทันที เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาที่กลางใจ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้ามาช๊อตจนเกือบ
การกระทำของทั้งสองได้เรียกน้ำตาให้กับคนที่พบเห็น บริเวณห้องฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ชั่ววินาทีนั้นราวกับว่าได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดอยู่กับที่ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ป่วยที่ร้องโอดโอย เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณหน้าขา เพิ่งถูกเข็นผ่านเข้ามาภายใน ต้องหยุดชะงักงันไปชั่วขณะ เหลือบมองมายังคู่หนุ่มสาวทั้งสองด้วยความงุนงงสงสัย ลืมความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปเลยทีเดียว ทางด้านผู้สูงอายุทั้งสาม ถึงกับอึ้งไปกับการกระทำของทั้งสองหนุ่มสาว ความรู้สึกตื้นตัน และเห็นความตั้งใจจริงของทั้งสอง แสดงให้รู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ฝ่ายชายถึงกับสามารถตัดขาดจากสมบัติและวงศ์ตระกูลได้เลย เพื่อแลกกับการได้ครองรักกับหญิงสาวร่างเล็กบอบบางข้างกาย ลี ฮาซันถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หางตา มองไปทางด้านผู้เป็นสามีคล้องวงแขนเข้ากับลำแขนของอีกฝ่ายซุกหน้ากับอกของสามี ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทางด้านลี จางชีก็มีอาการไม่ต่างจากกันนัก จึงแตะที่แขนของภรรยาอย่างปลอบประโลม ชายชราหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก ร่างที่ค่อนข้างค้อมเล็กน้อย ไขว้มือที่เหี่ยวย่นไว้ด้านหลังข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บน
น้ำรินพยายามลืมตาตื่น รู้สึกมึนงงไปหมด อาการคลื่นไส้ จะเป็นลม หายเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่ได้ให้น้ำเกลือ และนอนพักเต็มอิ่มแล้ว ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำอุ่น ๆ เค็ม ๆ ถูกเช็ดออกจากดวงหน้าด้วยนิ้วเรียวใหญ่อย่างเบามือของผู้เป็นสามี“ตื่นแล้วหรือ? เป็นไงบ้าง? ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า?” คำถามรัวถี่ติด ๆ กันจนคนถูกถามแทบตอบไม่ทัน จึงได้แต่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หล่อนไม่อยากให้เขาเป็นกังวลมากนัก“ไอ้หมอหัวล้านกับเจ้ายูมันให้เธอกลับบ้านได้ แต่ฉันว่าเธอยังไม่แข็งแรงดีเลย ยังไงนอนพักดูอาการที่นี่สักคืนดีไหม” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวดิกเมื่อ ได้ยินผู้เป็นสามีบอกให้นอนพักที่นี่สักคืน“ไม่เอาค่ะ หายดีแล้ว ไม่เวียนหัว ไม่คลื่นไส้ ไม่มีอาการอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันหายดีแล้วจริง ๆ นะคะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่า แค่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอหน้าเขา มาอยู่ใกล้ ๆ อย่างนี้อาการต่าง ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีเลยล่ะ“จริงนะ ห้ามโกหก เป็นพยาบาลอะไรไม่ชอบโรงพยาบาลเฮ้อ!” ชายหนุ่มชะโงกหน้า มองเสี้ยวหน้าภรรยาตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยว มือใหญ่วางแปะที่ศีรษะเล็กนั้น เขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู“กลับบ้านกันเถอะนะคะ” คนไข้ตัว
“ดี..แล้วก็เอาหัวล้าน ๆ ของไอ้หมอคนเมื่อกี้ออกไปห่างเมียกันหน่อยได้ไหม กันไม่ชอบขี้หน้ามันเลยว่ะ” ฮิโรยูกิหันมากระซิบข้างหูเพื่อนรักทันทีที่หันไปเห็นแพทย์คนเมื่อสักครู่ เดินเลี่ยงออกไปทางด้านซ้ายของเตียงคนไข้ นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้ยูอิจิได้เป็นอย่างดี ขี้หึงจริง ๆ นะเพื่อนเรา แม้แต่หมอแก่ร่างท้วม กับหัวที่มีผมทางตอนหน้าเหลือน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปหาว่าเขาหัวล้านซะนี่ ร้ายจริง ๆ“ออกไปก่อนเถอะเพื่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้ กันจะช่วยดูให้อีกแรงหนึ่ง” คำยืนยันของยูอิจิ บอกว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างสูงจึงยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงปักหลักยืนอยู่ห่าง ๆ ในมุมห้องแคบนั้น พลางกอดอกมองแพทย์และพยาบาลตรวจร่างกายหล่อนเงียบ ๆ“ฮีโร่..ฮีโร่..ตื่นเถอะ”“อ๊ะ! ฮ๊ะ! ยู..เมียฉันล่ะเมียฉันเป็นไงบ้าง!” ร่างสูงผวาตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงยูอิจิปลุกให้ตื่น เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“หึ..ตื่นขึ้นมาก็โวยวายเลยนะ คุณน้ำรินปลอดภัยแล้ว หมอให้น้ำเกลือ แล้วย้ายเธอไปนอนพักดูอาการที่ห้องข้าง ๆ โน่นแล้ว”“เหรอ? แล้วอยู่ไหนล่ะ?”“เดี๋ยวสิเพื่อน นี่นายไม่อ
“อือ ๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” แล้วก็มีเสียงงึมงำจากคนรอบข้าง ที่บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับความเห็นของเขา และนั่นก็ให้คุณคิม เซยอนชักสีหน้าอย่างไม่พอใจให้สามีทันที“เอาอย่างนี้สิ อะไรที่เป็นฝีมือของเธอ เราก็ชิมอันนั้นก็แล้วกัน..เรามาวัดกันที่รสชาติเป็นไง” และก็เป็นท่านปู่อีกตามเคยที่เอื้อมมือมาช่วยหล่อนไว้ ทำให้น้ำรินลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก การทดสอบเรื่องอาหารผ่านไปด้วยดี ผลที่ออกมาหล่อนได้คะแนนเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมากเลยทีเดียว และสุดท้ายก็คือการชงชาที่ถูกต้อง ขณะที่กำลังนำถาดน้ำชาไปเสิร์ฟให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั้นเอง วูบหนึ่งหล่อนรู้สึกหน้ามืด วิงเวียนจนแทบล้ม แต่ก็พยายามข่มใจไว้ พลางยืดอกขึ้นสูดลมหายใจเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดเรื่องที่หญิงสาวไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้“อุ๊บ! อ๊ะ!” เพล้ง! จู่ ๆ หญิงสาวก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อกลิ่นของชาชั้นดีโชยมาแตะเข้าที่จมูก กลิ่นของมันทำให้แก๊สในกระเพาะอาหารปั่นป่วนจนวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ แทบอ้วกออกมา เท่านั้นเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หล่อนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปาก ทำให้น้ำหนักถูกเทไปที่มืออีก
สามวันแล้วสินะที่หล่อนโดนการทดสอบแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณอาหญิง วันแรกเธอให้หล่อนขัดถูเครื่องใช้โบราณที่อยู่ในครัว ทำอยู่เป็นวันกว่าจะเสร็จก็เล่นเอามือถลอกไปเลยทีเดียว ถัดมาอีกวันหนึ่งหล่อนถูกทดสอบการทำอาหารซึ่งหล่อนถนัดนักล่ะ ไม่ว่าเธอจะสั่งให้ทำอะไรหล่อนก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้คุณลี ฮาซัน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อนดีขึ้น วันนี้เธอช่วยสอนวิธีชงชาที่ถูกวิธีให้กับหล่อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฮีจินมาเยี่ยมหล่อนเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะกลับหล่อนได้ยื่นของสิ่งหนึ่งมาให้ นั่นก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลีในแต่ละยุคสมัย คุณลีบอกว่าอีกสองวันจะมีการประชุมผู้อาวุโสของตระกูล ให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงวันนั้นเธอบอกว่าจะคอยช่วยหล่อนอีกแรงหนึ่ง น้ำรินรู้สึกดีใจเหลือเกิน ที่สามารถเอาชนะใจคุณลี ฮาซันได้ เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ ต่างก็ให้ความเป็นกันเองกับหล่อนมากขึ้นผิดกับวันแรก ๆ ที่หล่อนมาถึงที่นี่ลิบลับ หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในช่วงเย็น หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นกับผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กก้าวเข้าไป
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่เกาหลีแลดูสดชื่นนัก ความสวยงามของดอกไม้ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ผลิดอกบานสะพรั่งก่อนที่จะมีใบสีเขียวชอุ่มตามมา ไกด์จำเป็นอธิบายให้หล่อนฟังว่า ริมทางที่รถวิ่งผ่านมาส่วนมากจะเป็นต้นเมเปิลต้นอึนแฮง ( ต้นแป๊ะก๊วย) ต้นบอทือ ( ต้นหลิว) ต้นบอช ( ต้นซากุระ) ต้นชัน (คล้ายต้นสน) ส่วนที่อยู่บนเนินเขาจะมีดอกจิลดัลแล สีชมพูอมม่วง ดอกแคนารีสีเหลือง และดอกซากุระ หรือดอกชนามู สีขาวอมชมพู ต่างผลิดอกออกมาประชัน เปรียบเสมือนสีผ้าต่าง ๆ พืด ปูประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา ยืนเรียงรายริมถนนเริ่มผลิใบอ่อนบ้างแล้ว ตามกิ่งก้านจะมีนกเจบีตัวเล็ก ๆ สีดำส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง รถคันจิ๋ววิ่งลัดเลาะผ่านภูเขาที่ดูคดเคี้ยว จากกรุงโซลออกมาแถวชานเมือง ได้สักพักใหญ่ ๆ คนขับกิตติมศักดิ์ของหล่อนก็หักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นไปบนเนินสูงเบื้องหน้า วิ่งผ่านรั้วกำแพงสูงใหญ่เข้าไปด้านใน ก่อนจะจอดนิ่งสนิทหน้าลานกว้าง น้ำรินก้าวลงจากรถพลางเหม่อ
“อืมม์ เก่งขึ้นทุกวันนะเราใครสอนกันนะ โอ๊ะ! หึ ๆ” พูดออกไปแล้วก็ต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บ เมื่อถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบที่หน้าอกทีหนึ่งจากคนตัวเล็กตรงหน้า แก้มแดงระเรื่อทำให้เขาอดใจไม่ไหว ช้อนร่างหล่อนอุ้มขึ้นมากระชับไว้ในวงแขนอันอบอุ่น ก่อนจะพามาวางลงบนที่นอนโดยมีร่างสูงหนาตามมาติด ๆ ลมหายใจรินรดกันจนแทบจะสัมผัสได้ ตาต่อตาประสานกันนิ่ง ชายหนุ่มแนบหน้าเข้ามาใกล้เกลือกจมูกโด่งสวยเป็นสัน กับแก้มเนียนอมชมพูสูดดมความหอมอย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากมุมปากประกบไว้แนบแน่น มือหนึ่งช้อนไว้ที่ท้ายทอยของหล่อน ส่วนมืออีกข้างก็ทำการสำรวจร่างกาย ลูบไล้ไปทั่วก่อนจะสอดหายเข้าไปใต้เนื้อผ้า.. สักพักชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาก็ถูกปลดออกจากร่าง เหลือไว้เพียงร่างขาวนวลเนียนกระจ่างตา“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ” หญิงสาวจำต้องยกมือขึ้นแตะที่แขนของสามีเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น“ไม่เห็นเป็นไรเลยเช้า ๆ นั่นแหละดี”“แต่ว่า..คุณต้องไปทำงาน”“อื้อ..อย่าดื้อน่า เมื่อกี้ยังเชื้อเชิญอยู่เลย นะ..ขอหน่อยนะที่รัก หลายวันแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย อีกหน่อยเธอก็ต้องไปที่โซลแล้ว เมื่อถึ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้มันสะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายจึงใช้ส้นเท้ากระทืบลงที่หลังเท้าของมันเต็มแรง ก่อนจะก้มลงไปกัดที่มือหยาบหนาบริเวณที่มันโอบเหนือเอวหล่อนขึ้นมา เมื่อถูกฟันคม ๆ ของหล่อนกดลึกเข้าไปในผิวเนื้อจนมันรู้สึกเจ็บ ร้องจ๊ากออกมา จนสะบัดมือ สะบัดเท้าเร่า ๆ หญิงสาวมองเห็นความหวังที่จะรอดไปได้ขึ้นมารำไร จึงรีบสลัดตัวออกจากแขนใหญ่ล่ำ ที่พันธนาการหล่อนอยู่ทันที ก่อนจะก้มลงไปหยิบปืนที่หล่นอยู่แทบเท้าเมื่อครู่ด้วยมืออันสั่นเทา นิ้วชี้กระชับพร้อมที่จะเหนี่ยวไกเพื่อกระชากวิญญาณของพวกมันได้ทุกเมื่อ หญิงสาวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอย่างที่ร่ำเรียนมา ปลายกระบอกปืนส่ายสลับไปมา ระหว่างชายฉกรรจ์ที่ยึดตัวหล่อนและสามีไว้เมื่อครู่อย่างหมายมาด สถานการณ์กลับกลายไปเป็นอีกแบบหนึ่งทันที ฮิโรยูกิย่างสามขุมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของโทรุ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนไอ้สองคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการพันธนาการฮีจินอยู่ ชะงักงัน หนึ่งในนั้นพยายามที่จะงัดปืนออกมาจากเอวของมันแต่ถูกเสียงเข้มดุดัน ตะโกนสั่งออกมาเสียก่อน“ทิ้งปืนซะ! ถ้าไม่อยากให้เจ้านายของแกตาย แล้วก็แก้มัดเพื่อนฉัน
“ทำได้ดีมาก..ที่รัก” ฮิโรยูกิยังมีอารมณ์หันมาเอ่ยปากชมหล่อนทันทีที่ร่างเล็ก ๆ วิ่งเข้ามาหลบอยู่ข้างหลังเขา ความขุ่นมัว กรุ่นโกรธก่อนหน้านี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้นิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหล่อนแก้เผ็ดไอ้คนที่กระทำการอันน่ารังเกียจกับหล่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่เสียแรงเลยที่เขาอุตส่าห์ให้หล่อนหัดเรียนรู้วิธีป้องกันตัว เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่กลัวเหลือเกินว่าเนื้อตัวของหล่อนจะบอบช้ำจากการฝึกฝน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดใจการฝึกหัดทุกรูปแบบเสียจนบางครั้ง ไม่สนใจเขาไปเลยในช่วงนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เธอฝึกยิงปืนกับครูหนุ่ม การเอาใจใส่จนออกนอกหน้าของครูฝึกคนนั้น ทำให้เขาต้องย้ายหล่อนให้มาฝึกกับครูผู้หญิงแทน ส่วนครูฝึกคนแรกนั้น ถูกย้ายทันทีในวันถัดมา นี่ล่ะ..ผู้หญิงที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลคัทซึฮิโกะตัวจริง“หึ ๆ แกแน่มาก ฮิโรยูกิแต่ดูเหมือนว่าแกจะประเมินฉันต่ำไปแล้ว” ฮิโรยูกิกับน้ำรินรู้สึกแปลกใจในคำพูดของโทรุ ที่จู่ ๆ มันก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ ทันใดนั้นทั้งสองก็ต้องอ้าปากค้างร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน“ฮ