กับชื่อนี้อีกหนหนึ่ง เขานึกถึงมินตา และคำพูดของหล่อน ที่ทำให้แม่ของเขาเจียนๆ จะคลั่งและพาลโกรธหล่อนมากมายว่าหล่อนปากเสีย“เขาเป็นคนมีเงินมาก มีพอจะให้เอามาหมุนได้เพื่อนฝูงกันก็ให้หยิบยืมกันได้ไม่คิดดอก ไม่มีเวลามาจำกัด แต่อย่าเบี้ยวเขาแล้วกัน”“ดีนะครับ มีเพื่อนแบบนี้”เขาทำท่าท้อใจ ก็หมดนั่นมันเพื่อนของเขาเสียที่ไหนกัน แต่ลักษมีทำให้เขากางหูผึ่งได้“เพื่อนของหมีก็เหมือนเพื่อนคุณ เราก็พวกเดียวกันนี่คะ ถ้าคุณอยากรู้จักก็บอกหมีมาแล้วกัน”“จริงหรือครับ”“จริงซิคะ” หล่อนยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น “บอกหมีมาเลยเมื่อไหร่ที่คุณเอพร้อมก็แล้วกัน รู้จักกันเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร”เขาเริ่มคำนวณถ้วนถี่ การคบกับลักษมีก็คงจะไม่มีอะไรเสียนอกจากจะได้ รสนิยมก็ต้องกันโอกาสพบปะก็มีบ่อย แล้วหล่อนก็ยังเป็นสาวสวย หน้าตาชวนเข้าใกล้มากกว่าจะพาวิ่งหนี สถานภาพการเป็นดาราชื่อดังของหล่อนอีกเล่า เขาจะได้มากกว่าเสียไม่ว่าจะคิดไปในทางใด“นั่นซิครับ ผมก็อยากทำความรู้จักกับเขาอยู่”สาวิตต์ตกหลุมพรางนั่นจนได้ และลักษมีรู้สึกยินดีที่หล่อนทำเพื่อศิลาจนสำเร็จสาวิตต์ไปส่งหล่อนที่อพาร์ตเม้นท์ ด้วยมารยาทเขาตามไปส่งหล่อนถึงหน้าห
มินตากลับเข้าบ้านในตอนสายๆ หล่อนได้แวะบ้านก่อนค่อยเข้าออฟฟิศ และนั่นทำให้หล่อนได้กลับมาพบว่าคุณมารศรีเตรียมของจะไปนอนที่วัด มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับหล่อนเลย แม่หล่อนหันหน้าเข้าหาวัดเหมือนหญิงอีกหลายคนเมื่อวัยเพิ่มมากขึ้น แต่เข้าไปแล้วจะสงบกลับมาแค่ไหนมินตาไม่เคยกล้าถามให้เธออารมณ์เสีย“มาก็ดีแล้ว มานี่” เธอกวักมือเรียก “แม่จะไปสามวัน กลับบ้านไวๆ นะจะได้ดูแลบ้าน ดูแลคุณพ่อบ้าง เราน่ะหายใจเข้าออกเป็นแต่เรื่องงาน”มินตาทำหน้าเฉยๆ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยเลย เพราะรู้ว่าหล่อนไม่มีวันจะเถียงเอาชนะมารดาได้เป็นอันขาด หล่อนปิดประตูชนะอยู่แล้วมีแต่แพ้ประการเดียว“แม่ยังคิดเลยนะว่าเราจะกลับมาวันไหน”“กลับมาก่อนกำหนดค่ะ งานเสร็จไว...” หล่อนไม่ได้อธิบายรายละเอียดของงานต่อ เพราะเธอย่อมจะไม่มีวันเข้าใจเป็นอันขาด คุณมารศรีไม่เคยชื่นชมในสาขาวิชาที่มินตาได้เรียน เธอไม่ยอมศรัทธาและไม่เชื่อถืออย่างออกนอกหน้าว่าลูกสาคนเล็กเป็นคนมีพรสวรรค์นอกเหนือไปจากความสามารถ“มินเฝ้าบ้านให้เอง จะรีบกลับ ดูแลพ่อ...” หล่อนไม่อยากบอกต่อวาสามวันนั้นจะแสนผาสุก ไม่ใช่สามวันอันตรายเลย “แม่มีเงินหรือเปล่าคะ...” ถามออกไปแ
นั่นเท่ากับว่าเขาจะไม่ยอมไปเด็ดขาด มินไปดูบ้านกับพ่อดีกว่าน่า จะเอายังไงจะได้ให้ช่างทำ พ่อบอกแล้วว่าช่างเขาเก่ง”มินตาเลยต้องไปดู หล่อนไม่ใช่คนกลัวแดดนัก แต่แดดจ้าๆ กับสุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงของพ่อทำให้หล่อนต้องมีร่มกางติดมือไปด้วย...ก้าวช้าๆ มีร่มอยู่เหนือศีรษะมินตารู้สึกเหมือนกันว่านี่ไม่ใช่แบบฉบับของตัวหล่อนเลย“ความคิดพ่อนะ...อยากจะให้กั้นแบ่งตรงนี้ซะเลย” นายโกมุทหยุดเดิน “แยกจากบ้านใหญ่...ทำรั้วกั้นปลูกต้นไม้เสียอีกชั้นหนึ่ง เวลามินมาอยู่จะได้เป็นส่วนตัวไง” นั่นเท่ากับนายโกมุทรู้ว่าลูกสาวคนเล็กต้องการอะไร “แม่เขาเป็นคนขี้บ่นจุกจิก มินจะเข้าออกตอนไหนมองกันไม่เห็นซะ สบายใจกว่า”“แม่อาจไม่ชอบก็ได้นะ”“พ่อจะทำให้เอง มินเห็นด้วยกับพ่อไหมล่ะ”“ก็ดีนะคะ...” เพราะเนื้อที่กว้างขวางนั่นเอง หากมีรั้วแบ่งกั้นก็ยังไม่เป็นปัญหานัก ในเมื่อแนวแบ่งกั้นค่อนไปทางเรือนหลังเล็กมากกว่า ยังเหลือส่วนสนามด้านหลังอีกกว้าง “ทำได้เลยค่ะ มินจะไปหาซื้อต้นไม้มาปลูกกระหนาบแนวรั้วให้ทึบไปเอง”บ้านหลังเล็กถูกซ่อมแซมส่วนที่พุพังเสียใหม่...ฝีมือช่างไม้นั้นดีจริง สมกับที่นายโกมุทไปเฟ้นหามาโดยเฉพาะมินตาเดินดูทั่วบ้านอย
สาวิตต์สั่นศีรษะเล็กน้อยเหมือนจะระอาใจ เขามองเหมือนมินตาเป็นเด็กหญิงเล็กๆ ซุกซนคนเดิม“มินนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ไม่ยักเหมือนมิ่...”มินตาผลุดลุกขึ้นยืนทันที ทำให้สาวิตต์ตกตะลึง เสียงของหล่อนแหลมสั่น“ใช่ซิคะ มินน่ะไม่เปลี่ยนไม่ดียังไงยังงั้นเป็นตัวร้ายเสมอ แล้วคุณเอรู้ไหมว่าเขาเป็นใครกันแน่ เอาละเมื่อไม่ยอมรับว่าเขาเป็นคุณต่อ แต่รู้เอาไว้ด้วยแล้วกันว่าเขาเป็นคนรักของพี่มิ่ง...ได้ยินไหมคะ...ได้ยินหรือเปล่า”แล้วหล่อนก็วิ่งจากมา เกือบจะชนกับแหวน...แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป หล่อนวิ่นกลับบ้าน น้ำตาอาบแก้มจนนึกเกลียดตัวเองว่าเสียน้ำตาไปทำไมกัน...หล่อนไม่ควรจะร้องไห้เลย...ไม่ควรปาดน้ำตาออกไปจากแก้มจากดวงตามินตาก็สะอื้นเบาๆ อีกหน“แล้วเราพูดบ้าอะไรไปอีก ตายแล้ว...เราพูดไปได้ยังไงกันนั่น...แม่จะต้องฉีกอกเป็นชิ้นๆ ยังจะพี่มิ่งอีกคน...”//////////////////////////////////////////////////////////มิ่งขวัญกับผู้ชายคนนั้น สาวิตต์ค่อนข้างจะเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ มินตาเป็นน้องสาว มีหรือที่หล่อนจะไม่รู้ว่าพี่สาวกำลังพอใจผู้ชายคนใด พี่น้องย่อมจะพุดกันแบบเปิดอกอยู่แล้ว เขานึกถึงสิ่งที่แม่เขาคาดหวังเอ
มินตาก้าวเดินเร็วๆ หล่อนนึกเสียงใจที่ร้องไห้...น้ำตานั่นไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากระบายความเจ็บช้ำออกมาเท่านั้นเอง หล่อนยังเปราะเกินไปกับวาจาของสาวิตต์ อาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนแคร์เขามากเกินไป แคร์เพราะหลงรักเขา ซึ่งมันเป็นความผิดยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่หล่อนได้กระทำหล่อนอยากยุติมันเอาไว้เพียงแค่นี้ ไม่อยากให้ผิดนี้ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะสกัดกั้นมันเอาไว้ได้สักแค่ไหนผู้ชายไม่ได้มีเพียงแค่สาวิตต์คนเดียว เมื่อเขามองไม่เห็นน้ำใจรักของหล่อนเสียอย่างนี้แล้ว มันก็ป่วยการจะเดินต่อไปในเส้นทางที่ทำให้หล่อนเปลืองหัวใจ////////////////////////////////////////////ลักษมีมาถึงก่อนหน้าเขา มีการนัดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพบกันก่อนในส่วนที่เป็นห้องกาแฟด้านหน้าของอาคารหลังนี้ ลักษมีดูจะเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ในการแต่งตัวเรียบง่ายด้วยเสื้อตัว กางเกงตัวอย่างไม่พิถีพิถันมากนัก ยังจะแว่นสีชาเข้มนั่นอีก หล่อนไม่รู้สึกว่าโลกมืดมัวหรือไรกับยามกลางคืน แล้วยังจะต้องสวมแว่นเอาไว้บนหน้าพอเขาถาม หล่อนก็เอ่ยตอบด้วยเสียงแกมหัวเราะ“ถอดแว่นออกจากหน้า ก็มืดนะคะ แต่ทำยังไงได้ ไม่อยากให้คนเห็นแล้วจ
หล่อนเฉียดเข้ามาใกล้ และสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ มือของนายหนุ่มวางหมับมาบนไหล่แล้วบีบเบาๆ ให้แรงกระตุ้นที่ทำให้ใจของแหวนไหวระรัวหล่อนเงยหน้ามองเขา...รับรู้ในสิ่งที่ดวงตาของเขาบ่งบอก แหวนเรียนรู้ได้ไวในเรื่องทำนองนี้ แม้จะไม่เคยพบเจอมาก่อน อาจจะเป็นด้วยเหตุที่ธรรมชาติสั่งสอนให้“ยังไม่ง่วงใช่ไหม”“ยังค่ะ”“ขึ้นไปบนห้องฉันซิ”“อะไรนะคะ”แหวนตะลึง...แทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ห้องของเขา...สาวิตต์บอกให้หล่อนขึ้นไปที่นั่น...เขาบอกย้ำอีกหนแล้วโดยไม่รอหล่อนอีกก้าวยาวๆ จากไป แหวนคิดอยู่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น หล่อนก็แทบจะวิ่งถลาตามเข้าไปในบ้าน ตอนปิดประตูใส่กลอนให้เรียบร้อย มือของหล่อนสั่นจนแทบจะรู้สึกว่ามันเกะกะไปหมดแล้วทั้งที่มันก็ยังแค่สองมือเท่าเดิมพระเอกของหล่อน...เหมือนสวรรค์โปรด...มันคือโชควาสนาของหล่อนบทจะมามันก็ง่ายดายเหลือเกินง่ายจนไม่คิดล่วงหน้ามาก่อนว่าจะเป็นไปได้ ก่อนออกไปจากบ้าน เขาก็ยังทำเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง ไม่ยอมละลาย แต่พอเขากลับมา...เขากลับเรียกหล่อนขึ้นไปบนห้อง แหวนไม่ได้หวาดกลัวว่าจะมีอะไรบ้างรอคอยอยู่ข้างหน้า หล่อนขึ้นไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างยิ่ง พอประตูห้องเปิดเ
“มิน สวัสดี”ไม่เหลือรอยน้ำตาบนหน้าของมินตาอีกแล้ว ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งคืนนี่นะ... “มาแต่เช้า อยากพูดกับพี่เรื่องอะไร”มินตายังไม่ให้คำตอบกับเขาเพราะแหวนยังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ หล่อนมองแหวนเหมือนจะบอกใบ้แก่สาวิตต์ในทางอ้อมหล่อนรู้สึกเหมือนว่าแหวนเสนอหน้ามากเกินไป และท่าทีของแหวนก็ยังแปลกๆ อีกด้วย มินตาเป็นผู้หญิง สัญชาตญาณของหล่อนมีมากและละเอียดอ่อนอีกด้วยแต่มินตาไม่มีความเฉลียว หล่อนไม่ทันคิดถึงความสัมพันธ์อันเกินเลยของแหวนกับสาวิตต์ เพราะหล่อนรู้นิสัยของสาวิตต์ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ถือตัวเพียงไร หล่อนเชื่อว่าเขาจะไม่แตะต้องสาวใช้“แหวน ไปซักผ้าซิ” เขาออกคำสั่ง ทำตาดุๆ อีกแล้วนั่นทำให้แหวนหน้าม่อย หล่อนไม่อาจจะขัดคำสั่งเขาหรือทำให้เขาขุ่นเคืองใจ“แปลกๆ นะคะ” มินตาเปรย แล้วไม่ใส่ใจอีก นั่นทำให้ชายหนุ่มแอบผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก เขาเหมือนคนที่ทำผิดสะดุ้งกลัวว่าคนอื่นจะรู้ทันในสิ่งที่เขาทำลงไป“มินมาพูดเรื่องเมื่อคืนนี้ คุณเอ...อย่าใส่ใจเลยนะ”เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่าเรื่องไหน“ก็เรื่องที่มินพูดถึงพี่มิ่งกับคุณศิลา...มินปากพล่อยไปเอง พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง...ไม่ใช่เป็นคนรัก
“จะอะไร” เขาทำเสียงล้อเลียน มองหล่อนเหมือนมองเด็กหญิงอารมณ์โยเยคนหนึ่ง นั่นทำให้มินตายิ่งเดือดปุด“ฉันคงจะทำอะไรคุณไม่ได้ แต่กรรมน่ะมันมี...คุณเชื่อเรื่องกรรมไหม”“เชื่อ”เขารับคำเสียงจริงจังขึ้น “ถ้ากรรมมันหมายถึงผลการกระทำที่ได้ทำเอาไว้ ผมเชื่อมากด้วยซิ”“นั่นแหละ คุณจะได้พบเจอด้วยตัวเอง ก่อกรรมอันใดไว้ต้องได้รับผลของมัน”“ผมจะรอดูวันนั้น...”มินตาไม่มีวันเข้าใจว่าเป็นการพูดเข้าใจไปคนละเรื่องเสียแล้ว“ค่ำนี้...ผมจะรอที่บ้าน เลี้ยงข้าวสักมื้อ”“ทีหลังไม่ต้องลำบากมากบอกฉันด้วยตัวเองนะคะโทร. ศัพท์ก็มี โทร. มาก็ได้”“ไม่รู้นะ” เขาทำเสียงไม่รู้ไม่ชี้ เช่นเดียวกับสีหน้าของเขานั่นเอง “อาจจะเพราะผมอยากมาเห็นหน้าคุณล่ะมั้ง”“อะไรนะ...” ตาปริบๆ เสียงหลงทีเดียว เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน”“อยากเห็นหน้า ทำให้กระชุ่มกระชวยดี” ดวงตาของเขามองจับนิ่งเฉพาะริมฝีปากของหล่อน เท่านั้นเองก็ทำให้มินตาแทบจะทำอะไรไม่ถูก หล่อนหวนรำลึกถึงพฤติกรรมดิบห่ามของเขา รสรอยของการจูบนั้นยังอยู่ในความทรงจำของหล่อน มันราวกับฝันร้ายที่มินตายังลืมไม่ลงผสมผสานกับความรู้สึกแปลกๆ ที่หล่อนไม่กล้าจะค้นหาว่ามันเป็นอะไรก
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่