สาวิตต์โทร. มา บอกกล่าวในเรื่องที่ศิลาคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว การตอบตกลงของมิ่งขวัญเรื่องแต่งงาน “มิ่งยอมโอเคด้วยแล้วล่ะฮะ คุณคงจะไม่ลืมสัญญาที่บอกกับผมเอาไว้ น้ำหนักของมิ่งน่ะสี่สิบเก้ากิโลกรัม”ความละโมบโลภมากของสาวิตต์ได้ปรากฏออกมาอย่างปิดไม่มิดเอาเสียเลย“ครับ ทองสี่สิบเก้าบาท...เอาเป็นว่าผมเพิ่มให้อีกบาทหนึ่งเป็นห้าสิบบาทแล้วกัน ของขวัญจากผม”“ผมขอเป็นเงินสด” เสียงตอบมาร้อนรน “จ่ายเป็นเช็คเลยได้ไหมตามมูลค่าทองในราคาตลาดปัจจุบัน”“ได้น่ะได้อยู่ แต่ผมจะแน่ใจได้อย่างไรกันว่าคุณจะแต่งกับมิ่งขวัญจริงๆ ไม่เปลี่ยนเป็นอื่น เรื่องแบบนี้เล่นไม่ได้นะครับ ผมกลัว...”“แต่ผมต้องการเงินด่วนจี๋”“ผมจ่ายสำรองให้ก่อนก็ได้...” ศิลาทำใจป้ำ “คุณมีอะไรมาค้ำประกันล่ะงวดนี้”“ที่ดินบ้านผม”ยากเย็นเอาการอยู่เหมือนกันที่ศิลาจะไม่ส่งเสียงลิงโลดออกมาเวลาที่เขารอคอยมาได้ย่างเข้ามาหาเขาแล้ว ชายหนุ่มควบคุมเสียงตอบกลับไปในระดับเดิม “เอาซิเพื่อคุณ มีอะไรบ้างที่ผมจะขัดข้องไม่อำนวยความสะดวก คุณจะมาเมื่อไหร่ จะได้เขียนสัญญากัน แล้วคุณรับเงินไปเลย คืนนี้หรือ...โอเค มาได้เลย”เขาเปิดทางสะดวกให้ ก่อนจะวางโทร. ศัพท์ลง สี
พิมสุดาส่ายหน้าน้อยๆ“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ทำแบบนั้นอาจจะได้สมปรารถนานะ แต่เป็นศิลา ฉันกล้าจะแน่ใจว่าเขาไม่ยอมหยุดตัวเองกับปฏิบัติการตามตื๊อของผู้หญิง ฉันเข้าใจว่าเธอคิดแบบนี้และรู้จักนิสัยของเขาอีกด้วย ฉันถึงไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้ ตราบจนมีวันนี้วันที่เธอมั่นคงดีพอแล้ว ความสุขมีอยู่ในมือแล้วไม่ใช่หรือ แวว”“มันคงจะเป็นโชคชะตาจริงๆ” แววรัตน์ยิ้มอย่างขมขื่นใจ “แววมีความสุขค่ะ...คิดว่ามี...เพราะเขาดีเหลือเกิน ไม่เคยคิดถึงอดีตของแวว และเริ่มต้นใหม่ให้โอกาสใหม่กับแวว”“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนี้ เธอกำลังจะเป็นบัวที่พ้นน้ำนะ ไม่เหมือนอีกหลายคนที่ทำให้ฉันเป็นห่วง ยังต้องเดินทางอีกยาวไกลในถนนสายกามของคนกลางคืนมันมีแต่จะแปดเปื้อนสกปรกและทำให้โอกาสทองของชีวิตตกหายไป เมื่อฉันหยุดและคิดทบทวนดูฉันรู้ว่างานอาชีพนี้แม้จะยืนยันกับตัวเองสักเท่าไหร่ว่าสุจริต แต่ก็มีเรื่องทำให้ตะขิดตะขวงใจได้มากเอาการเชียว”“คุณแหม่มก็มีโอกาสเหมือนที่แววมี และอาจจะมากกว่า”“ไม่มากกว่า อย่าลืมซิว่าผู้พันพีระมีภรรยาอยู่แล้ว ฉันเป็นเพียงบ้านเล็กที่รอคอยการมาของเขา...แต่ฉันก็สงบใจรอได้ รอส่วนแบ่งที่จะปันมาให้ ฉันยอม
“ยายมิ่ง” เขาเรียกหล่อนเนิบๆ มองดูหญิงสาวที่เคลื่อนตัวออกมาหาด้วยแววตาตกใจอยู่ไม่น้อยทำไมมิ่งขวัญดูทรุดโทร. มปานนั้น ไม่ผ่องแผ้วเอาเสียเลยดวงหน้าซูบดวงตาลึกโรยและใต้ขอบตาเป็นวงคล้ำไปหมด“ลูกก็ย่อมเป็นลูกวันยังค่ำ ถ้าเขายอมรับลุงได้ว่าเป็นพ่อของเขา ลุงน่ะยอมรับเขานานแล้วตั้งแต่ลุงรู้ระแคะระคายว่าเขายังไม่ตาย แต่เขาไม่ยอมรับลุง...ที่เกลียดเขาน่ะลุงขอก็แล้วกัน อย่าเกลียดเขา...เพียงเพราะว่าเขาเป็นแค่ลูกเมียน้อย...ลูกเมียไหนก็คนเท่าๆ กันกับหนูเป็นอยู่นะ”เป็นการประจันหน้ากันพร้อมทั้งสามคนพ่อแม่ลูกและยังมีมิ่งขวัญมาเพิ่มคนหนึ่ง สาวิตต์นึกเบื่อในเรื่องที่สนทนากันเป็นที่สุด มันเหลวไหลมากสำหรับเขา มันไม่น่าจะเป็นไปได้กับการที่คนตายแล้วจะฟื้นได้ แถมยังฟื้นขึ้นมาเป็นคนอีกคนหนึ่งซึ่งเขายังต้องพึ่งพาอาศัยอยู่“คุณเอต้องเชื่อนะคะ ว่าศิลาคือต่อ ใช่เขาจริงๆ คนคนเดียวกันเขาหลอกคุณเออยู่นะคะ”“พูดเหลวไหลไปได้ ยายมิ่ง”“มิ่งไม่ได้เหลวไหล ที่จริงถ้ามิ่งเชื่อยายมินแต่แรก คงจะไม่ถลำไปรักเขาแน่นอน แต่มิ่งรู้เมื่อสายแต่ยังไม่สายเกินไป” สีหน้าหมองคล้ำจัดของมิ่งขวัญทำให้คุณสีดาจับตามองอยู่นานแล้วเธอก็อดจะถามอ
เสียงตะโกนเรียกเหวกเหวกอยู่หน้าประตูบ้านกับเสียงกระดิ่งของรถสามล้อทำให้มินตาชะโงกหน้าออกมามองทางหน้าต่าง แล้วหล่อนก็เห็นธันวายืนอยู่ตรงหน้าประตู ใจของหล่อนเต้นแรงขึ้น อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนในยามยาก ธันวาไม่เคยทอดทิ้งหล่อนเลย เชียงใหม่ไม่เคยไกลเกินสำหรับเขา“เอะอะไปได้ ชาวบ้านจะมาด่าเอา”“ด่าก็ด่าไป ฟังรู้เรื่องเรอะ สำเนียงพื้นบ้านหน็องแหน็ง น่ะ” เขาก้าวผ่านประตูที่เปิดให้เข้ามา และเป็นฝ่ายปิดประตูเสียเอง ตาก็มองดูประตูเหมือนจะชั่งใจอยู่ว่าควรจะเปลี่ยนแปลงให้แข็งแรงกว่านี้หรือไม่“ที่นี่ปลอดภัยพอ...คนที่นี่ดีๆ กันทั้งนั้น”หล่อนอ่านความคิดของเขาออก “ประตูไม้ก็ป้องกันฉันได้แล้ว นั่นนายหอบหิ้วอะไรมารุงรังไปหมด ฉันอยู่นี่ไม่อดอยากหรอกนะ”“เออน่า...กลัวกินไม่ได้ ก็เลยหอบมาบ้าง”แววตาของมินตาทวีความซาบซึ้งจนเห็นน้ำตาใสขังคลอ“อย่าทำเป็นดีใจหน่อยเลย เดี๋ยวฉันจะกำเริบหลงตัวเอง...” ธันวาเบนให้เป็นเรื่องชวนหัวเราะ “ไว้วันหน้าหล่อนอาจจะต้องช่วยฉันบ้างก็ได้ วันนี้ฉันช่วยให้ติดค้างเป็นหนี้บุญคุณฉันไว้ก่อน”“ธัน ฉันไม่มีใครอีกแล้วนอกจากนาย...”“พูดให้ปลื้ม”“จริงๆ นะ...บางทีฉันอาจจะต้องขอความช่วย
ศิลามีม้วนกระดาษมาด้วยในมือ...เขาค่อยๆ แกะมันออกแล้วคลี่สะบัดลงบนพื้นโต๊ะตรงหน้าของคนทั้งสอง พูดด้วยเสียงเรื่อยๆ“ผมถ่ายเอกสารมาให้ดู...คิดซะว่าดูเล่นก่อนแล้วกันครับ ตัวจริงผมเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี”คุณสีดาคว้าหมับไปดู ก่อนจะหน้าซีดปากสั่นระริกแล้วก็พลันกรีดเสียงร้องโหยหวนออกมาเหมือนบาดเจ็บอย่างหนัก...เธอถลันลุกขึ้น ทำท่าเหมือนจะเข้ามาประทุษร้ายร่างกายของเขา แต่ศิลาห้ามเอาไว้ด้วยเสียงเรียบเย็น“จะกล้าถูกตัวผมหรือครับ ไม่คิดหรอกหรือว่าจะเสียเกียรติยศของตัวเองไป”คุณสีดาชะงัก แล้วเธอก็โอนเอนทำท่าจะล้มมิล้ม มือเท้าขอบโต๊ะไว้จนเกร็ง หน้าแปรสีจากขาวซีดไปเป็นเขียวที่ศิลามองอย่างสาแก่ใจนัก“เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าผมมีสิทธิ์อะไร”“แกทำมันขึ้นมา แกหลอกลวงฉ้อฉล”ชายหนุ่มจุ๊ปากเหมือนจะห้าม“พูดอะไรแบบนั้น ผมไม่กล้าเสี่ยงกับกฎหมายหรอกครับ เพราะผมยังมีอนาคตดีๆ ผมไม่อยากเข้าไปอยู่ในคุก แต่ลูกชายคุณน่ะไม่แน่...เขาเอาเงินไปจากผมมากมาย เขาเอาของในบ้านค้ำประกันไว้ สุดท้ายเมื่อคืนนี้เองสดๆ ร้อนๆ บ้านหลังนี้ที่ดินแปลงนี้...เขาเอาเช็คของผมไปแล้ว...ป่านนี้ผมว่าเขาแลกเช็คไปเรียบร้อยแล้วด้วย อาจจะกำลังสนุกอยู่
นั่นเป็นความรู้ใหม่ที่ศิลาเพิ่งจะรู้...ผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางสู้ชีวิตคนนั้นน่ะหรือเลี้ยงคนทั้งบ้าน เขานึกถึงสมัยยังเยาว์ของหล่อน ตอนนั้นหล่อนเป็นแค่ตัวยุ่งและแก่นซนคนหนึ่งไม่นึกว่าจะเติบโตมีความสามารถเพียงนี้“ถ้าคุณเจอเธอบอกด้วยว่าปรางเป็นห่วง”“ถ้าฉันได้เจอ...” น้ำเสียงของศิลาปร่า เขานึกถึงเมืองเชียงใหม่...ให้กว้างเท่ากว้าง ให้หมดเปลืองเงินเท่าไหร่เท่ากันที่เขามีอยู่ เขาจะทุ่มเทเพื่อติดตามหาตัวเธอให้จงได้“ฉันจะบอกให้...แล้วฉันจะพาเธอกลับมาบ้าน ให้ปรางเจอเธอด้วยตัวเองเลยดีไหม”เขาเดินผ่านปรางเข้ามา...ไม่อาจมั่นใจมากนัก แต่เขาก็ยังมีความหวังอันเลือนรางอยู่ว่าเขาน่าจะได้พบมินตาอีก...เขาจะไม่หมดความพยายามในการติดตามค้นหามินตาเป็นอันขาด//////////////////////////////มิ่งขวัญได้เห็นศิลาแล้ว หล่อนนิ่งไปเหมือนถูกสาปให้แข็งเป็นหินไปเสียแล้ว หล่อนอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยความเคียดแค้น แต่ไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมา นอกจากอาการแน่นในอก และมือเย็นเฉียบ หล่อนไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา หล่อนกลัวว่าเขาจะตามมาถากถางและเย้ยเยาะหล่อน เสียดายวันคืนที่ล่วงผ่านที่ทุ่มเทไปทั้งตัวและหัวใจเพื่อจะได้รู้ในภายหลั
มิ่งขวัญเคลื่อนตัวเข้ามาให้เขาได้เห็น นายโกมุทเห็นลูกสาวคนโตรื้อในกระเป๋าเงินที่เขาวางเอาไว้“มิ่งจะเอาที่อยู่ยายมิน” หล่อนบอก “พ่อน่าจะบอกมิ่งเสียแต่แรก”“ไม่ได้นะ”“ทำไมล่ะคะ...หรือพ่อไม่อยากให้มิ่งไปรับน้องกลับบ้าน พ่อจะกีดกันพวกเราพี่น้องไปทำไมกัน”หล่อนไขว้มือไปข้างหลังเมื่อนายโกมุทโผเข้ามาหา คำพูดของศิลาทุกคำเมื่อสักครู่หล่อนได้ยิน เจ็บปวดสะเทือนใจและชิงชังมันคละเคล้ากัน มิ่งขวัญรู้ว่าหากไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง มันจะเป็นเนื้อร้ายที่อยู่กับหล่อนไปจนชั่วชีวิตทีเดียว“มิ่งยังทำไม่ถูกใจพ่อหรือคะ”“มิ่งไม่มีเจตนาดี”“นั่นกล่าวหามิ่งมากเกินไปแล้ว” หล่อนถอยห่างออกมา นายโกมุทยังตามติดมา แต่มิ่งขวัญไม่สนใจอีก จนกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนล้มโครมลงข้างหลัง พอหันกลับมาหล่อนยกมืออุดปากตัวเองกั้นเสียงร้องไม่ให้เล็ดลอดออกมา ดวงตาเบิกโพลงเมื่อพ่อล้มฟาดลงบนพื้นทั้งยืนคุณมารศรีร้องเสียงหลงเมื่อเห็นดังนั้น ถึงเขาจะเป็นสามีที่เคยประพฤติตัวนอกใจเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาและอยู่กันต่อมาเหมือนคนแปลกแยกต่อกัน แต่เขาก็ยังเป็นสามีเคยเห็นหน้าอยู่ร่วมบ้าน เธอถลาเข้าไปหา...“มิ่งขวัญ...” เขาเงยหน้าเรียกลูกสา
“ไปทัวร์ หรือถ้ามีเครื่องก็ไปเครื่อง”หล่อนพยักหน้า สุดแต่ธันวาจะจัดการให้เถิด ตอนนี้หล่อนขอแต่ได้โทร. กลับไปบ้าน มิทันธันวาจะห้ามปรามว่าหล่อนจะต้องรู้เมื่อไปถึง มินตาก็ดื้อดึงนัก “ให้ฉันได้รู้เสียก่อนว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง”หล่อนได้ยินเสียงมิ่งขวัญรับสาย “พี่มิ่ง มินนะ...พ่อเป็นอะไร...”“หกล้ม...เพราะแกแหละ ยายมิน” น้ำเสียงกล่าวหามาเกือบจะทันทีนั้น “พ่อยังเจ็บหนักมากเลยนะ ไม่รู้ตัวเอาเสียเลย”“มินกำลังจะกลับไปดูพ่อ”“แกรีบมาแล้วกัน เดี๋ยวจะไม่ทันดูใจ”“อย่าพูดแบบนั้นซิ พ่อจะยังไม่ตายง่ายๆ”“แกเป็นใครกัน...ถึงคิดว่าคำพูดของแกจะเป็นประกาศิตทำให้พ่อไม่ตายน่ะ”มิ่งขวัญโกรธหล่อน...ความโกรธยังคงอยู่ยังไม่หายไปไหนทั้งสิ้น นอกเหนือจากเรื่องเดิมๆ นั่นแล้วยังเพิ่มเรื่องพ่อมาอีกด้วย มินตาร้องไห้ให้ธันวาต้องปลอบโยนเอาไว้ เขาโอบบ่าหล่อนเข้ามาใกล้ๆ ภาพนั้นเมื่อมองจากระยะไกลทำให้ผู้ติดตามธันวายืนนิ่ง และซึมซับเหมือนเก็บรายละเอียดเอาไว้รายงานต่อเจ้านายของเขา“เพราะฉันอีกแล้ว”มินตาเสียงเครือ “ฉันยังไม่รู้รายละเอียด แต่พี่มิ่งว่าพ่อหกล้ม เพราะฉัน...”“เป็นได้ไง...” ธันวากังขา “มินมาอยู่นี่ จะเป็นตัวการไ
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่