หลายวันต่อมา ทุกหน่วยถึงแล้วหยุนเจิงระดมแม่ทัพทุกหน่วยงานประชุมกันที่ชายแดนต้าเฉียนและเป่ยหมัวถัวเป็นอันดับแรกจู่หลู่หัวหน้าเป่ยหมัวถัวก็ถูกเรียกมาด้วยภายในกระโจมใหญ่ หยุนเจิงและแม่ทัพทุกหน่วยยังไม่ได้นั่งกลางกระโจมใหญ่ เป็นถาดทรายที่หยุนเจิงทำด้วยความเร่งรีบง่ายๆไม่มีการกล่าวมากความ หยุนเจิงตรงเข้าประเด็น แจ้งนโยบายเชิงกลยุทธ์ของเขาให้ทุกหน่วยทราบอย่างชัดเจน“ฮ่าๆ องค์ชานแผนการนี้ดี!”“คราวนี้ พวกเราเท่ากับโยนปัญหายากไปให้ทัพศัตรูแล้ว!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าทัพศัตรูจะโจมตีหรือไม่ สำหรับพวกเราแล้วล้วนเป็นประโยชน์!”“ยึดตามแผนการขององค์ชาย พวกเราก็เท่ากับกลับมาเป็นฝ่ายกุมอำนาจในการต่อสู้ครั้งนี้อีกครั้ง”“เป็นองค์ชายที่สายตามองการณ์ไกล พวกเราคนมากมาย กลับไม่มีสักคนคิดถึงจุดนี้...”เมื่อฟังแผนการของหยุนเจิงจบ ทุกคนต่างตบมือร้องว่าดี จากนั้นก็ถือโอกาสประจบหยุนเจิงมองขาดเรื่องนับพันหมื่น ยกเว้นเพียงประจบสอพลอแม้หยุนเจิงจะไม่มีมาดใด แล้วก็ไม่ต้องการให้ใครมาประจบสอพลอ แต่ได้รับการประจบสอพลอบ้างก็ไม่ได้เลวร้ายอีกทั้ง แผนการนี้ยอดเยี่ยมจริงๆรอจนศัตรูได้รับข่าวพวกเขาส
เมืองที่ประชากรสี่แสนกว่าคน หากอยู่ที่ต้าเฉียนก็นับว่าเป็นเมืองใหญ่ นับประสาสิ่งใดกับโฉวฉื่อหลายปีผ่านมา ไม่ว่าระบอบการปกครองของโฉวฉื่อจะเปลี่ยนแปลงเช่นไร เมืองอวี้เฟิงเป็นเมืองหลวงไม่เคยเปลี่ยนแปลงลึกเข้าไปในพระราชวัง หยวนซู่กษัตริย์โฉวฉื่อกำลังฟังรายงานจากขันทีเหยาชั่วเทวะรูปสำแดงฤทธิ์!เมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอวี้เฟิง ปรากฏเทวะรูปองค์หนึ่งขึ้นเทวะรูปองค์นั้นทุกวันจะงอกขึ้นมาหนึ่งนิ้ว อัศจรรย์มากตอนนี้ ถึงขั้นคนจำนวนไม่น้อยในเมืองอวี้เฟิงไปกราบไว้เทวะรูปที่สำแดงฤทธิ์ทางนั้นตามการงอกที่สูงขึ้นของเทวะรูปนั้น คำทำนายบนเทวะรูปก็เลื่องลือออกมาสำหรับคำทำนายประโยคนี้ มีการตีความจากชาวบ้านมากมายทว่า เนื่องจากชาวบ้านโดยพื้นฐานแล้วไม่รู้ว่าโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์กำลังแสดงละครกัน ดังนั้นคนมากมายจึงตีความหมายคำทำนายนี้ว่าโฉวฉื่อสุดท้ายจะเอาชนะแคว้นต้าเย่ว์ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านมากมายในแคว้นโฉวฉื่อถึงขั้นฉลองชัยชนะล่วงหน้า“เกล็ดทองคำในบ่อน้ำ พบพานวายุเมฆาแปรเปลี่ยนเป็นมังกร...”หยวนซู่พึมพำเบาๆ ลิ้มรสชาตของประโยคนี้อย่างละเอียด หันไปมองซาติงที่อยู่ข้างกาย “ราชครู เจ้าว่าป
ไม่นาน ขุนนางใหญ่ของโฉวฉื่อทยายกันมาในพระราชวังหยวยซู่นั่งบนบัลลังก์ ให้เหยาชั่วบอกสถานการณ์เคร่าๆ กับขุนนางทุกคนความจริง ต่อให้เหยาซูไม่พูด คนมากมายต่างรู้เรื่องนี้ถึงเช่นไร โฉวฉื่อสถานที่เล็กเพียงเท่านี้เรื่องเทวะรูปสำแดงฤทธิ์ ได้แพระสะพัดไปทั้งเมืองหลวงแล้วขุนนางใหญ่มากมายถึงขึ้นนำเรื่องนี้เขียนฎีกาเสร็จแล้ว ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ค่อยถวายฎีกาของตัวเองนึกไม่ถึง หยวนซู่ตจะเรียกระดมพวกเขามาหารือเรื่องนี้ก่อนหนึ่งก้าวแล้วรอเหยาชั่วกล่าวจบ หยวนซู่ไม่ได้ถามเรื่องคำทำนายกับเหล่าขุนนาง เพียงถามทุกคน มีวิธีใดสามารถทำให้เทวะรูปงอกสูงขึ้นตามธรรมชาติทุกวันหรือไม่หยวนซู่แม้จะไล่ตามความปรารถในการเป็นอมตะและบรรลุเซียนดั่งเช่นกษัตริย์คนอื่นๆ แต่เขาไม่ใช่กษัตริย์ที่โง่เขลาโดยสมบูรณ์เรื่องนี้ เขาเองก็เคยสงสัยว่าสายต้าเฉียนแทรกซึมเข้ามาก่อความวุ่นวายที่โฉวฉื่อแต่ภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องทำให้กระจ่าง ก็คือเหตุใดเทวะรูปจึงงอกสูงขึ้นตามธรรมชาติทุกวันหากมีคนสร้างความวุ่นวาน เรื่องนี้ก็สามารถกลายเป็นแค่เรื่องขบขันแต่หากเป็นคำทำนายจากสวรรค์จริง เช่นนั้นเขาก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญแล้ว
“เจ้าคิดว่าหยุนเจิงฆ่าง่ายดายเช่นนั้นหรือ? เจ้ารู้ได้เช่นไรนั่นไม่ใช่แผนการร้ายของหยุนเจิง?”“ใครจะรู้เล่า? เถี่ยสงไม่ลองดู เหตุใดจะรู้ว่าฆ่าหยุนเจิงไม่ได้?”“นั่นสิ ต่อให้เถี่ยงสงไม่มีใจก่อกบฏ การกระทำนี้ก็ขี้ขลาดอย่างไม่ต้องสงสัย!”“ภารกิจของแม่ทัพเถี่ยคืออารักขาด่านเทียนฉง รับประกันว่าจะไม่สูญด่านเทียนฉง! ระวังสักหน่อย ผิดตรงที่ใด?”“เจ้ายืนยันได้เช่นไรว่าเขาระมัดระวัง ไม่ใช่มีเจตนาแอบแฝง?”“……”ฉับพลันนั้น เหล่าขุนนางโต้เถียงกันต่อหน้าหยวนซู่ไม่ว่าแคว้นใดล้วนมีความแตกแยก ไม่ว่าแคว้นใดล้วนมีขุนนางจงรักภักดีและขุนนางชั่วเวลานี้ ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันอุตลุด ใครต่างก็ไม่ยอมใครฟังเสียงทะเลาะวิวาทอยู่ข้างหู สีหน้าของหยวนซูยิ่งอยู่ยิ่งแย่ยังมีอีกเรื่อง ขุนนางในราชสำนักไม่รู้เขาได้รับรายงายลับ ลูกชายของเถี่ยสงและรองแม่ทัพร้องขอ คิดอยากนำทัพจู่โจมสังหารหยุนเจิงแต่เถี่ยสงกลับขัดขวางทั้งสองคนเด็ดขาด ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีความคิดส่งทหารจู่โจมสังหารหยุนเจิงแม้แต่น้อยการกระทำนี้ของเถี่ยสง แท้จริงแล้วเป็นความระแวดระวังหรือความหวาดกลัว หรืออาจเป็นอย่างอื่น ตอนนี้ไม่อาจกล่าวได้ในตอ
รายงานกองทัพด่วนที่มากะทันหันอีกครั้งทำให้เหล่าขุนนางสงบลงเป็นรายงานกองทัพด่วนของอวี้ไท่?กองทหารมณฑลทางเหนือเริ่มบุกโจมตีแล้วหรือ?ไม่นาน รายงานกองทัพด่วนที่อวี้ไท่ส่งกลับมาก็อยู่ในมือหยวนซู่หยวนซู่เปิดรายงานกองทัพด่วน อ่านรายละเอียดเนื้อหาอ่านไปอ่านมา สีหน้าของหยวนซู่เปลี่ยนไปทันทีเห็นสีหน้าของหยวนซู่ไม่ถูกต้อง ภายในใจของเหล่าขุนนางหวาดหวั่นเห็นได้ชัด สิ่งที่หยวนซู่ได้รับไม่ใช่ข่าวดีอีกทั้งยังเป็นรายงานกองทัพด่วน!หรือว่า เป็นเหมือนที่พวกเขาคิด ต้าเฉียนเริ่มเคลื่อนไหวโจมตีแล้ว?กองทัพแนวหน้าพ่ายแพ้แล้ว?กองกำลังหลักของโฉวฉื่อรวมพลอยู่ที่แนวชายแดนของแคว้นต้าเย่ว์เพื่อรวมกองหนุน เมืองมากมายด้านหลังของพวกเขาโดยพื้นฐานนับว่าไร้การป้องกันหากกองทัพของอวี้ไท่พ่ายแพ้ โฉวฉื่อก็จบเห่แล้ว!คราวนี้ ไม่ว่าเป็นขุนนางจงรักภักดีหรือขุนนางชั่วต่างก็ตึงเครียดขึ้นมาทุกคนต่างก็มองหยวนซู่ตาปริบๆ อยากรู้อยากเห็นเนื้อหาในรายงานด่วนทว่า หยวนซู่เดิมทีก็ไม่ได้สนใจกลุ่มขุนนางความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่รายงานกองทัพด่วนจนกระทั่งหยวนซู่พลิกอ่านจดหมายในมือหลายรอบ จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน
ครั้งนี้พันธมิตรสามแคว้นรับมือกองทหารมณฑลทางเหนือด้วยกัน ก็เพื่อยับยั้งกองทหารมณฑลทางเหนือหากเปลี่ยนให้กองทหารมณฑลทางเหนือพัฒนาต่อไป ช้าเร็วก็จะเป็นภัยคุกคามถึงความปลอดภัยของพวกเขาหากต้องสร้างป้อมปราการ ตั้งนานพวกเขาทำสิ่งใดอยู่?เหตุใดทำเช่นนี้?หลังถกเถียงลึกเข้าไป คิ้วของคนไม่น้อยล้วนขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆวิธีนี้ของกองทหารมณฑลทางเหนือ เหนือความคาดหมายของทุกคนตอนนี้ คนจำนวนมากล้วนเข้าใจความกลัดกลุ้มของอวี้ไท่แล้วอวี้ไท่เป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของโฉวฉื่อ ย่อมต้องเห็นปัญหาในเรื่องนี้ตอนนี้ คำถามอยู่ตรงหน้าโฉวฉื่อ เป็นฝ่ายบุก มีอันตรายอย่างยิ่งถึงเช่นไร ผู้บัญชาการหลักของกองทหารมณฑลทางเหนือก็คือหยุนเจิงต่อให้คนที่บ้าระห่ำที่สุดของโฉวฉื่อก็ไม่กล้าบอกว่าหยุนเจิงที่นำทัพกองทหารมณฑลทางเหนือเอาชนะเป่ยหวนเป็นคนไร้ความสามารถต่อสู้กับหยุนเจิง หรือเป็นฝ่ายบุกโจมตี ต่อให้กำลังทหารของพวกเขาครองความได้เปรียบ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้ารับประกันผลลัพธ์หากไม่เป็นฝ่ายบุก ปล่อยให้กองทหารมณฑลทางเหนือสร้างป้อมปราการตามใจชอบ ก็เท่ากับมองดูกองทหารมณฑลทางงเหนือถือมีดพาดอยู่บนลำคอของโฉวฉื่อหน้าตาเฉย
แม่น้ำซัวเล่ยหยุนเจิงได้พาคนเดินหน้าไปสำรวจด้านบนแม่น้ำซัวเล่ยแล้วด้านบนแม่น้ำสามารถขุนแหล่งน้ำได้ ทว่าปริมาณนั้นไม่อาจกักเก็บได้มากเกินไปอย่างน้อย เขาไม่จำเป็นต้องกังวลทัพศัตรูจะใช้น้ำทำลายทัพหลังยืนยันเรื่องนี้ หยุนเจิงจึงได้สั่งคนเลือกสถานที่ตั้งค่ายและสร้างกำแพงป้อมปราการหยุนเจิงครั้งนี้กำลังทหารระดมเอาไว้ไม่นับว่ามากกองทัพรับใช้ของฟู่เทียนเหยียนและฮั่วกู้ต่างมีหนึ่งหมื่นห้าพันคน รวมกับกองกำลังทหารม้าห้าพันคนของเฝิงอวี้ บวกกับกองทหารโลหิต กองกำลังเติ่งเป่า แล้วก็ทหารองครักษ์ของเขาห้าพันคนอีกอย่าง ยังมีกองทัพเป่ยหมัวถัวสามพันคนของจู่หลู่นับอย่างเต็มจำนวน ก็มีจำนวนสี่หมื่นคนโฉวฉื่อและแคว้นต้าเย่ว์ระดมกำลงทหารมีถึงสองแสนคนต่อให้ตัดพลเมืองขนส่งเสบียงอาหารออก ทหารที่ทำศึกได้ของทั้งสองแคว้นน่าจะมีหนึ่งแสนกว่าคนยังคงมีความเหลื่อมล้ำทางอำนาจอีกทั้ง ศักยภาพกำลังศึกของกองทัพรับใช้ของฟู่เทียนเหยียนไม่อาจกล่าวได้แม้กองทัพรับใช้เหล่านี้ฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่สุดท้ายสมาชิกก็ซับซ้อนบนสนามรบ กองทัพประเภทนี้สามารถใช้กำลังรบได้มากเพียงใด ใครก็ไม่อาจรู้ได้ชัดเจนเวลาผ่
ในเมื่อหยุนเจิงยืนยันเช่นนี้ แสดงว่าหยุนเจิงมีความมั่นใจว่าทำเครื่องยิงหินชนิดนี้ออกมาได้พวกเรามีกำแพงสั้นๆ แบ่งแยกทัพศัตรู แล้วก็มีอาวุธป้องกันเมืองขนาดใหญ่ ต่อให้ทัพศัตรูสองแสนคนล้วนทำศึกได้ พวกเขาก็กล้างัดข้อกับศัตรูขณะที่ทุกคนต่างดีใจ ฉินชีหู่ชะโงกหน้าขึ้นมา “น้องชาย ผ่านไปตั้งนานแล้ว สามแคว้นนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด? หากทัพศัตรูไม่บุกโจมตี ต่อให้เจ้าสร้างเครื่องยิงหินออกมาแล้ว ก็ไม่ใช่ประโยชน์!”“ไม่เป็นไร”หยุนเจิงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ตราบใดที่พวกเขาไม่สนใจ พวกเราก็สร้างป้อมปราการต่อไป! ตอนนี้ไม่ควรเป็นพวกเราที่ร้อนใจ แต่น่าจะเป็นศัตรูของพวกเราร้อนใจ!”เขาปรารถนาอย่างยิ่งให้ทัพศัตรูไม่สนใจพวกเขาทัพศัตรูไม่สนใจ พวกเขาก็สามารถทำเรื่องของพวกเขาต่อไปในสถานการณ์ท่ามกลางคนมากมาย ให้เวลาเขาสองเดือน เขาสามารถสร้างกำแพงเมืองที่สมบูรณ์ออกมาได้แม้จะหยาบไปหน่อย แต่มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อกองทหารและการป้องกันอย่างแน่นอน“ข้าหวังให้พวกเขาบุกโจมตี”ฉินชีหู่เงยหน้ามองไปที่ไกล จากนั้นก็ถาม “เจียเหยาทางนั้นมีข่าวหรือไม่?”“ไม่มี”หยุนเจิงส่ายหน้า “เจียเหยาไม่หุนหันพลันแ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่