เรื่องอาหารทะเลยังวนเวียนอยู่ในหัวของหยางเสี้ยว อีกอย่างเด็กชายต้องการไปที่เมืองไห่เหอ เพราะอยากจะรู้ว่าทะเลที่เมืองไห่เหอเป็นแบบไหน มีที่ทางเหมาะให้ทำนาเกลือหรือไม่ ที่แคว้นต้าโจวมีทะเล แต่กลับต้องซื้อเกลือจากต่างแคว้น มันช่างเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองมาก ถ้าหากสามารถทำนาเกลือได้ ประชาชนจะมีงานทำเพิ่ม
“เช่นนั้นก็เหลือแค่หยวนเป่าแล้วล่ะ ส่วนอาชิงกับอาเชวียน ท่านลุงเจ้าไม่ขัดข้องแน่นอน”“ขอรับท่านพ่อ ข้าอยากไปลองดูเสียหน่อยว่าจะสามารถทำเกลือมาใช้เองได้หรือไม่”“นี่ลูกพูดจริงหรือ ลูกรู้วิธีทำเกลือได้เยี่ยงไร"“ลูกยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ขอลองดูก่อนขอรับ เหมือนเคยเห็นในหนังสือบันทึกการเดินทางสักเล่มเข
เช้าวันต่อมาหยางเสี้ยวออกเดินทางไปอ้ายโจว เพื่อไปหาตู้ป๋อ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านลุงบุญธรรมหรือไม่ โดยปกติแล้วท่านลุงจะนำเงินค่าเช่าร้านมาให้เองถือโอกาสมาเยี่ยมน้องสาวกับหลาน ๆ ด้วย แต่ระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมานี้เขากลับไม่ได้ไปด้วยตัวเอง กลับให้คนอื่นไปแทน เสิ่นซื่อเองไม่วางใจกลัวว่าจะเกิดเรื่อ
“ท่านลุง ข้าว่าท่านต้องไปเชิญพระที่วัดมาหรือไม่ก็ไปเชิญนักพรตมาแล้วล่ะขอรับ”“เชิญมาทำไมรึอาเสี้ยว”“ก็บ้านท่าน ขนาดกลางวันแสก ๆ ยังมีผีเปรตออกมากรีดร้องเสียขนาดนี้ ท่านยังจะอยู่ไหวอีกหรือขอรับ แบบนี้ต้องให้นักพรตมาปัดเป่าแล้วขอรับ เผื่อว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น จะได้เลิกถูกรังควานเสียที คนในบ้านเองก็จะ
เช้าวันรุ่งขึ้นหยางเสี้ยวรีบไปที่บ้านใหญ่ทันที เสิ่นซื่อที่เห็นลูกชายกลับมาก็ดีใจมาก นางรีบจูงมือบุตรชายเข้าไปนั่งในห้องโถง จากนั้นให้สาวใช้ยกน้ำชากับขนมมาให้เขากินรองท้องก่อน ประเดี๋ยวจะได้กินมื้อเช้าด้วยกัน“ท่านแม่ ท่านลุงไม่เป็นไรขอรับ เพียงแต่ว่ามีความยุ่งยากเรื่องงานนิดหน่อย แล้วก็มีสตรีมาตามร
“ก็ถูกเลือกจากบรรพบุรุษต้นตระกูลหยางเช่นไรเล่าขอรับท่านป้า ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนตระกูลหยางเคยรุ่งเรืองหรือขอรับ”“อาเสี้ยว นี่เจ้ารู้ เจ้ารู้ได้เช่นไร ผู้ใดบอกเจ้ากัน” “ก็บรรพบุรุษต้นตระกูลบอกข้าน่ะสิท่านย่า ท่านย่าอย่าได้กังวลใจไป อะไรที่เป็นของเรา ย่อมเป็นของเราวันยังค่ำ อะไรที่เคยเป็นของเรา ต่อให้ม
รถม้าสองคันวิ่งตามกันไปด้วยความเร็ว เส้นทางที่พวกเขาเดินทางในครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิมที่เคยไปรับปู่ใหญ่ที่ผิงโจว พวกเขาออกจากจางผิงที่เป็นบ้านเกิด มุ่งหน้าสู่ฉิงโจว ถัดจากฉิงโจวก็จะเป็นหนานหลิง ถัดจากหนานหลิง ก็จะเป็นไท่จิน ถัดจากไท่จินก็จะเป็นเจียงจิน ถัดจากเจียงจินถึงจะเป็นไห่เหอ จุดหมายปลายทางของ
“ขอรับท่านน้าเว่ย พวกเรารู้แล้ว” เหวินข่าย“อาชิง เจ้ากับพี่ใหญ่เชวียนนอนบนรถม้า ส่วนข้าเดี๋ยวจะผูกเปลนอนกับต้นไม้เอง”“เอาที่เจ้าสะดวกเถอะอาเสี้ยว พวกเราไม่ขัดข้อง” “เช่นนั้นก็เอาตามนี้ เฮยเช่อพาม้าไปเล็มหญ้าที่ข้างลำธาร จำเอาไว้ว่าดูแลม้าให้ดีเล่า”“ฟ่อ งูเข้าใจแล้ว” เฮยเช่อเลื้อยขึ้นไปอยู่บนหลัง
“อืม เด็กต้องได้รับการอบรมเลี้ยงดู เราเข้าใจ เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะ ”“ขอบพระทัยท่านอ๋องพะย่ะค่ะ”“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”หลังจากลับมาจากจวนจ้านหยางอ๋อง เจ้ากรมพิธีการก็จัดการขายสาวใช้ที่ยุแยงและคอยให้ท้ายบุตรสาวของเขา ออกไปจนหมด นอกจากนี้แล้วยังตำหนิฮูหยินเอกที่ไม่อบรมบุตรสาวให้ดี ฮูหยินเองก็ไ
หลังจากหยางอันทิ้งระเบิดเอาไว้ก่อนหันหลังจากไป สองนายบ่าวกลับจวนไปด้วยความหวานหวั่นในใจ หวาดกลัวว่าหยางอันจะพาจ้านหยางอ๋องบุกมาที่จวน ตอนนี้คุณหนูห้าผู้ที่เคยหยิ่งผยองกลับร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว สาวใช้ที่ติดตามข้างกายเช่นอิ๋งชุนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ทั้งคู่ต่างโทษกันไปมาสุดท้ายแล้วจึงไปขอค
“พี่เจวี๋ยพวกเราไม่ผิด เหตุใดต้องยอมด้วย เจ้ากรมพิธีการแล้ว อย่างไร หน้าใหญ่มากหรือเจ้าคะ พระสนมเอกแล้วอย่างไร ทำอันใดได้เจ้าคะ ผิดคือผิด ถูกคือถูก จะมาเห็นผิดเป็นถูกกลับขาวเป็นดำแบบนี้หรือเจ้าคะ บอกเลยต่อให้สิบเจ้ากรมพิธีการข้าก็ไม่กลัว หึ” หยางอันสะบัดหน้าหยางอันไม่ยอมเดินกลับไปตามที่เมิ่งเจวี๋ย
เมิ่งเจวี๋ยพาหยางอันเดินออกจากโรงเตี๊ยมมุ่งหน้าไปยังพ่อค้าขายถังหูลู่ ทั้งสองคนเพียงแค่อยากรู้ว่ารสชาติของถังหูลู่ที่เมืองหลวงกับรสชาติที่บ้านเกิดของพวกเขาถังหูลู่ที่ไหนจะอร่อยกว่ากันเท่านั้น นอกจากนี้การนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบๆไม่ใช่สิ่งที่หยางอันชอบ “พี่เจวี๋ยท่านดูสิถังหูลู่ของเมืองหลวงมีขนาด
“ท่านอ๋องข้าน้อยมีตาหาแววไม่ ขอท่านอ๋องอภัยด้วยพะย่ะค่ะ”“ลุกขึ้นเถอะเจ้าจะทำให้เรื่องใหญ่โตไปทำไม ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีก็พอ”“ขอบพระทัยท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ”“ขอบใจเช่นนั้นเราขอตัวก่อน”รถม้าของหยางเสี้ยวเคลื่นที่เข้าไปในเมืองและวิ่งออกไปจนลับสายตา ทหารรักษาประตูเมืองถอนหายใจด้วยความโล่งอก อ๋องทมิฬแม้จ
หลังจากหยางเสี้ยวฝึกจนสำเร็จแล้ว ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเที่ยวเล่นที่แดนเทพ จำเป็นต้องสะสางงานก่อน ในระหว่างที่เขาเก็บตัวฝึกเป็นท่านพ่อหยางเทียนกับท่านลุงหยางเทาคอยรับรายงานเรื่องราวต่างๆและคอยแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆแทนเขาอยู่เสมอ โชคดีที่เจ้าเมืองทั้ง 7 หัวเมืองเป็นคนใจซื่อมือสะอาด อีกทั้งยังได้ท่านลุงตู้ป๋อ
“พวกเจ้ามาหาผู้ใดเช่นนั้นรึ”“ท่านพ่อ ข้าเองขอรับ หยางเสี้ยว”“อาเสี้ยวหรือ ใช่อาเสี้ยวจริง ๆ ด้วย เจ้าโตขึ้นมากจนพ่อจำไม่ได้ สามปีแล้วที่เจ้าไม่ได้กลับมาบ้านเลย ตอนนี้ฝึกสำเร็จแล้วหรือไม่ แล้วคนพวกนี้เป็นใครกัน สหายของลูกหรือ”“นั่นลวี่เช่อ เฮยเช่อ ปักษา ต้าไป๋ โหวจื่อ ไป๋หู่ เต่าดำ หลันเช่อ ฉีหลิน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หยางเสี้ยวเก็บตัวฝึกอยู่สามปี ในที่สุดก็เลื่อนขั้นมาจนถึงขั้นมหายานได้สำเร็จ ตอนนี้เขาสามารถเดินทางขึ้นไปแดนเทพได้แล้ว อีกทั้งสามารถเปิดใช้งานค่ายกลทางขึ้นลงแดนเทพกับตำหนักหมอกทมิฬได้เช่นเดียวกัน จากเด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้กลับกลายมาเป็นหนุ่มน้อยวัย 14 ย่าง 15 ปี หน้า
ลมหนาวสายหนึ่งพัดมา หยางเสี้ยวรู้สึกว่าวันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก เขามาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามปีแล้ว พอผ่านปีใหม่ครั้งนี้เขาก็จะมีอายุ 11 ปี ในโลกนี้ เวลาเกือบสามปีตระกูลหยางมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น ตัวเขาเองก็มีภาระแสนหนักอึ้งบนบ่า แต่ตอนนี้ถือว่าทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีแล้ว ตระกูลหยางจะมี