ทว่า เสียงของมิเชลล์ก็พลันดังขึ้นมาขัดสมาธิของอเล็กซ์ “อเล็กซ์ นายต้องการสมุนไพรห่อสิ่วโอวไหม?” นั่นเพราะสมุนไพรห่อสิ่วโอวเป็นสินค้าประมูลที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอในห้อง VIP อเล็กซ์เหลือบมองหน้าจอและฮัมเพลงออกมาแสดงถึงการตอบตกลง ในตอนนี้ ราคาปัจจุบันของสมุนไพรห่อสิ่วโอวนั้นสูงถึงเจ็ดล้านดอลลาร์ และผู้เสนอราคาก็คือเป็ปเปอร์ เธอดูเหมือนมั่นใจในการประมูลราคาไม่น้อย แต่ทว่า มิเชลล์ก็เสนอราคาสิบล้านดอลลาร์ต่อทันที ผู้ประมูลประกาศขึ้น “ห้อง VIP หมายเลขหนึ่งประมูลให้ราคาสูงถึงสิบล้านเหรียญแล้วครับ ตอนนี้มีใครให้ราคาสูงกว่าสิบล้านดอลลาร์ไหมครับ?” ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ก็รู้ดีว่าปีศาจตัวน้อยจากตระกูลโยเวลและหนุ่มกุ้งล็อบสเตอร์เป็นแขกของห้องVIP หมายเลขหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีคนต้องการเสนอราคาที่สูงกว่า แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนั้น เพราะทุกคนต่างก็ไม่อยากยั่วโมโหตระกูลโยเวล เป็ปเปอร์พลันขมวดคิ้วและตะโกนขึ้นอีกครั้ง “สิบเอ็ดล้านดอลลาร์!” “สิบห้าล้านดอลลาร์!” มิเชลล์กล่าวเสริม “สิบหกล้านดอลลาร์!” “ยี่สิบล้านดอลลาร์!” อเล็กซ์สังเกตเห็นชายหัวล้านเป็ปเปอร์โน้มตัวม
“สองคนนั้นจะออกไปก่อนเวลา!” ดวงตาของอเล็กซ์เป็นประกาย เขายืนขึ้นและต้องการจะไล่ตามทั้งสองไปตามสัญชาตญาณ แต่ทว่า มิเชลล์ก็ดึงอเล็กซ์กลับไป "นายกำลังจะไปไหนน่ะ? สินค้าประมูลจะกำลังจะถูกจัดส่งแล้ว ฉันอยากให้นายช่วยตรวจดูให้หน่อย" “เธอตรวจดูเองไม่ได้หรือยังไงกัน?” “ก็ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรนี่ แถมพวกตาแก่ที่คอยเก็บประมูลครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เลยด้วย ใครจะไปรู้ล่ะว่าพวกเขาจะโกงหรือส่งของปลอมมาให้หรือเปล่า? สมุนไพรพวกนี้จำเป็นต่อการช่วยชีวิตคุณปู่ของฉันมากเลยนะ เพราะแบบนั้น เราต้องรอบคอบเป็นพิเศษ” อเล็กซ์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ด้วยความที่เป็ปเปอร์มากับยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นหัวล้านคนนั้น อเล็กซ์จึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าจะจับตัวเธอได้ไหม แต่ทว่า วอลทซ์เองก็ได้จัดกลุ่มคนเพื่อเฝ้าระวังเป็ปเปอร์เอาไว้แล้ว เพราะเหตุนั้น ในอนาคตอเล็กซ์ก็ยังสามารถที่จะจับตัวเธอได้อีกแน่ ทันทีทีไฟถูกดับลง มิเชลล์ก็รู้สึกกังวลไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดแล้ว นั่นเป็นก็เป็นโรงแรมที่ตระกูลโยเวลเป็นเจ้าของ แต่ทว่า ใครจะไปกล้าโกงมิเชลล์ ซึ่งเป็นผู้ประมูลสมุนไพรเหล่านั้นในราคาสูงได้กัน?
"นี่นาย!" มิเชลล์รู้สึกโกรธจนพูดอะไรไม่ออก แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง ท้ายรถก็ถูกกระแทกอย่างแรง "เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน? นี่นายขับไปชนใครหรือเปล่าเนี่ย? บอกแล้วไงว่าให้ขับดี ๆ! ให้ตายเถอะโว้ย!” มิเชลล์ตะโกน ทว่า ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น รถคันใหญ่อีกคันก็ขับฝ่าไฟจราจร พร้อมกับมุ่งหน้ามายังรถของทั้งสองด้วยความเร็วเต็มที่ ไฟหน้ารถสว่างมาก มากเสียจนทั้งสองแทบจะลืมตาไม่ขึ้น "อ๊าย!" มิเชลล์พลันกรีดร้องตามสัญชาตญาณ หากถูกรถชนโดยตรง แม้แต่บีเอ็มดับเบิลยูเอ็มแปดก็ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ อีกทั้ง อาจจะถูกบีบจนเละเลยด้วย ในตอนนี้ อเล็กซ์ก็เหยียบคันเร่ง พร้อมกับหลบรถคันใหญ่ที่พุ่งเข้ามาด้วยการหักเลี้ยวซ้าย รถคันใหญ่เฉียดท้ายบีเอ็มดับเบิลยูเอ็มแปดไปก่อนที่จะพุ่งชนฮอนด้าสีดำซึ่งตามมาข้างหลัง ตู้ม! สถานการณ์ในตอนนี้น่าเป็นห่วงไม่น้อย อเล็กซ์เหยียบคันเร่งอีกครั้งและขับออกไปโดยไม่ลังเล มิเชลล์เองได้สติอีกครั้ง “มันเป็นอุบัติเหตุนะ เมื่อกี้รถนายเพิ่งจะถูกชน แล้วนายจะหนีทำไมกัน? หรือว่ากลัวเป็นฝ่ายถูกจับข้อหาชนคนอื่นแล้วหนี?” อเล็กซ์กล่าวคำพูดด้วยสายตาสุดเย็นชา “พวกมันตามเรามา” อเล็กซ
เราจะรู้สึกยังไงกันนะหากรถยนต์ถูกพุ่งชนบนสะพานขนาดใหญ่จนร่วงตกลงไปยังแม่น้ำที่ความสูงสามสิบเมตร? ถึงกระนั้น มันก็เป็นภาพที่งดงามไม่น้อย ทั้งเสียงดังและเสียงตู้มเกิดขึ้นพร้อมกัน น้ำที่สาดกระเซ็นก็สูงเกือบสิบเมตร มันไม่ต่างอะไรกับการกระแทกพื้นคอนกรีตเลย ทว่า ถุงลมนิรภัยก็ทำงานทันที มิเชลล์หมดสติไปด้วยความหวาดกลัว บนสะพานขนาดใหญ่ มีรถที่ขับผ่านไปผ่านมาอยู่สองสามคันจอดเพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น นอีกสองสามคนก็พยายามที่จะติดต่อตำรวจเช่นกัน ทว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมทั้งหน้ากากและหมวกเดินลงมาจากรถดัมพ์ เธอคือเป็ปเปอร์ กิมมิช ทันทีที่เดินไปถึงขอบสะพาน เธอเหลือบมองลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่าง พร้อมกับกล่าวคำพูดใส่หูฟังและออกคำสั่ง “ยืนล้อมแม่น้ำเอาไว้ เผื่อพวกมันพยายามจะหนี ส่วนนักดำน้ำก็เตรียมรับของได้เลย ส่วนที่เหลืออยู่ภาคพื้นดินก่อน รีบถอยกลับและมองหาที่กำบังด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว” หลังจากออกคำสั่งเสร็จ เธอจึงกลับเข้าไปในรถคันสีดำ ไม่นานนัก รถดั๊มพ์บนสะพานขับออกไป ลิ่วล้อที่เป็ปเปอร์จัดเตรียมไว้เพื่อการไล่ล่าก่อนหน้าก็อพยพหนีไปในเวลาเพียงไม่กี่น
ทันทีที่วางสาย ชายหัวล้านก็ตะโกนขึ้นมา “คุณจะไปหาชายคนนั้นเหรอ? หมอนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ทำไมเราไม่ฆ่าเขาเสียเลยล่ะ?” “ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขายังมีประโยชน์กับเราอยู่” เป็ปเปอร์ตอบกลับ ... โพล่ง! ทางตอนเหนือของแม่น้ำอีสต์ อเล็กซ์คลานขึ้นมาจากน้ำ โดยมีมิเชลล์อยู่ในอ้อมแขน เขาคลานขึ้นไปบนฝั่งทราย อเล็กซ์รีบทำการปั๊มหัวใจให้กับมิเชลล์ทันที ตามด้วยการผายปอด กระตุ้นด้วยเข็มไฟฟ้าและพลังฉี ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที มิเชลล์สำลักน้ำและตื่นขึ้นมา "ฉันยังไม่ตายใช่ไหม?" “ก็เกือบอยู่” อเล็กซ์พยายามนั่งลงบนพื้น สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอะไรที่อันตรายไม่น้อย อันที่จริง ถุงลมนิรภัยที่ใช้ถือเป็นอุปสรรคต่อการหลบหนีของอเล็กซ์เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะถูกชน ด้านหน้ารถก็เละไปแล้ว อีกทั้ง ขาของมิเชลล์ก็เข้าไปติดอยู่ในรถอีก หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก อเล็กซ์ก็สามารถช่วยมิเชลล์ออกมาจากรถได้ แต่ทั้งสองก็ถูกกระแสน้ำพัดผ่านไป ทว่า โชคดีที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ มิเชลล์เลียริมฝีปากของตัวเองและรู้สึกแปลกๆ “นาย... นายจูบฉันเหรอ?” "จูบ? ใครจูบเธอกัน? มันก็แค่การผายปอดช
วันรุ่งขึ้น รถสองคันมาถึงทางเข้าของเมเปิล วิลล่า ก่อนเวลา 07.00 น. ภายในรถปอร์เช่สุดหรูมีผู้โดยสารสี่คน สปาร์ค แครอล โอลิเวีย และ มารายห์ แขนของสปาร์คยังไม่หายดี ดังนั้น แครอลจึงอาสาเป็นคนขับ ตามมาด้วยรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ข้างในนั้นคือโลงศพที่พวกเขาซื้อมาเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สปาร์คแทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน และการอดนอนนั้นมันส่งผลทำให้ตาของเขาแดงก่ำ อย่างไรก็ตาม เขายังคงดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขานอนไม่หลับ เฝ้าคิดถึงการตายของอเล็กซ์ ตอนนี้เขากำลังจะส่งโลงศพไปที่บ้านของอเล็กซ์อีกด้วย และเขาก็จะสามารถดูถูกเยาะเย้ยบริตทานีได้เต็มที่ มันช่าง ตื่นเต้น เร้าใจ ยิ่งกว่าการได้นอนกับผู้หญิงคนไหน ๆ เสียอีก... แต่ทว่า นั่นทำให้เขานึกถึงบางสิ่งที่เลวร้ายขึ้นมาได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แอ้มกับนางแบบที่ตามจีบ สปาร์ครู้สึกราวกับว่ากำลังประสบปัญหาทางจิต เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาไม่ได้แอ้มกับสาวไหนเลย โอลิเวียและมารายห์ที่นั่งด้านหลังเบาะของรถกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ “บริตทานีเคยเรียกตัวเองว่าสตรีเหล็กด้วย แถมคอยบงการพวกเราอยู่ตลอดเวลา ต๊าย
นักเลงทั้งสองคนจึงช่วยกันขนย้ายโลงศพไม้พะยูงออกจากรถบรรทุก เมื่อพวกเขาวางมันลงบนพื้น มันก่อให้เกิดเสียงดังและฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย "อ๊ะ!" แม้แต่วอลทซ์ก็ยังอุทานออกมา และเมื่อเธอเห็นโลงศพ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที ในวัฒนธรรมของพวกเขา การให้โลงศพเป็นของขวัญเป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรง ใบหน้าของบริตทานีซีดเผือดละตัวสั่นไปทั้งตัว สปาร์คหัวเราะอีกครั้งและพูดอย่างเสแสร้ง “เป็นไงบ้างครับ คุณป้า? คุณชอบของขวัญนี้ไหมครับ? ผมขอแจ้งให้ทราบเลยแล้วกันว่า โลงศพนี้ทำมาจากไม้พะยูงคุณภาพสูง น่าเสียดายที่อเล็กซ์ ลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้!" “น่าเสียดายที่เขาต้องทนทำงานหนักเพื่อแอสเส็กซ์ตั้งนาน’ ภรรยาของเขาไม่ยอมให้นอนบนเตียงเดียวกันด้วยซ้ำ! ทั้งหมดที่เขาทำได้คือนอนอยู่ในห้องรก ๆ ดูแลสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้หญิงสามคนนั้น โดนด่าทุกวันด้วย! โอ้ ช่างน่าอายเสียนี่กระไร!” “ลูกพี่ลูกน้องของผมนั้นยากจนมาก ผมพนันได้เลยว่าเขาไม่มีปัญหาาซื้อโลงศพแบบนี้ได้หรอก นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่พร้อมกับของขวัญชิ้นนี้! ผมเสียใจกับการสูญเสียของคุณป้าบริตทานี่จริง ๆ นะครั
อเล็กซ์เดินเข้าประตูมา ในมืของเขานั้นถือถุงบิสกิตอาหารเช้าอยู่ เขาออกไปฝึกซ้อมตั้งแต่เช้าตรู่และก็เลยหาอาหารเช้าทานก่อนที่จะกลับบ้าน เขาไม่คาดคิดว่ากลับมาแล้วจะพบเจอโลงศพสีแดงสดที่หน้าประตูบ้านตัวเอง รวมไปถึงพบกับสปาร์คและคนอื่น ๆ ด้วย น้ำเสียงของเขาสงบ แต่สายตาของเขากลับเยือกเย็นมาก 'ใครหน้าไหนส่งโลงศพมาที่หน้าประตูบ้านของคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเสียชีวิตที่บ้านหลังนี้?' "ลูกกกกก!" บริตทานีรีบวิ่งไปหาอเล็กซ์และกอดเขาแน่นทันทีที่ได้เห็น น้ำตาของเธอไหลอาบสองแก้ม และก็ไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป ก่อนที่อเล็กซ์จะกลับมา เธอตกใจกับข่าวนี้มากและคิดว่ามันคือความจริง บริตทานีรู้สึกเปราะบางมาก ๆ เธอทนไม่ได้ถ้าจะต้องสูญเสียคนที่รักไปอีกคน “คุณแม่ เป็นอะไรไปครับ? ผมยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็แข็งแรงมาก ๆ คุณแม่ไม่เห็นหรือไงครับ? ผมแค่กังวลว่าคุณแม่อาจจะเหนื่อยจากการทำอาหารเช้าทุกวัน ผมก็เลยออกไปหาอาหารเช้าสำหรับพวกเราในวันนี้ไง” อเล็กซ์ยิ้ม ในทางกลับกัน สปาร์คและคนอื่น ๆ แทบไม่เชื่อสายตาของพวกเขา ความสุขของพวกเขากลับกลายเป็นความสยดสยองทันที มีทั้งความไม่เชื่อผสมป
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท