มิเชลล์ โยเวลชี้ไปที่รถโรลส์-รอยซ์ “ไอ้บ้าที่อยู่ในรถนั่นทำร้ายฉันและเยเรมีย์ ไม่เพียงแต่มันต้องการให้ฉันชดใช้มันเป็นมูลค่ายี่สิบล้านดอลลาร์ แต่มันยังด่าทอตระกูลเราอีก! มันยืนกรานที่จะมาบ้านเราเพราะต้องการความยุติธรรมจากคุณปู่!”“ว่าไงนะ?”ทุกคนคิดว่าพวกเขาฟังผิดพวกเขาต่างแปลกใจว่าคนที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้มีชีวิตรอดอยู่ในแคลิฟอร์เนียได้อย่างไร!จู่ ๆ ใครบางคนก็ตะโกนขึ้น “แกฝันอยู่หรืออย่างไร? ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เนี้ยมันคงเหนื่อยมากสินะ แกก็เลยมาที่นี่เพื่อท้าทายตระกูลโยเวล! ฉันล่ะอยากรู้เสียจริง ๆ ว่าอะไรที่ทำให้แกจองหองได้แบบนี้!”ฌอน โยเวล คือคนที่ตะโกนออกมา โดยปกติแล้วเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน และเป็นผู้ฝึกหัดวิทยายุทธที่เก่งกว่าใคร ๆเขากระชากประตูรถให้เปิดออก และจ้องเขม็งด้วยแววตาข่มขู่ “ออกมาจากรถเดี๋ยวนี้ ไอ้ระยำนี่!”อเล็กซ์สงบนิ่ง ไม่แสดงท่าทางใด ๆ และยังคงนั่งอยู่ในรถ “แกคิดว่าแกเป็นใครที่จะมาเรียกให้ฉันลงจากรถ ไปพาหัวหน้าของแกมาเจอฉันที่นี่”ว่ายังไงนะ?ฌอนรู้สึกว่าเลือดวิ่งขึ้นหัวทันที ความโกรธเพิ่มพูนขึ้นเพียงเสี้ยววิคนจากตระกูลโยเวลที่เหลือขยับเข้ามาใกล้ทั้งสองในทันท
อเล็กซ์ถึงกับพูดไม่ออก เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้ดูดำดูแดงอะไรกับเงินมากมายขนาดนี้เลย สิ่งนี้ยิ่งเป็นการบ่งบอกว่าเงินทองของหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในแคลิฟอร์เนียได้มีมากมายเพียงใด โคลินยกค้อนขนาดใหญ่ขึ้นเหนือหัวพร้อมด้วยสายตาอันเย็นยะเยือก เขาสังเกตเห็นว่าอเล็กซ์ยังคงอยู่ในท่าทีที่สงบและนิ่งเฉย เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกป่วนประสาทอยู่ “แกจะออกมาไหม?!” “ฉันจะรอดูว่าแกจะเสแสร้งทนได้อีกนานแค่ไหน!” อ๊ากกกก!! เสียงคำรามของเขาราวกับมังกรดุร้ายที่กำลังโกรธจัด และเขายังมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากจากที่ได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากยอดฝีมือขั้นสูง กำลังภายในของเขาเปล่งประกายออกมาพร้อม ๆ กับค้อนขนาดใหญ่ซึ่งหนักประมาณ 20 กก. ที่พุ่งเข้ากระแทกกับกระจกของที่นั่งผู้โดยสาร ในขณะเดียวกันคนจากตระกูลโยเวลสองสามคนก็ดูว่าจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่บางคนกลับตื่นตระหนก มิเชลล์ซึ่งในตอนแรกดูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จู่ ๆ ก็ตัวสั่นและไม่กล้าที่จะทนดูภาพตรงหน้าต่อ เธอสงสัยว่าเขาจะตกใจและหวาดกลัวการโจมตีของโคลินหรือไม่ แต่ทว่าในพริบตานั้น เธอสังเกตเห็นการสายตาที่เต็มไปด้วยความรู
อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ก้าวไปข้างหน้าและดึงมิเชลล์ โยเวลให้พ้นทาง ก่อนที่เขาจะเอามือไปกระแทกหน้าอกของโคลิน โยเวล เมื่อคิดว่าอเล็กซ์กำลังจะฆ่าพี่ชายของเธอ มิเชลล์ก็เริ่มโจมตีเขาทันทีด้วยทุกกระบวนท่าที่ร่ำเรียนมา แต่อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์นั้นแข็งแกร่งมากจนการโจมตีของเธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย มิเชลล์จึงกระโดดเกาะหลังและกัดเข้าที่คางด้านซ้ายของเขา เขาประหลาดใจอย่างมาก “นังบ้า! ปล่อย!” อเล็กซ์บ่นก่อนจะผลักมิเชลล์ออกไป “บ้าไปแล้วเหรอไง! ถ้ากล้ากัดฉันอีกนะ ฉันจะไม่ช่วยพี่ชายของเธอแน่!” ทำไมเขาถึงต้องการช่วยโคลิน? นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการเป็นคนบาปที่ได้ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถ้าโคลินตายในตอนนี้ ตระกูลโยเวลคงคิดว่าอเล็กซ์เป็นฆาตกรแน่ ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะไม่มีทางหยุดตามล่าตัวเขาแน่นอน และนี่มันไม่ใช่สิ่งที่อเล็กซ์ต้องการ ที่จริงแล้ว โคลิน และ มิเชลล์ น้องสาวของเขาก็มีสภาพไม่ต่างกัน พวกเขาต่างก็มีบาดแผลภายในหัวใจ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเปิดใช้พลังงานฉี กำลังภายในจะได้รับผลกระทบ และมันได้ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อหัวใจของพวกเขาด้วย ยิ่งพลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ความเสี
คีธ โยเวล เขามีลูกชายสองคนคือ เซเวียร์ และ เลียม อย่างไรก็ตามเซเวียร์และภรรยาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่มิเชลล์ โยเวลอายุเพียง 3 ขวบ นั่นหมายความว่าคีธจึงเหลือลูกชายเพียงคนเดียว โชคดีที่เลียมประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก ทั้งในและนอกสมรส เลียมมีภรรยารวมกันกว่าสิบคน ส่งผลให้มีลูกค่อนข้างมาก ภรรยาตามกฎหมายของเขาให้กำเนิดลูกชายสามคนและลูกสาวสองคน ในขณะที่ภรรยาคนอื่น ๆ ของเขาก็มีลูกหลายคนด้วยเช่นกัน สรุปแล้ว มิเชลล์นั้นจึงมีลูกพี่ลูกน้องมากมาย สิ่งเดียวที่คีธรู้สึกผิดหวังก็คือลูก ๆ ของเลียมมีความสามารถในศิลปะการต่อสู้สูงสุดแค่ระดับปานกลางเพียงเท่านั้น และมีเพียงแค่ฌอน โยเวลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นในครอบครัวของเลียมที่สามารถไต่ระดับไปถึงยอดฝีมือขั้นกลางได้ ดังนั้นโคลิน ลูกชายของเซเวียร์จึงมีความสามารถมากที่สุดในบรรดาหลาน ๆ ของเขาทั้งหมด เขาได้บรรลุระดับยอดฝีมือขั้นสูงในขณะที่มีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น และยังมีโอกาสที่จะก้าวต่อไปอีกระดับในปีนี้ ดังนั้น คีธจึงฝากความหวังไว้กับโคลินเป็นอย่างมาก อันที่จริง เขาแอบวางแผนที่จะมอบบทบาทในฐานะผู้นำของตระกูลโยเวลให้กับโคลินอีกด้วย โคลินเป็นหลา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงดังสนั่น ผู้คนจากตระกูลโยเวลต่างก็คิดว่าแม้ว่าอเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์จะไม่ตาย แต่อย่างน้อย ๆ อาจจะสูญเสียแขนขาไปบ้าง และในทันใดนั้นอเล็กซ์ก็ยื่นมือออกไปและจับดาบของเลียม โยเวลไว้ด้วยนิ้วมือเพียงสองนิ้วเท่านั้น ดาบหยุดการเคลื่อนไหวห่างจากอเล็กซ์เพียงสิบเซนติเมตร "อะไรกันเนี่ย?" “เขาใช้เพียงสองนิ้วหยุดดาบได้จริง ๆ เหรอ!” “เหลือเชื่อ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?” ตระกูลโยเวลทั้งหมดต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น ลูกตาของมิเชลล์ โยเวลเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า เธอรู้ดีว่าเลียมนั้นใกล้จะไต่เต้าไปถึงระดับจอมขมังเวทย์แล้ว พลังของดาบของเขานั้นยิ่งใหญ่และรุนแรงกว่าค้อนของโคลิน โยเวลมาก ชายคนนี้ที่ชื่อร็อคกี้เฟลเลอร์เป็นนักศิลปะการต่อสู้ระดับจอมขมังเวทย์หรือ? ไม่จริงน่า เขายังเด็กอยู่เลยนิ? ถึงแม้ว่าจะเริ่มฝึกตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เขาก็ไม่สามารถที่จะแข็งแกร่งได้ระดับนั้น "ผมบอกคุณแล้ว ว่าคุณเอาชนะผมไม่ได้หรอก” อเล็กซ์พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ก่อนที่จะหันคมดาบแล้วปักมันเข้าไปในก้อนหินแข็งใกล้ ๆ ท่าทางของเขานั้นดูราวกับว่ากำลังปักดาบเข้าไปที่ก้อนเนยนิ่ม
"แกกำลังพูดเรื่องอะไร?" “ไอ้เลว! กล้าดียังไงมาแช่งคุณปู่ของฉัน? แกตายแน่!” เด็กสาวมิเชลล์ โยเวลเริ่มทนดูต่อไปไม่ไหว เธอจ้องเขม็งไปที่อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีเขา “มิเชลล์ หยุดนะ!” เลียม โยเวลตะโกนห้าม ในที่สุดเขาก็หลุดออกจากภวังค์หลังจากที่อเล็กซ์หยุดคมดาบได้ด้วยสองนิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เลียมได้พบกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้ ร่างกายของเขาจึงแสดงอาการสั่นเท่าอย่างเห็นได้ชัด เลียมรู้ดีว่าถ้ามิเชลล์ต้องเผชิญหน้ากับอเล็กซ์ มันเหมือนกับว่าเด็กวัยสามขวบกำลังต่อสู้กับนักมวยอาชีพระดับของพวกเขาแตกต่างกันมากเกินไป ที่สำคัญไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ ดร.เชอริล ยังบอกอีกด้วยว่าอเล็กซ์เป็นคนเดียวที่สามารถช่วยพ่อของเขาจากอาการป่วยได้ มิเชลล์จึงได้หยุดการกระทำของเธอ “คุณลุงคะ ไอ้สารเลวคนนี้แช่งคุณปู่นะคะ… มันบอกว่าคุณปู่จะอยู่อีกแค่สามวันเท่านั้น มันยังบอกอีกด้วยว่าพวกเราทุกคนจะกำลังจะตาย ถึงแม้คุณลุงจะทนได้ แต่แต่งหนูทนไม่ได้หรอกค่ะ!” เธอพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก เลียมมองไปยังอเล็กซ์ด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “มิเชลล์ คุณปู่ของหลานเหลือเวลาอีกไม่มากแล้
อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์เกาคางและหลบสายตาของ ดร.เชอริล เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่สังเกตเห็นแววตาของเขา “เอาล่ะ นี่เพราะเห็นแก่คุณหรอกนะ ผมจะบอกให้ก็ได้! ผมกำลังสงสัยว่าตระกูลโยเวลได้ฝึกศิลปะการต่อสู้โดยใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องและมันส่งผลเสียต่อหัวใจของพวกเขา ยิ่งการฝึกฝนรุนแรงมากเท่าไหร่ อวัยวะภายในก็จะยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่เปิดใช้งานพลังฉี พวกเขาจะหายใจออกอย่างรวดเร็วและรู้สึกเจ็บหน้าอก สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็คือพวกเขาอาจจะตายได้เลยด้วยซ้ำ” อเล็กซ์โพล่งออกมา คำพูดของอเล็กซ์ทำให้สีหน้าของเหล่าตระกูลโยเวลเปลี่ยนไปอย่างมาก เป็นเพราะทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นตรงทุกอย่าง มิเชลล์ โยเวลพูดด้วยท่าทีเย็นชาว่า “ฉันไม่เชื่อแกหรอกนะ ท่านปู่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญของระดับจอมขมังเวทย์ ท่านมีอายุยาวนานเกินเจ็ดสิบปีแล้ว อีกอย่างฉันก็ฝึกฝนกับท่านมานานแล้วด้วยไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แต่แกกลับบอกว่าฉันกำลังจะตายภายในปีนี้ เห็นได้ชัดเลยว่ามันไร้สาระสิ้นดี” มิเชลล์แย้ง “นั่นเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิง ศิลปะการป้องกันตัวที่ฝึกฝนกันอยู่ในตระกูลของเธอนั้นไม่เหมาะกับผู้หญิงด้วยซ้ำ ฉันพนันได้เลยว่าเ
ทันทีที่คีธ โยเวลพูดแบบนั้นออกมา เจมส์ โคนีย์ก็ดูอารมณ์เสียขึ้นมาทันที "คุณคีธ คุณนี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คนนี้ผมจองแล้วครับ ผมหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างดีว่าจะต้องให้อเล็กซ์มาเป็นหลานเขยของผมเท่านั้น คุณจะมาขโมยเขาไปดื้อ ๆ แบบนี้ได้ยังไง?” เจมส์ก้าวไปข้างหน้าขณะพูด "ทำไม แล้วจะไม่ได้ล่ะ? เขายังไม่ได้หมั้นกับหลานสาวของคุณด้วยด้วยซ้ำ อีกอย่าง แต่งได้ก็หย่าได้ ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับว่าใครเก่งกว่ากัน หลานสาวของฉันก็ไม่เลวนะ ดูตามความจริง เธอก็สาวกว่า และเธอสามารถให้กำเนิดลูกน้อยน่ารักที่แข็งแรงกว่าแน่นอน” คีธกล่าว “คุณนี่มัน…ไอ้คนปลิ้นปล้อน” เจมส์คำรามออกมา “แล้วถ้าผมยอมเป็นคนปลิ้นปล้อนล่ะ? คุณจะทำไม? ใครดีใครได้!” คีธพูดออกมาอย่างสบายใจคีธ ต้องการให้คนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถอย่างเช่นอเล็กซ์มาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโยเวล การมีอเล็กซ์เป็นส่วนหนึ่งนั้นมันมีค่ามากกว่าเงินแสนล้านเสียอีก มีบางอย่างที่คีธไม่ได้พูดออกมา ในอดีต เขาเคยเป็นครูฝึกกศิลปะการต่อสู้ระดับจ้าวปฐพี แต่หลังจากนึกได้ว่าอเล็กซ์จับดาบของเลียม โยเวลได้อย่างน่าทึ่งด้วยเพียงแค่สองนิ้ว เขาแอบสงสัยว่าระดับการฝึก
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท