จอห์นสูดหายใจ “ไม่ต้องห่วง ร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ปและคฤหาสน์เป็นของตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ ตั้งแต่วิลเลี่ยมตาย ไม่มีทางที่อเล็กซ์จะเอาทุกอย่างกลับไปได้ ปล่อยให้มันฝันกลางวันต่อไปเถอะ ฉันไม่จะไม่ยกอะไรให้มันแม้แต่เหรียญเดียว!”“แต่มันดูแข็งแกร่งขึ้นมาก มันแอบไปฝึกฝนมาในช่วงที่หายตัวไปงั้นเหรอ? ดูที่โต๊ะนั้นสิ...มีแต่นักสู้เท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้” แครอลตอบกลับไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดแต่อย่างใดที่แครอลจะรู้ถึงการมีอยูของเหล่ายอดฝีมือ เนื่องจากสถานะทางสังคมของเธอเอง “ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วมันจะทำไม? นี่มันยุคไหนกันแล้ว? ไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็คนธรรมดาที่ตายได้ และไม่มีทางหลบกระสุนจริง ๆ ได้” จอห์นเปล่งเสียงเขาจ้องมองไปที่เป็ปเปอร์และคิด ‘สองเดือน? หื้มม ฉันจะส่งมันและแม่ของมันไปลงนรกภายในสองเดือนนี้’ความรู้สึกของเขาก็ดีขึ้นทันทีที่ได้ระบายทุกอย่างออกไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็นึกถึงบร็อคขึ้นมาทันที คนที่เขาสั่งงาน แต่ยังไม่โผล่มาให้เห็นดังนั้นจอห์นจึงรีบโทรหาบร็อค แต่ก็ยังไม่การตอบรับจากปลายสายสายตามองไปที่โต๊ะที่พังแหละ จอห์นรู้สึกแย่เกี่ยวกับมันทันที....ในขณะท
ชาร์ลส์ คาร์เตอร์ตอบเผยรอยยิ้มแทนคำตอบ “เฮลีย์เป็นเจ้าของเครือร้านเสริมสวย หนึ่งปีก่อน เธอต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เธอก็เลยซื้อโรงงานผลิตเล็ก ๆ ที่มีศูนย์การวิจัยและการพัฒนาเพื่อตอบสนองความทะเยอทะยานนั้น”อันที่จริง เฮลีย์เคยคุยกับบริตทานีมาก่อนหน้านี้แล้วไม่อย่างนั้น เฮลีย์คงไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดในตอนนี้เมื่อหลายปีก่อนบริตทานียังเคยเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีความสามารถ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจการทำการของธุรกิจเป็นอย่างดีเธอพูดพร้อมรอยยิ้ม “อเล็กซ์ หลังจากที่ได้คุยกับเฮลีย์ แม่คิดว่าเราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด เครือร้านเสริมสวยของเธอต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีแบรนด์ และแม่ก็มั่นใจว่าเราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ยอดนิยมและพิเศษให้เธอได้”ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมที่ว่านั่นคืออะไรนะ? บางอย่างที่จะแซงหน้าการขายครีมทาหน้าที่ได้รับความนิยมเหมือนกันกับของร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ปอย่างไรก็ตาม บริตทานีก็ไม่ได้เปิดเผยแผนการของพวกเขามากนัก ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงลูกชายและตัวเธอเองเท่านั้นที่สามารถเข้าใจบางเรื่องโดยสัญชาตญาณ และยังเร็วเกินไปที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อผู้อื่น“โรงงานผลิตของเฮลีย์ตั้งอยู่
สายตาของเขามองตรงมาด้านหน้า จับจ้องไปที่บริเวณคอของวอลทซ์ ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับว่าถูกทักทายด้วยทิวทัศน์ของเนินสูงที่น่าหวาดหวั่นนั้นแม้ว่าในใจของเขาจะปฏิเสธมาตลอด แต่เหมือนร่างกายจะไม่เป็นอย่างนั้น เพียงเสี้ยววิ มือของเขาก็ได้โอบเอวเธอไว้“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากสอนเธอหรอกนะ แต่แค่พื้นฐานของเธอมันก็แย่มากพออยู่แล้ว” อเล็กซ์อึกอักพร้อมหายใจถี่ เขาไม่มีสมาธิเลย“อุ๊ย จริงเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันควรทำอย่างไรดีล่ะ? รุ่นพี่ เรื่องโอสถแห่งพลังจักระที่พูดถึงก่อนหน้านี้ มันคืออะไรเหรอคะ? เธอโยกตัวอีกครั้งพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน“เอ่อ โอสถแห่งพลังจักระคือ...”ก่อนที่จะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากบันไดบริตทานีนั่นเอง เธอยืนอยู่ตรงบันไดและมองพวกเขาด้วยท่าทีประหลาดใจและกระอั่กกระอ่วนมาสักพักหนึ่งแล้ว เฉกเช่นเดียวกับความคิดที่แล่นอยู่ในหัว “ไอ้ลูกคนนี้ รุ่นน้อง? ไม่ใช่เธอเพิ่งจะเป็นรุ่นน้องบนเตียงหรอกเหรอ?”อเล็กซ์ที่กำลังตกใจรีบผลักวอลทซ์ออกไปในฉับพลัน และพูดออกมา “แม่ครับ นั่น... ผมมีนัดกับโดโรธีเย็นนี้ ขอตัวก่อนนะครับ!”“แหม แม่เพิ่งแวะซื้ออาหารมาระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองคนจะกิ
กลิ่นน้ำหอม?อเล็กซ์คิดไม่ตกสักพัก และเกือบจะเปิดเผยความลับออกมาเขาไม่มีทางที่จะบอกโดโรธีว่าวอลทซ์เพิ่งนั่งตักเขาและโยกตัวของเธอไปมา จนทำให้ตัวเขามีกลิ่นน้ำหอมของเธอเขาที่ยังคงมีสติอยู่ จึงรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ผมไม่ได้พบกับคุณหมอโคนีย์เลยในวันนี้ ส่วนเรื่องน้ำหอม... ผมจำได้แล้ว กลิ่นน้ำหอมของเฮลีย์ ผมเพิ่งกอด...”ก่อนที่เขาจะพูดจบ เบียทริซร้องอุทาน “กอดเฮลีย์?”อเล็กซ์อธิบายในทันที “ให้ผมพูดให้จบก่อน ผมกอดโซอี้ลูกสาวของเฮลีย์ ตัวเธอมีกลิ่นน้ำหอมของแม่เธอเหมือนกัน”“อย่างนั้นเหรอ?”“ใช่สิ ทำไมคุณไม่ลองไปถามเธอดูล่ะ?”“ไม่ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”อเล็กซ์รีบจับมือที่บอบบางของเธอและกล่าวว่า “โดโรธี ผมดีใจมากที่คุณเป็นห่วงผม คุณรู้ไหม? ที่ผ่านมาผมคิดว่าคุณไม่ได้รักผมอีกแล้ว และนั่นแทบทำให้ผมอยากตาย”โดโรธีไม่ได้ขัดขืนการกระทำของเขา เธอจ้องมองเขาด้วยความรัก “เราเป็นสามีภรรยากัน และฉันไม่มีทางที่จะตกหลุมรักใครอื่น นอกเสียจากว่า คุณไปรักคนอื่น”อเล็กซ์เคลื่อนริมฝีปากของเขาไปใกล้เธออย่างช้าๆ และจูบเธอแน่นอนว่านี่ไม่ใช่จูบแรกของทั้งคู่ จูบแรกของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ถึงอย่างนั้น วินา
คุณนายแคลร์แสดงท่าทีดูถูก และชายตามองอเล็กซ์ด้วยสายตารังเกียจ “แล้วอย่างไร? มันก็เป็นการช่วยเหลือแค่ครั้งเดียว ยิ่งกว่านั้น แม่เอะใจว่า ชาร์ล คาร์เตอร์ แห่ง บริษัทเวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์ ยอมเซ็นสัญญาก็เพราะเขาหลงใหลในความงามของลูก จากนั้นลูกก็ยกความดีความชอบให้มัน เพื่อให้แม่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อมัน แม่พูดถูกไหม? “ให้ตายเถอะ!”โดโรธีหมดคำพูด ตระหนักได้ว่าเธอไม่สามารถโต้เถียงกับคุณนายแคลร์ได้ เธอฉุดมือของอเล็กซ์ และพูดว่า “ไปที่ห้องฉัน เดี๋ยวนี้เลย”“หยุดก่อน! มันมีสิทธิ์อะไรถึงสามารถเข้าไปในห้องลูกได้? คุณนายแคลร์ตะโกน“เพราะว่าเขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของหนู”“ไม่! แม่ไม่อนุญาต มีเพียงคนเดียวที่สามารถก้าวเท้าเข้าไปในห้องลูกได้คือ เฟลิกซ์ เชฟเฟิร์ด แห่ง เพกาซัส อินเตอร์แนชั่นนอล ตอนนี้เขาเป็นเพียงลูกเขยคนเดียวของแม่เท่านั้น” “ฮ่า ๆ” อเล็กซ์หัวเราะด้วยท่าทีไม่แยแส ขณะจ้องมองไปที่คุณนายแคลร์อย่างใจเย็นเขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดสักเล็กน้อย หลังจากทุกอย่างที่เขาทำเพื่อครอบครัวแอสเส็กซ์ แต่สีหน้าที่หยิ่งยโส และคำพูดดูถูกต่าง ๆ ที่เธอเพิ่งสบถออกมานั้นทำให้แย่ลงไปอีก... ราวก
คุณนายแคลร์ตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่ออย่างที่สุดฝ่ายหนึ่งเป็นทายาทมหาเศรษฐี รู้จักกันดีในนามผู้อำนวยการหนุ่มของบริษัทที่มีมูลค่ารวมเป็นหมื่นล้าน ในขณะที่อีกฝ่ายไม่มีอะไรดีเลย เป็นคนไร้ค่าที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการเก็บเมียตนเองกิน ถ้าคิดอย่างมีเหตุผล ควรเป็นไอ้ขยะนั่นที่ต้องคุกเข่าขอโทษทายาทมหาเศรษฐีไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันถึงกลับกันแบบนี้?อเล็กซ์ทำอะไรไว้กันแน่?เบียทริซที่เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ เห็นฉากนั้น และร้องออกมาในทันที “พี่เขย คุกเข่าทำไม? ไอ้ไร้ค่านี่มันมีสิทธิ์อะไรที่คุณต้องคุกเข่าให้? ลุกขึ้น เร็วเข้า ลุกขึ้น! ตระกูลร็อคเฟลเลอร์บังคับให้คุณทำเหรอ? ไม่ต้องเป็นห่วง หนูกับคุณแม่จะคอยปกป้องพี่เอง”หลังจากได้ยินสิ่งที่เบียทริซพูดกับเขา เฟลิกซ์รู้สึกกลัวจนเสียสติ หัวใจเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ หลังจากเฟลิกซ์ และ เอ็ดการ์ได้กลับไป เมื่อกลับมาถึงบ้าน เอ็ดการ์ถอนหายใจ และบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่ร้านอาหาร อุระซาว่า อีกทั้งข้อมูลที่รวบรวมจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ ระหว่างนายท่านเล็กซ์ กันเธอร์ กับอเล็กซ์ไม่มีอะไรจากมาแทนที่ความหวาดกลัวที่หยั่งลึกลงไปได้พวกเขามีเหตุผลที่เชื่อว่า เพียง
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!อเล็กซ์ไม่ยั้งมือต่อเฟลิกซ์แม้แต่น้อย เขาเฆี่ยนตีสามครั้งอย่างสุดกำลังบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนทั้งสาม ปรากฏขึ้นมาบนหลังของเฟลิกซ์ เลือดค่อยๆซึมออกมาจากรอยแผลนั้นอเล็กซ์ขว้างกิ่งไม้ทิ้ง พร้อมพูดขึ้น “ลุกขึ้น จำในสิ่งที่พูดวันนี้เอาไว้”คำพูดที่ซาบซึ้งหลุดออกมาจากปากของเฟลิกซ์ ในขณะที่ลุกขึ้นยืน ถึงอย่างนั้นก็ยังหยิบของขวัญกล่องเล็ก ๆ ออกมา และยื่นให้อเล็กซ์ “นายท่านร็อคกี้เฟลเลอร์ ขอบคุณมากสำหรับการเฆี่ยนทั้งสามครั้ง ผมจะจำสิ่งที่คุณสอนเสมอ นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยเพื่อคุณ แทนความซาบซึ้งใจ นายท่านร็อคกี้เฟลเลอร์ ขออภัยที่รบกวน ผมต้องไปแล้ว ขอให้คุณทั้งคู่อายุมั่นขวัญยืนและมีความสุขด้วยกันตลอดไป”หลังจากยื่นกล่องของขวัญให้อเล็กซ์ เขาหันหลังและจากไป เขามองเฟลิกซ์ค่อย ๆ กลายเป็นเงาจางหายไป อเล็กซ์แอบคิดในใจ “ที่สุดแล้ว เขานี่ก็เป็นคนฉลาดเหมือนกัน! เอาล่ะ ฉันจะปล่อยตระกูลเชฟเฟิร์ดไปก่อนในตอนนี้”เฟลิกซ์หายลับไป แต่คุณนายแคลร์และเบียทริซยังคงอยู่ในสภาวะสับสน แม้กระทั่งโดโรธีก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนั้น ฉันไม่เข้าใจ”อเล็กซ์พูดพร้อมกับยิ้ม “คุณไม่เข้าใจอะ
สาวงามผู้เลอโฉมคือวอลทซ์ เฟลอร์นั่นเองเธอเอนกายอยู่บนเตียงโดยมีผ้านวมผืนใหญ่ เผยให้เห็นเพียงศีรษะ และผมนุ่มสลวยที่กระจัดกระจายไปทั่ว วอลทซ์ขยิบตาให้อเล็กซ์ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวานอเล็กซ์ตรวจดูให้แน่ใจว่าแม่ของเขาหลับไปแล้ว ก่อนจะรีบปิดประตู และพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ “มาทำอะไรที่นี่?”“ทำงานไง!” วอลทซ์ตอบพร้อมยิ้มเบา ๆ“ทำงาน?” อเล็กซ์สับสน“ทำให้เตียงคุณอุ่นไง! ฉันเป็นสาวรับใช้ที่ให้ความอบอุ่นบนเตียงไม่ใช่เหรอ?”“...”หัวใจของอเล็กซ์เต้นรัว ตอนนี้ เขารู้สึกปวดหัวกับสถานการณ์ยากที่จะควบคุมแบบนี้ก่อนที่จะออกจากบ้านก่อนหน้านี้ เขาถูกบริตทานีจับได้คาหนังคาเขา ทั้งยังไม่ได้อธิบายอะไร ถ้าเธอเห็นเขาในตอนนี้ ปัญหาได้ตามมาในไม่ช้าแน่ และเขาคงไม่สามารถโน้มน้าวให้เธอเชื่อเขาได้!“ไปทำเตียงตัวเองให้อุ่นเถอะ! ออกไปจากห้องฉัน”อเล็กซ์คว้าผ้านวม เกือบที่จะถลกมันออกวอลทซ์จับผ้านวมไว้แน่น ก่อนพูดอย่างอาย ๆ “อย่านะคะ ฉันไม่ได้สวมเสื้อผ้า”“เธอพูดว่าอะไรนะ?!”อเล็กซ์ตาเบิกโพลง จ้องมองไปที่ผ้านวม ราวกับเขาสามารถมองทะลุเห็นทิวทัศน์ที่น่าเหลือเชื่อข้างใต้นั้นเขาหายใจหอบถ
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท