“คะ คุณ ป่วยหรือเปล่า” เธอมองเขาอย่างตกใจ รีบสะบัดมือออกจากเขา รู้สึกเหมือนผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก“ใครป่วย” สิงหราชได้สติ เขาทำเสียงขึงขัง “เธอไปยืนคุยกับผู้ชายแปลกหน้าได้ยังไง แล้วนี่มันเวลางานยังไม่ถึงห้าโมง กลับมาเดินเตร็ดเตร่”“ฉันปลูกชาเสร็จแล้ว...” พอได้ยินเขาตำหนิก็ทำหน้าบึ้ง “ไม่ให้ฉันพักบ้างเลยเหรอคะ แล้วผู้ชายที่ฉันคุยด้วยก็เป็นแขกของไร่เราไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็ช่วยต้อนรับ มีอะไรที่คุณไม่พอใจ”“มะ ไม่มี!”“เอ๊ะ ไม่มีแล้วคุณมาตะคอกฉันทำไม” วราลีมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “งั้นฉันจะไปทำงานต่อ พอใจหรือยังคะ”หญิงสาวพูดจบก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่กลับถูกรั้งข้อมือไว้อีกครั้ง“เดี๋ยว”“มีอะไรอีกคะ ฉันจะรีบไปทำงานเดี๋ยวหาว่าอู้อีก”“มะ ไม่ต้องไปแล้ว นั่งลง”“หา”“ฉันบอกให้นั่งลง” ชายหนุ่มพูดพลางฉุดหญิงสาวลงนั่ง “อยากพักไม่ใช่เหรอ...”วราลีหันมองใบหน้าด้านข้างของเขา ก่อนจะหันไปมองวิวตรงหน้าเงียบ ๆ ทั้งสองปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปช้า ๆ บรรยากาศรอบ ๆ เงียบสงบครืด...ครืดเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของสิงหราชสั่น ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาแล้วกดรับ“ฮัลโหล...อืม นายจัดการดูแลต่อเลย ฉันไม่ว่
เป็นครั้งแรกที่วราลีได้ยินชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองเขา เห็นสายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความรักก็รู้สึกมึนงง ชายหนุ่มปากร้าย นิสัยไม่ดีที่เธอพบเจอมาตลอดหนึ่งเดือนหายไปไหน“เอ่อ...คือ”“ตอบพี่มาสิครับ”วราลีดันอกเขา แล้วลุกขึ้น มองเขาที่นอนตะแคงมองเธอยิ้ม ๆ ก็กัดริมฝีปาก“มะ ไม่รู้ ฉะ ฉันไปทำงานก่อนนะคะ” วราลีตอบอย่างตะกุกตะกัก พอพูดจบหญิงสาวก็หันหลังวิ่งไป ท่าทางเหมือนวิ่งหนีอะไรสักอย่างชายหนุ่มมองแผ่นหลังบอบบางที่ห่างไปไกล สุดท้ายก็ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเบา ๆตะวันใกล้ตกดิน วราลีเดินไปยังที่จอดรถช้า ๆ นึกภาพตอนประจันหน้ากับสิงหราชไม่ถูก เธอหลบหน้าเขามาครึ่งวันแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับพร้อมกัน ทำตัวไม่ถูกจริง ๆคิดถึงตอนถูกเขาปล้นจูบก็อดหน้าร้อนไม่ได้ หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แตะแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า พอเดินไปถึงรถ ก็เห็นชายหนุ่มยืนกอดอกรออยู่ เธอก้มหน้างุด เดินผ่านเขา แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเงียบ ๆ สิงหราชก้าวขาขึ้นรถบ้าง เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกจากไร่ มุ่งหน้ากลับที่พัก ตลอดทางมีแต่ความเงียบหมับ!ฝ่ามืออุ่นร้อนทาบทับมือของวราลีที่วางไว้บนต้นขาตัว
วราลีสะบัดหน้า ก่อนเอื้อมมือไปปิดฝักบัวหลังอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันตัว แล้วเปิดประตูห้องน้ำ เปิดมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสิงหราชยืนรออยู่"ว๊าย!" เธอยกมือขึ้นกอดอกตัวเอง "คะ คุณเข้ามาได้ยังไง ฉะ ฉันล็อกประตูห้องแล้วนะ!"ชายหนุ่มไม่ตอบ กลับชูมือที่ถือพวงกุญแจไว้หน้าระรื่นวราลีถลึงตามองเขา เขากล้าทำถึงขนาดนี้ ตั้งใจทำให้เธออับอายหรือยังไง!"เป็นอะไรหืม โกรธอะไรพี่..." เขายื่นใบหน้ามาใกล้"อย่าเพิ่งมาตอแยตอนนี้ได้ไหมคะ ฉันขอเปลี่ยนชุดก่อน" เธอรีบตัดบทเขา ทั้งอายทั้งโกรธสิงหราชมองหญิงสาวที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันอยู่ ก็หน้าแดงถึงใบหู เขารีบหันหลังให้"คุณสิงห์ทำอะไร""ก็รอหนูลีเปลี่ยนชุดไง เร็วสิ"วราลีอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขา หญิงสาวผลักแผ่นหลังชายหนุ่มแล้วไล่"บ้าเหรอไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!"ปัง!เมื่อผลักผู้ชายหน้ามึนออกไปจากห้องได้แล้ว วราลีก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองไม่ดีเลย แบบนี้เธอแย่แน่ ๆ ไหนว่าจะไม่หวั่นไหวไง วราลี!เมื่อหญิงสาวเปิดประตูห้องออกมา ก็พบว่าชายหนุ่มยังคงนั่งรอเธออยู่ โดยที่ยังไม่ได้กินข้าว หญิงสาวถอนหายใจ เดินเข้าไปนั่งโต๊ะ แล้วเริ่มตักข้าวเข้าปาก
หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด“ถ้าพี่สิงห์ไม่ไปเคลียร์กับคนก่อน ๆ ก็อย่ามาถามหาความรักจากหนูลี อย่ามาแตะต้อง อย่ามาฉวยโอกาสกับหนูลี หนูลีจะไม่เริ่มต้นใหม่กับพี่ ถ้าพี่สิงห์ยังมีผู้หญิงอื่น”“กลับไปพี่จะบอกเลิกดีดี้ ผู้หญิงคนอื่นพี่ก็จะไม่มี พี่จะบอกเรื่องของเราให้ผู้ใหญ่ทราบ พอใจหรือยัง หือ” สิงหราชมองหญิงสาวที่ยืนสูดน้ำมูกแล้วรู้สึกขัน นี่วราลีกำลังหึงเขาอยู่ใช่หรือไม่ ความจริงเรื่องของเขากับดลฤดีไม่มีอะไรเลยนอกจากผลประโยชน์และความสุขทางกาย กับผู้หญิงคนอื่นเขาก็เลิกราไปหมดนานแล้ว“ดีค่ะ” วราลีพยักหน้า “แต่ว่า เรื่องของเรายังไม่ต้องบอกผู้ใหญ่ และคนงานในไร่จะไม่รู้ว่าเราคบกัน”“อ้าว ทำไมล่ะ” สิงหราชถามอย่างไม่เข้าใจ “หนูลีไม่อยากเปิดตัวว่าเป็นแฟนพี่หรือไง”“ไม่ค่ะ” วราลีตอบทันที ส่งผลให้สิงหราชใบหน้างอง้ำ “จนกว่าลีจะมั่นใจในตัวพี่สิงห์ จะไม่มีใครรู้ว่าเราคบกัน ต่อหน้าคนอื่น เรายังคงเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ลีจะใช้ชีวิตปกติ พี่สิงห์ก็ทำตัวปกติ”“แต่เวลาเราอยู่ด้วยกันสองคน เราทำอะไร ๆ แบบ...” เขายกนิ้วชี้ขึ้นชนกัน ปากก็ถาม “แฟนได้ใช่ไหม”“ก็...ไม่รู้สิคะ” ได้ยินเขาแก
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวเดินไปเปิดประตูก็พบว่าสิงหราชยืนอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนเขาจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ ใบหน้าคมคายมีหยดน้ำเกาะพราว ผมดกดำดูเปียกชื้น“มีอะไรเหรอคะ” วราลีถามเขา พยายามทำตัวให้เป็นปกติ“เช็ดผมให้พี่หน่อยสิ” เขายื่นผ้าขนหนูผืนน้อยให้ ก่อนแทรกตัวเข้าไปในห้อง“ดะ เดี๋ยวสิคะ...” วราลีบอกเสียงเบา เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน หากมีคนเห็นว่ามีผู้ชายอยู่ในห้องของเธอ แถมยังเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ หญิงสาวชะเง้อคอมองโถงทางเดิน เมื่อหันไปเห็นสิงหราชนั่งลงบนเตียง ก็จำใจปิดประตูด้วยกลัวใครมาเห็น“ยืนนิ่งทำไม เช็ดผมให้พี่หน่อย” เขานั่งลงปลายเตียงแล้วหันหลังให้เธอ“เช็ดเสร็จก็ออกไปนะคะ” วราลีเดินเข้ามาใกล้ปลายเตียง น้ำเสียงเจือแววตำหนิ “จู่ ๆ ก็มาเคาะห้องคนอื่นดึกดื่น แถมยังเข้ามาอีก ลีจะกล้ามองหน้าคุณน้าได้ยังไง เป็นสาวเป็นนางมีผู้ชายเข้าหา”พูดไปก็เริ่มซับผมให้ชายหนุ่มไป ฝ่ายสิงหราชได้ยินที่หญิงสาวพูดก็หลุดขำ“นอนด้วยกันแล้วจะอายอะไรอีกคะ โอ๊ย!”วราลียกมือขึ้นบิดแผ่นหลังเขา “อย่าพูดแซวหนูลีนะ ขืนยังล้ออีกจะไล่ให้ออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“โอเค ๆ ไม่ล้อ
คิดได้อย่างนั้น เขาก็หันมามองนางร้ายสาว ยกมือขึ้นแกะแขนที่เกาะเกี่ยวเขาราวกับปลาหมึกออก “ดีดี้ ปล่อยผม...”การกระทำแบบไม่รักษาหน้าทำให้ดลฤดีชะงัก แล้วตัดสินใจยิ้มสู้“ว่ายังไงคะสิงห์ เราไปกรุงเทพกันตอนนี้เลยนะคะ”“ไม่...ผมไม่ไป” สิงหราชปฎิเสธเสียงเรียบ “รูปหลุดอะไรนั้นผมไม่สนใจ คุณก็แถลงไปว่าเราเคยคบกันแต่ตอนนี้...เลิกกันแล้ว”“อะไรนะคะ!”“คุณจะเอาเงินไปปิดปากนักข่าวและซื้อภาพคืนก็ได้นะ เท่าไรคุณก็บอกพายัพไป ผมจัดการให้ทั้งหมด”“สิงห์จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ดลฤดีมองชายหนุ่มหน้าซีดปากสั่น หล่อนไม่นึกว่าการที่แกล้งทำรูปหลุดมันจะได้ผลตอบรับแบบนี้ สิงหราชควรจะรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับเธอสิ “หน้าที่การงาน ชื่อเสียงดีดี้ หากสิงห์ไม่รับผิดชอบ ชีวิตดีดี้พังแน่ ๆ สิงห์คะ สิงห์ไปแถลงข่าวเรื่องแต่งงานของเราเถอะนะ...”สิงหราชมองหญิงสาวตรงหน้าที่พูดรำพึงรำพันทั้งน้ำตาด้วยสายตาเรียบเฉย เมื่อหญิงสาวพูดจบ เขาก็พูดขึ้น“คุณจะเอากี่ล้าน?”“คะ?”“แลกกับการไปจากชีวิตผม และปิดข่าวบ้า ๆ ของคุณ คุณต้องการเท่าไร ดีดี้”“นี่...สิงห์คิดว่าเงินซื้อดีดี้ได้เหรอคะ!” นางร้ายสาวหยุดร้องไห้ทันที มองชายหนุ่มด้วยสายตาเกรี
“พรื่ด!” วราลีเห็นชายหนุ่มทำแก้มพองลมก็หลุดหัวเราะ “หยุดเล่นกันได้แล้วค่ะ ไปทำงานของตัวเอง แล้วตอนเย็นเจอกันค่ะ...พี่สิงห์”เมื่อได้ยินว่าเขาเคลียร์กับนางร้ายสาวแล้วหญิงสาวก็รู้สึกโล่งใจไปหน่อย เพียงแต่ตีหน้านิ่งไม่ให้เขาได้ใจไปมากกว่าเดิม และลึก ๆ ก็ยังคิดว่าผู้หญิงแบบดลฤดีคงจะไม่เลิกราไปง่าย ๆในเมื่อตัดสินใจว่าจะลองให้โอกาสสิงหราช และตัวเอง หญิงสาวจึงปรับท่าทีให้อ่อนลง“กลางวันไปกินข้าวด้วยกันนะครับ พี่จะมารับ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินหญิงสาวยอมเรียกพี่ อาการหงุดหงิดก็หายเป็นปลิดทิ้ง“ค่ะ ไปทำงานเถอะค่ะ” วราลีตอบรับ แล้วยิ้มบาง ๆสิงหราชยิ้มกริ่ม เดินไปยังประตู ก่อนที่จะเดินออกไปชานหนุ่มก็หันมาหาเธออีกครั้ง พลางร้องเรียก“หนูลี...”“คะ...”วราลีเบิกตาโต เมื่อสิงหราชยกมือขึ้นแล้วทำท่ามินิฮาร์ทให้“แอ๊ด...สวัสดีครับคุณละ ลี...”พายัพที่เปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วร้องทักทาย พลันอ้าปากค้าง มองเจ้านายหนุ่มที่ยืนใกล้ประตู มือทำท่าทางแปลก ๆ กับวราลีที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ สลับกันไปมาสิงหราชรีบปล่อยมือลง ตีหน้าขรึม“อ้าว มาแล้วเหรอ ฉันจะเข้าไปตรวจใบชา นายตามฉันมานะ”พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที ทิ้งให
วราลีมองเขาตาค้าง จู่ ๆ ก็ถูกขอแต่งงานกลางถนน ความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก“ตะ แต่ว่าเราเพิ่ง...”“จะบอกว่าเพิ่งรู้จักกันเหรอ พี่รู้จักหนูลีมาเป็นสิบปีแล้ว” สิงหราชโบกมือตัดบท “จะอ้างอะไรอีก เรื่องผู้หญิง? พี่ก็เคลียร์ไปหมดแล้วไงครับ อะไรที่คาใจเราก็คุยกันไปแล้ว หนูลีไม่ยอมให้สถานะแฟนกับพี่เสียที เห็นผู้ชายคนอื่นมาขายขนมจีบหนูลีมันน่าโมโหนัก ฮึ!”หญิงสาวมองเขาแค่นคำรามตาปริบ ๆ“ไหนว่าแอบรักแอบชอบพี่มาหลายปีไง ตอนนี้พี่ชอบตอบแล้ว หนูลีจะยังไม่ยอมคบกับพี่เหรอ ผู้ชายแบบพี่หายากนะ หล่อ รวย มีบ้าน มีรถ มีไร่ มีทุกอย่างพร้อมที่จะสร้างครอบครัว”ยืนโฆษณาขายตัวเองเสร็จสรรพ สิงหราชเลิกคิ้ว มองหญิงสาวตรงหน้าที่ยืนใบ้กินอยู่“ตอนนี้พี่ขาดอย่างเดียวคือเมีย...แม่ของลูก”“หา?”“ว่ายังไงครับ จะแต่งไหม ถ้าตกลงเราเดินทางไปเชียงใหม่หาแม่หนูลีตอนนี้เลย แต่ถ้าไม่ตกลง พี่ก็ยังจะไปขอหนูลีมาเป็นเมียอยู่ดี”“พี่สิงห์!”วราลีจนคำพูดกับผู้ชายตรงหน้านี้ จะบอกว่าดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ทำไมเขาถึงชอบทำอะไรห่าม ๆ ปรู๊ดปร๊าดแบบนี้ จะขอแต่งงานก็ไปที่บรรยากาศดี ๆ หน่อยสิ ไร่ชาวิวสวย ๆ ก็มี นี่เล่นขอกลางถนนที่มีท
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย
สามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว และพม่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ที่มีทิวทัศน์สวยงดงาม โดนเฉพาะยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอก สามเหลี่ยมทองคำยังเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นแหล่งขนถ่ายสินค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย มีท่าเรือขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและลาว มีกิจกรรมนั่งเรือไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ อาทิ คาสิโน คิงห์โรมัน หรือนั่งเรือไปเที่ยวทางตอนใต้ของจีน อย่าง สิบสองปันนา หรือ คุนหมิง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าฤดูหนาวนักท่องเที่ยวยิ่งมากวราลีเหลียวมองทิวทัศน์รอบตัวอย่างสนอกสนใจ เช้าวันเสาร์เรวัตมารับเธอแล้วก็ออกเดินทางมาที่สามเหลี่ยมทองคำ ระยะทางเกือบสี่สิบกิโลเมตร แต่เมื่อได้มาถึง ได้เห็นแหล่งสำคัญทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศไทย หญิงสาวก็คิดว่าช่างคุ้มค่า“เสียดายที่เราไม่ได้มาแต่เช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นสวยมากเลยนะครับ” เรวัตเห็นหญิงสาวมีท่าทางตื่นตาตื่นใจก็รู้สึกดีใจ เขาบอกเล่า แนะนำสถานที่กับวราลีอย่างมืออาชีพ “ก่อนอื่นเราไปถ่ายรูปด้วยกันกับป้าย สามเหลี่ยมทองคำ กันก่อน ดีไหมครับ”วรา
“วราลี!” สิงหราชที่นั่งฟังหญิงสาวตัดสินใจ แทบจะคำรามออกมา กล้าไปกับชายอื่นสองต่อสองได้อย่างไร ทั้งที่เขานั่งอยู่ทนโท่ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด อยากลุกขึ้นแล้วล้มโต๊ะขึ้นมาทันทีพอได้ยินว่าหญิงสาวตอบตกลงจะไปเที่ยวกับเขาสองต่อสอง เรวัตก็ยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้น ปรายตามองสิงหราชอย่างผู้ชนะ ก่อนบอกลาวราลี“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้ววันเสาร์จะมารับคุณลี”“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”“ไปนะครับ พ่อเลี้ยง”สิงหราชถลึงตามองศัตรูความรัก ที่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องจากไป ก็แทบอยากจะลุกตามไปเตะก้น เมื่อไม่มีคนนอก เขาก็หันไปมองค้อนหญิงสาว ปากก็พูดจาตัดพ้อ“หนูลีไม่แคร์พี่เลยเหรอ ไหนว่าชอบพี่ แล้วจะไปเดตกับมันทำไม...”“คิดไปถึงไหนคะ” วราลีบอกเสียงอ่อน “ลีไปเพราะมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณเรวัต ลีไม่ได้คิดอะไรกับเขานอกจากเพื่อนร่วมงาน”ได้ยินหญิงสาวบอกอย่างนั้น สิงหราชตาเป็นประกาย ท่าทางเบิกบานผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธมันตั้งแต่เมื่อกี้เลยล่ะ” “พี่สิงห์คะ...” วราลีบอกน้ำเสียงอ่อนใจ “ปฏิเสธตอนนี้จะไม่เป็นการหักหน้าเขาเหรอคะ เขายังเป็นลูกค้าของไร่เรา แถมยังพาลูกทัวร์มาเที่ยวตลอด ลีถึง
“อ้าว! คุณลี” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นจากด้านหน้า วราลีเห็นเรวัตกำลังเดินตรงมา มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วถุงใบใหญ่อยู่“คุณเรวัต พาลูกทัวร์มาเที่ยวไร่เหรอคะ” วราลีหยุดเดินแล้วถาม“เปล่าครับ วันนี้ผมตั้งใจมาหาคุณลี...” เขามองหญิงสาวยิ้ม ๆ พลางยื่นถุงที่ถือไว้ให้ “ผมไปสวนเมลอนมา เลยซื้อเมลอนมาฝาก เป็นสวนเมลอนชื่อดังที่แกะสลักบนผลได้น่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจดี เลยซื้อมาฝากคุณลี”“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับ เห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจจึงเอ่ยชวน “ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปดื่มชาด้วยกันไหมคะ”“ครับ ไปครับ”วราลีและเรวัตเดินคุยกันไป ฝ่ายสิงหราชที่เดินตามมาเห็นหญิงสาวเดินไปกับใครก็หยุดมอง ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้ง เขากอดอก พ่นลมหายใจทางจมูก รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนกระทิงหนุ่มที่เจอผ้าแดงทำยังไงถึงจะไล่ไอ้หน้าอ่อนนี่กระเด็นไปได้นะ!“อ้าว พ่อเลี้ยง ผมอุตส่าห์เปิดทางให้ ทำไมปล่อยให้คุณลีเดินไปกับหนุ่มคนอื่นล่ะครับ” พายัพที่เห็นเจ้านายตนยืนเตะฝุ่นอยู่ไม่ไกล เดินเข้ามาใกล้ ปากก็พึมพำ “หรือว่าคุณเรวัตตามจีบคุณลีอยู่เหมือนกัน?”“เออสิ ท่าทางหูตั้ง หางกระดิกขนาดนั้น แกดูไม่ออกเรอะ!” สิงหราชหันมาตวาด แล้วรีบสาวเท้าเด