คำโปรย
เธอเคยอยู่ในกาลครั้งหนึ่งที่ตราตรึง
----------------
“เฮ้ย!!! ...ดีโน่ เป็นไงมั่ง” ชายหนุ่มส่งเสียงถาม เขาถูกกระสุนปืนเข้าหัวไหล่ขวา เลือดไหลอาบแขนเสื้อสีขาวดูน่าสยดสยอง ส่วนบุรณีแค่ข้อเท้าพลิก แปลกสุดจริงๆ ที่กระสุนไม่เข้าส่วนไหนของเธอเลย วินาทีเพิ่งเฉียดตายมาสดๆ ร้อนๆ ทำเอาหญิงสาวนั่งตัวสั่นงันงกอยู่ในรถลักซ์ชัวรี่แวนสีดำกันกระสุนกระจกมืดมิด มันกำลังทะยานตัวพุ่งออกไปราวกับเหาะด้วยการกดคันเร่งอย่างรวดเร็วของเขา
หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียน-ไทย ที่เป็นคนขับมารับเขาตามคำสั่งของเจ้านาย บัดนี้นอนหายใจรวยรินอยู่ด้านหลังตัวชุ่มเลือดแดงฉาน ผ้าห่มที่วางอยู่ท้ายรถถูกบุรณีดึงมาซับเลือดให้เขา หญิงสาวมือไม้สั่นยังตกใจกับทุกวินาทีที่เธอผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ
สัญญาณจากมือถือดังขึ้น....ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด มันต่อตรงเข้ากับบลูธูทของเครื่องเสียง
เสียงหนึ่งดังกังวานขึ้น
“Hey…เป็นไงวะ ยิงกันสนั่นกลางเมืองเลย”
“เออ...ฮากำลังไปที่บ้านคิง อยู่ก่อ” เสียงอีกฝ่ายเงียบไป เป็นที่รู้กันว่าอีกฝ่ายคงรู้สถานการณ์ดี
บุรณีเอามือซับน้ำตาที่ร่วงลงมาอย่างไม่รู้ตัว สงสารหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนคอของเขาซึ่งพิงพนักตกลงมาซบหัวไหล่ของเธอ หญิงสาวจับชีพจรเขาเพื่อตรวจดูว่ายังพอมีชีวิตอยู่จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
“แย่แล้ว!!! นายคนนี้ชีพจรเต้นเบาลงมาก เร็ว!!!” สาวใหญ่ส่งเสียงทั้งปาดน้ำตาที่ยังไหลลงมาที่พวงแก้มอีก ตาเธอแดงก่ำด้วยความสงสารหนุ่มคนนี้จับใจ
“หุบปาก!!!...ผมกำลังขับรถ เห็นไหมผมก็บาดเจ็บ” เสียงชายหนุ่มตะคอกเธอเสียงดัง เหมือนกับว่าโกรธใครอยู่เป็นแรมปี
“เออ...ปล่อยให้ตายกันไปเลย” บุรณีสาดเสียงประชดดังไม่แพ้กัน
ขณะนี้ในใจของเขากำลังย้อนเวลาหวนคิดถึงหญิงสาวที่เคยมีความสัมพันธ์ด้วย เธอผู้นั้นจากเขาไปก็เพราะเข้ามาพัวพันกับมาเฟียที่นี่ ตอนนี้เขามีเหตุผลมากขึ้นพยายามไม่บุ่มบ่ามใจร้อนเหมือนแต่ก่อน และเริ่มพะวงกับอีกหลายชีวิตที่เกี่ยวข้องอยู่รอบกาย
“พิม...ผมจะไม่มีวัน...ไม่มีวันปล่อยมันแน่ ใครที่มันทำให้คุณต้องไปจากผม” พันธ์ศักดิ์ วางดอกไม้จันทน์ส่งวิญญาณพิมพ์ชญาต่อหน้าเตาเผาศพในวัดไทย
“คิง...กลับไปบวชสงบสติอารมณ์ ที่เชียงคำเต๊อะ” เพื่อนที่เป็นหมอได้ภรรยาอิตาเลียนเปิดสถานพยาบาลขนาดเล็กอยู่ที่ชานกรุงโรม เดินเข้ามาตบไหล่เตือนสติเพื่อนรักจากเมืองไทยที่เป็นคนเหนือด้วยกัน
ชายหนุ่มวางแผนว่าจะกลับมาบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับอดีตคนรักรวมทั้งตอบแทนบุพการีที่เหลืออยู่คนเดียว แต่ก็ยังไม่ได้เวลาสักที แม่ ‘จันทนา’ กลุ้มอกกลุ้มใจกับลูกชายคนเล็กที่ไม่ยอมกลับมาดูแลไร่ที่ทำเป็นรีสอร์ตให้เข้าที่เข้าทาง ขืนยังปล่อยให้ลูกสาวคนโตช่วยบริหารไปพลางๆ แบบนี้ ธุรกิจของครอบครัวจะไม่มีวันเติบโต ทุกคนได้แต่หวังและตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าจะถึงวันนั้นเมื่อไหร่
เกือบปีกว่าที่เขาไปต่อยอดการออกแบบผลิตภัณฑ์หลักสูตรระยะสั้น พันธ์ศักดิ์เอาแต่เที่ยวดูนิทรรศการตามที่ต่างๆ ไม่ค่อยเข้าเรียนตามที่กำหนดไว้ ทำให้เขาต้องลงทะเบียนซ้ำวิชาเดิมที่เขาเองก็บอกกับทุกคนว่า รู้หมดแล้วจะเรียนทำไม
“เรียนทำห่า...อะไรวะ ตระเวนไปทั่วทั้งนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ ห้องออกแบบเสื้อผ้า ฮาไม่ต้องเรียนให้มันเสียเงิน ดื่มเที่ยวยังมันกว่า...” เพื่อนสนิทที่เป็นหมอได้พลอยเป็นหมอส่วนตัวไปด้วย เขาสร้างวีรกรรมวิวาทปะทะกับนักเลงอิตาเลียนเป็นประจำ จนแฟนสาวเริ่มกังวล แล้วสุดท้ายเธอก็ต้องมาเสียชีวิตเพราะเขานั่นเอง
“ฮึ...ฮึ...ฮือ ...” เสียงสะอื้นในอกเบาๆ ของบุรณี ทำให้ใจที่หวนไห้ของชายหนุ่มยิ่งจ่อมจมถึงอดีตคนรัก ครั้งนั้นเธอสะอึกสะอื้นคร่ำครวญขอร้องให้ชายหนุ่มเลิกยุ่งกลุ่ม sicario พวกมือสังหารของ Bernado Esposito แบร์นาโด เอสโปสิโต้
“ทำไมล่ะ พัน...ไม่นึกถึงพิม ก็นึกถึงที่บ้านบ้าง คุณแม่เป็นห่วงนายมากนะ”
มันคือคำพูดสุดท้ายที่โทรหากัน ชายหนุ่มยังจำอยู่ไม่มีวันลืมก่อนที่พวกมันจะบุกไปอพาร์ตเม้นท์ของคนรักแล้วฆ่าเธออย่างเหี้ยมโหด
“Scopare e..e..e…” พันธ์ศักดิ์ตะโกนอย่างสุดเสียง มีแต่คำหยาบด่า ‘โคตรพ่อโคตรแม่’ คนลงมือออกมาอย่างหัวเสีย เขารักษาอาการซึมเศร้าที่สถานพยาบาลของเพื่อนหมออยู่เกือบสามเดือนโดยไม่ได้ติดต่อใครเลย ชายหนุ่มรู้สึกซังกะตายกับชีวิตอันแสนโหดร้ายที่เป็นตราบาปฝังอยู่ก้นบึ้งในหัวใจมาตลอด
“ถึงแล้ว...สะอึกสะอื้น...มันเป็นอะไรกับเธอ...ผัวก็ไม่ใช่” ชายหนุ่มโพล่งขณะจอดรถ น้ำเสียงและคำพูดดูหยาบคายสุดเถื่อน บุรณีสาดสายตาอย่างขุ่นเคือง
“ดีโน่...เสียเลือดเยอะเลย” เพื่อนหมอวิ่งออกมากับผู้ช่วยสามคน ดูอาการแล้วพูดขึ้นอย่างกังวล หนุ่มน้อยเอารถมารับเขายังจุดนัดหมาย แต่กลับกลายเป็นผู้รับเคราะห์จากเหตุการณ์นี้
หลังจากเพื่อนหมอสั่งให้ไปแจ้งหมอเวรรีบผ่าตัดหนุ่มดีโน่ แล้วจึงหันมาพูดกับเขา
“มา...ฮาจะทำแผลให้คิง นี่กระสุนมันเฉียดแบบมีดบาดนะ ไม่งั้นเรื่องใหญ่ ต้องได้นอนที่นี่หลายวันเลย...”
“แล้ว นั่นพาใครมาด้วยวะ อย่าบอกฮานะว่า หน้ารถคนใหม่…!!!” หมอมองหน้าบุรณีแล้วหันไปกระซิบถามเบาๆ กับพันธ์ศักดิ์
“เออ...เออ... ใช่ก็ได้ว่ะ” เสียงเขาตอบแบบขอไปที แล้วก็ปล่อยให้หญิงสาวเดินตามเข้าไป หมอสั่งให้ผู้ช่วยพยาบาลผิวคล้ำเข้ามาตรวจร่างกายเธอ และพาไปที่ห้องพักฟื้นเล็กๆ ด้านบน
“เธอต้องได้รับยานอนหลับเพื่อระงับอาการตกใจหวาดผวา” หมอเข้ามาสอบถามอาการกับผู้ช่วย แล้วหันมาบอกบุรณีให้พักอยู่ที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เพื่อดูอาการว่าเป็นอย่างไร
“หมอคะ ฉันขออนุญาตกลับบ้านได้ไหมคะ ที่บ้านจะกังวลค่ะ” บุรณีพูดภาษาไทยออกมา ทำให้หมอยิ้มมองเธอ...งง งง
“เอ้า...ผมนึกว่าคุณเป็นคนที่นี่!!!”
“ค่ะ ฉันเป็นคนไทยที่นี่ อยู่กับแม่สามีและลูก”
“ที่ไหนครับ ผมจะให้คนขับรถไปส่ง แต่ขอให้คุณหายอาการช็อกก่อนดีกว่า ผมจะเปลี่ยนเป็นยาคลายเครียดแทน นอนพักก่อน...สักหนึ่งชั่วโมงผมจะขึ้นมาดูอาการอีกครั้ง” หมอเดินออกไปแล้ว แต่บุรณีรู้สึกกังวลเพราะเวลานี้เกือบบ่ายสามโมง
“Merde…ตายล่ะ ออกมาแต่เช้าจะซื้อชุดแต่งงานไปให้ Mamma มัมมา ป่านนี้ Luca ลูก้า น่าจะกลับจากโรงเรียนแล้ว” เธอพึมพำบ่นกับตนเอง อาการตกใจทำให้ลืมว่ายังทำธุระไม่เรียบร้อย งานแต่งลูกชายของญาติแม่สามีวันเสาร์ที่จะถึงนี้ จะทำยังไง เธอมีเวลาแค่เพียงพรุ่งนี้ที่จะเตรียมทุกอย่างทั้งของขวัญและชุดแต่งงานของแม่สามี สำหรับลูก้าและเธอใช้ชุดเดิมที่มีอยู่ แม่สามีตัวใหญ่ขึ้นไม่สามารถใส่ชุดเดิมได้ ทำให้วันนี้เธอต้องออกมาหาซื้อเสื้อผ้าถึงในโรม ทั้งอยากได้ชุดชั้นในใหม่อีกหนึ่งชุดเพื่อจะประเดิมใส่ไปงานนี้
“มาเจอเหตุอะไรเนี่ย ชุดแต่งงานมัมมา...ก็ยังไม่ได้ไปดู ชุดชั้นในคงเละอยู่ตรงเคาน์เตอร์ แถมขาดอีก...เฮ้อ ซวยชะมัด!!!”
“บ้านคุณอยู่ไหน..."
"Monitola..."
คำโปรย ศรัทธาด้วยหัวใจ ไยฤา...มิไขว่คว้า----------------“คุณอยู่ไม่ห่าง...เท่าไหร่ เดี๋ยวผมจะไปส่งเอง...” ชายหนุ่มจ้องแววตาสีน้ำตาลใสกลมโตดุจแก้วตาเสือที่เห็นซี่เล็กๆ อยู่รอบขอบตาดำด้านนอกที่โตเกือบเต็มจอชายหนุ่มไม่ละสายตายังจดจ้องแววตาคู่นั้น แต่ใจกลับจมไปกับภาพเก่าๆ ของอดีตคนรักที่โผล่ขึ้นมาราวกับว่าเธอยังไม่จากเขาไปไหน พิมพ์ชญาชอบเปลี่ยนสีแก้วตาด้วยการใช้คอนแทคเลนส์ สี dolla brown ที่เธอชื่นชอบมักถูกสั่งซื้อโดยฝากชายหนุ่มสั่งจากเพื่อนที่เมืองไทยส่งมาให้อยู่เป็นประจำ“อะ...เออ คุณใส่คอนแทคเลนส์รึ” บุรณีถลึงตาใส่ชายหนุ่มแต่ตอนนี้เธอเห็นแววตาที่กร้าวมาตลอดจากที่เกิดเหตุจนถึงที่นี่ มันเริ่มฉายแววอบอุ่นที่ซ่อนลึกอยู่ข้างในออกมา“โอ๊ย...จะบ้าตาย นายนี่...หัดรู้กาลเทศะบ้าง...ก็ดีนะ” บุรณีสั่งสอนเขาเหมือนเป็นน้องชาย“เอาล่ะ...จะออกกันกี่โมงดี” เขาเปลี่ยนเรื่องทันควัน ไม่อยากต่อคำกับเธอ ซึ่งท่าทางและคำพูดคำจาบอกเลยว่า เธอไม่ใช่สาวน้อยกุ๊กกิ๊กที่จะมาล้อเล่น ยิ่งสายตาที่สาดใส่ตอนเขามองท่าทีเธอตอกกลับขณะอยู่ในรถ...ประหนึ่งเสือชีต้าเพรียวลมพร้อมกระโจนขย้ำคอเขาได้...เธอแตกต่างจากพิมพ์ชญา ที
คำโปรย ทุกปริศนา...มันซุกซ่อนมายาแห่งเงินตรา----------------“ต้องเปลี่ยนรถ...เอาหัวลงต่ำ...bello ดี!!!” พันธ์ศักดิ์เอื้อมหยิบปืนพกที่อยู่ตรงลิ้นชักด้านซ้ายของพวงมาลัย มันเด้งเปิดออกจากแรงที่เขาเอาข้อมือตบที่ปุ่มหน้าคอนโซล สายตากร้าวขบกรามแน่นของเขาดูน่าสะพรึง“พร้อมยัง...” เขามองตรงไปข้างหน้า และเลี้ยวซ้ายไปทางที่ไม่น่าใช่เส้นทางเข้าโรม“ทำไม???” บุรณีเอาหัวลงต่ำแต่ก็ยังถามอีก“Sei sposato???...แต่งงานรึยัง...” พันธ์ศักดิ์เสียงห้วนเข้มถามเธอ“เอ้า...ไม่มีผัว จะมาที่นี่ยังไง” หญิงสาวทำเสียงแค่นหัวเราะเบาๆ“เฮ้อ..ออออ...” เขาทำเสียงถอนหายใจยาวมากคิ้วที่ขมวดเหมือนโบว์อยู่ตรงกลางหน้าผากของเขา ยิ่งทำให้บุรณีใจสั่นเต้นตึ้กๆ ตั้กๆ เขาคงกำลังประเมินสถานการณ์“วันนี้...ไม่ไปเอาชุดชั้นในได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงเครียด ทั้งไม่หันมามองหน้าเธอเลย“เรื่องนั้นไม่ใหญ่เท่าชุดแต่งงาน”“ฮะ...ยังไม่แต่ง งง...แต่งงานอีกรึ” เสียงกระเซ้าของเขาทำให้อารมณ์เคร่งเครียดในรถเริ่มคลายลง“ฉันหมายถึง...ชุดแต่งงานของแม่สามี...น่ะ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด“แล้วนี่มีลูกเต้ารึยัง...” เขาเริ่มถามเรื่องส่วนตัวของบ
คำโปรย สมการโจทย์นี้...คือร่องรอยคราบเลือดและน้ำตา ---------------- พันธ์ศักดิ์เดินออกจากห้องของแบร์นาโดโดยไม่กล่าวลา ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเจ้าพ่อสูงวัยส่งสายตาราวมัจจุราชตามหลังเขาไปอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เขากดโทรสายภายในสั่งแม่บ้านให้เอาน้ำแร่ Sparkling ไปบริการหญิงสาวที่เขาเห็นอยู่บนจอทีวี ตอนนี้แบร์นาโดเองรู้สึกอยากเปิดบทสนทนากับเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาคมขนตาเป็นแพแบบนี้ คือนางในฝัน ซึ่งเป็น spec ที่เจอไม่บ่อยเท่าไหร่ ‘ไอ้ปุนโต...เข้าใจไปสอยนางมาให้!!!... เดี๋ยวก่อน ...เช็คดูอีกที มันออกไปจัดการเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จรึเปล่า’ แบร์นาโดละเอียดรอบคอบทีเดียว มาเฟียสูงวัยเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานกดรีโมทเปิดจอทีวีอีกครั้ง มองสาวใหญ่นัยน์ตาคมสวยดั่งวีนัส รูปร่างเธอยังเหมือนสาวรุ่นที่นุ่มนวล ประกายตาที่มองชุดชั้นในแวววาวสวยคมราวกับนางฟ้า angelo… ห้องวีไอพี “ก๊อก...ก๊อก อะ...แอม...ขอโทษนะ...คุณผู้หญิง” ชายสูงวัยปรากฏกายตรงหน้าประตูห้อง พร้อมเสียงเคาะประตูและกระแอมเล็กน้อย “SÌ คะ... สวัสดีคะ เออ... จะใช้พื้นที่ห้องนี้ใช่ไหมคะ” บุรณีอึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไรยังไงเหมือนเธอก็ไม่รู้จักใครเ
คำโปรย หากต้องหมดลมหายใจ ก็แลกมันด้วยชีวิต----------------พันธ์ศักดิ์รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก…เมื่อนึกย้อนเหตุการณ์วันวานกับวันนี้ที่อยู่ใหม่ของบุรณีต้องไกลจากที่นี่เขาเคยอาศัยอยู่ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งในมิลาน ชายหนุ่มเคยรับจ้างออกแบบชุดชั้นในให้กับเจ้าพ่อรายหนึ่งที่รับงาน copycat ลอกเลียนแบรนด์ดังๆ ให้กับประเทศแถบยุโรปตะวันออกงานออกแบบของเขาได้รับความไว้วางใจขนาดที่ ‘Giorgio Baldi’ จอร์โจ บาล์ดี เจ้าพ่อรายนี้ เสนอบ้านริมทะเลสาบโคโมให้เป็นที่พักเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานหลังจากรับทำงานให้กับเจ้าพ่อแบรนด์เอสโปสิโต้ เขาเองพยายามปฏิเสธงานของจอร์โจโดยอ้างสาเหตุการเรียนจบและจะกลับประเทศ แต่จอร์โจก็ยังไม่วายเสนองานให้ทำยามที่จำเป็นจริงๆเรื่องทั้งหมดนั้นเขาไม่เคยเอ่ยปากบอกใครแม้แต่หมอจีเพื่อนสนิท แวดวงที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวคือวงการสีเทา การรู้จักเข้าใครออกใครรวมถึงต้องระแวดระวังทุกฝีก้าว มันเป็นอะไรที่เขาสังหรณ์อยู่ตลอดว่าจะทำให้ทุกคนที่แวดล้อมตกอยู่ในอันตราย“พิม...อยากเตือนพันว่า...ต้องยอมมาเฟียคนนี้ ที่เรายังแก้รหัสลับไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดเราหรอกนะ”“ไอ้จิ้งจอกเฒ่านี่...มั
คำโปรย ได้โปรด!!! อยู่ในระยะแค่ใจคิดถึง...ได้ไหม----------------บุรณีเหมือนตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ใจครุ่นคิดถึงคำพูดที่พันธ์ศักดิ์กำลังยื่นข้อเสนอที่ทำให้เธอลำบากใจ เธอเพิ่งสูญเสียสามีไปแค่เพียงหกเดือนเศษ จะต้องบอกแม่สามีและลูกชายที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นด้วยข้ออ้างอะไร ที่จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นโดยทิ้งให้ทั้งสองต้องเผชิญชะตากรรมที่ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ฟังดูแล้วมันช่างโหดร้ายไร้คุณธรรม“เฮ้อออ!!!... ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ที่นี่ ไม่น่าปลอดภัย” สาวใหญ่ถอนหายใจเสียงดัง หันหลังกลับมาจ้องแววตาของชายหนุ่มที่ขณะนี้ซ่อนความหวาดกลัวอยู่ข้างในลึกๆ เช่นกัน“ลาร่า...ห้องที่โคโมเซฟเฮาส์ มีเตียงนอนใหญ่แค่เตียงเดียว แล้วสองคนนั้น....” บุรณีแทรกขึ้นทันที“เช่าบ้านเล็กๆ แบบ 2 ห้องนอน ฉันจะหางานทำ” น้ำเสียงหญิงสาวเด็ดเดี่ยว“จะทำยังไง...ถ้าแบร์นาโดเกิดรู้ว่า ฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น จะไม่มีปัญหากับนายรึ”“เขาต้องให้นายสืบล่ะ...หึ...หึ” บุรณีทำเสียงเยาะนิดๆ เพราะทั้งเจ้านายและลูกน้องคู่นี้น่าจะรู้ไส้กันดี“กำลังหาทางออกอยู่!!!” เขาทำหน้าเคร่งเครียดคิดหนัก“ไว้คืนนี้ผมจะโทรหาอีกที…ciao ลาล่ะ...!!!”
คำโปรย กระเป๋าใบนั้น...ส่งสัญญาณประหลาด ---------------- “โทรไปตามปุนโตมาพบฉัน...” เสียงแบร์นาโดขุ่นเคือง “Sì ได้ครับ...นายจะให้มากี่โมง” เสียงถามของคนสนิทดังจากมือถือของมาเฟียเฒ่า “Ora…เดี๋ยวนี้!!!” เสียงโมโหของเขาทำเอา ‘เลโอ’ คนสนิทตกใจ บ่ายของวันนั้นที่บุรณีออกจากโมนิโตลาไปแล้ว พันธ์ศักดิ์ก็ถูกตามตัวให้ไปที่คฤหาสน์ เอสโปสิโต้ เสียงเตือนจากมือถือของเลโอคนสนิทของเจ้านายยังคงก้องอยู่ในสมองของชายหนุ่ม “ปุนโต...ระวังตัวด้วย...ล่ะ แบร์โดโมโหนายมาก” พันธ์ศักดิ์พกปืนสั้นขนาดเท่าฝ่ามือสอดไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทเบลเซอร์ลำลองสีน้ำเงินเข้ม ชายหนุ่มแต่งตัวเข้าพบมาเฟียเฒ่าอย่างเป็นงานเป็นการ เขารู้ใจเจ้านายคนนี้เพราะแบร์นาโดอยากลบปมในอดีตที่มีเบื้องหลังมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงชอบทำตัวให้ดูหรูหราแบบผู้ดีเข้าไว้ “นี่กระเป๋าของผู้หญิงคนนั้น...ใช่ไหม???!!!” แบร์นาโดโยนกระเป๋าสีชมพูใบใหญ่เหมือนใส่สารพัดสมบัติอยู่ในนั้นต่อหน้าชายหนุ่ม แรงกระทบลงบนโต๊ะเสียงดังโพละทำให้เขาคิดว่าต้องมีอะไรแตกเสียหาย “ไม่ทราบ...” พันธ์ศักดิ์ไม่ทันได้สังเกตกระเป๋าใบนี้เลย เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เพ
คำโปรย ถึงมารยาหญิงหลายเล่มเกวียน ฤาเท่าชายหลายร้อยเล่ห์----------------บุรณีได้รับโทรศัพท์จากชายหนุ่มช่วงเย็น เสียงของเขาเคร่งเครียดจนน่ากลัว“ลาร่า...ผมได้กระเป๋าคุณมาแล้ว...”“เหรอ...ดีจัง เป็นไงมั่งล่ะ มาเฟียของนายน่ะ”“ไว้ผม...จะโทรหาคืนนี้” ชายหนุ่มตัดบท เขาอยากเอาของชิ้นสำคัญที่อยู่ในกระเป๋าของสาวใหญ่คนนี้ไปให้หมอจีเช็คชายหนุ่มไปรอเพื่อนหมออยู่นานเกือบสองชั่วโมงเพราะเขามีคนไข้สองรายที่ต้องรักษาเร่งด่วน ระหว่างรอเขากดมือถือโทรหานักสืบลูกผสมคนนั้นที่เคยได้ข้อมูลมาก่อนบ้างแล้ว“มีข้อมูลเพิ่มไหม มาร์โก้”“Sì ครับ...นางมีชื่ออยู่ใน ‘Rosa Reale’ โรซ่า เรอัลเล เป็นระดับ VIP Escort”“ใช้ชื่อว่า...???” พันธ์ศักดิ์ถามกลับด้วยใจหดหู่ ไม่คิดว่าหญิงสาวเรียบร้อยอย่างเธอจะทำงานพวกนี้“ลาร่า บรานี่” เขาขอให้หนุ่มนักสืบส่งแอปชื่อนั้นเข้าที่ WhatsApp ของเขาทันทีพันธ์ศักดิ์ใจร้อนรุ่มกระวนกระวายระหว่างรอหมอจี ใจหนึ่งคิดว่าจะกดมือถือโทรถามเธอไปตรงๆ แต่อีกใจหนึ่งยังลังเล ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจไม่กดโทรศัพท์หมอจีลงมาพบชายหนุ่มที่ห้องส่วนตัวข้างล่าง วันนี้เขาขอกินข้าวเย็นด้วยเพื่อจะมีเวลาคุยได้นาน
คำโปรย ส่วนลึกของตัวตน ต้องมองให้ทะลุเลนส์ใจ----------------พันธ์ศักดิ์นั่งอยู่มุมเตียงด้านที่ตรงกับประตูห้องนอน สายตาเหม่อลอยมองทะลุผ่านบานกระจกหน้าต่างห้องออกไป...ผิวน้ำบนท้องทะเลสาบกำลังเต้นระยิบระยับทอแสงประกายสีทองสะท้อนแสงตะวันที่กำลังใกล้ลาลับส่วนบุรณีนั่งนิ่งเงียบอยู่กลางเตียงไม่ขยับเขยื้อนได้แต่ชันเข่าเอาหน้าซบลงหัวเข่าทั้งสอง หัวใจของเธอที่สามสี่วันมานี้เหมือนหมดเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมาต่อสู้ เธอเพิ่งรู้สึกหายเหนื่อยล้ามาได้เพียงแค่หกเดือนหลังจากการจากไปของสามี แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรที่หนักหน่วงอีก หนุ่มคนนี้โผล่เข้ามาแทรกในช่วงเวลาซึ่งเธอแอบดีใจว่าจะได้พักผ่อนร่างกายที่สุดแสนกะปลกกะเปลี้ยนี้บ้าง“บอกผมได้ไหม...คุณจะเอาเงินไปทำอะไร!!!” ชายหนุ่มเริ่มลดดีกรีความร้อนแรงลง“ลาร่า... ขออย่าปิดบังอะไรผมเลย...!!!” เสียงอาทรของเขาทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบแววตาอบอุ่นที่หลบซ่อนอยู่ในก้นบึ้งแห่งหัวใจ ซึ่งเธอเห็นมันฉายรัศมีออกมาจากดวงตาดำเข้มคู่นั้น“ฉันต้องผ่าตัด...!!!” เสียงเรียบเฉยของเธอทำหัวใจของเขาสะท้าน“ต้องปีหน้าถึงจะได้ผ่าตัด” บุรณีเล่าต่ออย่างใจเย็น เธอไม่อยากปิดบังอะไร
คำโปรย พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่ว่าวันนั้นที่เราทุกข์ที่สุด พระองค์จะไม่เคยทอดทิ้งเรา----------------บุรณีพยายามทำตามคำแนะนำของพันธ์ศักดิ์โดยจะไม่โต้เถียงใดๆ ต่อหน้าครอบครัวและคนงานของชายหนุ่ม เธอไม่อยากขัดคำสั่งของย่าที่คอยตักเตือนมาบ่อยๆ ผ่านทางไลน์ของพ่อ เธอจะให้เกียรติเขาในฐานะสามีซึ่งลูก้าเองพยายามจะเปลี่ยนสรรพนามให้เขากลายเป็นพ่อ แต่ชายหนุ่มบอกหนุ่มน้อยว่าไม่เป็นไรให้เรียกตามเดิมตั้งแต่ต้น ประมาณต้นเดือนธันวาคมป้ายชื่อของผู้ลงทะเบียนจองห้องพักที่ได้สั่งทำเป็นเครื่องไม้เอาผ้าทอลายไทลื้อไปหุ้มไว้ถูกส่งมาที่สำนักงานของไร่ บุรณีมาช่วยคัดรายชื่อและจัดเตรียมห้องพักซึ่งจะลงทำผังผู้จองว่าคนใดควรลงห้องพักหมายเลขใด เธอเห็นป้ายชื่อตัวอักษรภาษาอังกฤษ Burani Benroze หญิงสาวตกใจว่าเธอลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยตั้งแต่ลงทะเบียนวันนั้นที่สถาบันของเดช ชายหนุ่มแนะนำว่าบุรณีควรพาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ เขาได้รับวิดีทัศน์โฆษณาทางออนไลน์ที่โปรโมตค่าจองที่พักล่วงหน้าลดเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ เธอได้ให้เดชช่วยจองให้อย่างหวุดหวิดเกือบไม่ทันเวลา คืนนั้นเธอจึงถามเขาว่าได้ที่อยู่ของเธอจากที่ใดจึงตามไปถึ
คำโปรย เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีงาม นี่เป็นความรักระหว่างเราสองคน ให้ฟ้าดินเป็นพยาน...ว่าได้ครอบครองกัน----------------เช้าวันรุ่งขึ้นย่าขอให้พ่อกับแม่มาทำพิธีผูกข้อมือรับขวัญพันธ์ศักดิ์ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายแค่เฉพาะคนในบ้าน ย่าบอกว่าอายคนอื่นเพราะบุรณีเคยมีสามีมาแล้ว จะแต่งงานใหม่ก็ดูยังไม่เข้าท่าเข้าทางว่าที่เจ้าบ่าวดูเด็กกว่ามาก ย่าคงไม่อยากให้ครอบครัวตกเป็นขี้ปากชาวบ้านในชุมชนแถบนั้น ตอนเธอเป็นหม้ายกลับบ้านมายังถูกซุบซิบนินทามาตลอด เพื่อนๆ เคยเห็นว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยหัวโบราณชอบสั่งสอน แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิด“แม่...ฉันว่ามันยังไงอยู่นะ ทำแบบนี้เหมือนยัยเฒ่ามันอยู่กับเขามานานแล้ว...” แม่ของบุรณีไปกระซิบย่าอย่างไม่เห็นด้วย“นี่...แกดีกว่ามันหรือไง อย่าให้ฉันพูดนะจะอายลูก” ย่าพูดเสียงดัง จนชายหนุ่มมองหน้าย่าอย่างสงสัย“ไป...ดูว่านางลูกสาวแกมันแต่งตัวพองามหรือยัง ลงมาแค่อวยพรพวกเขา และพ่อหนุ่มจะได้กลับบ้าน เขามีงานมีการต้องกลับไปทำ...เสียเวลาเขาหลายวันแล้ว” ย่าไล่ให้แม่ขึ้นไปเรียกบุรณีหญิงสาวเดินลงมาพอดี ถูกย่ามองอย่างหมั่นไส้“ทั้งคู่ไปกราบพระที่ห้องพระก่อน
คำโปรย เงินทอง...ไม่มีหาใหม่ได้เสมอแต่รักแท้ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ----------------บุรณีพาลูก้าและพันธ์ศักดิ์ไปเดินเที่ยวชมตลาดนัดตอนเย็นหลังออกจากสถาบัน เธอพาชายหนุ่มไปรู้จักญาติคนที่แนะนำเดชให้มาดูตัวเธอ เรไรเป็นญาติผู้น้องของบุรณีสายทางย่าของเธอซึ่งเป็นน้องสาวย่าแสงคำของหญิงสาว เธออายุอ่อนกว่าบุรณีสามปีและยังโสดไม่ยอมแต่งงานกับใครแม้มีหนุ่มมามองอยู่หลายคนก็ตาม ร้านของเธออยู่ในบริเวณตลาดนัดริมโขงขายผ้าไหมอีสานซึ่งบุรณีเคยพาเพื่อนๆ มาอุดหนุนอยู่บ่อยๆ “เรไร...นี่พันธ์ศักดิ์...รู้จักกันที่อิตาลี มาขอดูผ้าไหมเผื่อซื้อกลับไปเป็นของฝาก” หญิงสาวแนะนำเขากับเรไร“ได้เลย...เดี๋ยวคืนนี้ไปกินข้าวด้วยนะ สนใจผ้าผืนไหนให้เด็กไปเอามาให้เลือกได้เลย” เรไรพูดทักทายเพียงไม่นาน เธอต้องไปทำธุระหลังร้าน วันนี้เธอยุ่งวุ่นวายกับพ่อค้าขายส่ง“ลาร่า...ผมว่าผ้าไทลื้อที่ผมออกแบบส่งมาขายที่นี่ได้ไหม...” ชายหนุ่มมองเห็นโอกาสเพราะหนองคายเป็นจังหวัดติดชายแดนไทย-ลาว“ได้สิ... คืนนี้คุยกับเธอเลย...เราไปส่งลูก้าให้กลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนย่า แล้วค่อยออกมากินข้าวกับเธอ” บุรณีตะโกนลาญาติของเธอและบอกว่าหนึ่งทุ่มจะมารับบ
คำโปรย แม้รักใครบางคน แต่เลือกที่จะจากกันไป แม้คิดถึงกันเพียงใด แต่ยังเลือกที่จะไม่พบกัน----------------พันธ์ศักดิ์บินกลับเมืองไทยทันทีหลังจากหมอจีอนุญาตให้กลับได้หลังจากพักฟื้นเกือบครึ่งปี ช่วงพักฟื้นชายหนุ่มมีกิจกรรมเช่าเรือยอร์ชขับท่องเที่ยวในทะเลสาบโคโม ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เขาคลายความปวดร้าวในจิตใจลงไปได้ อาการซึมเศร้าของชายหนุ่มดีขึ้นเมื่อแม่จันทนาโทรศัพท์มาทุกวันพูดคุยเล่าเรื่องราวทางบ้านให้เขาฟัง “แม่ครับ...ผมจะถึงกรุงเทพอาทิตย์นี้ และต่อลงเชียงใหม่เลย ผมขอพักเชียงใหม่หนึ่งคืน ให้ลุงถมช่วยมารับผมที่เชียงใหม่ ทุกคนรอที่บ้านนะครับ” เขาแจ้งกำหนดคร่าวๆ ให้แม่รับรู้ “ป้าคำดี...เปิ้นรอทำกับข้าวเมืองต้อนรับนะลูก รีบกลับมากินให้เปิ้นชื่นใจ” แม่จันทนาพูดถึงแม่ครัวของที่ไร่ซึ่งฝีมือทำอาหารเหนือที่ชายหนุ่มติดใจมาตั้งแต่เล็กๆแม่ของเขาไม่ใช่คนเหนือได้แต่งงานกับพ่อของพันธ์ศักดิ์แล้วมาช่วยกันแปลงที่ดินรอบบ้าน 50 ไร่ให้กลายเป็นรีสอร์ตขนาดย่อมในอำเภอเชียงคำ เขาเกิดที่นี่และเติบโตกลายเป็นคนเหนือของท้องถิ่นนี้ รับช่วงกิจการของครอบครัวจากมรดกที่พ่อทิ้งไว้ ห้าปีที่แล้วพ่อจากไปทำให้เขาซึม
คำโปรย พลังของการเยียวยา...ไม่ว่าความเจ็บปวดใด... ลบล้างมลทินได้ด้วยกาลเวลาแห่งสุนทรียะของความสัมพันธ์----------------บุรณี ลูก้าและมัมมา ถูกส่งเข้าแอดมิตที่โรงพยาบาลในโรมจากอาการบาดเจ็บและปวดร้าวทั่วร่างกาย ทั้งยังจิตใจที่ต้องได้รับการเยียวยา ครอบครัวเธอได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเกือบหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เธอจะออกจากโรงพยาบาล หมอจีติดต่อเข้ามาเยี่ยมดูอาการและพูดคุยกับหญิงสาว“Ciao ลาร่า...หน้าตาดูดีขึ้นแล้วนะเนี่ย...เอ่อ...ปุนโต อาการดีขึ้นแล้ว แต่ผมอยากให้เขาย้ายไปโคโมพักฟื้นสักระยะหนึ่งในบ้านหลังที่คุณเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะกลับเมืองไทย จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้เขารู้สึกดีขึ้นกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา” หมอจียิ้มอารมณ์ดีเมื่อมองหน้าหญิงสาวที่มีสีเลือดฝาดบางๆ ที่แก้มของเธอ เขานิ่งรอฟังเสียงของเธอว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับข่าวคราวของพันธ์ศักดิ์“ฝากดูแลเขาด้วยค่ะ...ฉันคงไม่ได้กลับไปเจอเขาอีกแล้ว จะจัดการเรื่องของเขาให้เรียบร้อย บอกเขาด้วยนะคะ ไม่ต้องกังวล” เสียงของเธอดูเซื่องซึมเชื่องช้า ใจเหี่ยวแห้ง เธอไม่มีโอกาสบอกลาเขาด้วยซ้ำ“เอ้า...ไม่ไปเจอกันหน่อยรึ…!!! พอเขาเริ่มฟื้นมีสติพูดค
คำโปรย ฝันอยากให้คนคนนั้นเข้ามาในชีวิต...ตลอดไป ----------------บุรณีกำลังถูกมาเฟียสูงวัยโอบฟัดร่างด้วยฝ่ามือแข็งประดุจเหล็กกล้า และจากความแรงราวลูกตุ้มเหล็กเหวี่ยงเธอล้มลงบนที่นอนเสียงดังตึงจนเธอรู้สึกปวดแปลบที่สะโพกร้าวถึงอุ้มเชิงกรานแทบทนไม่ไหว น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลพรากด้วยทนเจ็บระบมมากมายเหลือเกิน ตลอดทั้งสัปดาห์มานี้เธออดทนกับความเจ็บปวดขนาดนี้ได้อย่างไร ขณะนี้อาการของมันยิ่งกำเริบหนักเป็นทบทวีทันใดนั้นเอง...เสียงดัง โครม...ตึง...ตึง...ปัง ราวฟ้าถล่ม จากการกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ประตูถูกพังเข้ามาอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า“แบร์โด...เร็ว!!! เอานางไปด้วย...Ora…เดี๋ยวนี้ AM polizia หน่วยปราบปรามเต็มไปหมดแล้ว ลงบันไดหนีไฟ โจเช่รอนายอยู่ด้านหลัง ฉันจะยิงดักทางให้...!!!” เสียงตะโกนของเลโอ คนสนิทของแบร์นาโดโผล่พรวดเข้ามาตะโกนเสียงดังให้เขารีบพาเธอหนีไปอย่างไม่ต้องคิดชีวิตแล้ว เพราะเขาถูกกองกำลังปราบปรามของทางการล้อมคอนโดไว้ขณะนี้หญิงสาวถูกสมุนสองนายช่วยกันลากเธอลงบันไดไปได้แค่ครึ่งทาง เธอบอกจะเดินไม่ไหวแล้วเรี่ยวแรงแทบไม่มี พวกมันจึงผลัดกันอุ้มเธอรีบวิ่งตามมาเฟียนายใหญ่ลงไป เขาเป
คำโปรย ปรัชญาบทหนึ่งเล่าถึงความรัก...หากใจภักดิ์จำมอบแก่มืออันแล้งรัก...คงมิมีสายใยอันใดหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์----------------บุรณีนั่งอยู่ในรถกลับมาที่คอนโดด้วยอาการนิ่งเงียบ...ไร้เรี่ยวแรง ลูอิสกับลูเซียมองหน้ากันไปมาอย่างกังวล อยากเอ่ยปากถามสาวใหญ่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่พบกับแบร์นาโด และแล้วเธอก็เอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ซึมเซา“ลูอิสช่วยติดต่อจอร์โจที...ฉันรู้สึกผิดปกตินะ...แปลกยังไงไม่รู้!!!” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งติดกับเธอ“จอร์โจน่าจะยังไม่เปิดสัญญาณมือถือ หรือไม่ก็ปิดเครื่อง ถ้าเขาไม่ว่างนะ...ลาร่า Calmati…ใจเย็น” ลูอิสพูดเพื่อปลอบใจหญิงสาว เธอรู้ว่าทุกคนกังวลเหมือนเธอเช่นกัน“Dottore…หมอจี ก็ไม่เปิดเครื่อง ให้ฝากข้อความ” บุรณีกล่าวขึ้นอย่างใจลอย หัวใจเธอเริ่มสะอื้น“ไปส่งที่คอนโดฉันนะ...” หญิงสาวบอกคนขับรถ“No…ไม่ จอร์โจสั่งให้พวกเราไปที่คอนโดของเขา” ลูอิสปฏิเสธคำสั่งของหญิงสาว เพราะเขารับคำสั่งมาเช่นนั้น“ใช่...ลาร่า Certo…แน่นอน เราต้องไปคุยกับจอร์โจก่อนนะ อย่าเพิ่งกังวลเกินไป” ลูเซียสาวสวยพูดสำทับเพื่อให้เธอคลายเครียด เพราะสาวน้อยได้ยินเสียงของสาวใหญ่ซึ่งดูหดหู่ห่อเหี
คำโปรย ความพยายามของเรา...แม้มากมายเพียงใด แต่จะได้แค่ไหน..อยู่ที่ลิขิตของโชคชะตา...เป็นตัวกำหนด----------------เช้าตรู่หมอจีมาถึงด้วยอาการโล่งอก เขาเดินเข้ามาโอบไหล่บุรณี มองแววตาของหญิงสาวเปล่งประกายอย่างมีความหวัง“...เมื่อคืนผมเรียกให้เขาฟื้น เห็นไหมวันนี้เริ่มมีอาการรู้สึกตัวบ้างแล้ว...” หมอจีพูดอย่างสบายใจ “หนึ่งถึงสองสัปดาห์สภาพร่างกายจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาปกติ ...เพื่อนผมคนนี้มันดวงแข็ง...ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หมอจีหัวเราะชอบใจ“Dottore...คุณหมอคะ ฝากจัดการย้ายเขาไปสถานพยาบาลเถอะนะคะ..!!!” เสียงของบุรณีวิตก “ทำไม!!!...มีปัญหาอะไร” หมอจีหันมาจ้องหน้าเธอทันที“ฉันจะไปกินข้าวกับแบร์นาโดเที่ยงนี้...และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงเธอดูซึมๆ “ไม่อยากให้เขาอยู่ตรงนี้ ไม่ปลอดภัยถ้าฉัน...เอ่อ...อะ” เธอตะกุกตะกักไม่อยากคาดเดาว่าในวันสองวันนี้จะเกิดเหตุอะไรบ้าง “โอเค...ผมจัดการให้บ่ายนี้เลย...ลาร่า ดูแลตัวเองด้วย...ที่ผมเคยเตือน เรื่องยาด้วยห้ามลืมเด็ดขาด” สีหน้าและแววตาของหมอหนุ่มกังวลกับเหตุการณ์ที่หญิงสาวต้องไปเผชิญ “ตั้งสติให้ดี...อย่าให้เกิดอาการจนควบคุมไม่ได้ จะพลาดนะ...ผมเป็นห่
คำโปรย เราต่างมีหน้าที่ผูกพันกัน...ทุกอย่างมาด้วยเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ----------------จอร์โจกลุ้มใจคิดหนักมาหลายวันกับเรื่องราวที่เขาได้วางแผนไว้ ทั้งหมดเสียหายไม่เป็นไปตามคาดการณ์ จูเลียบอร์ดี้การ์ดสาวคนสวยของเขาถูกแบร์นาโดใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อแลกตัวกับบุรณี ซึ่งเขายังไม่ได้เปิดปากบอกเรื่องนี้กับเธอ คนที่รู้เรื่องทั้งหมดคือพันธ์ศักดิ์ และที่เขาถูกพิษไซยาไนด์ ยังไม่รู้ว่ามาจากฝีมือกลุ่มไหนบุรณีเฝ้าชายหนุ่มอยู่ข้างเตียงแทบไม่ได้นอนเกือบสองวันสองคืน แต่เขาก็ยังไม่ฟื้นหรือขยับตัว หมอจีเข้ามาตรวจทุกวันและคอยโทรมาเป็นระยะถามผู้ช่วยพยาบาลตลอดอย่างเป็นห่วง หมอหนุ่มประเมินจากสภาพของเขาถ้ายังไม่ฟื้นภายใน 72 ชั่วโมง ยาต้านพิษอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร ในใจของคนเป็นหมอก็เหมือนญาติผู้ป่วยอยากให้พรนั้นเกิดปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะพรจากคนรักของชายหนุ่มซึ่งเขาอยากให้มันเกิดขึ้น หมอหนุ่มเคยเห็นเส้นทางชีวิตของเขามาแล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ครั้งนั้นพันธ์ศักดิ์ถูกยิงปางตายแต่ด้วยพรของสาวคนรักอย่างพิมพ์ชญาที่อ้อนวอนสวดมนต์ขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ “คิง...ต้องฟื้นขึ้น