เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นในกลางดึก ทำให้เตยหอมสะดุ้งตื่นขึ้นมา หล่อนรีบไปเปิดประตูห้อง เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยให้เคาะนานกว่านี้ลูกสาวจะตกใจตื่นเมื่อหล่อนเปิดประตูห้องออกก็พบว่ายายฟองจันทร์กับตาคำสายยืนหน้าตาตื่นอยู่หน้าห้อง“มีอะไรเหรอจ๊ะ ตา ยาย...”หล่อนถามออกไปด้วยความแปลกใจยายฟองจันทร์กับตาคำสายมองหน้ากัน ก่อนจะบอกสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้จากกรุงเทพฯ ให้กับเตยหอมฟัง“ไอ้กอบเพื่อนเก่าตา มันโทร. มาบอกว่าคุณหนูเจนจิรากินยาฆ่าตัวตาย” เพื่อนที่ตาคำสายเอ่ยถึงคือลุงประกอบคนขับรถประจำบ้านเจริญวัฒนากุล“ว่ายังไงนะตา?!”“คุณหนูเจนจิรากินยาฆ่าตัวตาย”คราวนี้ยายฟองจันทร์เป็นคนพูดตอบซ้ำออกมา“เป็นไปไม่ได้... คุณเจน... เธอไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกจ้ะ...”เตยหอมเต็มไปด้วยความตกใจ และก็คิดภาพของเจนจิราที่จะกินยาฆ่าตัวตายไม่ออกเลยจริงๆ“เห็นไอ้กอบมันบอกว่า ตั้งแต่คุณหนูเจนจิราหย่ากับสามี ก็มีอาการซึมเศร้ามาตลอด”“คุณเจน... หย่ากับ... สามีเหรอจ๊ะ?”ไม่จริง มันจะเป็นไปได้ยังไง อเล็กซิสกับเจนจิราหย่าขาดจากกันแล้วอย่างนั้นเหรอ เจนจิราไม่น่ายอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้ นี่หล่อนงงไปหมดแล้ว“ตาว่าเรื่องมันน่า
ในที่สุดหล่อนก็ได้กลับมากรุงเทพฯ อีกครั้ง...เตยหอมจูงมือลูกสาวตัวน้อยเดินออกจากสนามบิน มุ่งหน้าไปยังชั้นล่างที่มีแท็กซี่มิเตอร์จอดรออยู่ โดยมียายฟองจันทร์กับตาคำสายเดินเคียงข้างมาด้วย“นี่ยายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเราจะบินได้จริงๆ” ยายฟองจันทร์พูดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ“เราบินได้ที่ไหนกันล่ะยายจันทร์ เครื่องบินต่างหากที่บินได้แล้วพาเรามาถึงกรุงเทพฯ นี่น่ะ” ตาคำสายอดที่จะค้านคำพูดของภรรยาไม่ได้“มันก็เหมือนกันแหละตาสาย ในเมื่อเรามากรุงเทพฯ กันทางอากาศ ไม่ได้นั่งรถทัวร์มาเหมือนกับเมื่อสมัยตอนฉันสาวๆ”“แหม นั่นมันตั้งกี่ปีมาแล้วล่ะยายจันทร์”เตยหอมอมยิ้มกับสองตายายที่โต้เถียงกันไปมาอย่างน่าเอ็นดู หล่อนพาทุกคนมาขึ้นรถแท็กซี่ และมุ่งหน้าตรงไปยังวัดที่จัดงานศพของเจนจิราตลอดทางหล่อนก็ภาวนาอย่าให้ปิยนุชขับไล่ตนเองกับลูกสาว เพราะที่หล่อนตั้งใจเดินทางมากราบศพเจนจิราในครั้งนี้ ก็เพราะว่าต้องการขออโหสิกรรม“แม่จ๋า นั่นรถอะไรจ๊ะ”เตยหอมตื่นจากภวังค์เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของลูกสาวชี้ไปที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งวิ่งผ่านจุดที่รถแท็กซี่จอดติดไฟแดงอยู่พอดี“นั่นสิ มันรถอะไรน่ะ ตาว่าเหม
“ฉันพลิกแผ่นดินตามหาเธอ...” เขากระซิบชิดปากเจ่อ “แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของเธอเลย” มือใหญ่โอบประคองดวงหน้าที่มีหยาดน้ำตาเปียกชุ่มเอาไว้ “จนกระทั่งวันนี้... ฉันได้เจอเธออีกครั้ง” ดวงตาสีฟ้ากระจ่างอัดแน่นไปด้วยความยินดี “ฉันสาบาน ว่าจะไม่มีวันปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว”เตยหอมยืนนิ่ง พยายามต่อสู้กับความชั่วร้ายภายในจิตใจของตัวเองอย่างสุดความสามารถหล่อนไม่ควรพบเจอ หรือแม้แต่ใกล้ชิดกับอเล็กซิสอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม“ปะ... ปล่อยเตยเถอะค่ะ”“ไม่... ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอมากมาย”หล่อนช้อนตามองเขา พยายามที่จะแสดงความเย็นชาใส่เขาให้มากที่สุด“เตยต้องเข้าไปช่วยงานศพคุณเจนค่ะ”“ฉันแค่ขอคุยกับเธอต่ออีกสักห้านาทีก็พอ... ไม่ได้เลยเหรอเตยหอม...”หัวใจของหล่อนกำลังร้องไห้ ความสับสนมากมายกำลังระเบิดตูมตามอยู่ในนั้น หล่อนไม่คาดคิดว่าจะพบเจอเขาที่นี่ และก็ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับจูบร้อนรุ่มแสนวิเศษนี้เอาไว้เลย“เตยต้อง... ขอโทษนะคะ เตยอยู่คุยกับคุณอเล็กต่อไม่ได้จริงๆ ค่ะ เตยขอตัว...” หล่อนดิ้นขลุกขลัก แต่เจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นไม่ยอมปล่อย“เตยขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำให้เตยมีปัญหากับสามีเลย”หล่อนรับรู้ได้ถึง
“เปล่าหรอกค่ะ แต่น้องปิ่นเคยเห็นหน้าคุณลุงในมือถือของคุณแม่น่ะค่ะ”อเล็กซิสหัวเราะร่วน เขาเดาว่ามารดาของเด็กน้อยแสนน่าชังคนนี้น่าจะเก็บรูปดาราชายบางคนเอาไว้ และก็อาจจะมีบางมุมที่เหมือนกับเขา ทำให้เด็กน้อยคนนี้สับสน“ให้ลุงอุ้มไหมครับ”“เย้ ดีใจจังค่ะ”เขาเอียงคอมองเด็กหญิงด้วยความแปลกใจ เพราะเด็กน้อยแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อเขาบอกว่าจะอุ้ม“ชอบให้คนอุ้มหรือครับ”“น้องปิ่นอยากให้พ่ออุ้มค่ะ”เขาจำได้ว่าเด็กน้อยบอกว่าไม่มีพ่อ “งั้นลุงจะอุ้มหนูเดินดูอะไรแถวนี้ก่อน แล้วค่อยอุ้มหนูไปหาคุณแม่ดีไหมครับ”“ดีค่ะ” เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยีอเล็กซิสอุ้มร่างของเด็กน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน หัวใจของเขาเต้นแรง ความรู้สึกอิ่มเอมแปลกประหลาดเกิดขึ้นในอก เขาลืมความผิดหวังไปชั่วขณะ เมื่อมีเด็กน้อยคนนี้อยู่ในอ้อมแขน“เราไปดูอะไรกันดีครับ”“น้องปิ่นอยากดูดวงดาวใกล้ๆ ค่ะ”“ได้สิครับ เดี๋ยวลุงจัดให้” อเล็กซิสฉีกยิ้มกว้าง ความสุขที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงลอยฟุ้งอยู่ในอกเขาพาเด็กน้อยเดินมาหยุดที่ลานกว้างที่สามารถมองดวงดาวบนท้องฟ้าได้ชัดเจน จากนั้นก็เปลี่ยนจากการอุ้ม มาเป็นการให้เด็กหญิงขี่คอแทน“มันสูง...
“ผมลากลับก่อนนะครับ”อเล็กซิสเอ่ยลาปิยนุชหลังจากอยู่ร่วมงานศพของเจนจิราจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ขอบใจมากนะพ่ออเล็กที่มาอุตส่าห์มาร่วมไว้อาลัยให้กับน้องเจน” ปิยนุชน้ำตาคลอ ความสูญเสียยังคงอัดแน่นเต็มหัวใจ“ผมต้องมาอยู่แล้วครับ ยังไงน้องเจนกับผมก็เคยอยู่ด้วยกัน แม้จะระยะสั้นๆ ก็ตามครับ”ปิยนุชยิ้มขอบคุณให้กับอเล็กซิสอีกครั้ง และก็เห็นว่าชายหนุ่มมองจ้องไปที่ร่างของเตยหอมที่กำลังช่วยเก็บกวาดศาลาวัด“เตยหอม ไปอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ แต่ก็ยังมีน้ำใจเดินทางมาช่วยงานของน้องเจน...”“ครับ”“พ่ออเล็กได้คุยกับเตยหอมหรือยังล่ะ”อเล็กซิสฝืนยิ้มออกมา แต่หน้าเศร้าจนปิยนุชจับสังเกตได้ “เตยหอมเป็นคนดีมาก ขนาดเมื่อก่อนน้ากับน้องเจนกดขี่ข่มเหงทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เด็กคนนี้ก็ยังไม่เคยคิดโกรธแค้นกลับมาเลย...”“งั้นผมขอตัวลากลับก่อนนะครับ”“จ้ะ”อเล็กซิสกำลังจะเดินออกมาจากศาลาวัด แต่ปิ่นงามที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ กับเตยหอมหันมาเห็นเข้าพอดี จึงวิ่งเข้ามาหา พร้อมกับโถมตัวเข้ามากอด“คุณลุงจะกลับแล้วเหรอคะ”อเล็กซิสย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ก่อนจะจรดปลายจมูกลงบนแก้มยุ้ยฟอดใหญ่“เอาไว้ถ้าลุงมาอีก เราคงได้เจอกันครับคนเก่ง”เด
หลังจากกล่อมลูกสาวให้นอนหลับไปแล้ว เตยหอมก็ออกมายืนที่หน้าห้องพัก น้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม ความเจ็บปวดยังคงเต้นระริกอยู่ภายในอกหล่อนทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ที่ได้พบกับอเล็กซิสอีกครั้ง แต่กระนั้นก็หวาดกลัวจับใจเช่นกัน เพราะเกรงว่าเขาจะระแคะระคายเรื่องชาติกำเนิดของปิ่นงาม“เตยดีใจนะคะที่เห็นคุณอเล็กมีความสุข...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้มนวล แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลทะลักออกมา จนหล่อนจำต้องยอมแพ้ ปล่อยให้สองแก้มเปียกชุ่มอยู่แบบนั้น“ยังไม่นอนอีกเหรอหนูเตย”เสียงของยายฟองจันทร์ดังขึ้นด้านหลัง หล่อนต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้งอย่างจริงจัง เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นว่าตนเองกำลังร้องไห้อยู่“เอ่อ... ยังจ้ะยาย เตยยังไม่ง่วง...”ยายฟองจันทร์ขยับเข้ามายืนข้างๆ และเอียงหน้ามองหญิงสาวข้างตัว“ยายเห็นหนูเตยทำหน้าเศร้าๆ ตั้งแต่ในงานศพแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”“ปะ... เปล่าจ้ะยาย”“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ”“คะ?” หล่อนเบิกตากว้างมองยายฟองจันทร์ด้วยความแปลกใจ“ก็ผู้ชายที่เป็นฝรั่ง หน้าตาหล่อๆ นั่งอยู่ข้างๆ คุณผู้หญิงน่ะ ยายเห็นเขามองหนูเตยตลอดเวลา แล้วหนูเตยก็แอบมองเขาเหมือนกัน”นี่ยายฟองจันทร์สังเกตเห็นด้วยเหรอ...?
“ทำไมวันนี้เธอไม่พาน้องปิ่นมาด้วยล่ะ”อเล็กซิสเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เขาบังคับให้หล่อนขึ้นมานั่งบนรถสปอร์ตได้สำเร็จ“เตย... ไม่อยากเป็นห่วงน่ะค่ะ ก็เลยให้ลูกอยู่ที่ห้องกับยายจันทร์”เขาทำเสียงงึมงำรับทราบในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถามต่อไปอีกอย่างอารมณ์ดี“เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ทำไมเธอถึงไปอยู่เชียงใหม่กะทันหันแบบนั้น แถมยังไม่บอกฉันสักคำ” คนที่ขับรถอยู่หันมามองแวบหนึ่งก่อนจะหันไปจ้องถนนเหมือนเดิม“เตย...”“หรือว่าเกลียดฉันมาก ก็เลยไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยลา”หล่อนก้มหน้าลง น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา “เตย... ไม่ได้เกลียดคุณอเล็กหรอกค่ะ”“แล้วทำไมถึงไปโดยไม่ลาล่ะ หรือว่าทำอะไรผิดเอาไว้”หล่อนเงยหน้าขวับขึ้นทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปฏิเสธทันควัน“ไม่... ไม่มีหรอกค่ะ เตย... ก็แค่อยากไปเฉยๆ”“อย่างนั้นเหรอ”ทำไมเขาจะต้องหัวเราะเสียงต่ำทุ้มแบบนี้ในลำคอด้วยนะ ฟังแล้วมันน่ากลัวอย่างประหลาด“ค่ะ”“แล้วนี่จะอยู่กรุงเทพฯ กี่วันล่ะ” เขาชวนคุย“เสร็จงานศพคุณเจนแล้ว เตยก็จะกลับทันทีค่ะ”“ไม่คิดจะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันหรือ”หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน “ไม่ค่ะ เตยต้องรีบกลับค่ะ น้องปิ่นขาดเรียนหลายวันไม่ดีค่ะ”“งั้นก็สั
วันนี้อเล็กซิสโทร. ไปสั่งเลขาฯ ว่าจะไม่เข้าไปที่ธนาคาร ซึ่งก็ถูกเลขาฯ แย้งมาว่ามีประชุมสำคัญ แต่อะไรมันจะมาสำคัญเท่ากับสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ล่ะ“คุณอเล็ก...”คนที่เปิดประตูห้องพักออกมาชะงักกึก เมื่อเห็นอเล็กซิสยืนพิงสะโพกอยู่ที่ระเบียงหน้าห้อง“อรุณสวัสดิ์เตยหอม”หล่อนพยายามจะดึงบานประตูห้องปิด แต่เขาเอามือยื้อเอาไว้ได้ทันเวลา“ทำไมจะต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ฉันออกจะหล่อเหลาขนาดนี้”เตยหอมมองเข้าไปภายในห้องพักด้วยความเป็นกังวล เพราะเกรงว่าปิ่นงามจะตื่นขึ้นมา“ถ้าไม่อยากให้ลูกตื่นมาเห็น ก็ออกมาคุยกันดีๆ ข้างนอก แล้วปากก็เลิกเม้มได้แล้ว มันจะช้ำหมด”เขาดุเสียงเบา ก่อนจะยื่นมือมาไล้กลีบปากอิ่มกะทันหัน จนหล่อนหันหน้าหนีไม่ทันกายสาวสะท้านยะเยือก ไออุ่นจากปลายนิ้วมือพุ่งตรงเข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรงความโหยหาที่มีต่อเขาเพียงคนเดียวกำลังแล่นพล่านอยู่ภายในอกราวกับพายุคลั่งหล่อนต้องกัดฟัน ข่มทุกความรู้สึกลงด้วยความยากลำบาก ปิดประตูห้องและเดินหนีอเล็กซิสเดินตามร่างอรชรมาติดๆ ก่อนจะคว้าแขนเรียว และรั้งให้หล่อนหยุดก้าวหนี“ปล่อยค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า”“ใครจะมาเห็น แล้วเธอก็ไม่ไ
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ
“ใครว่าล่ะ เธอทั้งสวยทั้งหวานต่างหาก”“เตย...”“ฉันก็บอกเธอตลอดนี่ว่าเธอน่ะหอมหวานแค่ไหน ตอนที่เรา...”อเล็กซิสอมยิ้มและเว้นวรรคเอาไว้ แต่หล่อนก็เข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดีหล่อนเสหลบสายตาด้วยความเอียงอาย โดยมีคนตัวโตพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า“ความจริง ฉันไม่ได้คิดจะบอกความในใจกับเธอตรงนี้หรอกนะ”“คะ?”“ฉันเตรียมสถานที่เอาไว้แล้ว แต่ก็พลาด บอกเธอออกมาเสียก่อน”มือเล็กไต่ไปมาอยู่บนหน้าอกกว้าง หัวใจของหล่อนพองฟูจนคับทรวงอก“เอาไว้บอกอีกครั้งก็ได้ค่ะ เตย... ชอบฟัง...”“ขี้โกงนี่นา”“ทำไมว่าเตยขี้โกงล่ะคะ” หล่อนช้อนตามองอเล็กซิส และก็อมยิ้มหวานฉ่ำ“ก็เธอให้ฉันบอกความในใจอยู่เดียว ส่วนเธอไม่พูดอะไรออกมาเลย”“เตย...”“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ เธอก็ต้องรักฉัน แต่ฉันก็อยากฟังเป็นคำพูดเหมือนกันนะ”หล่อนหัวเราะออกมา สองแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความขัดเขินเอียงอาย“ใครว่าเตยรักคุณอเล็กกันล่ะคะ” หล่อนแสร้งดิ้นขลุกขลัก จะหนีออกจากอ้อมแขนกำยำ แต่อเล็กซิสไม่ยอมปล่อย“ก็ฉันหล่อขนาดนี้ เธอไม่รักก็บ้าไปแล้วล่ะ”“แหวะ คนหลงตัวเอง อุ๊ยยย...” หล่อนย่นจมูกใส่เขา และก็ถูกจูบปากเป็นการลงโทษทันควัน“แล้วสร
บ้าจริง เมื่อคืนหล่อนยอมให้อเล็กซิสทำแบบนั้นที่ผนังห้องได้ยังไงกันนะ!เตยหอมเต็มไปด้วยความรู้สึกอับอาย เมื่อมองไปยังผนังห้องพักที่เมื่อคืนตนเองกับอเล็กซิสใช้เป็นที่ระเบิดความใคร่ใส่กัน พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ กายสาวก็ร้อนวูบวาบจนน่าอับอายหญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเดินทางจนสุด เมื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองกับลูกสาวเข้าไปภายในนั้นครบทั้งหมดแล้วช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆ หล่อนก็จะได้จดจำความสุขยามที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของอเล็กซิสเอาไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ หล่อนคงมีความสุขมาก เวลาคิดถึงสัมผัสของเขาแม้จะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่หัวใจก็ยังคงเจ็บปวดทรมานจนเลือดทะลักเตยหอมกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น มองร่างของลูกสาวที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยบนเตียงด้วยความรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ยังไม่ทันถึงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หล่อนคิดว่าเป็นยายฟองจันทร์ หรือไม่ก็ตาคำสาย จึงรีบเปิดออกโดยไม่ทันได้เอ่ยถาม“คุณ... อเล็ก...”แต่พอเปิดประตูออกแล้วก็ต้องตกใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นอเล็กซิสผู้ชายเจ้าของบั้นเอวคลั่งยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า พวงแก้มนวลแดงก่ำ เลือดสาวร้อนฉ่า เมื่อสบตากับดวงตาสีฟ้าสดสวย"เอ่อ... คุณมีธุระอะไรกับเตยเหรอคะ”“ฉัน
ความอึดอัดจนน่าคลุ้มคลั่งบนรถสปอร์ตหรูจบสิ้นลงเมื่ออเล็กซิสวางร่างหลับปุ๋ยของปิ่นงามลงบนเตียง ทุกกิริยาของเขาที่ปฏิบัติกับปิ่นงามช่างอ่อนโยนจนหล่อนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่“ขะ... ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สละเวลามาส่งเราสองแม่ลูก”หล่อนพูดขึ้น เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางห้องพักใบหน้าของอเล็กซิสหล่อเหลา และก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ หล่อนก้มหน้างุดลงมองพื้น พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองสามารถข่มความโหยหาเอาไว้ได้จวบจนกระทั่งเขาจากไป“ด้วยความยินดี”“เอ่อ... เตย... ออกไปส่งที่รถค่ะ อ๊ะ...”หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้อง แต่เอวคอดถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ พร้อมกับรั้งร่างอวบอัดเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้าง“ปะ... ปล่อยเตยค่ะ”“ชูว์... อย่าส่งเสียงดังเชียวนะ เพราะจะรบกวนเวลานอนของลูก เข้าใจไหม”หล่อนหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำ เลื่อนสายตาไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว ก็จำต้องกัดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา“เก่งมากเด็กดี...”“อื้อ... อย่าค่ะ”มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้านวล หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีแต่เขาก็ยอมให้ทำได้ สุดท้ายมือของอเล็กซิสก็สอดรองเอาไว้ใต้ท้ายทอย นิ้วแกร่ง