เฌอปรางทำได้แค่ยืนมองท้ายรถเพื่อนของเคลวินที่ขับออกไปจากไร่ชาในระยะไกลๆ เท่านั้น เพราะพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ต้องการให้หล่อนเข้าไปวุ่นวายหรือว่าแสดงตัวว่าเป็นใครกับเพื่อนๆ ของเขา ซึ่งหล่อนก็ก้มหน้าทำตามคำสั่งเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา“แปลกนะคะ ปกติพ่อเลี้ยงจะดีใจเสมอที่คุณชาร์ลกับคุณอเล็กและก็คุณแม็กที่คราวนี้ไม่ได้มาด้วยเดินทางมาหาที่ไร่ แต่รอบนี้ดูท่าทางอยากให้เพื่อนกลับไปจนออกหน้าออกตา”หล่อนหันมองจิตที่พูดขึ้นด้วยความสงสัยอยู่ข้างกายของตนเองด้วยสายตาเศร้าหมอง“พ่อเลี้ยงคงมีเหตุผลส่วนตัวนั่นแหละจ้ะพี่จิต”“แต่พี่ว่าพ่อเลี้ยงหวงคุณเฌอปรางกับเพื่อนๆ มากกว่า เพราะคุณชาร์ลกับคุณอเล็กหล่อยังกับเทพบุตร คงกลัวคุณเฌอปรางหวั่นไหวแน่ๆ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะพี่จิต” หล่อนแย้งเสียงแผ่วเบาและเศร้าหมอง ในขณะที่จิตยังไม่หยุดพูด“แต่เดี๋ยวนี้พ่อเลี้ยงดูแปลกๆ ไปนะคะ เมื่อวานพี่ออกไปในไร่ เจอลุงสำลี พ่อของพัลลภ เด็กผู้ชายน่าจะรุ่นๆ เดียวกันกับคุณเฌอปรางล่ะมั้ง”เฌอปรางยืนฟังเงียบๆ“ลุงสำลีแกบอกว่าเมื่อสองวันก่อน พ่อเลี้ยงเรียกคนงานหนุ่มๆ ที่ยังโสดให้มาพบทุกคนเลย แล้วก็กำชับว่าห้ามมองคุณเฌอปราง เวลาที่
เฌอปรางชะงักเท้าเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อคนตัวสูงข้างกายกำลังจูงมือเล็กเพื่อจะเข้าไปในร้านเพชรเบื้องหน้า“มีอะไร หรือว่าชอบร้านอื่นมากกว่าร้านนี้”เคลวินหยุดเดิน หรี่ตาแคบมองแม่เด็กสาวที่กำลังทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่สบายใจด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ปกติผู้หญิงต้องหน้าบานเป็นใบลานสิ เมื่อรู้ว่ากำลังจะได้เข้ามาช้อปปิ้งในร้านเพชร“ร้านเพชรร้านนี้งานละเอียดมากนะ และก็มีแต่เครื่องเพชรน้ำงามทั้งนั้น”“คือ... หนู...” เฌอปรางช้อนตามองเขา ก่อนจะพูดออกไปด้วยความไม่สบายใจ“หนูไม่อยากได้เครื่องเพชรน่ะค่ะ”เคลวินนิ่งเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ที่แท้ก็อยากได้อย่างอื่นแทนเพชรนี้เอง อยากได้อะไรล่ะ ไหนว่ามาสิ ทองแท่ง รถหรู หรือว่าคอนโดฯ ล่ะ”หล่อนมองเขานิ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนูไม่ได้ต้องการอะไรเลยค่ะ”เคลวินสตั้นไปเล็กน้อย ก่อนจะถามซ้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อที่หูตัวเองได้ยิน“เธอไม่ต้องการอะไรเลยหรือ”“ค่ะ หนูไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร”“ก็เก็บเป็นสมบัติไงล่ะ อีกหน่อยถ้าสัญญาจบลงแล้ว ฉันคงไม่ได้พาเธอมาช้อปปิ้งแบบนี้หรอกนะ”หล่อนเข้าใจสิ่งที่เขาพูดดี แต่หล่อนไม่ได้ต้องการมันเลย “หนูไม่ต้องการของพว
“เอาไว้ผมจะมาอุดหนุนใหม่นะครับ”“ขอบคุณค่ะคุณเคน โชคดี มีความสุขค่ะ”เคลวินยิ้มรับคำอวยพร ก่อนจะพาหล่อนที่เพิ่งกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านเพชรจบ เดินออกมา“อยากซื้ออะไรอีกไหม”“เอ่อ... ไม่แล้วล่ะค่ะ”“จริงอ่ะ แต่เธอเพิ่งได้เสื้อผ้ามาสองสามชุดเองนะ แล้วก็แหวนเพชรเม็ดเล็กสุดในร้านอีกหนึ่งวง” เขามองหล่อนด้วยแววตาล้อเลียน หล่อนยิ้มบางๆ“แค่นี้หนูก็ไม่รู้จะขอบคุณความเมตตาของพ่อเลี้ยงยังไงแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”เด็กสาวยกมือขึ้นไหว้ผู้ชายตรงหน้า เขายื่นมือมากุมมือเล็กที่กำลังประกบกันเอาไว้ จากนั้นก็ดึงขึ้นมาจูบเบาๆ ที่หลังมือ อายร้อนจากริมฝีปากหยักสวยลามเลียไปตามกายสาว และก็ทำให้หล่อนปั่นป่วนคลุ้มคลั่งไปด้วยแรงปรารถนา“ตอบแทนฉันด้วยร่างกายของเธอสิ”“เอ่อ... พ่อเลี้ยง”“ในรถ เดี๋ยวนี้เลย”เขาปล่อยมือจากเอวคอด และเปลี่ยนเป็นกุมแขนกลมกลึงแทน รั้งให้หล่อนเดินเร็วๆ ตามติดไปยังลานจอดรถ“ขึ้นไปเร็วเข้า” เขาสั่งเสียงแหบพร่าอย่างที่ไม่เคยได้ยินเสียงของเขาแบบนี้มาก่อนเลยเฌอปรางกำลังจะก้าวขึ้นไปบนรถ แต่แล้วก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน ซึ่งเสียงนี้คุ้นหูจนต้องรีบเอี้ยวตัวกลับไปมองเลยทีเดียว“คุ
“อ้าว ทำไมหนูปรางกลับมาเองล่ะคะ แล้วพ่อเลี้ยงล่ะ”ป้าปราณีเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ คงเพราะเห็นหล่อนกลับมาตามลำพังนั่นเอง“เอ่อ...” หล่อนอึกอักเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปยังไงดี จะตอบตามความจริงหรือว่าโกหก “พ่อเลี้ยงมีธุระด่วนน่ะค่ะ ปรางก็เลยกลับมาก่อน”สีหน้าของป้าปราณียังคงมีความแคลงใจ “ธุระคงสำคัญมากใช่ไหมคะ ถึงยอมให้หนูปรางกลับมาตามลำพังน่ะ”ณิชา... สำคัญเสมอกับเคลวิน“เอ่อ... พ่อเลี้ยงบอกว่าสำคัญมากค่ะ” หล่อนพยายามที่จะฝืนยิ้มให้ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก็จวนเจียนจะร้องไห้ออกมารอมร่อ จึงต้องรีบปลีกตัว “ปรางขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคะ ป้าปราณี”“ค่ะ”หล่อนรีบเดินจากมาโดยเร็ว สองเท้าจ้ำอ้าวมุ่งหน้ากลับไปยังห้องนอน พอเข้ามาได้ ก็รีบปิดประตูลงกลอน และโถมตัวลงนอนคว่ำร้องไห้บนเตียงความเจ็บปวด ความเสียใจ ความรวดร้าว ทุกความทรมานที่อัดแน่นอยู่ภายในอก สำแดงฤทธิ์เดชออกมาเป็นหยาดน้ำตาอย่างท่วมท้นหล่อนร้องไห้... ร้องไห้ให้กับความสุขที่กำลังจะปลิดปลิวหายไปในไม่ช้าเฌอปรางสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถคุ้นหู หล่อนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ลุกขึ้นเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง มองลงไปยังรถคันงามของเคลวิ
เคลวินเดินมายังเฉลียง และก็พบว่าป้าปราณียืนดักรออยู่ เขารู้ทันทีว่าหญิงสูงวัยต้องการพูดเรื่องอะไร“เรื่องณิชา ผมคิดดีแล้วครับ”สีหน้าของหญิงสูงวัยเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา“แล้วพ่อเลี้ยงจะเอาหนูปรางไปไว้ที่ไหนคะ”เคลวินหันหน้าออกไปนอกเฉลียง เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นความรู้สึกของตนเอง“ป้าก็น่าจะรู้ว่าเฌอปรางมีค่ากับผมก็แค่ผู้หญิงคั่นเวลา คนที่ผมรักคือณิชา”“แต่คุณณิชา เธอทิ้งพ่อเลี้ยงไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นนะคะ ทำให้พ่อเลี้ยงเจ็บปวด แล้วทำไมพ่อเลี้ยงถึงได้ยอมใจอ่อนให้กับเธอง่ายดายแบบนี้คะ”“ผมมีเหตุผลของผมครับ”“พ่อเลี้ยงใจร้ายมากนะคะ หนูปรางรักพ่อเลี้ยงมาก พ่อเลี้ยงก็น่าจะรู้...”แผ่นหลังของเคลวินสะท้านเกร็ง แต่ไม่นานน้ำเสียงกระด้างไร้ความรู้สึกก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสวย“ผมไม่จำเป็นต้องให้ค่าคนที่แอบรักผมไม่ใช่หรือครับป้า”“พ่อเลี้ยง...”ป้าปราณีครางออกมาด้วยความผิดหวัง และก็เวทนาในชะตากรรมของเด็กสาวอย่างเฌอปรางเหลือเกิน“เดี๋ยวป้าสั่งให้จิตกับแจ่มขนกระเป๋าของณิชาเข้าไปในห้องผมนะครับ”“พ่อเลี้ยงทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”ป้าปราณีคัดค้าน แต่เคลวินหมุนตัวกลับมาเผชิญห
เคลวินยืนกอดอกอยู่นอกระเบียงที่ยื่นออกไปจากห้องนอนส่วนตัว ณิชาเดินเข้ามาเห็นก็สวมกอดชายหนุ่มจากทางด้านหลัง จากนั้นก็ออเซาะ“ขอบคุณมากนะคะเคน”“เรื่องอะไรครับ”ณิชารู้สึกว่าเคลวินเย็นชาขึ้น และบางอย่างของเขาเปลี่ยนแปลงไป แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจกับมัน เพราะแค่เคลวินอ้าแขนรับหล่อนกลับคืนมานี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องวิเศษที่สุดในชีวิตแล้วล่ะหล่อนจะไม่มีทางตาบอดและเดินจากผู้ชายเพอร์เฟกต์คนนี้ไปอีกเด็ดขาด แม้เขาจะทำงานหนักจนลืมหล่อนบ่อยครั้งก็ตาม“ก็เรื่องที่เคนไม่โกรธณิแล้วไงล่ะคะ”“ผมเคยโกรธคุณมาก แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”ณิชาซบหน้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างรักใคร่ “ณิจะไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้นอีกแล้วค่ะ ณิสัญญา”เคลวินหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับณิชา“ผมเชื่อใจคุณได้หรือณิชา”“ทำไมเคนพูดแบบนี้ล่ะคะ ณิไม่มีทางโง่เป็นครั้งที่สองแล้วล่ะค่ะ ณิรักคุณนะคะ”ณิชาเก่งเรื่องออดอ้อนเสมอ และหล่อนก็มั่นใจว่าเคลวินไม่มีทางต้านทานหล่อนได้“หัวใจของเคนเต้นแรงจังเลยค่ะ ตื่นเต้นที่ณิกลับมาใช่ไหมคะ”“ครับ”หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ช้อนตามองอย่างมีจริต กลีบปากอิ่มแย้มเผยอ สองมือเล็กไต่ขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง“เรามาทบทวนความทรงจำหวาน
“ไหนคุณว่าจะกลับมากินข้าวเย็นกับณิไงคะ นี่มันจะสองทุ่มอยู่แล้วนะ คุณหายไปไหนมาคะเคน” ณิชาโวยวายใส่เคลวินทันที เมื่อเขาก้าวเข้ามาภายในบ้าน“ผมคุยกับคนงานเพลินน่ะ”“เพลินจนลืมณิเนี่ยนะคะ?”“ผมขอโทษ จะไม่ลืมคุณอีก พอใจหรือยังครับ”ณิชาทำสะบัดสะบิ้งเมื่อเคลวินเดินเข้ามาดึงร่างของตนเองเข้าไปกอดหลวมๆ ก่อนจะทำหน้านิ่ว เมื่อได้กลิ่นแป้งเด็กจากเนื้อตัวของเขา“คุณใช้แป้งเด็กด้วยเหรอคะ”“แป้งเด็ก?”“ใช่ค่ะ กลิ่นนี่มัน...” ณิชาก้มลงดมที่หน้าอกของเคลวินอีกครั้ง ก่อนจะกำหมัดและทุบชายหนุ่มแรงๆ “ต้องเป็นกลิ่นนังเด็กเฌอปรางแน่ๆ คุณไปหามันมาใช่ไหมคะเคน บอกความจริงณิมานะ ไม่งั้นณิจะไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้แหละ!”“ผมเจอกับเฌอปรางโดยบังเอิญน่ะ”“บังเอิญ? ณิไม่เชื่อหรอกค่ะ คุณต้องไปหามันแน่ๆ” ณิชาแง่งอน และก็คิดว่าเคลวินต้องง้องอนตนเอง ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้ทั้งหมด“เฌอปรางย้ายกลับไปอยู่ที่เรือนพักคนงาน ผมเจอเธอที่นั่นก็ไม่แปลกนี่”“แต่ณิไม่ต้องการให้คุณเจอมันอีก ณิหวงคุณนะคะเคน” ณิชาช้อนตาขุ่นเคืองมองเคลวิน“โอเค ผมจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่เจอหน้าเฌอปรางอีก”แม้จะได้ยินอย่างนั้น แต่ณิชาก็ยังไม่พอใจ “
เสียงเอะอะโวยวายที่เรือนพักคนงาน ทำให้เคลวินที่กำลังสั่งงานลูกน้องอยู่ต้องหันไปมอง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปดู และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เนื้อตัวของเขาเกร็งเครียดด้วยโทสะ“เกิดอะไรขึ้น”“เคนคะ... เด็กนี่มันผลักณิล้มค่ะ ณิเจ็บมากเลยค่ะ”ณิชารีบบีบน้ำตาฟ้อง ในขณะที่เฌอปรางทำแค่เพียงก้มหน้าหลบสายตาของเคลวิน“เธอทำอะไรลงไปเฌอปราง”“มานี่ มากับฉัน”เคลวินกุมมือเล็กของเฌอปราง และลากให้เดินตามไป ในขณะที่ณิชายืนมองตามไปงงๆ แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเอง“นังเฌอปราง แกถูกไล่ออกจากไร่แน่”ณิชาอมยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะเดินกลับออกจากเรือนพักคนงาน มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหญ่ ไม่มีทีท่าเจ็บปวดเหมือนตอนที่อยู่ต่อหน้าเคลวินแม้แต่น้อยคนงานกระซิบนินทากัน โดยเฉพาะป้าลำดวนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง“คุณณิชานั่นแหละมาหาเรื่องหนูปราง ฉันเห็นกับตา แต่ดูพ่อเลี้ยงสิ ไม่ถามเหตุผลเลย ลากหนูปรางไปเสียแล้ว”“พ่อเลี้ยงรักผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไงก็ไม่รู้ สวยน่ะใช่ แต่นิสัยเสียไม่เคยลดลงเลย แถมเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนอีก”“นั่นสิ”คนงานทั้งผู้หญิงและผู้ชายจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเฌอปรางเลยว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างเค
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ
“เสียใจไหมที่เรายังจดทะเบียนสมรสกันไม่ได้”คนตัวโตหยุดเดิน ยืนข้างรถ และดึงมือเล็กของหล่อนมากุมเอาไว้ ดวงตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าของหล่อน บอกให้รู้ว่าไม่ค่อยสบายใจนัก“ไม่เสียใจหรอกค่ะ”“ดีมาก” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา ก่อนจะดึงเข้าไปกอดแนบอก เสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ใต้ใบหูของหล่อน เฌอปรางระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ฉันสัญญาว่าถ้าเธออายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ ฉันจะรีบพาเธอมาจดทะเบียนสมรสทันที” เขาหยุดพูดเล็กน้อย ก่อนจะดันร่างของหล่อนออกห่าง จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของหล่อน “ว่าแต่เมื่อไหร่จะครบยี่สิบปีเต็มกันล่ะ หนึ่งปีกับกี่เดือนหรือ”“เอ่อ... หนึ่งปีกับอีกสิบเดือนค่ะ”“เฮ้อ นานจัง นี่ฉันมีเมียเด็กมากจริงๆ สินะ” ว่าแล้วเขาก็อมยิ้ม และดึงหล่อนเข้าไปกอดอีกครั้ง “แล้วฉันก็แก่ว่าเธอมากเสียด้วย หวังว่าเธอจะไม่นอกใจฉันไปหาเด็กหนุ่มๆ รุ่นราวคราวเดียวกันหรอกนะ เฌอปราง”“พ่อเลี้ยงต่างหากล่ะคะ พอเบื่อหนูแล้วก็จะทิ้งหนู ไล่หนูออกจากไร่เหมือนเดิม”เขาขยับตัวออกห่าง ก้มลงมามองดวงหน้านวลของเฌอปราง ก่อนจะจูบปากอิ่มเบาๆ“ไม่มีทางมีวันนั้นหรอก ฉันหลงเธอจะตายไป”ก็แค่หลง...เฌอปรางต่อคำพู
ป้าปราณีอมยิ้มเมื่อเห็นหล่อนเดินเคียงคู่มากับเคลวิน ซึ่งก็ทำให้หล่อนอดที่จะเสหลบสายตาด้วยความขัดเขินไม่ได้“ตั้งโต๊ะเลยครับป้า”“วันนี้พ่อเลี้ยงยิ้มแย้มต่างไปจากทุกวันเลยนะคะ” ป้าปราณีหันไปสั่งจิตกับแจ่มให้ตั้งโต๊ะแล้วก็อดที่จะแซวเคลวินที่เพิ่งจะเลื่อนเก้าอี้ให้เฌอปรางนั่งไม่ได้เคลวินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะดึงมือเล็กบนตักมากุมเอาไว้“ผู้ชายเวลามีเมียเด็กก็อารมณ์ดีประมาณผมทุกคนแหละครับ”หล่อนได้ยินคำตอบของเคลวินก็ยิ่งเอียงอาย แต่ทันทีที่จิตกับแจ่มยกอาหารมาตั้งบนโต๊ะ และกลิ่นอาหารหน้าตาดีโชยเข้ามาในจมูกเท่านั้น ความวิงเวียนพะอืดพะอมก็ตีตื้นขึ้นมากระจุกรออยู่ที่ลำคอ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก“เป็นอะไรไปเฌอปราง ไม่สบายหรือ”หล่อนไม่อาจจะตอบความสงสัยของเคลวินได้ เพราะต้องรีบพุ่งตัวไปห้องน้ำให้ทันเวลาเสียงโอ้กอ้ากของเด็กสาวดังมาเข้าหูเคลวิน เขาลุกขึ้นยืนจะเดินเข้าไปดู แต่ป้าปราณีห้ามเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็สั่งให้จิตเข้าไปดูเฌอปรางแทน“จิต เอ็งเข้าไปดูหนูปรางหน่อย”“จ้ะ ป้า”“ส่วนเอ็งก็ไปยกน้ำส้มมาให้หนูปราง นังแจ่ม”“จ้ะป้า”สองสาวใช้หายกันไปคนละทิศละทางแล้ว ป้าปราณีก็มองหน้าเคลวินและ
เฌอปรางกำลังจะเลี้ยวเข้าเรือนพักคนงาน แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อเคลวินปรากฏตัวตรงหน้าเสียก่อน เรือนกายล่ำสันในชุดทำงานและสวมหมวกปีกกว้างเดินเข้ามาหา“เอ่อ...”“เมื่อคืนฉันก็ทำโทษเธอทั้งคืนแล้ว ยังไม่เข็ดอีกหรือเฌอปราง”“หนู... แค่มาเอากระเป๋าค่ะ”“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้คนงานยกไปให้” เขาก้าวเข้ามาใกล้จนหล่อนขยับถอยหลังหนีไม่ทัน ดวงตาของเขาที่จ้องมองมา มันทำให้หล่อนอดนึกถึงเรื่องร้อนฉ่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้“กลับเข้าบ้านด้วยกัน ฉันหิวแล้ว”“หิว...?”เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวตีความหมายของคำพูดไปไกลกว่าที่เป็นจริง“ฉันยังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย” เขาจ้องหน้าหล่อน “เพราะรอเด็กขี้เซาคนหนึ่งตื่นน่ะ”“เอ่อ... หนูเหรอคะ”เขายกมือขึ้นยีเส้นผมนุ่มให้ยุ่งมากกว่าเดิม จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดอมดมกลิ่นหอมละมุนด้วยปลายจมูกอย่างอดใจไม่ไหว เฌอปรางหน้าแดงระเรื่อ“พ่อ... พ่อเลี้ยงคะ เดี๋ยวใครมาเห็นค่ะ”เขาจำต้องตัดใจเงยหน้าออกห่างร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น จากนั้นก็กุมข้อมือเล็กให้เดินเคียงข้างไปด้วยกันเฌอปรางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา มองคนตัวโตที่มีพลังทางเพศสูงลิบอย่างเคลวินด้วยความรักหล่อนจะได้เดินเคียงข้างเขาอ