เว่ยจื้อโหยวใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรื่อยมา พ่อแม่ของนางอยู่ดีมีกินมีใช้ ท่านยายท่านตาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวัยชรา ขอบคุณสำหรับความเกลียดชังของนางเซียนซื่อผู้เป็นย่าแท้ ๆ ที่ทำให้นางมีวันนี้ข่าวการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกชายล่องลอยไปเข้าหูของนางเซียนซื่อ เพราะตั้งแต่เว่ยเจี้ยนป๋อแยกบ้านออกมาฐานะความเป็นอยู่ของบ้านเว่ยก็เลวร้ายลงเรื่อย ๆ เพราะไม่มีแรงงานให้นางใช้สอยและโขกสับ ไม่มีคนหาเงินเข้าบ้าน หลานชายนางยังต้องใช้เงินในการเรียนหนังสือ “ท่านแม่ ข้าได้ข่าวว่าเจี้ยนป๋อร่ำรวยแล้ว ถึงกับสร้างบ้านหลังใหญ่โตซื้อที่ดินอีกหลายสิบหมู่ ส่วนนางลูกสาวของมันยิ่งแล้วไปใหญ่แต่งงานกับลูกกำพร้าตอนนี้สร้างบ้านหลังใหญ่ยิ่งกว่าพ่อของมันอัก ที่ดินก็ปาไปเกือบ 100 หมู่ แต่พวกมันไม่เคยส่งเงินมาให้ท่านแม่เพื่อแสดงความกตัญญูเลยสักนิด” สะใภ้ใหญ่บ้านเว่ย“หุบปากของเจ้า ไม่ต้องมายุแหย่ท่านแม่ หนังสือตัดขาดมีแล้วในหนังสือแยกบ้านก็ไม่ได้ระบุว่าเจี้ยนป๋อต้องส่งเงินหรือข้าวของมาแสดงความกตัญญูต่อท่านแม่ และที่สำคัญหนังสือตัดขาดและหนังสือแยกบ้านหัวหน้าหมู่บ้านส่งไปแจ้งกับทางกรมเมืองแล้วเจ้าจะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา อย่ากวนน้
ในที่สุดก็เข้าสู่ฤดูหนาว ก่อนหน้านั้นนางได้ไปซื้อทาสเพื่อมาช่วยงานแม่ของนาง ทาสหญิงวัยกลางคนที่โดนสามีจับมาขายเพื่อแลกกับเงินไม่กี่ตำลึงเพื่อจะได้รับหญิงหมู่บ้านข้าง ๆ เข้ามาเป็นภรรยาแทนที่นาง เขากล่าวหาว่าเพราะนางไม่สามารถมีลูกให้กับเขาได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นที่ตัวนาง ตัวเขาเองที่เป็นหมันต่างหากเว่ยจื้อโหยวรู้สึกว่าคนที่นี่ให้ความสำคัญกับการมีลูกมาก หากใครไม่สามารถมีลูกได้ก็จะถูกผู้คนรังเกียจ ซึ่งเว่ยจื้อโหยวเห็นว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่โชคดีที่ตอนสร้างบ้านใหม่ พ่อของนางสร้างบ้านหลังใหญ่และมีหลายห้องนอน จึงมีห้องเหลือให้นางฮุ่ยเหม่ยพัก ตอนนี้เว่ยจื้อโหยวเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไป นางจะออกเดินทางทันที ส่วนอวิ๋นซวนก็ต้องเข้าเรียนในสำนักศึกษา ส่วนอวิ๋นเฟยจะให้ไปอยู่ที่บ้านท่านพ่อของนาง ส่วนบ้านของนางจะให้ท่านพ่อกับท่านลุงสลับกันมาดูแลให้ในระหว่างที่ไม่อยู่ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าไม่เกินสองสามวันนี้หิมะคงตกลงมาแน่ เหล่าคนงานต่างคิดไปในทางเดียวกันว่าพวกตนโชคดีที่ได้มาทำงานกับนายหญิงเพราะหากนายหญิงไม่ซื้อพวกเขามาไม่แน่ว
เช้าวันนี้เว่ยจื้อโหยวยังเดินทางเข้าเมืองอีกเช่นเคย เพราะวันนี้นัดกับหลี่อ้ายหลินว่าจะพานางไปไปเลือกซื้อม้าเพื่อใช้ในการเดินทางไปชายแดนตามที่ทั้งสองได้ตั้งใจเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมารับหลี่อ้ายหลินที่หมู่บ้านลี่จือ จากนั้นเจ้าเฟยหู่ก็พาทั้งสองเข้าไปในเมืองทันทีเจ้าเฟยหู่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นใช้เวลาไม่นานก็มาถึงตัวเมือง เว่ยจื้อโหยวพาหลี่อ้ายหลินมาถึงร้านค้าสัตว์ร้านเดียวกับที่นางซื้อเจ้าเฟยหู่ เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นเว่ยจื้อโหยวเขาก็จำได้ทันที เพราะนางได้ซื้อม้าดำจอมหยิ่งและเกเรไปนั่นเอง ดูเหมือนว่าเจ้าดำจะไม่เกเรกับนางสักนิดเดียว แถมตอนนี้มันยังสง่างามขึ้นมาก “แม่นางทั้งสองมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือไม่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รีบออกมาต้อนรับทันที“สหายข้าต้องการซื้อม้า เจ้าพาพวกเราไปที่คอกม้าก็พอแล้ว”“ได้ขอรับ เชิญแม่นางทั้งสองตามมาทางด้านนี้เลยขอรับ”เว่ยจื้อโหยวเดินดูม้าในแต่ละคอกโดยมีหลี่อ้ายหลินเดินตามไม่ห่าง“อ้ายหลิน มีม้าตัวไหนที่เจ้าชอบหรือไม่”“ข้ายังไม่เจอตัวที่ถูกใจขอเดินดูให้ทั่วก่อนก็แล้วกัน”“เสี่ยวเอ้อร์ พวกเราต้องการม้าฝีเท้าจัดหากจะให้ดีขอเป็นมาศึกเจ้ามีหรือไม่ พวกเราไม่เกี่ยงเร
หลังจากเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าตามที่เว่ยจื้อโหยวได้บอกเอาไว้ ถึงแม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าเหตุใดฟ้าถึงได้ผ่าลงมาได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเมฆฝนตั้งเค้าแถมไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องแต่ถึงแบบนั้นชาวบ้านต่างก็ดีใจเพราะฟ้าผ่าลงมาได้เวลาพอดี โจรชั่วที่กำลังจะพังประตูเข้าไปในหมู่บ้านได้ตกตายลงไปทั้งหมด กรรมตามสนองพวกโจรชั่วแล้ว“หัวหน้าหมู่บ้าน จะทำเช่นไรดีกับศพพวกนี้ขอรับ สภาพแบบนี้ไม่รู้อะไรเป็นอะไรและไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่”“แจ้งเจ้าหน้าที่ทางการมาตรวจสอบ อี้ปิงเรื่องนี้คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”“ได้ขอรับท่านหัวหน้าหมู่บ้าน น้องเขยข้าต้องพึ่งพาม้าของเจ้าแล้วล่ะ”“ตามสบายเลยขอรับพี่ใหญ่”“ท่านพ่อ ท่านลุง ข้าไปเองเจ้าค่ะ น่าจะเร็วกว่า”“ไม่ได้ เจ้าจะไปได้เช่นไรดึกดื่นค่ำมืดขนาดนี้” เว่ยเจี้ยนป๋อคัดค้านลูกสาว“เช่นนั้นให้เจ้าไปก็แล้วกัน เอาต้าเฮยที่บ้านท่านพ่อไปก็แล้วกัน”“ขอรับนายหญิง แล้วต้องให้ข้ารายงานว่าฟ้าผ่าด้วยหรือไม่ขอรับ” ชุยต้าคนงานที่รับเข้ามาใหม่ถามออกมาด้วยท่าทางหน้าซื่อตาใส“ก็ฟ้าผ่าก็ต้องรายงานว่าฟ้าผ่าสิ หรือเจ้าจะรายงานว่าข้าทำหรือยังไง แล้วอย่าพูดอะไรไร้สาระล่ะเข้าใจหรือไม่ รีบไปได้แล้ว
ปีนี้เป็นปีแห่งความโชคดีก็ว่าได้ โดยปกติหิมะที่เคยตกหนักไม่ลืมหูไม่ลืมตา ตกลงมาจนมองไม่เห็นหลังคาบ้าน บ้านเรือนส่วนใหญ่แล้วถูกหิมะทับถม บางครั้งหิมะสูงถึงหลังคาก็มี แต่มาปีนี้หลังจากหิมะตกอยู่สามวันเท่านั้นจากนั้นหิมะก็หยุดตก เว่ยจื้อโหยวออกจากบ้านไปหาสหายที่หมู่บ้านลี่จือเว่ยจื้อโหยวต้องการไปนัดแนะวันออกเดินทางไปชายแดนกับสหายของตัวเอง หลี่อ้ายหลินเองตอนนี้กำลังจัดเตรียมสมุนไพรและยาต่าง ๆหลังจากมองดูกองข้าวของแล้วนางขี่ม้าไปคงไม่สามารถเอาอะไรไปได้ทั้งหมดในตอนที่นางกำลังหนักใจอยู่นั้นเว่ยจื้อโหยวก็มาถึงพอดี“อ้ายหลินเจ้าทำอะไรอยู่หรือ”“อ้าว จื้อโหยว เจ้ามาถึงนานหรือยัง ข้ากำลังจัดเตรียมข้าวของอยู่น่ะสิ ข้าว่าเราเอาเกวียนขนไปดีหรือไม่ หากเราขี่ม้าไปข้าว่าเราคงเอาไปได้ไม่หมด”“เจ้าเอาอะไรไปเยอะแยะขนาดนั้นเล่า ไหนมาให้ข้าดูหน่อยมีอะไรบ้าง”“ก็ไม่มีอะไรมีแค่พวกยาและสมุนไพรจำเป็นทั้งนั้น”“ไม่ต้องเอาไปเยอะมากมาย หรือไม่ก็ค่อย ๆ เก็บสะสมเอาระหว่างการเดินทาง กว่าจะถึงชายแดนเราคงหาสมุนไพรได้อีกไม่น้อยเราไม่ได้จะเดินทางผ่านป่าหรือยังไง”“ตกลงเอาตามที่เจ้าว่ามา แล้วพวกเราจะออกเดินทางเมื่อใด”
เว่ยจื้อโหยวออกมาหยิบของบนหลังม้าเสร็จแล้ว นางรีบกลับเข้าไปในบ้านทันที หลังจากส่งยาและอาหารให้กับสหายแล้วเว่ยจื้อโหยวออกมาจัดการย้ายม้าไปผูกเอาไว้บริเวณโรงเก็บฟืนที่ไม่มีฟืนเหลืออยู่เลย เว่ยจื้อโหยวส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ด้านข้างโรงเก็บฟืนมีห้องอยู่ห้องหนึ่งเหมือนกับว่ามันจะเคยเป็นห้องเก็บเสบียงมาก่อน นี่แสดงให้เห็นว่าพ่อของหยุนอวี้นั้นได้เตรียมทั้งฟืนและเสบียงอาหารเอาไว้ให้กับลูกเมียเรียบร้อยก่อนที่จะเดินทางออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของทางการที่ทำหน้าที่มารับชาวบ้านไปส่งที่ค่ายทหาร แต่แล้วสิ่งที่ถูกเตรียมเอาไว้อย่างดีก็ถูกคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเอาไปทั้งหมด“จิตใจทำด้วยอะไร บ้านก็แยกกันออกมาแล้วยังต้องทำกันขนาดเลยหรือ หัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ตายหมดแล้วหรือไร ไม่ได้การล่ะข้าจะต้องถามแม่ของหยุนอวี้ดูตอนแยกบ้านมาได้เขียนหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดขาดกันเรียบร้อยหรือยัง” เว่ยจื้อโหยวพูดกับตัวเองเบา ๆเว่ยจื้อโหยวคิดว่าจะลองเข้าไปเสี่ยงดูในป่าเสียหน่อยอาจจะมีอะไรพอให้เอาติดมือออกมาได้บ้าง สัตว์ป่าอาจจะมีบ้างที่ยังไม่ได้หลบเข้าถ้ำไปจำศีล หากไม่หาอะไรมาทิ้งเอาไว้ให้สามแม่ลูกนี่มี
เว่ยจื้อโหยวเดินกลับมาถึงก็พบว่าตอนนี้คนป่วยทั้งสองคนได้สติและตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าหนูน้อยหยุนอวี้เองก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน ตอนนี้สีหน้าคนป่วยนั่นดีขึ้นมาก ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดไม่ได้ซีดเซียวดังเช่นกระดาษขาวเหมือนครั้งแรกที่พบเห็น“จื้อโหยว เจ้ากลับมาแล้วหรือ ได้เรื่องหรือไม่”“ได้สิ พรุ่งนี้หัวหน้าหมู่บ้านรับปากว่าจะจัดการให้ และข้าต้องการให้แจ้งกับทางการ ถ้าหากเรื่องยังไม่ถึงทางการยายแก่นั่นได้มาหาเรื่องทุบตีฉกฉวยข้าวของอีกเป็นแน่ เจ้าไม่ต้องห่วงพรุ่งนี้ข้าจะทวงคืนความแค้นให้เจ้าหนูนี่เอง”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ส่วนอาการป่วยของทั้งสองคนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดื่มยาอีกไม่กี่เทียบก็หายแล้ว”“ข้าขอขอบคุณแม่นางทั้งสองคนที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือในครั้งนี้นะเจ้าคะ ข้าเองไม่มีปัญญาจะไปสู้รบปรบมือกับแม่สามีจริง ๆ” นางจ้วงซื่อพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะเจ้าคะพี่สาว เอาไว้พรุ่งนี้หัวหน้าหมู่บ้านจะจัดการให้ แต่ทำไมถึงไม่ไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหมู่บ้านหรือเพื่อนบ้านในตอนแรก ทำไมปล่อยให้เรื่องผ่านไปเช่นนี้” เว่ยจื้อโหยว“ข้าถูกแม่สามีกับพี่สะใภ้ทุบตีจนจับไข้ไปหลายวัน พอเริ่มมี
เว่ยจื้อโหยวควบม้านำหน้าหลี่อ้ายหลินมุ่งหน้าไปยังเมืองชายแดน ยิ่งใกล้ชายแดนเท่าไหร่ภายในใจยิ่งร้อนรนเท่านั้น ทุก ๆ ที่ย่อมมีคนเห็นแก่ตัว หากสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปก็ยากที่จะอยู่ได้ นางได้แต่หวังว่าหยุนไห่จะยังอยู่ดีมีสุข เว่ยจื้อโหยวไม่ได้บอกกล่าวกับครอบครัวของเจ้าหนูหยุนอวี้ว่าจะเดินทางไปที่ค่ายทหารชายแดน ด้วยไม่ต้องการให้ความหวังเด็กน้อย นางเพียงแต่บอกว่าเดินทางไปพบญาติที่เมืองชายแดนเพียงเท่านั้นหลี่อ้ายหลินได้แต่หวังว่าระหว่างการเดินทางต่อไปนี้อย่าได้มีเหตุการณ์มาถ่วงเวลาเกิดขึ้นอีก ด้วยนางเองไม่อาจปล่อยผ่านคนเจ็บไข้ได้ป่วยไปได้ สหายของนางเองก็ย่อมไม่อาจปล่อยผ่านคนตกทุกข์ได้ยากเช่นเดียวกัน“อ้ายหลินเราจะพักกินมื้อกลางวันที่หมู่บ้านข้างหน้านี้ ไม่รู้ว่าจะมีอาหารม้าขายหรือไม่จะได้ซื้อเพิ่ม”“ได้สิ หากไม่มีเราคงต้องขุดหิมะหาหญ้าให้เจ้าสองตัวนี้แทะแล้วล่ะ ตอนนี้หญ้าน่าจะยังเขียวอยู่ใต้หิมะ น่าจะพอกินได้”“คงต้องเป็นอย่างนั้น หากไม่มีก็คงทำได้แค่หาซื้อหัวผักกาดแดงในตลาดเท่านั้น แต่ข้าไม่รู้ว่าจะมีขายหรือไม่นี่สิ” เว่ยจื้อโหยวถอนหายใจ หิมะตกนี่ก็ลำบากจริง ๆทั้งสองคนควบม้าเข้ามาในห
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก