“สามีภรรยาคือคน คนเดียวกัน ท่านพี่อย่าได้คิดเป็นอื่นนะเจ้าคะ คือว่า...” แม่ทัพหนุ่มใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากภรรยา ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการยืนยัน ว่าเขาหาได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แม้แต่น้อย “พี่ในตอนนี้คือสามีเจ้า หาได้สวมเกราะ” แม่ทัพหนุ่มเบา ๆ ยังหลังมือของภรรยา เพื่อเป็นการยืนยันในคำพูดของเขา เป็นแม่ทัพแล้วอย่างไร เขาก็มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นมีเจ็บปวดเป็นเช่นคนอื่น มิใช่ร่างกายแกร่งดังหินผาฟันแทงไม่เข้าเสียเมื่อไหร่ เพ่ยเพ่ย เร่งพาสามีออกไปยังประตูด้านหลังของหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้มีชายชุดดำอีกสองคนยืนเฝ้าประตูอยู่ “นายหญิง ม้าพร้อมแล้วขอรับ ทางนี้พวกข้าจัดการเองขอรับ” หนึ่งในชายชุดดำเข้าช่วยส่งแม่ทัพหนุ่มขึ้นม้า ส่วนอีกคนได้นำม้ามาให้ท่านหญิงชูเช่นกัน ร่างบางเหวี่ยงตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า หญิงสาวหันไปยังคนสนิทที่ตอนนี้นั่งซ้อนด้านหลังของแม่ทัพหนุ่มเอาไว้แล้ว “ให้เขาอยู่ด้านหลังท่านพี่ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะได้วางใจ” สิ้นคำผู้เป็นนาย ต้าจินได้กระตุ้นม้าให้ออกวิ่งทันที โดยมีผู้เป็นนายติดตามไปม
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถให้ผู้อื่นตัดสินแทนเขาได้ แม่ทัพหนุ่มจำต้องจัดการกับคนตรงหน้าด้วยตนเอง นับว่าภรรยาของเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดี ที่ให้เยี่ยนเหนียงถ่วงเวลาให้แก่เขาไปมากพอสมควร เสร็จจากเรื่องหนูสกปรก ก็คงเป็นการเตรียมชีวิตของเขาให้รอดจากการลงทัณฑ์จากภรรยา เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ทุกอย่างจึงสงบลงได้ จ้าวข่ายขบกรามแน่น เขารู้บทลงโทษของกองทัพดี การที่แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไว้ชีวิตเขา มิใช่เมตตาแต่เพื่อสาวให้ถึงคนอยู่เบื้องหลังเมืองหลวง ณ จวนองค์ชายสี่เสวียนอี้ เสียงจากด้านนอกทำให้คนที่กำลังเสพสุขอยู่กับเหล่าสนม จำต้องหยุดทุกกิจกรรมเอาไว้ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ร่างสูงก้าวพ้นประตูห้องออกมายังด้านนอก สิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้คือ ทหารจากวังหลวงกำลังยืนล้อมเรือนของเขาเอาไว้แล้ว “บังอาจ! พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน” “ทูลองค์ชาย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้คุมตัวองค์ชายเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ” “เรื่องอะไรกัน” “กบฏ” “บังอาจใส่ความข้า” นิ้วเรียวสั่นระริกชี้ไปยังคนพูด ชายหนุ่มรู้สึกว่าภัยครั้งนี้ คงยากที่จะร
เมืองหลวงเมื่อสิบปีก่อน เด็กหญิงในชุดสีหวานยืนอยู่ริมทะเลสาบเพียงลำพัง สายตาคู่งามกำลังจับจ้องไปที่พื้นน้ำ นางทอดถอนหายใจกับความหนักอึ้งมากมายที่ก่อเกิดขึ้นภายในใจ ตูม! ความรู้สึกเดียวของเด็กหญิงคือรู้สึกกลัว นางเคยตายเพราะน้ำ แล้วนี่อะไรกัน นางจะตายอีกครั้งเพราะน้ำเช่นนั้นหรืออย่างไร หมับ! ดวงตาที่กำลังเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองหาที่มาของมือที่กำลังรวบรัดเอวของนางเอาไว้อยู่ในตอนนี้ พรวด! แฮก! เสียงหายใจหอบเหนื่อยหลังจากโผล่พ้นพื้นน้ำขึ้นมา สภาพเปียกปอนในตอนนี้ของนางมิน่ามองเท่าใดนัก แต่หากเทียบกับความขุ่นเคืองในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันดูจะมีมากกว่าในใจของนาง ‘ผู้ใดกัน’ เพ่ยเพ่ยคิดหาคำตอบ ชีวิตนางนับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้ก็ถูกปองร้ายมิเว้นวัน ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน “ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้า...ข้าน้อยเอาไว้” ด้วยฐานะของนางมิอาจเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้มากได้ เพ่ยเพ่ยจึงเลือกที่จะไม่ใช้คำพูดบ่งบอกฐานะของนางมากนัก “เหตุใดจึงมิระวังตัวเช่นนี้ ต่อไปอย่างได้ไปไหนมาไหนเพียงลำพังอีก” “
ยามค่ำคืน ณ สกุลกั้ว ร่างงามยืนนิ่งมองไปยังศาลาริมน้ำเบื้องหน้า มือบางอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนช้า ๆ ไปตามเรือนร่างของตนเอง ด้วยความรู้สึกอันวาบหวาม เมื่อภาพตรงหน้าไม่ต่างจากยากระตุ้นกำหนัด ที่นางไม่เคยได้รับการปลดปล่อยสักครั้ง เสียงลมหายใจระอุร้อน ถูกเป่าออกจากเรียวปากอวบอิ่มช้า ๆ เพื่อไม่ให้คนที่อยู่บนศาลาได้ยิน “อะ...อ๊า....โอ้วววว นายท่านตรงนั้นเจ้าค่ะ ซี๊ด! ข้าเสียวยิ่งนักอ๊า!!!” หญิงสาวครางกระเส่า พรางเร่งเร้าให้ชายหนุ่มสนองความสุขของนางให้มากกว่านี้ สะโพกงอนงามยกขึ้นรับกับเรียวปากหนาที่กำลังแนบชิดอยู่กับเนินเนื้อขาวอวบ ที่เกลี้ยงเกลาราวทารกแรกเกิด มือนุ่มสอดเข้าไปในกลุ่มผมดกดำ ก่อนจะเพิ่มแรงกดให้ใบหน้าของชายหนุ่มแนบชิดมากขึ้น กั้วฉางเอินดูดซับปลายเกสรที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบบางอย่างเนิบช้า ยิ่งเสียงหวีดร้องของหญิงสาวดังมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มยิ่งจงใจที่ระรัวลิ้นยังเกสรสวาทสลับลากขึ้นลงตามร่องสวาท โดยที่นิ้วเรียวสอดเข้าออกรูฉ่ำแฉะไปพร้อม ๆ กัน “มะ...ไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ อ๊า...โอ้ววว...กรี๊ดข้าเสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ อ๊า...เร
หญิงสาวที่ไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน หรือจะสู้พยัคฆ์ร้ายที่โชคโซนมานานปี เรียวปากหนาจูบซับผ่านลงไหล่มนไล่ลงจนถึงเต้าอวบอิ่ม ปลายลิ้นสากตวัดเม้มยอดถัน ที่กำลังแข็งเป็นไตผ่านเนื้อผ้าเปียกชื้น สลับกับใช้ฟันขบลงเบา ๆ ชายหนุ่มเปลี่ยนจากใช้มือเคล้นคลึงเนินเนื้อ เป็นนิ้วแทรกเนื้อผ้าเข้าสู่ร่องกลีบบอบบางอย่างใจเย็น โดยที่มืออีกข้างเลื่อนขึ้นลงตามแผ่นหลังของหญิงสาว “อ๊า! ทะ...ท่านพ่อ...ได้โปรด” เมี่ยวอี้เรียกพ่อสามีด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ในเวลานี้ความต้องการปลดปล่อยมีมากกว่าสำนึกถูกผิดแล้ว หญิงสาวจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้าง ในทุกครั้งที่นิ้วของพ่อสามีเคลื่อนขึ้นลงระหว่างร่องกลีบ “เขามิใช่ลูกชายข้า” เอ่ยจบเรียวปากหนา ได้ดูดกลืนเม็ดบัวสีหวานอย่างหิวกระหาย ก่อนจะชักมือออกจากเนินเนื้ออวบอูม กระชากชุดแนบเนื้อบางเบาออกให้พ้นทาง ยิ่งเห็นหุ่นที่อวบอัดของหญิงสาว ภายใต้แสงสลัวของคบไฟ ท่อนเอ็นของเขาถึงกับเจ็บร้าวด้วยความกระสันซ่าน ชายหนุ่มไม่รอช้าคว้าร่างอิ่มเข้าแนบกาย ก่อนจะดันให้นางขึ้นนั่งยังขอบสระ ได้เวลาที่เขาจะสอนบทบาท
หลังจากคืนนั้นฮูหยินน้อยเมี่ยวอี้ ถึงกับจับไข้อยู่หลายวัน แน่นอนว่าเรื่องในจวนคือสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง เพราะนายท่านกั้วฉางเอินเป็นคนเด็ดขาด ทุกอย่างในบ้านหาได้มีเล็ดรอดออกสู่ภายนอก สามีของนางที่เป็นเพียงบุญธรรม ได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันมีทายาท นายท่านกั้วที่ไม่อาจมีลูกได้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม บุรุษผู้นี้ภายนอกดูสุขุมนุ่มลึก ทว่ากลับมากด้วยแรงปรารถนายิ่งนัก จะว่านางทำผิดศีลธรรมหรือไม่นั้น หากนับตามความเป็นจริงสามีของนางตายแล้ว และไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับกั้วฉางเอิน แค่เขาให้นางอยู่ที่นี่มาจนถึงตอนนี้ นับว่าเขามีน้ำใจมากแล้ว ส่วนการเติมเต็มที่นางไม่เคยได้รับ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ผิดอันใดหากนางจะเปลี่ยนจากหญิงหม้ายมีสามีอีกสักครั้ง ในเมื่อเขาเองก็ไม่มีใครเคียงกาย นอกจากสาวใช้ที่เป็นเพียงนางบำเรอ นางก็แค่ทำให้ตนเองก้าวมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมจะเป็นไรไป แอ๊ด...เสียงเปิดประตูในยามนี้ ย่อมไม่ใช่สาวใช้อย่างแน่นอน เมื่อนึกได้ว่าอาจเป็นคนที่นางกำลังนึกถึง ใบหน้างามก็พลันเห่อร้อน หญิงสาวมองไปยังทิศทางของเสียง แสงเทีย
“อ๊า...อย่างนั้น” ชายหนุ่มคว้าจับสะโพกงามเอาไว้แน่น พร้อมกับแอ่นกายขึ้นสวนรับกับการขับเคลื่อนของร่างอิ่ม เมี่ยวอี้ขยับสะโพกจากเนิบช้าเป็นจังหวะเร็วรัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังระอุร้อน สองร่างครางกระเส่าประสานกับเสียงเนื้อกระทบกัน ตับ! ตับ! เมี่ยวอี้สะบัดใบหน้าไปมาด้วยความสุขสม ยิ่งเมื่อท่อนเอ็นดุ้นใหญ่สวนรับแรงกดของนางจนสุดในทุกครั้ง ทุกอณูขุมขนลุกเกรียวด้วยความเสียวซ่าน เพี๊ยะ ๆ มือหยาบตีลงบนสะโพกกลมกลึงของหญิงสาว เมื่อความเสียวซ่านของเขาถูกกระตุ้นจนจะถึงขีดสุด ซึ่งไม่ต่างจากหญิงสาว ที่เร่งจังหวะเร็วรัวสวนรับกับท่อนแกร่งใต้ร่าง ก่อนที่นางจะกระตุกเกร็งถี่ ๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายหนุ่ม กดสะโพกของหญิงสาวให้แนบส่วนท่อนของเขาเอาไว้แน่น ก่อนปลดปล่อยน้ำอุ่นซ่านพุ่งเข้าสู่ร่างของหญิงสาว เมี่ยวอี้แนบกายลงซบอยู่เหนือร่างของชายหนุ่ม เมื่อสงครามสวาทได้สิ้นสุดลง ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน กั้วฉางเอินดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเปลือยที่หลับอยู่บนกายเขา ราวทารกแรกเกิดก็มิปาน เรื่องภายนอกจวนคือสิ่งที่เขาต้องจัดการ ส่วนภายในจวนนั้นคือควา
“กำจัดพวกมันซะ!” “ขอรับ” พ่อบ้านรับคำผู้เป็นนาย ก่อนจะลากร่างสูงของผู้ช่วยตนออกไปอย่างไร้ปราณี เมื่อประตูปิดสนิท กั๋วฉางเอินได้ช้อนอุ้มร่างอ่อนระทวยขึ้นสู่อ้อมแขน ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ ไปเตียงกว้างด้านใน“ท่านพ่อ มือท่านไยอบอุ่นเช่นนี้”เมี่ยวอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ทว่ามันสื่อถึงความหมายอย่างชัดเจนยิ่งนัก“หึ ๆ มิพออีกหรือ”กั้วฉางเอินเอ่ยถามคนที่กำลังลูบไล้ตามแผ่นอกของเขา ราวงูเลื้อยก็มิปาน“อืม!”เสียงตอบรับในลำคอ ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางร่างอวบอิ่มลงบนเตียงกว้าง ร่างสูงไม่คิดที่จะเร่งร้อนในทุกการเล้าโลม แต่ครั้งนี้เขาคงเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นเคยเพราะสิ่งที่หญิงสาวได้รับมันคือยาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรง หากเขาไม่ช่วยให้นางปลดปล่อย คงเป็นอันตรายต่อชีวิตของนางเป็นแน่จมูกคมฝังลงยังซอกคอขาวเนียน ที่มีกลิ่นหอมของดอกหลันฮวา มือบางของเมี่ยวอี้ลูบไล้ตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดกระตุ้นให้หญิงสาว ไม่รู้สึกขัดเขินต่อการเล้าโลมชายหนุ่มกั้วฉางเอินบดเบียดกายลงทาบทับร่างงาม ชายหนุ่มจูบซับซอกคอหอมกรุ่นทั้งซ้ายขวาสลับไปมา เมื่อมือบางที่กำลังลูบไล
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ
ตอนสาย ณ เรือนเหลียนฮวา หลี่เยี่ยน กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับมารดาของท่านแม่ทัพ ที่อยู่ ๆ วันนี้ต้องการพบลูกสะใภ้ ทั้งที่ทุกครั้งหากต้องการพบกับฮูหยินของนาง เฉินฮูหยินจะให้สาวใช้มาเชิญนายหญิงของนางไปพบ “เหลียนฮวาไปที่ใด นี่ก็สายมากแล้ว ไยนายเจ้ายังไม่ตื่นอีกเล่า” “เอ่อ…” “ท่านแม่มีสิ่งใดหรือขอรับ วันนี้จึงได้มารบเร้าอยากเจอสะใภ้ถึงเรือนเล่าขอรับ” เฉินฮูหยินถึงกับตัวชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างส่งให้บุตรชาย “แม่แค่อยากชวนฮวาเอ๋อร์ออกไปดื่มชา กับบรรดาฮูหยินยังเหลาชีเหลียงเท่านั้นเอง” “เมื่อคืนนางแทบมิได้นอน ข้าเลยสั่งให้นางพักต่ออีกสักหน่อยขอรับ” “เจ้าค้างที่นี่เช่นนั้นรึ” “ข้าย้ายมาอยู่กับลูกเมียนานแล้วขอรับ เพียงแต่มิได้บอกผู้ใด เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยามิใช่หรือขอรับ ข้าไม่นึกว่าท่านแม่อยากทราบเลยมิได้บอกขอรับ” “เช่นนั้นแม่กลับก่อนดีกว่า หากแม่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้วยจะไม่มากวนใจพวกเจ้าผัวเมียเลย แม่ยิ่งอยากได้หลานเพิ่มอีกส
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินห้าวหนานประคองร่างบางให้แนบกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนสวมหน้ากาก ที่ยืนหันหลังให้แก่เขาและคนในอ้อมแขน จะมีเพียงแค่ชายหนุ่มที่เข้าช่วยเขาและนางในคราแรก ที่ยืนมองเขามิวางตา “ไม่ว่าท่านจะรูเห็นสิ่งใดในวันนี้ จงลืมมันเสีย” หญิงสาวขยับผละออกห่างอกแกร่ง หญิงสาวเดินไปหาคนสนิท หมับ! ทว่าก่อนที่มือของฉงอานจะทันได้แตะต้องตัวผู้เป็นนาย แม่ทัพหนุ่มได้คว้าร่างบางนั้นกลับมาชิดกายอีกครั้ง ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่อ้อมแขน “ข้าจะไม่ยินยอมให้บุรุษใดแตะต้องเจ้า” ร่างสูงก้าวออกจากตรอกเล็ก ตรงไปยังทิศทางออก โดยไม่สนใจว่าคนสวมหน้ากากทั้งหมดจะมองเขาเช่นไร ฮั่วเหลียนชินไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน หญิงสาวจำต้องซบใบหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลง “ท่านแม่ทัพ! โปรดตามข้าน้อยมาทางนี้เถอะขอรับ เราจะให้ผู้ใดรู้ว่านายหญิงบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด” เฉินห้าวหนานไม่เอ่ยสิ่งใด ร่างสูงก้าวตามชายผู้นั้นไปอย่างเร่งร้อน เสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขน ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขากลัวเหลือเกินว่าลุกธนูนี้จะมียา
“เครื่องหอมนี้ข้ามิรู้ชื่อ แต่ข้ามีตัวอย่างนำมาให้ นายหญิงของข้าปรารถนาจะมีในครอบครอง” “วางลงตรงกล่องซ้ายมือ แล้วรอข้าสักครู่” ชายหนุ่มทำตามที่คนด้านในบอกทุกอย่าง ฮั่วเหลียนชินยังคงใจเย็นอยู่เช่นเดิม นางรู้กฎของคนค้าขายในเงามืดดี ทั้งเจ้าเล่ห์และคดโกง หมับ! ฟึ่บ! มือบางคว้าคอเสื้อของคนสนิทได้ทัน ก่อนทั้งคู่จะเบี่ยงกายหลบลูกดอก ที่พุ่งออกมาจากประตู แน่นอนว่ามันต้องอาบไปด้วยยาพิษ ฮั่วเหลียนชินไม่คิดที่จะบุ่มบ่ามเข้าไป หญิงสาวก้าวไปยังคบไฟที่ปักอยู่เสาเรือน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา เมื่อให้เปิดประตูดี ๆ ไม่ทำ นางก็แค่เชิญคนด้านในอย่างเป็นมิตร เพียงครู่เดียวคนสนิทของหญิงสาวได้ขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย โดยในมือมีขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าป่าเอาไว้ แน่นอนว่ามันคือหนึ่งในอาวุธที่นางชื่นชอบ ชายหนุ่มเปิดกระเบื้องออกอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างคือห้องเครื่องหอม ที่ไวต่อไฟในมือของผู้เป็นนาย เพล้ง! ฟรึ่บ! เพียงพริบตาไฟได้ลุกขึ้นลามไปที่เครื่องหอมและตัวบ้าน สองนายบ่าวยืนมองเปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ