"ยังมีอีกคน"แก้มหวานว่าพร้อมกับตบมือขึ้นสามครั้ง ฉันก็เงยหน้าไปมองเธอและก็มีผู้ชายผมเผ้ารกรุงรังหัวฟูสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอะไรไม่รู้สีดำฟันของมันดำทุกซี่ หน้าตาเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนมันกำลังเดินมาหาฉันด้วยท่าทางที่เหมือนคนไม่เต็มเต็งอย่าบอกนะว่าเป็นคนสติไม่ดีเป็นคนบ้า"ผัวแกก็มีคนบ้าด้วย..ลูกแกต้องเกิดมาเป็นบ้าแน่เลยฮ่าๆๆๆๆๆ"แก้มหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และโกรธเธอคนนี้คนที่ฉันไม่เคยคิดที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ฉันโกรธเธอและจะไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขากเพราะเธอคิดไม่ดีกับลูกของฉัน ฉันไม่ยอม!!!!!"เจ๊ให้พวกผมก่อน.....ผมไม่อยากใช้ของต่อจากไอ้บ้านี้!!"ชายคนหนึ่งที่จับขาฉันยึดไว้หันไปบอกแก้มหวาน"ได้....ไอ้บ้าแกออกมาก่อน!!"แก้มหวานรับคำชายชุดดำก่อนจะหันไปเอ่ยบอกคนบ้า คนบ้าก็เหมือนจะพูดรู้เรื่องและมันก็หยุดอยู่กับที่"ให้พวกกูก่อน....เสร็จแล้วค่อยคิวมึง"ชายคนที่ถือเข็มฉีดยาเอ่ยขึ้น ตอนนี้มันนำยาไปไว้ในเข็มแล้วและมันก็ดันก้นสปริงออกมานิดหน่อยทำให้ตัวยาที่อยู่ด้านบนพุ่งออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะเดินมาหาฉันพร้อมกับทำส
ฉันไม่ลดละความพยายามในการดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมของคนพวกนี้และพยายามดึงแขนที่กำลังจะโดนเข็มจิ้มให้ถอยห่างแต่ก็ไม่ไหว กระดูกฉันเหมือนกำลังจะแตกหักยิ่งฉันขัดขืน ฉันก็ยิ่งเจ็บแต่ฉันจะไม่ยอมจนกว่าฉันจะขัดขืนไม่ไหว"กรี๊ดดดดดดดดดดดก!!!"ฉันทั้งกรีดร้องเสียงดังทั้งตะโกนก่นด่าสาปแช่งพวกมันไปด้วยถ้อยคำหยาบคายสารพัดแต่ฉันก็ไม่อาจต้านทานทุกสิ่งทุกอย่างได้ ปัง"โอ้ย!!!"เสียงร้องโอดโอยดังมาจากผู้ชายที่ถือเข็ม ทำให้ร่างของมันที่มือมันกำลังจะเอื้อมลงมาหาฉันจนเข็มใกล้จะจิ้มลงที่เนื้อของฉันแต่ร่างของมันก็ต้องหงายหลังไปนอนดิ้นทุรนทุรายซะก่อนทำให้ฉันตกใจเมื่อมีน้ำเหนียวๆกระเด็นโดนหน้าของฉันฉันจึงหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ที่พออะไรกระทบเข้ากับใบหน้าจะต้องหลับตาทันทีด้วยความที่กลัวว่ามันจะเข้าตาทุกสายตาต่างพาจับจ้องไปที่ต้นตอของสิ่งที่ทำให้ไอ้ชายร่างใหญ่ร้องโอดโอยด้วยความทุรนทุราย รวมถึงฉันด้วย"คุณจอมพล......ขุนศึก"ฉันเอ่ยออกมาเมื่อสายตาฉันไปพบสบเข้ากับร่างของผู้ชายสองคนที่กำลังยืนอยู่ห่างไปจากฉันเพียงหนึ่งร้อยเมตรในมือของคุณจอมพลถือปืนพกสั้นสีดำไว้ในมือก่อนที่เขาจะเดินถือปืนเตรียมพ
เธอกลับแสยะยิ้มขึ้นมาก่อนจะเชิดหน้าขึ้น และเธอก็เอื้อมมือไปด้านหลังของเธอและจับปืนพกสั้นสีดำเช่นกันขึ้นมาเล็งจ่อไปที่หน้าของขุนศึก"แกคิดว่าแกทำแค่นั้นจะชดเชยสิ่งที่ฉันเสียไปได้เหรอ?""ถ้าไม่ใช่ความมักง่ายที่เห็นแก่ตัวของแกที่ให้เพื่อนแกมารุมโทรมฉัน""เรื่องแบบนี้มันก็คงจะไม่เกิดขึ้น"แก้มหวานเอ่ยออกมา"ผิดแล้วล่ะถ้าเธอไม่ไปบอกผู้หญิงพวกนั้นโดยใส่ไฟเรื่องเอริที่หาว่าเอริไปนินทาคนพวกนั้นและดูถูกพวกนั้น.....พวกนั้นก็ไม่เข้าใจผิดจนมารุมตบเอริแบบนี้หรอก"ขุนศึกเถียงเธอ ทำให้แก้มหวานสีหน้าตรึงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ"ผู้หญิงแบบเธอ.....ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันรักเธอ""ทำไม.....ฉันทำอะไรผิดมากเลยเหรอ....ผู้หญิงแบบฉันมันทำไมถึงที่จะไม่มีใครมารัก!!"แก้มหวานตะโกนเสียงดังใส่ขุนศึกทำให้ฉันหวาดเสียวว่าเธอจะเผลอลั่นไกปืนยิงใส่ขุนศึกไปด้วย"ขุน!"ฉันเอ่ยเรียกขุนศึกไปเสียงสั่น เพราะกลัวว่าแก้มหวานจะยิงปืนใส่เขา"ไม่เป็นไรเอริ.....ขุนมันเป็นคนก่อก็ให้มันแก้เอง...."คุณจอมพลเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะหาอะไรมาตัดโซ่ตรวนให้ฉันฉันก็มองขุนศึกกับแก้มหวานอย่างไม่วางตา แต่เอ๊ะมีบุคคลหนึ่งที่หายไปนามิ เธอหายไปไห
ปังงงงงงงงงงงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสิ้นเสียงของเสียงปืนฉันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูและหันกลับมาตามเดิมเพราะฉันตกใจและกลัวฉันจึงรีบหันหลังและหลับตาปี๋และฉันก็รีบตรวจดูตามร่างกายของตัวเองที่ฉันคิดว่าฉันจะต้องโดนยิงแน่ๆเพราะแก้มหวานเล็งปืนจ่อมาที่ฉันโดยตรงแต่ตามร่างกายของฉันกลับไม่มีบาดแผลอะไรเลยทำให้ฉันยิ้มออกมาได้ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองภาพเบื้องหน้าก็ต้องตกใจหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อภาพตรงหน้าคือผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยที่คุณเควินจับมือของแก้มหวานข้างที่เธอถือปืนอยู่ชูขึ้นไปข้างบนและเสียงปืนหลายนัดจนหมดแม็กซ์ก็คงจะเป็นเธอยิงขึ้นฟ้าล่ะมั้งและตัดมาที่ผู้ชายอีกสองคนมี่อยู่ตรงหน้าฉันคือผู้ชายสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่โดยที่คุณจอมพลอยู่ด้สาหน้าของขุนศึก โดยที่ขุนศึกก็หันหน้าเข้าหาคุณจอมพลเช่นกัน "ไอ้จอม!!"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงตกใจสีหน้าของเขาซีดลงอย่างคนที่ตกใจสุดขีดก่อนที่มือของเขาที่กอดหลังของคุณจอมพลจะค่อยๆคลายออกและชูมันขึ้นมาจนเห็นเลือดสีแดงสดไหลเต็มมือของขุนศึกมันทำให้ฉันรู้ได้ว่า คุณจอมพลโดนยิง"มึงทำแบบนี้ทำไม?"ขุนศึกเอ่ยออกไปเสียงสั่นพลางค่อยๆพยุงร่างของคุณจอมพลที่อ่อนแร
"คุณเควินคะปล่อยนามิไปเถอะนะคะ""ถ้าเธอให้การกับตำรวจว่าเเก้มหวานให้เธอทำอะไรบ้าง.....ฉันจะกันเธอให้เป็นพยาน"คุณเควินเอ่ยขึ้นบอกนามิไปที่ตอนนี้เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวอยู่เช่นกัน"ก็ได้ค่ะ.....นามิจะแฉความชั่วของนางผู้หญิงคนนั้นให้หมดเปลือกไปเลยค่ะ""ก็ดี.....หวังว่าคุณจะทำตามที่พูดนะ....ไม่ใช่เห็นเงินแล้วตาลุกวาวแบบที่ผ่านมา"คุณเควินเอ่ยบอกนามิไปอย่างรู้ทัน เธอก็ยิ้มอ่อนๆให้เขาและไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ คุณเควินก็ทำมือให้ตำรวจพาตัวนามิออกไปได้แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันเดินมาถึงที่คุณจอมพลกับขุนศึกอยู่พอดี ฉันก็นั่งยองๆลงตรงข้างกับขุนศึก"ริไม่เป็นอะไรใช่ไหม....ขุนขอโทษนะที่เกือบทำให้ริกับลูกเดือดร้อนอีกแล้ว"ขุนศึกเงยหน้ามามองฉันแล้วเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ใบหน้าหล่อของเขาอาบไปด้วยหยาดน้ำสีใส ดวงตาแดงก่ำ บ่งบอกได้ว่าเขากำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะฉันหรือคุณจอมพลกันแน่"ริไม่โกรธขุนหรอก.....แล้วนี่คุณจอมพลเป็นบังไงบ้าง?"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปอย่างไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ผ่านมาแต่กลับให้ความสนใจคุณจอมพลแทนขุนศึกก็ละสายตาจากใบหน้าฉันกลับไปมองแผลที่ด้านหลังของคุณจอมพล
"ริ....ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม.....ลูกเราปลอดภัยดีใช่หรือเปล่า?"ขุนศึกเอ่ยถามฉันทันทีด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ร้อนรนใจอย่างกระวนกระวายอยู่ไม่นิ่งในขณะที่ฉันเดินออกมาจากห้องตรวจภายในของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ลูกเราปลอดภัยดีไม่กระทบกระเทือนอะไร.....ร่างกายริเองก็ไม่มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บ"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปตามความจริง เขาก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่คลายความกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด"ริจะกลับบ้านก่อนไหม.....เดี๋ยวขุนไปส่ง"ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ ที่เขาถามฉันแบบนี้เพราะเขากลัวว่าเขาจะทำให้ฉันลำบากที่ต้องมารอดูอาการของคุณจอมพลหรือเปล่าแต่ฉันก็ส่ายศีรษะไปมาว่าฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่ที่นี่อยู่เป็นเพื่อนเขา"ริจะอยู่รอดูอาการคุณจอมพลน่ะ""แต่ร่างกายริ"ขุนศึกแย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาที่จ้องมองฉันมาด้วยความเป็นห่วง ฉันจึงยิ้มบางๆให้เขา"ขุนไม่ต้องเป็นห่วงริเลย.....ริจองห้องพิเศษไว้แล้ว""จองไว้ทำไมริ?"ขุนศึกถามฉันแทบจะทันทีที่เขาได้ยินคำพูดนั้นออกจากปากฉัน ฉันจึงยิ้มกว้างให้เขา"คุณหมอบอกว่าร่างกายริอ่อนเพลีย....อาจจะเกิดจากอาการตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น....จึงอยากให้รินอน
ผมยินดีที่ชดใช้ความผิดทุกอย่างแค่ให้แก้มหวานเลิกทำร้ายเอริกับคุณแม่ของผมแม้กระทั่งชีวิตของผม ผมก็ยินดีที่จะให้เพื่อแลกกับความปลอดภัยของผู้หญิงสองคนที่ผมรักมากแต่ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นมารับลูกกระสุนแทนผมแบบไอ้จอมผมอึ้งตกใจและคาดไม่ถึงว่าคนอย่างมันจะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนที่คอยหาเรื่องและด่ามันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่มันเข้ามาในบ้านของผม ในฐานะลูกชายคนโตของพ่อผม ซึ่งเป็นพี่ชายต่างแม่ผมผมเกลียดมันมาตลอดและก็คิดว่ามันเองก็เกลียดผมมาตลอดด้วยเช่นกัน แต่วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับบอกผมว่า ผมมีพี่ชายที่แสนดีของผมคนนี้ ที่เขาไม่ได้คิดที่จะเกลียดผมแบบที่ผมเกลียดเขาเลยสักนิดผมมองมันผิดมาตลอด.....มันไม่เคยที่จะคิดร้ายกับผม....."คุณขุนณรงค์เดินไหวไหมคะจะนอนพักที่ห้องนี้ก่อนก็ได้นะคะ...."นางพยาบาลที่เป็นคนเจาะเลือดผมเอ่ยขึ้นในขณะที่เธอมาเก็บอุปกรณ์การเจาะเลือดเพื่อบ่งบอกว่า ถุงเลือดถุงนี้เป็นถุงสุดท้ายแล้วที่ผมจะต้องบริจาค"แล้วเลือดพอแล้วเหรอครับ.....คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ....พ้นขีดอันตรายแล้วหรือยัง?"ผมเอ่ยถามพยาบาลไปรัวเร็วด้วยความเป็นห่วงไอ้จอมพลโดยไม่ได้เว้นวรรคให้เธอตอบผ
ห้องพักของเอริโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังห้อง408"ขุน.....ขุน"ฉันเอ่ยเรียกขุนศึกไปพลางสะกิดไหล่ของเขาไปด้วย ที่เขาเอาแต่นั่งเหม่อลอยมานานนับสิบนาทีแล้วโดยที่ฉันเรียกอย่างเดียวเขาก็ไม่ได้ยินเลยต้องสะกิดเขาด้วยเพื่อปลุกเขาให้ตื่นจากอาการเหม่อลอย ที่ใจเขาลอยไปที่ไหนสักทีเพราะมัวแต่คิดเรื่องอะไรอยู่แน่ๆ"คุณจอมพลฟื้นเหรอยัง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไป ในขณะที่เขาสะดุ้งและหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเองแล้วขุนศึกก็จ้องมองหน้าฉัน ด้วยแววตาที่เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ฉันก็มองเขาไปด้วยความสงสัย"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าขุน....คุณหมอก็บอกว่าคุณจอมพลปลอดภัยดีไม่ใช่เหรอไง....แล้วทำไมกลับยังทำหน้าเครียดแบบนี้อยู่อีกล่ะ?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างรู้ทัน ว่าเขาต้องมีเรื่องในใจอยู่แน่ๆ ถ้าฉันไม่ถามเขาแบบนี้ เขาก็คงจะไม่ยอมคิดที่จะบอกฉันเองขุนศึกก็จ้องหน้าฉันนิ่งกว่าเดิม นิ่งแบบนิ่งเงียบจนฉันแปลกใจเพราะเขาไม่เคยนิ่งแบบนี้มาก่อนเลยทำให้ฉันอดที่จะตกใจไม่ได้เพราะเขามีสีหน้าที่เศร้าสลดลงดวงตาคู่สวยอาบคลอไปด้วยเม็ดสีใสที่พร้อมจะไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยอยู่ทุกเมื่อ"ริรู้ไหม.....ว่าทนายคนที่เก่งๆที่มาช่วยขุนสู้คดีแล
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข