หลายวันต่อมา บ้านเอริ 10:30น. เอริ ฐิติมน...... "ตัดตรงนี้ให้สั้นอีกไหมครับคุณเอริ?"เสียงทุ้มแห้งของคุณลุงเอ่ยถามฉันขึ้น หลังจากที่ฉันมายืนสั่งงานให้ลุงเขาทำความสะอาดสวนในตัวบ้านฉัน โดยทำการตัดหญ้าและตัดแต่งกิ่งไม้ ฉันมักจะจ้างเขาคนนี้อยู่เป็นประจำ ลุงแกรับจ้างทั่วไปและรับจ้างคนในหมู่บ้านทำสวนด้วย ฉันรู้จักและได้คำแนะนำให้รู้จักลุงมาจากยามเฝ้าหน้าหมู่บ้านน่ะ "ก็ดีนะคะคุณลุง"ฉันก้มหน้าลงไปมองยังจุดที่คุณลุงบอกก่อนจะตัดสินใจและเห็นด้วยกับสิ่งที่ลุงว่า เพราะฉันเองก็ไม่อยากเป็นเจ้านายงี่เง่าจุกจิกเช่นกัน "โอเคครับถ้าคุณเอริไม่ชอบตรงไหนบอกลุงได้นะ" "โอเคค่ะคุณลุง"ฉันยิ้มรับคุณลุงไปก่อนจะเดินไปดูดอกไม้หลายชนิดที่ถูกปลูกไว้ในบ้านอย่างสวยงาม ก่อนจะชื่นชมมันด้วยความสงบร่มเย็นก่อนจะยื่นมือขึ้นมาลูบที่หน้าท้องที่ยังคงแบนราบของฉันอยู่ก่อนจะยิ้มกริ่มออกมาอย่างคนที่กำลังมีความสุขมากๆ "ชอบไหมคะอากาศร่มเย็นแบบนี้"ฉันเอ่ยพูดกับลูกในท้องไปก่อนจะสูดดมกลิ่นบริสุทธิ์ไปด้วยหัวใจที่พองโต ตอนนี้คุณหญิงนฤมิตรและขุนศึกก็อยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้อาทิตย์กว่าแล้ว โดยอาการของคุณหญิงก็ดีขึ้นเรื่อยๆแต่เธอก็ยั
นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีกำลังใจที่จะเผชิญปัญหาข้างหน้าตาอึไปแล้ว ผมจะไม่คิดสั้นตัดช่องน้อยอีกแล้ว เพราะชีวิตของผมต่อจากนี้ มันมีสิ่งลำ้ค่าที่สุดในชีวิตผมกำลังรอเจอและรอรับความรักจากผมอยู่"พ่อจะสู้เพื่อหนูนะ....เจ้าตัวเล็ก"ผมเอ่ยออกมากับภาพถ่ายอัลตราซาวด์สีขาวดำก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าของผม นี่ก็เป็นรอยยิ้มแรกของผมในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเช่นกัน......วันเดียวกันผับ W23:45น."สวัสดีครับ"ผมยกมือไหว้คุณณัฐวุฒิไปด้วยความอ่อนน้อมทันทีที่ผมมาหยุดยืนมี่โต๊ะวีไอพีของเขา เขาที่นั่งดริ้งค์อยู่กับสาวๆอีกสองคนมี่มีเรือนร่างหุ้นสะบึ้มอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นก่อนจะยกมือรับไหว้ผมอย่างเต็มใจ"สวัสดีครับคุณขุนณรงค์เชิญนั่งก่อนครับ"เขาว่าพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ผมนั่ง "ขอบคุณครับ"ผมก็เอ่ยขอบคุณเขาไปก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณณัฐวุฒิตามคำเชิญของเขาคุณณัฐวุฒิคือหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทSMบริษัทแม่ของบริษัทAKของผม เท่ากับเขามีความสำคัญมากในการที่ผมมาขอเขาเข้าพบในวันนี้แต่ผมกลับไม่เบ้าใจว่าเราจะคุยธุรกิ
เช้าวันต่อมา08:00น.บ้านเอริเอริ ฐิติมน......"ไม่สบายดีขึ้นหรือยังเรา?"เสียงเป็นห่วงดังมาจากป้าบัวที่เอ่ยขึ้นทักฉันทันทีที่ร่างของฉันเดินเข้ามาในส่วนของห้องครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ยิ้มบางๆให้ท่านก่อนจะเดินเข้าไปหาท่านที่จัดเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตเหมือนจะเอาไปให้ใครเรื่องฉันท้อง ฉันยังไม่ได้บอกป้าบัว และยังไม่มีใครรู้นอกจากฉันและคุณเควิน ฉันก็ตั้งใจจะบอกป้าบัวนั้นแหละ แต่ค่อยหาโอกาสเหมาะๆบอกท่านดีกว่า"ดีขึ้นแล้วค่ะ....แต่ยังเพลียๆอยู่"ฉันเอ่ยตอบป้าบัวไปก่อนจะเดินไปยังตู้เย็นและหยิบเอาขวดน้ำผลไม้ออกมาจากตู้เย็นและทำการเทใส่แก้วกินน้ำและดื่มมันแก้กระหาย น้ำผลไม้ทำให้ร่างกายที่แพ้ท้องของฉันมันชุ่มชื่นขึ้นด้วยมานะ ฉันรู้สึกอย่างนี้จริงๆฉันเลยซื้อมาตุนไว้เยอะๆเลยน่ะ"ป้าบัวเตรียมอาหารจะเอาไปให้ใครเหรอคะ?"ฉันวางแก้วน้ำผลไม้ที่ฉันดื่มทีเดียวจนหมดแก้วลงบนซิ้งค์ล้างจานและเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัยพร้อมกับมองปิ่นโตในมือท่านไปด้วยท่านก็เงยหน้าจากปิ่นโตเถาโตมามองหน้าฉัน"ของคุณขุนศึกน่ะ.....เขาเข้าโรงพยาบาล""เขาเป็นอะไรคะป้า?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างตกใจและแทบจะทันทีที่ป้าบัวพูดจบ ป้าบัวก็
ฉันจึงหันไปมองก็พบว่าคุณหญิงนฤมิตรตื่นแล้วจริงๆและตอนนี้ท่านก็กำลังนอนลืมตาทั้งสองข้างมองไปรอบๆห้องแห่งนี้อยู่แววตาของท่านดูสงบลงกว่าวันแรกๆที่ท่านรู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้มาก เหมือนท่านจะพยายามยอมรับมันแต่ฉันเชื่อว่าท่านยังไม่สามารถรับมันได้อย่างเต็มใจหรอก เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงจะรับมันไม่ไหวเหมือนกัน หมดตัวไม่มีบ้านอยู่ แถมตัวเองยังต้องมานอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองแบบนี้ไม่ได้อีก ฉันสงสารท่านเหมือนกันนะฉันรีบเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนและทำการล้างมือให้สะอาดเพื่อจะไปทำการป้อนข้าวป้อนยาคุณหญิงและก็จะเปลี่ยนแพมเพิสให้ท่าน เพราะต้องเปลี่ยนทุกสามชั่วโมงเพื่อไม่ให้คุณหญิงรู้สึกไม่สบายตัวและไม่เป็นการสะสมของเชื้อแบคทีเรียด้วยฉันใช้เวลาล้างมือจนสะอาดไม่ถึงสองนาทีก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับมือที่แห้งและสะอาดเดินมุ่งไปยังเตียงนอนของคุณหญิงพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของท่านคุณหญิงก็เหลือบหางตามามองหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าท่านด้วยสายตาที่อ่อนลงก่อนจะยื่นมือไปจัดการไขเตียงให้สูงขึ้นเพราะฉันสั่งเตียงนอนแบบนี้มาให้คุณหญิงโดยเฉพาะฉันจัดการไขให้ส่วนศีรษะของท่านตั้งขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ
12:30น.ห้องนอนคุณหญิงนฤมิตร.....เอริ ฐิติมนฉันตัดสินใจกลับเข้าไปในห้องคุณหญิงอีกครั้งพร้อมกับข้าวต้มถ้วยใหม่ที่ฉันทำใหม่หลังจากที่เก็บกวาดทำความสะอาดห้องคุณหญิงที่ท่านทำถุยข้าวต้มใส่ตัวฉันไปเมื่อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็กลัวท่านจะหิวเพราะท่านต้องทานยาที่คุณหมอจัดมาให้ทั้งสามเวลาฉันเลยต้องกลับมาในห้องนี้อีกครั้ง ถึงยังไงฉันก็ทิ้งท่านไว้อย่างนี้ไม่ได้ ถึงท่านจะทำร้ายฉันสักเพียงใดก็ตามและยังต้องมาจับตัวของท่านพลิกเพื่อกันการเกิดแผลกดทับอีก และไหนจะต้องเปลี่ยนแพมเพิสทุกๆสองชั่วโมงเพื่อให้ท่านรู้สึกสบายตัวและไม่อับชื้นและไม่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนท่าน ถึงยังไงฉันก็โกรธก็เกลียดท่านไม่ได้จริงๆ ยิ่งตอนนี้ท่านเป็นแบบนี้ด้วย ทำให้ฉันเห็นใจท่านกับขุนศึกมาก จากคนที่มีเงินทองมากมายทรัพย์สินที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดแต่อยู่ๆต้องมาหมดตัวลงอย่างกระทันหันทำให้พวกเขาที่ไม่เคยคิดมาก่อนต้องมาเจอเรื่องแย่แบบนี้ตั้งตัวไม่ทัน"ทานข้าวสักหน่อยนะคะ.....จะได้ทานยาค่ะ"ฉันเอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวลเมื่อก้นของฉันหย่อนลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สีขาวข้างเตียงนอนคุณหญิงเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงก็ชำเลืองสายตามามองฉัน ด้วยแววตาแข
"คือผม...."เชิดชายทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะตอบคนตรงหน้าไปอย่างไร นันฤดีจึงเปิดซองเอกสารสีดำตรงหน้าของเธอออกเพื่อดูประวัติของคนที่อัยการบอกว่าเก่งนักเก่งหนา"อายุยังน้อยว่าความมาแค่ไม่กี่ครั้งแต่เป็นทนายประจำตัวของผู้มีอิทธิพล?"นันฤดีอ่านข้อมูลในซองเอกสารที่เป็นประวัติของทนายหนุ่มรูปหล่อ ที่กำลังจะทำแผนการแก้แค้นของเธอในครั้งนี้ล่ม"ใช่ครับ""แล้วคุณพอจะรู้ไหมว่าผู้ที่มีอิทธิพลที่ทนายคนนี้ประจำให้คือใคร?"นันฤดีละสายตาจากเอกสารตรงหน้าขึ้นไปมองหน้าอัยการเชิดชายด้วยแววตาเฉียบคมอย่างบีบบังคับให้เชิดชายหาคำตอบที่เขาเองก็ไม่รู้ให้กับเธอเชิดชายมีสีหน้าที่ซีดสลดลงกว่าเดิม เพราะกลัวนั้นฤดี เพราะเธอคนนี้สามารถทำให้เขาตกงานจากการเป็นอัยการและหมดอนาคตได้เลยเพราะเธอรู้ความลับในการรับเงินของเขาจากจำเลยที่ไม่ว่าจำเลยจะถูกหรือจะผิด เขาก็สามารถทำให้จำเลยหรือโจทก์แพ้คดีไปได้อย่างสบายๆและตอนนี้เขาเองก็รับเงินจากนันฤดีมามหาศาลเช่นกัน เพื่อฟ้องร้องให้ขุนณรงค์หมดตัวและหมดอนาคตที่จะยืนอยู่ในวงการธุรกิจและนักอสังหาริมทรัพย์ได้แต่ทุกอย่างมันกำลังจะง่ายถ้าไม่มีทนายที่เก่งและไฟแรงอย่างคนคนนี้เข้ามายุ่งเรื่องน
"แค่กๆๆๆๆ" "อื้อ"ฉันสดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความร้อนที่มาสัมผัสเข้ากับร่างกายของฉัน พร้อมกับควันไฟที่เหม็นไหม้จนทำให้ฉันเกิดการสำลักออกมาจนต้องไอ "โอ้ย"ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อขยับร่างกายและรู้สึกปวดร้าวที่ท้ายทอยของตัวเองก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นดวงตาทั้งสองข้างเริ่มเพ่งมองไปรอบๆแต่ก็รู้สึกแสบตาผสมกับปวดร้าวที่ท้ายทอยตัวเองไปด้วย "เลือด?"ฉันพึมพำออกมาอย่างตกใจทันทีที่ฉันเอามือออกมาจากท้ายทอยของตัวเองก็พบกับน้ำที่เหนียวข้นและเป็นสีแดงทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่า มีคนลอบทำร้ายฉันและบ้านหลังนี้ก็กำลังมอดไหม้เพราะน่าจะเป็นฝีมือของคนคนเดียวกันกับคนที่ตีหัวฉันแน่ ฉันพยายามฝืนกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อยันตัวให้ลุกขึ้นด้วยอาการที่ยังมึนงงและเจ็บปวดที่ศีรษะอยู่ ถึงแม้ว่าฉันจะรับรู้ว่าร่างกายของฉันไม่ไหวก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ฉันจะไม่ทำให้ตัวเองและลูกในท้องของฉันต้องมาตายเพราะโดนลมควันตายและร่างกายไหม้อยู่แบบนี้แน่ "โอ้ย"ฉันร้องเสียงหลงพร้อมกับร่างกายที่กำลังจะเซล้ม จากการที่ฉันพยายามฝืนตัวลุกขึ้นยืนความปวดหนึบแล่นไปทั่วทั้งศีรษะมันกำลังทำให้ฉันรู้ว่า สติที่เพิ่งจะได้คืนมาของฉ
เพราะห้องนี้เรียกได้ว่าเป็นห้องปิดตายเลยล่ะ จะหนีออกทางประตูก็ลำบากและไม่รู้ว่าจะหลบหลีกไฟโลกันตร์พวกนั้นได้ไหมจะหนีออกทางหน้าต่าง ห้องนี้ก็อยู่ชั้นสอง จะให้ฉันโยนคุณหญิงที่เป็นอัมพาตลงไปด้านล่างก็ยังไงๆอยู่และถ้าเป็นฉันที่กระโดดลงไปก็อาจจะไม่เป็นผลดีกับลูกในครรภ์ฉัน อาจจะแย่ถึงขั้นที่ฉันต้องสูญเสียเขาไปเพราะฉะนั้นฉันไม่มีทางเลือกเยอะนักนอกจากต้องออกทางประตูทางเข้าออกห้องนี้ และหลีกเลี่ยงเปลวไฟโลกันตร์ด้านนอกที่กำลังลุกโชกโชนนั้นอยู่ให้ได้เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองรวมไปถึงคุณหญิงเองด้วยฉันมองไปรอบๆได้ไปพบกับผ้าม่านผืนใหญ่ที่อยู่ตรงระเบียงห้องนอน ฉันจึงหันมามองหน้าคุณหญิงและทำสายตาจริงจังให้ท่านเห็นว่าฉันไม่ได้จะทิ้งท่านแต่ฉันกำลังหาวิธีช่วยท่านอยู่"ฉันจะไปเอาผ้าชุบน้ำและมาพาคุณหญิงออกไปจากที่นี่ค่ะะ"ฉันตอบคุณหญิงไปพร้อมกับบีบมือของท่านแน่น ท่านที่มีสีหน้าที่ตื่นกลัวก็คลายลงก่อนจะมองฉันด้วยสายตาซาบซึ้ง น้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตาทั้งสองของท่านแต่เวลานี้ฉันคงจะมาลึกซึ้งอะไรกับท่านไม่ได้ เพราะถ้าช้ากว่านี้ มีหวังฉันกับคุณหญิงนฤมิตรสำลักควันตายแน่ฉันรีบปล่อยมือคุณหญิงและรีบเดินไปที่ผ้าม่
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร