ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์เขมทัตก็ติดต่อเข้ามอบตัว ระหว่างรอศาลพิจารณาคดีจัสมินก็ให้ทนายจัดการเรื่องหย่าของเธอ ซึ่งเขมทัตก็ยอมเซ็นใบหย่าแต่โดยดี “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะหย่ากับน้องง่ายๆ แบบนี้”“พี่ว่ามันง่ายไปหน่อย มันมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า นายรู้ไหมจอม”“ผมจะไปรู้ได้ยังไง เขายอมหย่าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับบอส” “ฉันก็นึกว่านายจะรู้ หูตานายกว้างขวางจะตาย” “ถึงจะกว้างขวางแต่ผมก็รู้แค่เฉพาะงานของผมนี่ครับ จะไปรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้ยังไงบอสก็ถามแปลก” “ใช่ค่ะ พี่จอมเขาจะรู้อะไร เขาอยู่กับน้องตลอด” “อ๋อ เดี๋ยวนี้เข้าข้างกันดีจังนะ” “ที่พี่จอมต้องเข้าข้างน้องก็เพราะตอนนี้น้องไม่เหลือใครแล้วยังไงล่ะคะ พี่ชายก็กำลังหลงแฟน” “ก็แฟนพี่น่ารักน่าหลงไง” มาร์คัสตอบอย่างไม่อายปาก “แล้วพี่จะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่าพี่ต้นก็ไปอยู่ในคุกแล้ว” “ยังหรอก อยากเวลาให้กับมิรันอีกนิด” “หวานเกินไปแล้วนะคะ” “ก็พี่อยู่ไกลไง มีโอกาสก็ต้องใช้เวลากับเธอให้เต็มที่ มันไม่เหมือนคนอยู่ใกล้ไง ใช่ไหมจอม”
สองมือใหญ่ประคองสะโพกกลมกลึงให้ขยับโยกทีละนิด เมื่อเธอปรับจังหวะได้ มาร์คัสก็ปล่อยให้มิรันดาเป็นคนบรรเลงบทรักด้วยตนเองแม้ไม่ได้ขยับรุนแรงหากแต่ช่องทางด้านในมันก็ตอดรัด ท่อนเอ็นร้อน ความใหญ่โตครูดไปกับความอ่อนนุ่มราวกำมะหยี่ทางด้านใน สร้างความเสียวซ่านให้กับมาร์คัสเป็นอย่างมาก“มิรัน แบบนั้นที่รัก เก่งมาก อื้อ รู้สึกดีเป็นบ้า”เสียงนั้นขาดหายเป็นบางช่วง ทุกจังหวะที่คนรักบรรเลงมัน มันช่างสุขล้น มาเฟียหนุ่มหลงใหลจนแทบไม่อยากจะจากเธอไปไหน ชายหนุ่มเอื้อมมือมาบีบเคล้าคลึงเต้างามที่กระเด็นกระดอนไปตามจังหวะที่หญิงสาวขยับโยก แล้วมาร์คัสก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาดูดชิมเม็ดทับทิมสีสวยที่บวมเบ่ง เขาดูดเข้าอุ้งปากแรงจนแก้มตอบ ร่างกายของมิรันดาทั้งหอมทั้งหวานเกินกว่าเขายอมนอนอยู่นิ่ง“ที่รัก พี่ชอบกินตรงนี้”ชายหนุ่มพูดจบก็ย้ายจากเต้าซ้ายไปเต้าขวาสลับวนเวียนอย่างไม่รู้เบื่อ ร่างที่ขยับโยกอยู่นั้นเสียวจนต้องจิกบ่าเขาไว้แน่น เธอกำลังจะไปถึงยังจุดหมายอีกครั้ง“ที่รัก ตอดแรงเลย เสียวมากใช่ไหม”“พี่มาร์ค รันจะไม่ไหว”มาร์คัสจำต้องปล่อยเต้างามออกจากปากร้อน แล้วลงนอนสองมือจับสะโพกเธอยกขึ้นแล้วสาด
มีคนกล่าวไว้ว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ มาร์คัสไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่ค่อยมีความสุขเหมือนกับคนอื่นมากนัก แต่พอมาถึงตอนนี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ อย่างที่เคยได้ยินคนอื่นพูดเพราะพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปทำงานของตนเองอีกครั้ง แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ “มิรันทำงานเสร็จหรือยังครับ”มาร์คัสถามหญิงสาวเป็นรอบที่เท่าไหร่เธอไม่อยากจะนับ มิรันดาต้องฝึกซ้อมการสอนหน้าชั้นเรียนเพราะพรุ่งนี้อาจารย์จะประเมินการสอนเป็นครั้งแรก เธอไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด จึงต้องฝึกซ้อมให้มากกว่าทุกวัน“ขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ พี่ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม นั่งจ้องแบบนี้รันก็อายนะคะ”“รันก็คิดว่าพี่คือนักเรียนสิครับ”“นักเรียนที่ไหนตัวโตแบบนี้คะ รันอยากกินทิรามิสุร้านนั้นจังเลย ถ้าพี่ไม่อยู่รันก็ไม่รู้จะไปกินกับใคร”“งั้นเราไปกินกันตอนนี้เลยไหม”“รันยังต้องซ้อมอีกนิดหน่อย พี่มาร์คให้ใครไปซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ”“ได้สิ แล้วรันอยากกินอย่างอื่นอีกไหม”“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”พอมาร์คัสเดินออกไปจากห้องหญิงสาวก็รีบล็อกประตูห้องจากทางด้านในเพราะกลัวว่าเ
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสกลับมาจัดการกับงานของตัวเอง เขาตกลงจะขายกาสิโนที่มีทั้งหมดให้กับโรแบร์โต้ ส่วนผับและสถานบันเทิงจะให้แพทริคและฟาบิโอช่วยกันดูแล โดยแบ่งหุ้นให้กับทั้งสองคน เท่าๆ กันส่วนมาร์คัสจะรับแค่เงินปันผลเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเพราะถือว่าที่ผ่านมาทั้งแพทริคและฟาบิโอช่วยงานเขามาตลอด ส่วนกิจการอสังหาริมทรัพย์นั้นแทบไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีทีมผู้บริหารที่ไว้ใจได้อยู่แล้วแต่ที่น่าเป็นห่วงก็คงจะเป็นโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังมีปัญหาคนงานประท้วงเรื่องค่าแรง เพราะมีพนักงานบางคนรับเงินมาจากบริษัทคู่แข่งให้มาป่วนที่โรงงานของเขาตลอดทั้งสัปดาห์นี่มาร์คัสเลยต้องเข้าไปที่โรงงานเกือบทุกวัน แต่ปัญหาต่างๆ กำลังจะคลี่คลายลงในมาช้าเพราะตอนนี้มีคนสนใจจะควบรวมกิจการของเขาซึ่งมาร์คัสต้องจัดการระบบภายในให้ดีก่อนที่จะตกลงเซ็นสัญญากับฝ่ายที่จะเข้ามาซื้อ“วันนี้เหนื่อยไหมคะ” มิรันดาถามเขาในคำถามเดิมทุกวันแต่มันทำให้คนฟังหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง“เหนื่อยมากครับ แต่เห็นหน้ามิรันก็มีแรงขึ้นมาทันทีเลย”“พี่ต้องพักผ่อนบ้างนะคะ ดูสิ ไม่เจอแค่เดือนเดียวเหมือนจะผอมลงเลยนะคะ”“ที่ผมไม่ใช่เพร
แม้เวลาจะผ่านไปแค่สองเดือนหลังจากเขมทัตเสียชีวิต แต่สำหรับจัสมินแล้วเหมือนว่ามันผ่านมานานมากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งสองคนก็ระหองระแหงกันมาตลอด ถ้านับเวลาจริงๆ ก็เกือบครึ่งปีที่ทั้งสองคนกลายเป็นคนแปลกหน้า คนที่ไม่เคยรู้เรื่องภายในอาจจะมองว่ามันเร็วไปถ้าหากเธอจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน สำหรับจัสมินเธอคิดว่ามันนานเกินไปด้วยซ้ำ เพราะชีวิตที่ผ่านมาของเธอแทบจะไม่มีความสุขเลย เขมทัตที่เธอเคยรู้จักและรักนั้นได้ตายไปตั้งแต่เข้าปีที่สองของการแต่งงานแล้ว ตอนนี้เธอลืมทุกอย่างและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้ากับคนที่เธอคิดว่าเขาแอบชอบเธอมานาน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่กล้าที่จะเข้ามาในชีวิตของเธอ จัสมินไม่รู้ว่าเขากลัวอะไรถึงไม่ยอมบอกความรู้สึก และเรื่องนี้เธอก็ไม่อยากจะต้องรอต่อไปบาร์โฮสแห่งหนึ่ง“พี่จัสมินแน่ใจนะคะว่าพี่จอมจะไม่โกรธที่พี่มาเที่ยวโดยไม่บอกเขา แล้วไหนจะเด็กที่เรียกมาคุยอีก รันว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” “ไม่ต้องกลัวหรอก พี่แค่อยากแกล้งพี่จอมเท่านั้นเอง ช่วงนี้เขาเอาแต่ทำงาน” “แต่ที่นี่บาร์โฮสนะคะพี่” “ไม่ต้องกลัวไปหรอกค่ะ ที่นี่
จอมทัพไม่อาจจะห้ามตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว กดปากร้อนลงบนเรียวปากอิ่มของจัสมินอย่างแผ่ว แทะเล็มราวกับมันเป็นขนมหวาน แขนแกร่งกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น สองมือไล้ไปตามผิวเนียนเรียบลื่นราวกับแพรไหม แม้จะมีสามีมาแล้วแต่จัสมินก็รู้สึกตื่นเต้นกับสัมผัสจากชายหนุ่ม เมื่อเขาดูดริมฝีปากล่างเบาๆ เธอก็เผยอปากต้อนรับลิ้นสากอย่างลืมตัว จูบอันช่ำชองของจอมทัพทำให้เธอเคลิบเคลิ้ม แขนเรียวคล้องไปยังคอแกร่ง สองเท้าแขย่งขึ้นเพื่อต้อนรับจูบที่กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ “จัสมิน” จอบทัพเสียงแหบพร่า เขาถอนจูบออกอย่างเสียดาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะแค่ชั่วครู่ เพราะทันทีที่ตาสบประสาน เขาก็ก้มลงมาจูบเธออีกครั้งโดยไม่ต้องมีการเอื้อนเอ่ย ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของร่างกาย จูบครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันอย่างลึกซึ้ง จัสมินแทบละลายไปกับรสจูบที่เขามอบให้ นานแค่ไหนแล้วที่เธอโหยหาจูบที่ทำให้รู้สึกดีแบบนี้ “จัสมินไม่รังเกียจพี่ใช่ไหม” เขาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเพราะรู้ว่าตัวเองนั้นต้อยต่ำกว่าเธอมากเพียงใด“แล้วพี่จอมรังเกียจไหม” “ไม่เลย เวลาจะผ่านมากี่ปีจั
01.20 น. มิลาน , อิตาลี “บอสครับ เห็นข่าวหรือยังครับ” แพทริคเข้ามาถามเจ้านายที่นั่งดื่มอยู่กับโรแบร์โต้อยู่ที่ชั้นสองของผับ “ข่าวอะไร” ชายหนุ่มรับไอแพดจากมือลูกน้องมาดูเมื่อเห็นข่าวว่ากาสิโนของวาเลนติโน่ถูกตำรวจบุกตรวจค้นและจับกุมเพราะมีคนแจ้งเบาะว่ามีการขายยาเสพติดที่นั่นเขาก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “มันก็สมควรแล้วนี่” “นายรู้มาก่อนเหรอครับ” “ฉันก็เพิ่งรู้ก่อนที่ข่าวจะออกไม่นาน” เขาพยักพเยิดไปทางโรแบร์โต้ที่นั่งยิ้มอยู่ นั่นก็ทำให้แพทริคเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของใคร “คุณนี้ตัดเข้งตัดขาคู่แข่งตั้งแต่เริ่มเลยนะครับ” “ไม่ได้ทำอะไรเลยก็แค่แจ้งข่าวเองนะ ไม่คิดเลยว่าตำรวจเมืองนี้จะทำงานกันไว ค่อยสมกับเงินที่ฉันเพิ่งบริจาคให้หน่อย” โรแบร์โต้นั้นมีสัมพันธ์อันดีกับตำรวจมานาน เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้มันง่ายสำหรับเขามาก “คราวนี้มันคงกระอักเลือก” ถึงแม้จะวางมือแล้วแต่มาร์คัสก็สะใจเพราะคงอีกนานกว่าวาเลนติโน่จะกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาได้ “บอสครับ แล้วอย่างนี้ พวกมันจะคิดว่าเป็นฝีมือเราไหม” เพราะยังไม่มี
เมื่อมาถึงมิลานจัสมินก็ตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อขอดูศพเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะใช่พี่ชายของเธอจริงๆ ใช่ไหม แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะแรงระเบิดและการเผาไหม้ทำให้ร่างของมาร์คัสและบอดี้การ์ดถูกเผาจนไม่เหลือซาก “แล้วหมอมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่เสียชีวิตคือคุณมาร์คัส” จัสมินถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ทางเราตรวจดีเอ็นแล้วครับ ตรงกับฐานข้อมูลดีเอ็นเอของคุณมาร์คัส บวกกับคำให้การของผู้ที่รอดชีวิต จึงสรุปได้ว่าคุณมาร์คัสเสียชีวิตแล้วจริงๆ” แม้จะฟังไม่ออกว่าคุณหมอพูดอะไรบ้างแต่มิรันดาดูจากท่าทางของจัสมินก็พอจะเข้าใจ “น้องรัน พี่ไม่อยากเชื่อเลย พี่มาร์คทิ้งเราสองคนไปแล้วจริงๆ” จัสมินกอดมิรันดาแล้วทั้งสองคนก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง จอมทัพไม่รู้จะปลอบใจทั้งสองคนยังไงจึงได้แต่ยืนรอให้ทั้งสองคนร้องไห้จนพอใจ ก่อนจะพากันไปยังสถานีตำรวจเพื่อรับกำไลข้อมือที่เจ็บได้ซากที่เกิดเหตุ นอกจากกำไลข้อมือแล้วยังมีเข็มกลัดรูปพระจันทร์เสี้ยวอีกชิ้น ทำให้มิรันดามั่นใจแล้วว่าคนรักของเธอนั้นได้จากไปแล้วจริงๆ พิธีไว้อาลัยถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทางโร
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ