สาวทั้งสามคนกลัวสุดขีด พวกเธอวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วทันทีในทางกลับกัน เฟนด์ ดึงป้ายประจำตัวออกมาจากเอวของทั้งสามคน มีเพียงคำสามคำเท่านั้นที่สลักอยู่บนป้าย กรีนสกายฮอลล์“อืมมม ดูเหมือนว่าพวกนายสามคนจะเป็นลูกน้องที่มีเกียรติของกรีนสกายฮอลล์สินะ ไม่อย่างนั้น พวกนายคงไม่มีป้ายพวกนี้”เฟนด์หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น เขากำหมัดแน่นเซเลน่ารีบวิ่งเขามาหาเฟนด์ แล้วถามด้วยน้ำเสียงกังวลทันที “คุณจะต้องทำให้กรีนสกายฮอลล์โมโหมากแน่ ๆ ถ้าคุณฆ่าคนของพวกเขานี่มันกรีนสกายฮอลล์นะ! ฉันจำได้ว่าชื่อมันเรียกว่าอะไรนะ คิงส์ตันฮอลล์? คิงส์ตันฮอลล์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาฮอลล์ทั้งหลายเลยนะ”“เหอะ! ภรรยาสุดที่รักของผม คุณอย่าห่วงเลยนะ ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทพีแห่งสงครามลาน่านะ พวกเราเป็นคู่หูกันเลย!”เฟนด์หัวเราะอย่างหนักกับความกังวลของภรรยาของ เขาโยนป้ายพวกนั้นไปข้าง ๆ ก่อนจะจับมือของเซเลน่าแล้วกระซิบ “อืมมม ไหน ๆ วันนี้เราก็ไม่มีอะไรทำ ทำไมเราไม่ไปเยี่ยมคฤหาสน์ของเทพีแห่งสงครามลาน่ากันหน่อยล่ะ?”“พวกเราจะไปจริง ๆ เหรอ? เธอจะยอมเจอพวกเราเหรอ? ยังไงซะ เธอก็เป็นถึงเทพีแห่งสงครามที่ทั้งแข็งแกร่ง และมีอำนา
“เฮ้อ นี่ไอ้น้อง ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยนะ แต่ต่อให้แจ้งเทพีแห่งสงคราม ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีนั่นแหละ!”บอดี้การ์ดคนนึงถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “ผลมันก็เหมือนเดิมแหละน่า เธอไม่ยอมมาเจอคุณหรอก!”อย่างไรก็ตาม เขาเข้าไปด้านในตามที่เฟนด์บอก ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะฟังดูความหมดความอดทนก็ตาม“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เทพีแห่งสงคราม มีแขกเข้ามาพบในวันนี้ ราชินีแห่งสงครามจากเมืองอื่น เธอบินมากว่าพันไมล์เพื่อมาหาเทพีแห่งสงครามของพวกเราโดยเฉพาะ ผมได้ยินมาว่าพวกเขาสนิทกันมาก และราชินีแห่งคนนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกน้องของเทพีแห่งสงครามเช่นกัน ดังนั้น ผมขอเดานะว่าความเป็นไปได้ที่เทพีแห่งสงครามจะยอมพบคุณในวันนี้ ไม่มีเลยสักนิด!”บอดี้การ์ดอีกคนพูดจาเสียดสีเฟนด์และเซเลน่าอย่างเยือกเย็น และมองไปที่พวกเขาอย่างดูหมิ่นคนพวกนี้มาจากตระกูลเทย์เลอร์ ตระกูลที่แสนโชคดี ที่เพิ่งจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นตระกูลชนชั้นสูงระดับที่สองเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็กระเสือกกระสนจะพบเทพีแห่งสงครามให้ได้ ไม่ต้องพูดถึงเฟนด์ เขาก็แค่ลูกเขยที่ตระกูลเทย์เลอร์เก็บมาเลี้ยง เขามั่นใจมากว่าเทพีแห่งสงครามจะต้องไล่เขาออกไปแน่ ๆ ไม่นานหลังจากนั้น บอดี้การ์ดคน
สิ่งที่ทำให้เซเลน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ ลาน่าเป็นฝ่ายเริ่มเอนตัวไปข้างหน้า และจับมือของเธอก่อน ลาน่ายิ้มให้เซเลน่าอย่างอบอุ่น ขณะที่เธออ้าแขนต้อนรับ“นี่…นี่มันจะโอเคได้ยังไงกัน?”เซเลน่ารู้สึกถูกยกยอและประหลาดใจมาก ในเวลาเดียวกัน เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง“ไม่โอเคตรงไหนล่ะ? อย่างที่ฉันบอก เฟนด์กับฉันสนิทกันมาก สนิทกันเหมือนคู่หูเลย มันก็ปกติแล้วนี่ ที่ฉันจะเรียกพี่ว่าพี่สะใภ้น่ะ”ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ แววตาของเธอมองไปที่เฟนด์ แล้วเธอก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเซเลน่าเห็นว่าทั้งคู่ทำตัวสนิทสนมกันมาก มันทำให้เซเลน่านึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ข่าวลือที่ว่าเฟนด์เป็นแมงดาของลาน่าเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น และเฟนด์ก็ไม่เจอลาน่าเลยหลังจากนั้น เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเขาความสัมพันธ์ระหว่างเฟนด์และลาน่า ดูเหมือนจะเกินคำว่า ‘ดี’ ไปอยู่มาก ที่มากไปกว่านั้น ลาน่ายังเรียกเธอว่าพี่สะใภ้อีก เป็นไปได้ไหมที่ทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่อธิบายได้ยาก แต่ก็โรแมนติกจริง ๆ ?ถึงแม้ว่าเฟนด์จะไม่ใช่แมงดาของลาน่า แต่ความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเขาทั้งคู่มาถึงขั
ความหวังของเซเลน่ากำลังเบ่งบานในใจของเธอ เมื่อเธอได้ยินความเห็นของเฟนด์ที่มีต่อลาน่า ดูเหมือนเฟนด์จะมีความประทับใจดี ๆ ให้กับลาน่า ถ้าเป็นอย่างนั้น จะเป็นไปได้ไหมที่พวกเขากำลังคบกันอยู่? หรือบางที พวกเขาอาจจะมีความสัมพันธ์ที่อธิบายยาก และเป็นมากกว่าเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว?อย่างน้อย เฟนด์ก็ไม่ได้ปฏิเสธลาน่า เหมือนที่เขาปฏิเสธชารอน จอร์จ “คุณคิดว่าเธอผู้หญิงที่ดีจริง ๆ สินะ? ฉันก็คิดเหมือนกัน”เซเลน่าพยักหน้ายืนยัน เธอพูดต่อด้วยเสียงต่ำ ๆ หลังจากนั้น “ถ้า...ถ้า พวกคุณคิดถึงกันมาก งั้น...งั้น...ฉันว่า ที่รัก คุณจะมีเมียน้อยก็ได้นะ ฉันรับได้ จริง ๆ !”เฟนด์ตาโตราวกับไข่ห่าน เขาอ้าปากเหวอ เมื่อได้ยินสิ่งที่เซเลน่าพูด “หา? คุณเป็นอะไรไปที่รัก? คุณพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ? ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอแบบนั้น! ไม่ใช่ในเชิงชู้สาว!”“แต่ มันก็ไม่ผิดนะ? ไหน ๆ พวกคุณก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน พวกเราอาจจะคิดไปในทางนั้นเหมือนกัน และบางทีคุณอาจจะค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเธอก็ได้!”เซเลน่าโพล่งออกมา “นอกจากนี้แล้ว ถ้าพวกคุณคบกัน ฉันจะได้ไม่ต้องกลัวด้วยว่าคุณจะมี
ไม่นาน แซม จอห์นสัน เทพสงครามอีกคน ก็เริ่มเข้ามาพูดคุยกันอย่างดุเดือด“ลาน่า ฉันล่ะอิจฉาเธอจริง ๆ ที่ได้อยู่กับอาจารย์ โอ้ ให้ตาย โชคดีจริง ๆ !” เทพสงคราม อีธาน ฮายส์ พูดด้วยความตื่นเต้น“ฮ่าฮ่า พวกนายยังไม่รู้สินะ แต่อาจารย์ของพวกเรากำลังหาวิธีจัดพิธีแต่งงานให้ภรรยาของเขา ในวันเกิดของเธอล่ะ ภรรยาของอาจารย์เองก็ยังไม่รู้ แต่เธอคิดว่าอาจารย์ของพวกเราจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เธอ อย่างไรก็ตาม ฉันได้จองโรงแรมตามคำสั่งของอาจารย์เรียบร้อยแล้ว และเขาก็อนุญาตให้พวกนายมาร่วมงานได้ด้วย ถ้าพวกนายอยากมาน่ะนะ อย่างแรกเลย พวกนายจะเปิดเผยตัวตนที่เขาเป็นนักรบสูงสุดไม่ได้ อย่างที่สอง ห้ามเปิดเผยว่าเขาเป็นอาจารย์ของนาย เลือกเอาเองตามที่ชอบละกัน!” ลาน่ายิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งอีกข้อความเข้าไปในกลุ่ม“อะไรนะ?!” อีธานตื่นเต้นมากกว่าเดิม “ดีเลย พวกเราจะได้เจออาจารย์สักทีหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน และไปสนุกกันในอาณาเขตกลาง ฉันได้ยินมาว่ามีสาวสวยมากมายที่นั่น มาดูกันดีกว่า ว่าฉันจะหาเมียที่นั่นได้รึเปล่า!”“จะเป็นไปได้ยังไงกัน? อีธาน นายเป็นเทพสงครามนะ มีผู้หญิงสวย ๆ มากมายมาต่อแถวเพื่อรอเดทกับนาย หลังจากที่น
ควีนนี่ ลินช์ต่างก็ประหลาดใจเมื่อเธอสัมผัสได้ว่าเฟนด์กับลาน่าสนิทกันขนาดไหนหลังจากที่พวกเขาทานอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จ พวกเขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างนอก เฟนด์มองไปที่ลาน่าแล้วถาม ขณะที่เซเลน่าไปเข้าห้องน้ำ “เธอทำตามที่ฉันขอรึยัง? จองโรงแรมแล้วใช่ไหม?”“อย่าห่วงไปเลย ฉันจองโรงแรมไปแล้วค่ะ ชุดแต่งงาน และทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว! ชุดแต่งงานเป็นของขวัญจากทางร้าน ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ? พวกเขายืนยันจะให้ของขวัญเป็นชุดที่ดีที่สุดจากทางร้านให้ฉัน เมื่อเขารู้ว่าฉันเป็นเทพีแห่งสงคราม ฉันมั่นใจว่าเซเลน่าจะต้องดูสวยมากแน่ ๆ ในชุดนั้น!” ลาน่ายิ้ม แล้วพูดต่อ “และทางโรงแรม พวกเขาตัดสินใจลดทุกอย่างให้กับเราถึง 50% หลังจากที่เขารู้ว่าฉันเป็นคนจองโรงแรมทั้งหมด!”“ลด 50% เลยเหรอ?!” เฟนด์รู้สึกอายมากเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “พวกเขาไม่กลัวขาดทุนกันรึไง?”“เฮ้ พี่ต้องเข้าใจด้วยนะว่าฉันเป็นถึงเทพีแห่งสงคราม แค่ฉันปรากฏตัวที่โรงแรมของพวกเขา ก็เป็นการโฆษณาไปโดยอัตโนมัติแล้ว เจ้าของโรงแรมคงไม่ขาดทุนเพราะส่วนลด 50% หรอกพี่ ธุรกิจของพวกเขาจะต้องพัฒนาแน่ ๆ ในอนาคต เมื่อพวกเขาใช้ฉันเป็นประเด็นเพื่อโฆษณาน่ะ นักธุรกิ
หัวใจของควีนนี่เต้นตุบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอจ้องมองไปที่เฟนด์การที่ควีนนี่เดาได้อย่างถูกเผงทำให้เฟนด์ลน ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูกแล้วที่เขาบอกให้เทพสงครามแต่ละคนหาเหตุผลเมื่อพวกเขามาหาเฟนด์“ต้องใช่แน่ ๆ ! ฉันเคยเห็นคุณในสนามรบครั้งนึง ทั้งส่วนสูงและรูปร่างของคุณ เหมือนนักรบสูงสุดชัด ๆ !” ควีนนี่พูดพล่ามไม่หยุด เมื่อเธอเห็นว่าเฟนด์ไม่โต้ตอบอะไรเฟนด์พยักหน้า “เก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ฉันได้ไหม? ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันเป็นนักรบสูงสุด”“แน่นอน ฉันจะเก็บมันไว้เป็นความลับ!” ควีนนี่ตื่นเต้นมาก จนเธอเกือบจะร้องไห้ออกมา“อ๊าา” ควีนนี่กรี๊ดออกมาอย่างตื่นเต้น แล้วพุ่งเข้าไปกอดเฟนด์ เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “ฉันตื่นเต้นจังเลย! ฉันตื่นเต้นมาก ๆ ! ฉันหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว! แต่ฉันต้องกอดไอดอลของฉันให้ได้!”“ควีนนี่ เซเลน่ากำลังกลับมาแล้ว!” การกระทำของควีนนี่ทำให้ลาน่าถึงกับพูดไม่ออก หลังจากนั้นลาน่าหันไปมองอีกจุดนึง ไม่ไกลจากที่พวกเขาอยู่ ลานากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เซเลน่าอ้าปากเหวอเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอไม่อยู่ เธอกำลังสงสัยว่าเธอเห็นภาพหลอนหรือเปล่า เกิดอะไ
ท่าทีที่ตลกของควีนนี่ทำให้ลาน่าตะลึง เธอพูดเสริมอีกว่า “เธอควรรออีกสิบวันนะ! พอถึงตอนนั้น เทพแห่งสงครามมาถึง และเธอก็จะได้ถ่ายรูปกับพวกเขาด้วย เธอจะมีโอกาสพูดเรื่องทั้งหมดที่เธอต้องการก็ตอนนั้น เธอไม่คิดงั้นเหรอ?”“ใช่ พี่พูดถูกเผงเลย!” ควีนนี่อยู่ไม่สุขทันที เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนั้น ด้วยร้อยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เธอพูดต่อว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะมีโอกาสไปร่วมพิธีงานแต่งงานของนักรบสูงสุด และภรรยาของเขา มันหมายควาามว่า ฉันจะได้เป็นสักขีพยานในวินาทีประวัติศาสตร์ด้วย!”“ฮ่าฮ่า! ดูเธอสิ ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นเนี่ย!” ลาน่าหัวเราะ “นี่เธอจะยังรีบกลับอยู่รึเปล่า?”“ไม่ ไม่มีทางค่ะ! ฉันจะรีบกลับไปทำไมล่ะ? ฉันจะอยู่ที่นี่และไปร่วมงานแต่งงานด้วย!” ควีนนี่ครุ่นคิด ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ ในเมื่อมันเป็นงานแต่งงานของนักรบสูงสุด ฉันควรให้เงินเป็นของขวัญเท่าไหร่ดีล่ะ? หนึ่งพันล้านไหม? นั่นมันจะน้อยไปรึเปล่านะ? ไม่ ไม่ ฉันต้องให้เขาสองพันล้าน อย่างไรก็ตาม นี่มันงานแต่งงานของนักรบสูงสุด และหนึ่งพันล้านมันน้อยเกินไปที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของฉัน!”ลาน่าถึงกับพูดไม่ออก “ราชินีแห่งสงครามลินช์ มันจะดีม
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ