ตอนแรก บอดี้การ์ดของเฟนด์ก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขาแต่อย่างใด เธอแค่อยากให้อีกฝ่ายยอมแพ้เท่านั้น แต่ตอนที่เธอเริ่มโมโหคู่ต่อสู้มาก เธอก็รู้สึกโกรธเหมือนอยากจะทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซาก'ชายคนนี้กล้าคิดจะฆ่าฉัน' เธอคิด “งั้นฉันก็จะไม่ปรานี”นีโร่วิ่งเข้าไปพร้อมกำหมัดทั้งสองแน่น เธอชกออกไปสองครั้งติดต่อกันโดยการใช้ศอกซ้ายและศอกขวา ส่งเสียงตะโกนออกมาขณะที่เธอเผชิญเขาหญิงสาวกลับมาตั้งท่าตรงเหมือนเดิมและหลบคู่ต่อสู้ของเธอ เธอเตะขาซ้ายออกไปจากนั้นก็หลบไปทางด้านขวาของเธอ แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของชายคนนั้นต้นขาของเธอล็อกไหล่ของคู่ต่อสู้ไว้ ทำให้หัวของเขาขยับไปไหนไม่ได้ จากนั้นเธอก็บิดหัวของเขา“กร๊อบ!”เสียงที่คมชัดดังขึ้น คอของบอดี้การ์ดตระกูลโกลด์หักเธอกระโดดลงมาจากตัวเขา ดวงตาของชายคนนั้นยังคงดูประหลาดใจขณะที่เขาล้มลงกับพื้น โคลนกับดินกระจาย“นีโร่!”บอดี้การ์ดตระกูลโกลด์คนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์น้ำตาคลอเบ้า เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนสนิทของตนจะต้องเผชิญกับชะตากรรมแบบนี้“ฮ่า ๆ นายน้อยโกลด์ ฉันขอโทษที่ต้องบอกอีกรอบว่า ฉันชนะ” เฟนด์หัวเราะและมองไปที่เคลลี่สีหน้าของเคลลี่บิดเบี้ยว เขากัดฟั
ครั้งนี้ ตระกูลโกลด์ได้ให้ชายคนหนึ่งที่สูงสองเมตรออกมา ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเหนือกว่าชายสองคนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอนแต่หลังจากการต่อสู้ผ่านไปสองถึงสามนาที บอดี้การ์ดของครอบครัวเทย์เลอร์ก็ฆ่าเขาได้“ชนะสามรอบ ฉันเกรงว่าเราอาจจะชนะทั้งสิบรอบ”เฟนด์มองไปที่เซซิเลีย เทย์เลอร์แล้วพูดว่า “เซซิเลีย เธอยังไม่ได้แต่งงานกับคนในตระกูลของพวกเขา เธอก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทย์เลอร์อยู่ใช่ไหม?”เซซิเลียไม่เข้าใจในสิ่งที่เฟนด์พยายามจะสื่อถึงในคำถามนั้น เธอสบตาเขาแล้วพูดว่า “ไร้สาระน่า แน่นอนว่าฉันยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทย์เลอร์อยู่”“แล้วเธออยากให้ตระกูลเทย์เลอร์หรือตระกูลโกลด์ชนะเหรอ?” จู่ ๆ เฟนด์ก็ถามขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะมุมปากของเซซิเลียกระตุกเล็กน้อย เธอคิดว่าไอ้บ้าเฟนด์นี่พยายามทำให้ชีวิตของเธอยากขึ้นด้วยการถามคำถามอย่างนี้ออกมา ตอนนี้เธอตกอยู่ในสถานการ์ที่ตัดสินใจได้ยาก ไม่ว่าคำตอบไหนมันก็จะทำให้เธอเดือดร้อน“ฮ่า ๆ ฉันจะไม่รู้คำตอบหรอก ฉันคิดว่ามันยากมากที่จะบอกว่าใครจะชนะ” เซซิเลียหัวเราะอย่างไม่เต็มใจและไม่ตอบคำถาม“ใครจะเป็นคนต่อไป?”รอบที่สี่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น บอดี้การ์ด
“ฮ่า ๆ ใช่แล้ว ตระกูลโกลด์จะรักษาคำพูดและจ่ายเงินให้แน่ แค่เก้าสิบล้านเหรียญเองเอาเลขบัญชีธนาคารของนายมา!” เคลลี่อดกลั้นความโกรธไว้ในใจและพูดออกมาหพร้อมกับหัวเราะ“เฟนด์ ปล่อยมันไปเถอะ” ซีอุสอดไม่ได้ที่จะออกความเห็นเพราะยังไงเสีย เซซิเลียก็กำลังจะแต่งงานกับนายน้อยโกลด์ ไม่นานอีกฝ่ายจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว การจะฆ่าบอดี้การ์ดตระกูลพวกเขาไปก่อนหน้านี้ก็แย่พออยู่แล้ว การทวงเงินเก้าสิบล้านเหรียญอีกอาจทำให้พวกเขาโกรธและทำให้นายน้อยโกลด์ไม่พอใจ ซึ่งมันอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองครอบครัวซีอุสเงียบไป เพราะยังไงซะก่อนหน้านี้เขาเคยบอกไปแล้วว่าจะไม่แข่งต่อ แต่ก็ถูกตระกูลโกลด์ปฏิเสธ เขาจึงยังคงนิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้“ฮ่า ๆ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป แต่ผมคิดว่านายน้อยโกลด์เป็นคนที่อยากจ่ายค่าเสียหายเอง ไม่งั้นผมคงไม่ได้ยินเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของนายน้อยโกลด์มาก่อนหรอก”เฟนด์หัวเราะและแกล้งทำหน้าไม่พอใจ“เอาเลขบัญชีธนาคารของนายมา เก้าสิบล้านเหรียก็แค่เศษเงิน!” มุมปากของเคลลี่กระตุกขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชาข้าง ๆ เฟนด์ดวงตาของฟีโอน่าเปล่งประกา
“โอเค ก็ได้ พวกเราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันไม่คิดว่าพวกเขาเอาเรื่องนี้ไปใส่ใจกับแค่บอดี้การ์ดไม่กี่คน”นายท่านเทย์เลอร์พูด “ฉันแนะนำพวกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องแข่งต่อ แต่คนในตระกูลพวกเขายืนกรานที่จะแข่งขันกับเราต่อเอง พวกเขาไม่ควรโทษเฟนด์ทั้งหมดสำหรับเรื่องนี้”“แต่พ่อ...”ซีอุสยังคงไม่มีความสุข เขากลัวตระกูลโกลด์อยู่นิดหน่อย“แต่อะไร? ตระกูลเทย์เลอร์ไม่ใช่ตระกูลชนชั้นสามอีกแล้วนะ พวกเราคือตระกูลชนชั้นสอง ตระกูลโกลด์ก็เป็นตระกูลชั้นสอง เราอยู่เท่าเทียมกันและพ่อไม่ควรจะกลัว”นายท่านเทย์เลอร์พูดและมองไปที่เฟนด์ “เฟนด์ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนเริ่มการต่อสู้ก่อน แต่นายก็ควรระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคตด้วย พวกเขาจะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา เราควรพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้”“ไม่ต้องห่วง ผมมีแผน!” เฟนด์ยิ้มออกมา เขามองเวลาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เราต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว เราจะมาเยี่ยมคุณใหม่ถ้าเราว่าง”เฟนด์และคนอื่น ๆ ออกจากตระกูลเทย์เลอร์และกลับไปที่คฤหาสน์ส่วนตัวเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในประตู ฟีโอน่าก็พูดว่า “เฟนด์ นายให้สินสอดทองหมั้นให้ครอบครัวเทย์เลอร์เพียงยี่สิบล้านเท่านั้น ดูตระกู
“ใช่ เฟนด์พูดถูก! นี่เป็นเงินแค่เงินเล็กน้อย ทำไมจะให้แม่ยายเขาไม่ได้?”ฟีโอน่ามีความสุขสุด ๆ เธอเริ่มคิดว่าจะใช้เงินยังไงดีและไม่สนใจว่าเฟนด์จะทำให้ตระกูลโกรธโกรธเคืองหรือไม่“เอาล่ะ ไปนอนกันเถอะ ฉันต้องเข้านอนก่อนค่ำ”ฟีโอน่าหัวเราะและเดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับแอนดรูว์“คุณพูดได้ยังไงว่าเก้าสิบล้านเหรียญเป็นแค่เงินเพียงเล็กน้อย?”เซเลน่าไม่แน่ใจว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอจับมือไคลี่และเดินเข้าไปข้างใน “ที่รัก ทำไมเราไม่ลดขนาดงานวันเกิดของฉันลงล่ะ? ฉันไม่สนหรอกว่าเราจะดูเหมือนคนโง่ แต่ฉันคิดว่าเราไม่ควรเสียเงินขนาดนั้น ฉันแค่กังวลว่าคุณเตรียมโต๊ะไว้มากมายแต่อาจจะมีคนมาไม่มาก”“ฮ่า ๆ ไม่ต้องห่วง มันต้องมีคนเยอะแน่นอน! เพราะยังไงซะเรื่องนี้ก็ทำให้คนทั้งเมืองตกตะลึง เราจำเป็นต้องทำเรื่องนี้!”เฟนด์หัวเราะและจับมือของเซเลน่า เขาพูดว่า “ไปกันเถอะที่รัก พักผ่อนให้สบายแล้วปล่อยให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง”“โอเค! ฉันเชื่อในตัวคุณ!” เซเลน่าพยักหน้าในขณะเดียวกันนั้น ตระกูลโกลด์เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากขับรถมาครึ่งชั่วโมง บอดี้การ์ดคนอื่น ๆ เอาศพไปกำจัด“ลูกเขยของตระกูลเทย์เลอร์นี่ช่า
“ลูกฆ่าเขาเพื่ออะไร? อีกไม่กี่วันลูกกำลังจะแต่งงานกับเซซิเลีย เทย์เลอร์นะ และเราจะกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเทย์เลอร์ เราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาหรอก” หัวหน้าตระกูลโกลด์พูดอย่างตรงไปตรงมา “พ่อครับ เฟนด์เป็นคนหัวสูงและไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนอื่น! โอเค ลืมเรื่องที่เขาเคยดูถูกพ่อและคุณปู่ไป แต่สำหรับการกระทำที่เขาทำกับตระกูลโกลด์ในวันนี้ ฆ่าคนของเราไปจำนวนมาก พ่อไม่อยากแก้แค้นให้กับคนที่ต้องตายไปเหรอ? “อีกอย่าง ถ้าเรื่องพวกนี้หลุดออกไป แล้วผลจะเป็นยังไง? มันเป็นความอัปยศและความอับอายต่อตระกูลโกลด์! เราท้าอีกฝ่ายให้แข่งขันกันไม่ใช่แค่รอบเดียวแต่มันตั้งเก้ารอบ และเดาสิ? เราแพ้ทั้งเก้ารอบ! ไม่มีคนของเราชนะได้เลยแม้แต่รอบเดียว! มันไม่น่าอับอายเหรอ?” สีหน้าของเคลลี่ยังคงเย็นชา ยิ่งเขามองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความหงุดหงิดที่อยู่ในอกของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น “เราจะโยนความผิดเรื่องนี้ให้กับเฟนด์ทั้งหมดก็ไม่ได้ ตรงกันข้าม พ่อคิดว่าเป็นความผิดของลูกต่างหาก! ใครสั่งให้ลูกเดิมพันกับเขา? ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่เป็นทางการ ลูกเอาแต่ย้ำว่า
เช้าวันรุ่งขึ้นเคลลี่ออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ดสองสามคนเพื่อไปทำตามแผนอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้คิดไว้ เขารอจนกระทั้งเฟนด์และเซเลน่าออกไปข้างนอก จากนั้นเขาก็ใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อสืบข้อมูลเกี่ยวกับบอดี้การ์ดหญิงจากคนรับใช้ของครอบครัวเทย์เลอร์ เมื่อเขาได้ข้อมูลเงินเดือนของบอดี้การ์ดสาวสวยทั้งสิบคนแล้ว ขากรรไกรของเขาแทบค้าง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและตกใจสุด ๆ ความแข็งแกร่งและความกล้าหาญในการต่อสู้ของบอดี้การ์ดพวกนั้นไม่ธรรมดา ด้วยทักษะดังกล่าว การจ่ายเงินเดือนละห้าหมื่นเหรียญมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ความจริงที่สำคัยที่สุดคือบอดี้การ์ดที่งดงามพวกนั้นแต่ละคนมีขายาวและบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าผู้จ้างงานเป็นนายน้อยหนุ่มของตระกูลที่มีชื่อเสียง พวกเขาคงยินดีจ่ายทุกอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะต้องหมดตัวก็ตาม! “อะไรวะเนี่ย! แล้วพวกเธอก็ตกลงแม้ว่าจะได้รับเงินเดือนแค่นั้นงั้นเหรอ?” นายน้อยโกลด์แทบจะสำลักความโกรธของเขา เขาไม่เข้าใจสิ่งที่บอดี้การ์ดหญิงพวกนั้นคิดเลย พวกเธอไม่มีสมองเหรอ? พวกเธอตกลงรับเงินเดือนต่ำขนาดนั้นได้ยังไง พวกเธอไม่ดูถูกตัวเองเกินไปเหรอ? “อืมม นายน้อย ผมคิดว่ามันเป็นข่าวดีนะ ยิ่งเงิ
บอดี้การ์ดสาวสวยอีกคนก็ปฏิเสธข้อเสนอของเคลลี่เช่นกันโดยที่ไม่ต้องคิดซ้ำสอง มุมปากของเคลลี่กระตุกอย่างปวดประสาท เขาสงสัยว่าเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า เขาเพิ่มค่าจ้างจากสองหมื่นเป็นห้าหมื่นแล้ว มันมากกว่าตั้งสองเท่า! ทำไมพวกเธอถึงยังปฏิเสธค่าจ้างที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้โดยที่ไม่ต้องคิดเลย? “ก็ได้ ๆ ฉันจะให้หนึ่งแสน หนึ่งแสนเหรียญไม่เลวเลยใช่ไหม?” เคลลี่กัดฟันแน่นและยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น กางนิ้วทั้งสองข้างออกเพื่อแสดงท่าทางตัวเลข 'สิบ' “ราคานี้เป็นห้าเท่าของเงินเดือนปัจจุบันของคุณ ไม่มีเหตุผลที่คุณจะปฏิเสธ!” “ไม่เอา!” สาวสวยทั้งสองมองหน้ากันและตะโกนออกมาพร้อมกัน เมื่อพูดคำสุดท้ายจบ ทั้งสองก็หันหลังและเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจจะคุยเรื่องน่าเบื่อนี้อีกต่อไป “แ-่ง อะไรวะเนี่ย?” เคลลี่และบอดี้การ์ดของเขามาหน้ากันอย่างงง ๆ แต่ละคนยังคงนิ่งราวกับรูปปั้น อย่างกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เข้าสมองส่วนกลางของพวกเขาเลย ผู้หญิงสองคนนั้นปฏิเสธค่าจ้างหนึ่งแสนเหรียญต่อเดือนงั้นเหรอ? พวกเธอโง่หรืออะไร? “อะไรวะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ!” เคลลี่ไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงวิ่งตามทั้งคู่ไป พอตามทันก็พูด
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ