สีหน้าของอีวานซีดลงทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้น นี่เฟนด์คงไม่ได้จงใจทำให้เขาอับอาย?อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่รู้สึกอับอายเลยตราบใดที่เขาสามารถทำให้เฟนด์ถูกไล่ออกไปจากตระกูลเทย์เลอร์ได้ในวันนี้ ทุกอย่างจะคุ้มค่าสำหรับเขา“95 ล้าน? มันแพงขนาดนั้นเลยเหรอ?”เซซิเลียอ้าปากค้างหลังจากได้ยินว่าแล้วเธอก็พูดว่า “เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าของของขวัญที่จะมอบให้คุณปู่ นายเลยพูดออกมามั่ว ๆ เหรอเฟนด์?”“ไม่ว่ามันจะราคาแพงหรือไม่มันก็เป็นเรื่องหลังจากนั้น แต่เป็นเรื่องจริงที่ฉันใช้เงินจำนวนมากกับบ้านหลังนั้นเพื่อชนะการประมูล ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณถามนายน้อยนีลและนายน้อยเคนดูได้เลย พวกเขาทั้งสองก็อยู่ที่นั่นในวันนั้นด้วย!”เฟนด์ตอบอย่างใจเย็น“นายน้อยเคน นายน้อยนีล เขาใช้เงินไปมากขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเขาเลย ลูกเขยที่เคยเป็นทหารมาห้าปีจะหาเงินได้มากขนาดนั้น!”เซซิเลียไม่พอใจมาก เธอไม่พอใจเพราะเธอไม่เคยหาเงินได้มากขนาดนั้น นี่เธอด้อยกว่าลูกเขยจริง ๆ เหรอ?“เขาทำจริง ๆ ประเด็นคือนายน้อยอีวานก็สนใจคฤหาสน์หลังนั้นเหมือนกันและอยากประมูลคฤหาสน์หลังนั้นเพื่อเป็นของขวัญให้นายใหญ่เทย์เลอร์ ดังนั้น
ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะพูดถึงเหตุการณ์นั้นในวันนี้ คงเป็นเรื่องน่าอายมากถ้าเฟนด์ซื้อคฤหาสน์หลังนั้นได้เพราะการคบกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อหลอกเอาเงินมันคงน่าอายมากกว่านี้ถ้าเจ๊เลี้ยงอายุมาก บางทีอาจจะอายุเจ็ดสิบหรือแปดสิบ? นั่นคงอัปยศเกินกว่าจะบรรยายได้!“ไม่มีเจ๊เลี้ยงหรอก พวกเขาแค่ล้อเล่น” เฟนด์ยิ้มและพยายามอธิบาย “ฮ่าฮ่า! เลิกปฏิเสธได้แล้ว” เคนหัวเราะแล้วพูดต่อ “เรามีรูปถ่ายมาพิสูจน์สิ่งที่เราพูด!”นายใหญ่เทย์เลอร์สับสนมาก เขาหันไปหาอีวานและถามว่า “อีวาน นี่มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วงานประมูลคือ? แล้วผู้หญิงที่ร่ำรวยคือ?”ตอนที่อีวานเล่ารายละเอียดสถานการณ์ให้นายใหญ่เทย์เลอร์ฟัง แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะพูดถึงว่าเฟนด์ได้ซื้อคฤหาสน์ในงานประมูลสีหน้าของนายใหญ่เทย์เลอร์มืดลงเมื่อได้ฟังแต่ละคำ หน้าของเขาเกือบจะซีดเมื่อเขาพูดว่า “ฉันก็สงสัยว่านายจะจ่ายเงินมากกว่าเก้าสิบล้านเพื่อซื้อคฤหาสน์โดยที่ไม่ได้รับเงินเดือนล่วงหน้าได้ยังไง มีความเป็นไปได้อย่างเดียวนั่นก็คือรับรับเงินจากเจ๊เลี้ยงของนาย” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฤหาสน์และพูดต่อว่า “มันเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมและฉันชอบฤหาสน์หลังนี้มาก แต่ถ้านายซื้อ
“โอ้ จริงด้วย...มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถอยู่รอดในสนามรบได้หนึ่งเดือน แล้วนับประสาอะไรกับห้าปี...”“คุณพูดถูก คนที่อยู่รอดได้หนึ่งปีก็ถือว่าเหนือกว่าคนทั่วไปแล้ว เฟนด์ต้องมีความสามารถมากถึงจะอยู่รอดมาได้ตั้งห้าปี เขาจะต้องไม่ใช่แค่ทหารธรรมดา ๆ แน่ บางทีเขาอาจจะมีตำแหน่งสูงมากก็ได้!”หลายคนเริ่มเดากันเองอีกครั้ง...“ฮ่าฮ่า เท่าที่ฉันรู้ นายใช้เงินไปเกือบร้อยล้านแล้วตั้งแต่ที่นายกลับมา คฤหาสน์หลังนี้ทำให้นายเสียเงินอีกมากกว่าเก้าสิบล้าน! ถ้าเป็นอย่างนั้นรัฐบาลจะต้องให้เงินบำนาญแก่นายที่มาค่าเท่ากับเงินค่าหัวของผู้บัญชาการ” อีวานพูดพร้อมกับหัวเราะ“อืมม ฉันรู้จักผู้ช่วยผู้บัญชาการอยู่คนหนึ่งเขาได้รับเงินบำนาญเพียงหนึ่งร้อยล้านเหรียญ หัวหน้าผู้บัญชาการบางคน...น่าจะได้เงินสองร้อยล้านเหรียญ นายเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการเหรอ!” เคนก็เข้ามาร่วมเดาด้วย“นายมีอะไรมาพิสูจน์ตำแหน่งของนายในฐานะหัวหน้าผู้บัญชาการไหมเฟนด์? เท่าที่ฉันรู้ ผู้บัญชาการทุกคนจะมีป้ายประจำตัวของผู้บังคับบัญชาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันตำแหน่งของพวกเขา”นายใหญ่เทย์เลอร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฟนด์จะเอาป้ายของเขาออกมาให้ทุกคนดูเพื่
เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องจริงที่ฉันไม่ใช่ทหารธรรมดา ที่จริงแล้วฉันมีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงในกองทัพทหาร แต่ฉันหาป้ายไม่เจอ มันอาจจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าที่ไหนสักแห่ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่เปิดเผยตัวตนออกมา ฉันกังวลว่าจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของฉันหากไม่มีป้ายสัญลักษณ์”ทุกคนพูดไม่ออก เขาทำได้ยังไง...“ฉันเชื่อในตัวเขา!” เซเลน่าเดินไปข้างหน้า “ตอนที่เขากลับมาครั้งแรก ฉันคิดว่าเขาเป็นแค่ทหารธรรมดาและมีเงินเพียงไม่กี่แสน ต่อมาฉันก็รู้ว่าฉันคิดผิดไป ห้าปีของการรับราชการทหารน่าจะทำให้เขาได้รับเงินบำนาญสิบถึงยี่สิบล้านเหรียญ...และฉันก็คิดผิดอีกครั้ง! ตอนนี้ฉันคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการที่ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ได้!”“ฮ่า ๆ เซเลน่า คุณพูดแทนเขาเพราะเขาเป็นสามีของคุณ! ช่างพูดได้น่าฟังจริง ๆ” ไมเคิลหัวเราะ “คุณคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการเพียงเพราะเขาซื้อคฤหาสน์หลังนี้ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเขาเหรอ? คุณอยากให้เราเชื่อเหรอแล้วเราจะเชื่อคำพูดของเขาได้ยังไง? เขายังพิสูจน์ตำแหน่งของเขาไม่ได้เลย!”“อืมมม!” แล้วนีลก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “จากเรื่องราวทั้งหมด เรารู้ว่าเงินนั่นอาจได
ทุกคนต่างหวังว่าจะได้เห็นเฟนด์ขายหน้า แต่จู่ ๆ ราชาแห่งสงครามหกดาราก็มาถึงเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของนายใหญ่เทย์เลอร์“ว่าไงนะ! ควิน เฮย์สมาที่นี่!”“นายไม่ควรเรียกชื่อของเขาเฉย ๆ นายควรเรียกเขาว่าราชาแห่งสงครามเฮย์ส ไม่งั้นเขาอาจจะต่อยนายตายได้ ถ้าเขารู้ว่านายไม่เคารพเขา!”“พระเจ้า เขาเป็นถึงราชาแห่งสงคราม...หกดารา! เขามาทำอะไรที่นี่ในงานนี้? นี่...ถือเป็นเกียรติของเรา!”สมาชิกในตระกูลเทย์เลอร์เริ่มคุยกันเอง พวกเขาประหลาดใจมาก“ราชาแห่งสงครามเฮย์สมอบของขวัญเป็นเงินสดมูลค่าหกสิบล้านเหรียญ!” พนักงานที่มีหน้าที่รับของขวัญขวัญประกาศ“ฮ่าฮ่า! ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะซื้อของขวัญอะไรดี และฉันก็ไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะให้เงินสดกับคุณ แบบนี้คุณจะได้ใช้มันได้ตามใจชอบ!” ควินเดินเข้ามาขณะที่เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ เขาดูเหมือนจะเป็นคนร่าเริง“ราชาแห่งสงครามเฮย์ส คุณ...คุณก็ถ่อมตัวเกินไป เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณมาเป็นแขกในงานนี้ เพราะเรารู้มาว่าคุณแทบจะไม่ไปร่วมงานไหนเลยแม้ว่าจะได้รับเชิญก็ตาม การที่คุณมาที่นี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง คุณไม่จำเป็นต้องเตรียมของขวัญอ
แขกที่คาดไม่ถึงอีกคนก็มาถึงซึ่งเป็นคนตระกูลชนชั้นสาม พวกเขามอบของขวัญแล้วเดินเข้ามาในห้องโถง“เฟนด์ นายรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนจำนวนมากมาที่นี่?” นายใหญ่เทย์เลอร์ทนไม่ไหวแล้วจึงถามขึ้นมา “จะมีแขกมามากจนเต็มสองร้อยโต๊ะจริง ๆ เหรอ?”เฟนด์รู้สึกเฉย ๆ เขายิ้มและไอเบา ๆ “คุณปู่ คุณเห็นแขกที่มาวันนี้ไหม...ใครจะเป็นคนจ่ายค่าอาหาร? ถ้าคุณปู่จ่ายผมจะบอกคุณเอง”“ถูกต้อง! คุณไม่ควรให้ลูกชายของฉันเป็นคนจ่ายเงินค่าโต๊ะพวกนี้ ฟังนะ ชนชั้นสองพวกนี้ ราชาแห่งสงคราม ผู้บัญชาการก็มาที่นี่แล้ว! บางทีอีกไม่นานแม้แต่เทพเจ้าแห่งสงครามก็จะมาที่นี่ด้วย!” โจแอนรีบพูดอย่างรวดเร็ว“เฮ้ ดีมากเลย ฉันจะจ่ายค่าโต๊ะของแขกทุกคนในวันนี้เองไม่ว่าจะมีแขกมากี่คนก็ตาม!” นายใหญ่เทย์เลอร์รู้สึกปลาบปลื้มใจมากเฟนด์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คงเป็นเพราะคนพวกนี้ได้ยินข่าวมาว่าเทพเจ้าแแห่งสงครามจะมาที่นี่ในวันนี้ ถ้าเธอมาปรากฏตัวที่นี่ คนอื่น ๆ อีกหลายคนก็จะมาที่นี่ด้วย!”“พระเจ้า...เทพเจ้าแห่งสงครามจะมาที่นี่เหรอ?” นายใหญ่เทย์เลอร์อ้าปากค้าง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเทพเจ้าแห่งสงครามถึงมาร่วมงานฉลองวันเกิด? ตระกูลเทย์เลอร์มีความเกี่ยวข้
อีวาน เทย์เลอร์ และเคน คลาร์ก ที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขา รู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เฟนด์ไม่ได้บอกให้ครอบครัวเทย์เลอร์เตรียมโต๊ะเพิ่มเมื่อรู้ว่าเทพีแห่งสงครามกำลังมา อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้เลยว่าเฟนด์ยังคงสงบนิ่ง “เดี๋ยวก็รู้ตอนที่มาถึงว่ารวยจริงหรือเปล่า ฉันจะรับเรื่องนี้ได้ไหมนะ? เก้าร้อยล้านยังไม่มีความหมายอะไร แล้วอีกเก้าสิบล้านล่ะ!”เฟนด์หยุดเพื่อมองไปที่นายท่านเทย์เลอร์ และพูดว่า “ผมเตรียมของขวัญพร้อมแล้วครับ แต่ไม่ใช่คฤหาสน์หลังที่อยู่ถัดจากนี้นะ”“อะไรนะ?!” หลายคนฮือขึ้นมาอย่างแรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่คฤหาสน์หลังนั้น แล้วของขวัญของเขาคืออะไร?เซเลน่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเฟนด์ขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เธอตามเขาแทบไม่ทันของขวัญที่เขาเตรียมให้คุณปู่เธอมันไม่ใช่คฤหาสน์หรือนี่?“ไม่ใช่คฤหาสน์? แล้วคฤหาสน์นี่คือ...” ซีอุสไปไม่เป็นเมื่อหันไปมองข้างหลัง เฟนด์ดึงเซเลน่าเข้ามาใกล้ จากนั้นก็หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าแล้ววางมันลงบนฝ่ามือของเธอ “สำหรับเซเลน่า ที่อยู่ของเราตอนนี้ไม่ว่างพอ ผมเลยอยากให้ครอบครัวเราย้ายออก ตอนแรกผมอยากทำให้เซเลน่าประหลาดใจด้วย
ไคลี่พยักหน้าเคน นีล และไมเคิล เริ่มหน้าบึ้งเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาอิจฉา“แค่เก้าสิบล้านเอง แล้วยังไงล่ะ? ถ้าคุณแต่งงานกับผม คุณจะไม่มีปัญหาในการมีเงินใช้ถึงหนึ่งหรือสองพันล้านเหรียญ” ไมเคิลพูด เขาขมวดคิ้วแน่น เฟนด์ได้ใจเซเลน่าด้วยการซื้อคฤหาสน์ เธอไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาเพื่อที่จะเอาใจเธอด้วยซ้ำ“คุณจะบอกว่าคฤหาสน์นี้สำหรับเซเลน่าใช่ไหมเฟนด์? แล้วของขวัญของนายใหญ่ล่ะ?”เซซิเลียอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ เธอยืนกอดอกอย่างหยิ่ง ๆ “ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยสิ?”“ใช่ เฟนด์ แล้วที่สัญญาไว้ก่อนหน้าล่ะ? ออกไปเลยก็ได้นะถ้าไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย!” อีวานลุกขึ้นยืนเคนปิ๊งไอเดียขึ้นมาแล้วพูดว่า “เฟนด์ นายซื้อคฤหาสน์ให้ภรรยา มันจะบอกว่านายใจกว้าง? ซึ่งหมายความว่านายรวยมาก ถ้าเป็นอย่างนั้น ของขวัญที่นายเตรียมให้นายใหญ่คงมีค่ามาก!”ไมเคิลเข้าร่วมวงด้วย ขณะพูดว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเตรียมของขวัญมาแค่สิบล้าน? ฮ่า ๆ! ถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะไม่เป็นการลดคุณค่านายใหญ่เทย์เลอร์เหรอ? ยังไงซะ นายก็เพิ่งให้คฤหาสน์เกือบร้อยล้านกับภรรยา!”เฟนด์ตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก มันแพงกว่าคฤหาสน์นี้มาก!”“จริงเหร
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ