ชายชราคนนี้ดูแก่และมีผมขาวนิดหน่อยอย่างไรก็ตามเขาดูมีพลังมาก ความเร็วในการโจมตีของเขารวดเร็วและการลงมือของเขาค่อนข้างเจ้าเล่ห์เฟนด์ยื่นมือออกไปและจับที่ข้อมือของอีกฝ่ายที่มีกรงเล็บเหล็ก เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดทำให้อีกฝ่ายเสียสมดุลจากนั้นเฟนด์ก็ปล่อยชายคนนั้นและเตะเขาเปรี้ยง!อีกฝ่ายกระเด็นออกไป 7 ถึง 8 เมตรก่อนจะตกลงบนพื้นเนื่องจากถูกเตะ หัวของเขาเอียงไปข้างหนึ่งและตายทันทีหลังจากที่เขากระอักเลือดทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ชายชราก็ตายภายในไม่กี่ลมหายใจชายหัวล้านและคนอื่น ๆ ตกตะลึง ชายชราคนนี้แค่อวดนิดหน่อยว่าเขาเป็นปรมาจารย์ อย่างไรก็ตามถ้าเขาเผชิญหน้ากับคนปกติ เขาก็สามารถต่อสู้กับคนเป็นสิบคนได้ด้วยตัวคนเดียวอย่างน้อยเขาก็ถือว่าเป็นนักสู้ที่มีฝีมือแต่คนแบบนั้นกลับเสียชีวิตเพราะถูกเตะในเวลาสั้น ๆ“ฉันบอกไปแล้วว่าหมอนี่เป็นนักสู้ที่เก่งมาก เขาแข็งแกร่งและรวดเร็วมาก เฒ่าลีวายคงประเมินศัตรูต่ำไปและไม่ได้สนใจมันมากนัก!” ลูกพี่เทมเพสตกใจและปรบมือทันที “ดูเหมือนว่าเพียงแค่พวกนี้คงจะไม่พอจริง ๆ!”จากนั้นเขาก็ปรบมือ ทีละคน ๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินมาทางพวกเขาจากพุ่มไม้ข้างหลัง
สเปคเตอร์เฟซพยักหน้าอย่างไรก็ตามเมื่อเขาเพิ่งพูดจบก็เห็นรถวิ่งมาจากทางประตูเมือง“ทำไมถึงมีแท็กซี่ขับมาทางนี้?!”“แท็กซี่หยุด มีคนลงมาและวิ่งมาหาเฟนด์!”ทันย่ามองดูอย่างใกล้ชิด “ดูเหมือนว่าเขาจะมาช่วยเฟนด์! เขาถือมีดทำครัวมาด้วย!”“เอ๊ะ!” ไทเกอร์มองเห็นจากที่ไกล ๆ ว่ามีคนเกือบ 300 คนยืนอยู่หน้าเฟนด์หัวใจของเขาเย็นเฉียบเมื่อเขาเห็นมัน เฟนด์กำลังต่อสู้อยู่คนเดียวที่นั่นจริง ๆ ดูเหมือนว่าเฟนด์จะตกอยู่ในอันตรายนี่คือพี่ใหญ่ของเขา เพราะพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาจึงเรียกเฟนด์ว่าพี่ใหญ่เขาไม่คิดว่าเฟนด์จะต้องเผชิญกับความตายเพื่อเขาและภรรยาไทเกอร์สะเทือนใจมาก เขากัดฟันและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับยกมีดทำครัวขึ้นแม้ว่าเฟนด์จะเคลื่อนไหวอยู่แต่เมื่อเขาเห็นไทเกอร์สีหน้าของเขากลับมืดลง การที่ไทเกอร์มาที่นี่ตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยมันกลับเพิ่มปัญหาให้เขามากกว่าเมื่อไทเกอร์อยู่ห่างจากเขาประมาณ 20 เมตร เฟนด์ก็โบกมือและตะโกนทันที “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ไทเกอร์หยุดทันที มือของเขายังคงจับมีดทำครัวขึ้นและตกตะลึง“นายมาทำอะไรที่นี่? กลับไปและไปอยู่กับลูกของนาย!” เฟนด์มีสีหน้าเย็นชา “
การปาเข็มเงินเป็นหนึ่งในอาวุธลับของเฟนด์ เขาฝึกฝนอาวุธลับนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มเขาฆ่าศัตรูได้อย่างง่ายดายด้วยอาวุธลับนี้ในสนามรบอย่างไรก็ตามมีบางคนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและหลบการโจมตีได้ขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยดูเหมือนว่าจะมีนักสู้ฝีมือดีหลายคนในกลุ่มคนของพรรคอินทรีถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นแต่กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างก็ตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว“มันเกิดอะไรขึ้น?”“พ-พวกเขาล้มลงได้ยังไง? ทำไมพวกเขาถึงล้มลงไปเพียงเพราะการโบกมือของเขา? นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!”“ลุกขึ้นสิ! ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตายแล้ว...พวกเขาตายกันหมดแล้ว!”คนพวกนี้ที่ไม่ได้สนใจเฟนด์มากนัก เมื่อกี้ก็ตกใจกับเหตุการณ์แปลก ๆ นี้“ไทเกอร์ ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ท่านี้ตั้งแต่แรก! เพราะฉันไม่จำเป็นต้องใช้มันเพื่อต่อสู้กับคนไร้ประโยชน์พวกนี้ แต่ฉันใช้มันเพื่อแสดงให้นายเห็นและทำให้นายเข้าใจว่าการที่นายมาที่นี่ นายไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากเพิ่มปัญหาให้มากขึ้น! แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว!” เฟนด์หันกลับมาอย่างไม่พอใจและพูดกับไทเกอร์อย่างเฉยเมย“พี่ใหญ่ คุณ...คุณเก่งเกินไปแล้ว!” ไทเกอร์กลัวมากจนตัวสั่นขณะที่เขาพูดเ
มีดทำครัวในมือของไทเกอร์ตกลงพื้น เขาตกใจด้วยความหวาดกลัวเหตุการณ์ตรงหน้าเขาไม่น่าจะเป็นไปได้แม้แต่ในความฝันเฟนด์ที่ถูกล้อมไปด้วยคนมากมาย และเขาคิดว่าเฟนด์จะต้องตายอย่างแน่นอนแต่เขากลับเห็นร่างมากมายล้มลงทีละคน เลือดไหลทะลักไปทั่วพื้นคนจากพรรคอินทรีค่อย ๆ ลดลงและในไม่ช้าก็เหลือเพียง 70 ถึง 80 คนลูกพี่เทมเพสและชายหัวโล้นมีบาดแผลที่แขนและเลือดก็ไหลอย่างต่อเนื่องพวกเขาได้ถอยกลับไปอีกด้านหนึ่งแล้ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่แต่ก็กลัวความฉลาดของเขาคนที่อยู่ข้างในเป็นมนุษย์หรือเปล่า? พลังการต่อสู้ของเขาช่างน่ากลัวจริง ๆ“บ้าเอ๊ย หมอนี่เป็นหนึ่งในราชาแห่งสงครามหรือเปล่า?” ชายหัวโล้นกลืนน้ำลายและมองไปที่คนข้าง ๆ ที่ตายอีกเป็นสิบคน“วิ่งเร็วเข้า!” ชายหัวล้านตกใจกลัวมาก เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้วและต้องการที่จะหนีสวบ สวบ สวบ!และอีกไม่กี่ก้าว หลายคนก็ล้มลงอีกครั้ง“แกอยากจะออกไปงั้นเหรอ?” เมื่อเฟนด์เห็นว่าอีกฝ่ายอยากหนี เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและร่างของเขาก็พุ่งไปข้างหน้านิดหน่อย เขาเป็นเหมือนเสือดาวที่วิ่งไปข้างหน้ามากกว่าสิบเมตร เขาไล่ตามอีกฝ่ายและฟันคอของคู่ต่อสู้ด้วยท่าแบ็คแฮนด์
”ที่รัก!” ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นไทเกอร์ เธอรีบวิ่งเข้าไปกอดเขาแน่น กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นความฝัน“คุณ...คุณคิดเกี่ยวกับมันอย่างถี่ถ้วนใช่ไหม? คุณไม่ได้ไป?” เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นคิดว่าไทเกอร์ไม่อยากทิ้งเธอและลูกจึงกลับมา“เปล่า ให้ตายสิ มันน่าตกใจเกินไป! ผมรีบวิ่งไปพร้อมกับมีดทำครัวและคิดว่าคงตายแน่ แต่ผลลัพธ์คือพี่ใหญ่ปฏิเสธความช่วยเหลือของผมและบอกให้ผมมองอยู่ที่ไกล ๆ! โอ้พระเจ้า มีคนเกือบ 300 คน พี่ใหญ่ของผมแค่โบกมือก็ฆ่าคนไป 30 คนแล้ว เหมือนเห็นผีเลย! อีกอย่างเขาฆ่าคนมากมายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ทั้งหมดนั่นเลย! ไม่มีใครรอด...พี่ใหญ่ของผม...เขา...เหมือนพระเจ้า!” ไทเกอร์พูดอย่างชัดดเจนด้วยท่าทางที่เกินจริงและหยุดมือของเขาไม่ได้ เขาอยากแสดงการกระทำของเฟนด์อีกครั้งภรรยาของเขาตะลึงไปแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าสามีของเธอไม่ได้ไปแต่เขาไปมาแล้วอย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าพี่ใหญ่คนนั่นจะแข็งแกร่งมากและฆ่าคนมากมายด้วยตัวคนเดียว“แล้วเขาได้รับบาดเจ็บไหม? เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน? เรารีบไปเยี่ยมเขากันเถอะ?” ผู้หญิงคนนั้นเช็ดน้ำตาให้แห้ง เมื่อเธอคิดได้ว่าแม้ว่าเขาจะฆ่าคนมากมา
“คุณคิดด้วยเหรอว่าพระจันทร์คืนนี้เป็นยังไง? คุณกลายเป็นคนที่สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!” เซเลน่ารู้สึกอบอุ่นหัวใจพร้อมรอยยิ้มหวานที่ปรากฏตรงมุมปากของเธอครอบครัวสามคนเดินไปตามถนนอย่างมีความสุข“ที่รัก คุณเจออะไรที่คุณชอบไหม? ให้ผมซื้อให้นะ!” เฟนด์ถามขณะที่พวกเขาเดินอยู่“ไม่มีอะไรที่ฉันถูกใจเลย คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันตอนที่คุณกลับมาแล้วมันก็ยังดีอยู่เลยและฉันก็มีเสื้อผ้าที่ดีพอที่จะสวมใส่แล้ว!” เซเลน่าพูดหลังจากที่เธอคิดเกี่ยวกับมัน“พ่อคะ ๆ หนูอยากได้ของเล่น! หนูซื้อได้ไหมคะ?” ข้าง ๆ พวกเขาไคลี่พูดอย่างอาย ๆเฟนด์รู้สึกเสียใจอยู่ภายในใจ ใช่ เขากลับมาหลายวันแล้วแต่เขาไม่ได้ซื้อของเล่นให้ลูกสาวเลย เมื่อก่อนครอบครัวเธอยากจนเธอคงได้แต่มองดูเด็กคนอื่น ๆ เล่นของเล่นกันเท่านั้น“ได้สิ ไคลี่อยากได้อันไหน? พ่อจะซื้อให้หนูทุกอย่างเลย! ตราบใดที่ไคลี่ชอบพ่อก็ซื้อของเล่นทุกชิ้นที่อยู่ในร้านให้ลูกได้!” เฟนด์หัวเราะและพูดติดตลก“ขอบคุณค่ะพ่อ! พ่อ หนูแค่อยากแค่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้กับเป็ดสีเหลืองตัวเล็ก ๆ!” ไคลี่ตื่นเต้นมากและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข“โอ้ ลูกสาวของฉันช่างเข้าใจจริง ๆ เธอรู
ไคลี่กำลังต่อสู้กับน้ำตาเธออย่างช่วยไม่ได้ เธอทำได้แค่มองเป็ดเหลืองตัวน้อยด้วยสายตาที่อยากได้ผู้หญิงคนนั้นให้เป็ดเหลืองตัวน้อยกับลูกชายของเธอ เด็กชายรู้สึกได้รับชัยชนะเมื่อเขาแย่งไคลี่มาได้“เราหยิบของเล่นมาก่อน แล้วคุณก็มาแย่งมันไป” เฟนด์แสยะ “ทำไมเราถึงเป็นคนที่ควรจะไป ‘ซื้อที่อื่น’ ด้วยล่ะ?”“ใช่ คุณมันไม่มีมารยาท! ไม่เข้าใจคำว่า ‘มาก่อนได้ก่อน’ หรือยังไง?” เซเลน่าโกรธจนต้องพูดว่าออกไป“นี่ ฉันไม่สนใจหรอกนะ ของอยู่ในมือฉัน มันก็ต้องเป็นของฉันสิ นอกจากนี้พวกคุณก็ยังไม่ได้จ่ายเงินเลยด้วยซ้ำ!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมาอย่างเย่อหยิ่งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ผู้หญิงคนนั้นเงียบไปเฟนด์ยื่นมือไปหยิบเป็ดเหลืองตัวน้อยมา “โอ๊ะ ทีนี้มันก็เป็นของผมแล้วสิ!”“คุณ…” เธอชี้ไปที่เฟนด์“นี่ไม่ใช่ของคุณซะหน่อยเพราะคุณก็ยังไม่ได้จ่ายเงิน” เฟนด์ต่อปากต่อคำกับเธอ“โตแล้วยังจะขโมยของเล่นเด็กอีกทำไม?!” ผู้หญิงคนนั้นโกรธมากจนกู่ไม่กลับ “ไม่แมนเลยนะ!”“แง... แง...” เด็กชายร้องลั่นขณะที่โดนเฟนด์แย่งไป“ดูสิ... ดูคุณสิ! ผู้ใหญ่ที่แย่งของเล่นเด็ก! น่าอายมาก! แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับลูกฉันสิ?! จะชดเชยย
"ผมขอโทษด้วยที่เป็นสุภาพบุรุษให้กับผู้หญิงที่มีค่าควรเท่านั้น” เฟนด์ยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “การเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงปากร้ายคือความขายขี้หน้าต่อวัฒนธรรม”“คุณ…” ใบหน้าเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอเหวี่ยงฝ่ามือออกไป เล็งไปที่แก้มของเฟนด์ เฟนด์ไม่ทันตั้งตัวเพราะเขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้เขาจับมือผู้หญิงคนนั้นไว้ แรงของเขาเยอะซะจนเธอดึงกลับไม่ได้“คุณกำลังพยายามจะเอาชนะผู้หญิง นั่นคือสุภาพบุรุษเหรอ?” เธอเยาะเย้ยอีกครั้งลูกค้าคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์คิดเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้นไร้มารยาท ดูเหมือนว่าจะเจอคู่ปรับที่เหมาะสม เฟนด์ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับความบ้าคลั่งของเธอเลย“ฮ่า ๆ! ผมจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่นั่นจะทำให้มือผมสกปรกน่ะ” เฟนด์หัวเราะ เขาหยิบของเล่นมาและส่งมันให้กับพนักงานขาย “ผมจ่ายเลยแล้วกัน” เฟนด์พูดง่าย ๆ “อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้เลย”“เฮอะ ไอ้ชั่วเอ๊ย นายกำลังแกล้งฉัน แม่เลี้ยงเดี่ยว และลูกของฉัน ฉันจะทำให้นายเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป!” ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่เฟนด์ก่อนจะออกไปพร้อมกับลูกชาย“เฮ้อ…” พนักงานขายถอนหายใจ มีลูกค้าจำนวนมากเช่นเดียวกันกับผู้หญิงที่ไร้เหตุผลคนนั้น
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ