ภายในห้องส่วนตัวของโรงแรม หญิงสาวร่างกายดีเยี่ยมเปิดประตูให้อีวาน เคน และนีลเข้าไปทั้งสามมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าแล้วผงะ ร่างกายของหญิงสาวนั้นสวยงามมาก แต่ก็มีเสน่ห์อันเย่อหยิ่งที่ผู้ชายไม่อาจต้านทาน“ชาโดว์เหรอ?”หลังจากนั่งแล้ว อีวานน์ก็หยิบบัตรเอทีเอ็มออกมา “นี่คือเงิน 150 ล้าน รหัสผ่านคือ 000000”หญิงสาวมองบัตรด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกราวกับมันเป็นเรื่องปกติเธอคีบบุหรี่ไว้ในมือและพูดอย่างช้า ๆ “ส่งรายละเอียดของคนนั้นมา รวมถึงรูปแล้วก็ครอบครัวด้วย ฉันอยากรู้ทุกเรื่อง!”อีวานวางบัตรเอทีเอ็มไว้จากนั้นหยิบเอกสารออกมายื่นให้เธอเธอศึกษามันอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นก็ถามว่า “เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดเหรอ? เป็นทหารมาห้าปี? เพิ่งปลดราชการ? พวกนายพลาดในการจัดการคนแบบนี้ได้ยังไง? เป็นไปไม่ได้ พวกนายเป็นพวกมีอิทธิพลในอาณาเขตกลางไม่ใช่เหรอ?”“คุณผู้หญิงครับ นั่นไม่ใช่ทั้งหมด คนคนนี้ค่อนข้างแข็งแรง นักสู้ระดับสูงของตระกูลคลาร์คแนะนำมาว่าอย่ามีเรื่องกับเขา เพราะไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้! บอกได้เลยว่าพลังของเขาแข็งแกร่งมาก!” เคนอธิบาย“ฮี่ ๆ ฉันคิดว่าเขาไม่แข็งแกร่งหรอกนะ แต่คนของพวกนายน่ะอ่อนแอ!”
“ฮ่า ๆ เสียงไม่เหมือนกัน!”จากนั้นเซเลน่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็หัวเราะออกมา แล้วเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงของอีวาน“ฮ ฮะ คุณใช้เสียงของผมได้ยังไง?”อีวานหายใจเข้าลึก ๆ ‘นี่คือความสามารถของนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญอันดับห้าของทางตะวันตกเฉียงใต้เหรอ? เสียงของเขาโดนเลียนแบบเช่นนี้ แถมยังเหมือนกันทุกอย่างอีก’“ฮ่า ๆ บอกฉันมาสิ ถ้าฉันเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นนายและใช้เสียงของนาย คนอื่นจะยังระบุตัวตนของฉันได้หรือไม่?” เซเลน่าที่อยู่ตรงหน้าพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงของอีวาน“น่าทึ่งมาก! โคตรทึ่งเลย!” เคนอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ทุกอย่างมันเกินจริงไปหมดถ้าผู้หญิงตรงหน้าเขาไม่ใช่นักฆ่า เขาคงถามเธอว่าคิดเท่าไหร่หากจะใช้เวลาด้วยสักหนึ่งคืน ยังไงซะ เธอก็แปลงร่างเป็นเซเลน่าแล้ว รูปลักษณ์นั่นมันคล้ายเกินไป “อย่างนั้นเองเหรอ?”เซเลน่ายิ้มให้เคนอย่างไม่คาดคิด เสียงของเธอเปลี่ยนไปอีกเพื่อเลียนแบบ“พระเจ้า นี่มันเหลือเชื่อมาก ๆ ผมแน่ใจว่าคุณหลอกเขาได้ ไม่ว่าเฟนด์จะเก่งแค่ไหน ตราบใดที่เขาแยกคุณไม่ได้ คุณก็แอบซุ่มทำร้ายเขาได้จนตาย!” นีลพูดด้วยความมั่นใจและดีใจ“อย่างนั้นเหรอ? ฮี่ ๆ ดูเหมือนผู้ชายคนน
“ร่างกายของผู้หญิงคนนั้นน่าทึ่งมาก ฉันคิดว่าก้นของเธอสวยกว่าเซเลน่าด้วยซ้ำ”หลังจากมาถึงพลาซ่านอกโรงแรม นีลก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “แย่จังที่เธอเป็นนักฆ่า ถ้าเธอเป็นแค่คนคุ้มกัน ฉันยินดีที่จะจ่ายในราคาสูงสําหรับผู้หญิงคนนี้!”“ใช่แล้ว ดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้ แต่กลับเป็นดอกกุหลาบที่มีหนาม!”เคนก็เข้ามาร่วมด้วย “จากนี้พวกเราก็แค่นั่งผ่อนคลายและรอข่าวดีจากเธอ!”นีลก็อธิบายแล้วพูดกับอีวานว่า “นายน้อยเทย์เลอร์ ถ้ามีนักฆ่าติดต่อคุณเกี่ยวกับการตายของเฟนด์ คุณต้องรีบบอกพวกเราทันทีเลยนะ พวกเราพี่น้องจะได้ไปฉลองเรื่องน่ายินดีนี้กัน!”เมื่อได้ยินแบบนั้น อีวานก็ดีใจมาก แม้ตระกูลเทย์เลอร์จะเป็นเพียงครอบครัวชนชั้นสามแต่นายน้อยฮิวโก้และนายน้อยคลาร์กนั้นเป็นคนของครอบครัวชนชั้นสองสําหรับพวกเขาที่พูดถึงตัวเขาในฐานะพี่ชายเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคนนอก ถ้าเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาได้มันจะเป็นการสร้างประโยชน์ที่ดีสําหรับธุรกิจของตระกูลเทย์เลอร์ในอนาคต“ได้แน่นอน เมื่อถึงเวลา พวกเราต้องฉลองอย่างยิ่งใหญ่!”อีวานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขณะที่พวกเขาเดินหลังจากเดินมาได้ครู่หนึ่งอ
หลังจากซอนย่าออกไปเซเลน่านั่งลงที่โต๊ะของเธอ เธอขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลเธออ่านเนื้อหาเหล่านั้นอย่างละเอียด เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้จัดจำหน่ายนั้น ตระกูลเทย์เลอร์เป็นผู้จัดจําหน่ายวัสดุก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดในขณะเดียวกันผู้จัดจำหน่ายรายอื่นก็ไม่เหมาะสมเท่ากับตระกูลเทย์เลอร์ ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่สามารถจัดการกับโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไรก็ตามเซเลน่ารู้ดีว่าซอนย่าซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ด้วยพวกเขาทํางานโครงการใหญ่แบบนี้มันเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทอื่น ๆ ที่สามารถแข่งขันกับตระกูลเทย์เลอร์ได้จะไม่แข่งขันดังนั้นจะต้องมีเอกสารบางอย่างที่ซอนย่าซ่อนมันไว้นั่นเป็นสิ่งที่ดีสําหรับเธอ เดิมทีเธอวางแผนที่จะช่วยเหลือตระกูลเทย์เลอร์ ซึ่งคุณภาพของวัสดุก่อสร้างของตระกูลเทย์เลอร์ดีเชื่อถือได้อย่างแน่นอน เธอเองก็หวังให้ตระกูลเทย์เลอร์จะได้เติบอย่างแข็งแกร่งเช่นกันด้วยวิธีนี้จะทำให้นายใหญ่เทย์เลอร์สามารถเติมเต็มความฝันตลอดชีวิตของเขา และส่งเสริมตระกูลเทย์เลอร์จากครอบครัวชนชั้นสามไปเป็นครอบครัวชนชั้นสองมันเป็นโอกาสในชีวิตของเธอ ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไปมันยากมากที่เธอจะได้รับโอ
นายใหญ่เทย์เลอร์หยุดพูดชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “เธอยังโกรธปู่อยู่หรือเปล่า?”เซเลน่าฝืนยิ้ม “หนูรู้ทัศนคติของคุณปู่ดี ตอนนั้นหนูก็ดื้อมากเหมือนกัน ออกมาทั้ง ๆ ที่ท้องลูกสาวอยู่ อย่างไรก็ตามหนูพบว่าเฟนด์เป็นคนดีและลูกสาวของหนูก็น่ารักเช่นกัน ไม่มีอะไรให้หนูเสียใจมากนัก ส่วนคนอื่นที่นินทานั่นเป็นเรื่องของพวกเขา หนูต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง!”นายใหญ่เทย์เลอร์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าแม้ฉันจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ไม่มากเท่าเธอ! โอ้ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเธอรับผิดชอบการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างในโครงการอสังหาริมทรัพย์ เซาท์ฮิลล์ เธอได้ผู้ร่วมงานที่เหมาะสมกับโครงการนี้หรือยัง? ฉันรู้ว่ามันค่อนข้างยากสําหรับเธอที่อยู่ในตําแหน่งนี้แล้วจะไม่ถูกคนอื่นนินทา”เซเลน่าเงียบ ตอนแรกเธอคิดว่าปู่ของเธอจะโน้มน้ามให้เธอเซ็นสัญญากับตระกูลเทย์เลอร์ เธอไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจสถานการณ์ของเธอและพูดแบบนั้นนายใหญ่เทย์เลอร์จึงพูดต่อว่า “ถ้ามันไม่ยากเกินไปสําหรับเธอ แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตระกูลเทย์เลอร์ของเราจะทำได้ไม่ดีนัก เพียงเธอแบ่งให้เราสามสิบเปอร์เซ็นต์ของโครงการ ด้วยวิธีนี้แม้ว่าเราจะไม่สามารถก้า
หลังจากวางสายนายใหญ่เทย์เลอร์ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาและถอนหายใจ “เซเลน่ายังดีที่สุด แม้จะถูกไล่ออกจากครอบครัวและอีวานจะถูกเลือกแทน ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้เธอยังคงถึงสถานการณ์โดยรวมแต่อีวานกลับไร้ประโยชน์!”หลังจากที่เซเลน่าวางโทรศัพท์ลง เธอให้โรซ่าเรียกซอนย่าเข้ามา“ผู้จัดการเทย์เลอร์ คุณกําลังหาฉันอยู่เหรอ?”ซอนย่าแสร้งยิ้ม มันช่วยไม่ได้สำหรับเงินและอนาคตของเธอ เธอต้องเก็บทุกอย่างไว้เมื่อทํางานกับเซเลน่าในขณะที่ยังคงรอยยิ้มไว้ดูเหมือนว่าเซเลน่าไม่ได้มีความแค้นในอดีตกับพวกเขาอีกแล้วแน่นอนจนถึงตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจทำไมสามีของเซเลน่าซึ่งเป็นเพียงบอดี้การ์ดถึงกล้าตบหน้าลุงของเธอ และเฟนด์ไม่แม้แต่จะถูกตระกูลเดรคตำหนิแต่พวกเขากับเข้าข้างเฟนด์ มันทําให้เธอสงสัยว่าข่าวลือที่เธอแพร่กระจายเกี่ยวกับเซเลน่าเพื่อจะทำลายชื่อเสียงของเธอจะเป็นเรื่องจริง ที่นายน้อยเดรคมีความสัมพันธ์กับเซเลน่า มันดูสมเหตุสมผลที่ตระกูลเดรคช่วยเหลือเซเลน่าและสามีของเธออย่างมาก“ฉันได้ดูแล้ว บริษัทนี้ดูดีเลย อย่างไรก็ตามโครงการของเราใหญ่เกินไปดังนั้นเราจะให้พวกเขาทำทั้งหมดไม่ได้ฉันกลัวว่ามันจะส่งผลต่อคุณภาพของพวกเ
เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ได้ทำส่วนใดส่วนหนึ่งของโครงการ เขาเคยบอกเธอไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเป็นความคิดของปู่ เซเลน่าใจดีและกตัญญูต่อปู่ อย่างน้อยเธอจะให้พวกเขาบางส่วนของโครงการ“พรุ่งนี้เข้ามาเซ็นสัญญาได้เลย เซเลน่าเห็นด้วยแล้ว!”“อย่างไรก็ตามคุณต้องการลดราคาลงห้าเปอร์เซ็นต์!”อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซอนย่าหัวเราะ “ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยอีวานด้วย ที่ได้รับโครงการใหญ่เช่นนี้!”“อะไรนะ?!”อีวานลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “ไปเซ็นสัญญาพรุ่งนี้เหรอ? การลดลงห้าเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นเรื่องปกติของการเจรจาต่อรอง ไม่ได้มากอะไรแค่ลดราคาเล็กน้อย!”อีวานถามเพิ่มเติมทันที “โอ้ คุณได้ถามไหมว่าโครงการนี้เธอจัดสรรให้เราเท่าไหร่? มันคงไม่ใช่ทั้งหมดของโครงการใช่ไหม”“แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดของโครงการ แต่มันก็ค่อนข้างน่าประทับใจแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์! คุณคิดว่าไง พอไหม? ฉันพูดแต่เรื่องดี ๆ ให้คุณมากมาย!” ซอนย่าให้เครดิตตัวเองอย่างรวดเร็ว“แปดสิบห้า? นั่นวิเศษมาก หลังจากเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้ฉันจะพาคุณและแฟนของคุณไปรับประทานอาหารและทำตามข้อตกลงของเรา!”อีวานเกือบจะกระโดดเมื่อได้ร
“ผู้จัดการเทย์เลอร์ ฉ-ฉันขอแนะนําตัวเองก่อนนะคะ ฉันเจเน็ต ตระกูลของเรา... จะทำยังไงดี? ได้โปรดอย่าหัวเราะเยาะฉัน เราเป็นแค่บริษัทธรรมดาไม่ถือว่าเป็นครอบครัวชนชั้นสามด้วยซ้ำ!”“อย่างไรก็ตามวัสดุก่อสร้างของเจคอบนั้นมีคุณภาพค่อนข้างดี โอ้ ใช่ ฉันนำเอกสารบางอย่างของเรามาด้วยและยังมีความคิดเห็นจากลูกค้าหลังจากได้ทํางานร่วมกับเรา!”เจเน็ตดูจะประหม่า แต่เธอกล้าแนะนําตัวเองกับเซเลน่าเซเลน่าเป็นมืออาชีพ เป็นผู้หญิงที่ประสบความสําเร็จและมีตำแหน่งสูงเธอได้ยินว่าครอบครัวเดรคจ่ายเงินเดือนให้เธอ 1 ล้านเหรียญ ด้วยค่าจ้างที่สูงแบบนั้นเธอเทียบได้กับคณะกรรมการบางคน“คุณมีความคิดเห็นจากลูกค้าด้วยเหรอ?”เซเลน่าประหลาดใจหลังจากดูอย่างรอบคอบ เธอก็บอกกับเจเน็ตว่า “บริษัทของคุณดูดีเลย มีชื่อเสียง ฉันเคยได้ยินมันมาก่อน!”เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า “ฉันอยากจะรู้ความคิดเห็นของคุณ”“วัสดุก่อสร้างของเจคอบมีคุณภาพเป็นที่น่าภาคภูมิใจของพวกเรา ถึงแม้บริษัทของเราจะไม่ได้ใหญ่หรือเป็นที่รู้จักเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ดังนั้นฉันไม่คาดหวังว่าจะได้รับการจัดสรรงานมากในโครงการใหญ่เช่นนี้!”“ความหวังหลั
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ