“ดูเหมือนว่าแกมีความสามารถมากเลยนะ!”โอนีลตกใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มแสดงให้เห็นถึงฟันขาวราวกับไข่มุก “น่าสนใจ จอมพลของแกเกือบจะตายอยู่แล้ว กล้าดียังไงมาท้าทายฉัน? ดูเหมือนว่าแกจะเป็นหนึ่งในผู้รักชาติที่ชอบธรรมตามตำนานที่พูดถึงใช่ไหม? ในหัวของแกต้องรักชาติมาก ๆ จนยอมตายอย่างโง่เขลาเพื่อประเทศชาติเนี่ยนะ?”“สรุปเองเออเองเลยสิ!”เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยอย่างใจเย็น “แกจัดการไปได้แค่ 10 ไม่สิ 11 ครั้งที่ชนะติดต่อกันเพราะว่าแกไม่เคยเจอฉันน่ะสิ ฉันจะจบชีวิตแกวันนี้แหละ!”“เหอะ ขี้โม้ใครจะรู้ล่ะ?!”“อย่าฉี่ราดล่ะตอนที่โดนหมัดของฉัน! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”โอนีลยังคงหัวเราะหลังจากพูดเขาก็มองไปที่พิธีกร “คุณพิธีกร อะไรกันเนี่ย? วันนี้ไม่ใช่แค่แข่งครั้งเดียวเหรอ? ทำไมมีมาให้ถึงสองเลยล่ะ?”พิธีกรยิ้มพร้อมกับสะดุ้งก่อนวิ่งหนีไป “ฉันเพิ่งชี้แจงกับพวกเขาไป ชายคนนี้ลงชื่อสมัครมาด้วยความยินยอม ข้อมูลประจำตัวที่เขียนมาก็คือ ทหารไร้นามกับห้าปีในการเข่นฆ่า ฆ่าหมาอเมริกา!”“ไอ้เวร!”ได้ยินอย่างนั้นแล้ว โอนีลก็กำหมัดแน่นจนเกิดเสียง “แกเป็นแค่ทหารไร้นามแล้วจะมาอยากฆ่าฉันงั้นเหรอ? แกกำลังหยามฉัน ฉันจะฆ่าแกเองวัน
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกว่ะ นั่นเหตุผลที่แกมาท้าทายฉันเหรอ!”โอนีลหัวเราะอีกครั้ง “ไอ้หนู นี่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่ดูสิ้นหวังของแกหรือเปล่า? เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เลือกที่จะมาท้าทายฉันเพราะอย่างน้อยก็ตายอย่างน่าสรรเสริญและรักษาหน้าของใครบางคนเอาไว้?”“ถูกต้อง! เขารู้ว่าตัวเองจะต้องตายแน่ ๆ ทำไมไม่มาตายเพราะการต่อสู้เพื่อแคทธีเซียล่ะ? ใครจะรู้ อาจจะมีบางคนบูชาเขาเพราะเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ!”เคนระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ ในที่สุดเราก็รู้แล้ว! เหตุผลที่แท้จริงของเฟนด์!”คราวนี้ผู้ชมบางคนเริ่มมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยามและเห็นด้วย“ไอ้หนู ในเมื่อแกอยู่นเวทีแล้วก็ลงสมัครมาด้วยความเต็มใจ ฉันจะส่งแกกลับบ้านเก่าเอง!”โอนีลมีสีหน้าขี้เล่นหลังจากกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะแล้วเขาก็ขยับตัวเข้าไปหาเฟนด์“เดี๋ยว!”ทันใดนั้นผู้จัดการทั่วไปของโลตัสบาร์แอนด์เลานจ์ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับหอบหายใจ “ฉ ฉ ฉันมาทันเวลาแล้ว!”“ ผู้จัดการทั่วไปคุณมาที่นี่ทำไม?”“คุณมาที่นี่ตรงเวลา เด็กคนนี้พยายามจะกินแล้วชิ่ง เราจับเขาได้และเขาไม่มีเงินจ่าย เขาเลยมาที่นี่เพื่อท้าทายแล้วก็ได้กินอาหารฟรี!” ผู้จัดการเวย์นอธิบายอย่
เคนพูดไม่ออก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเฟนด์จะไม่ตายหรอ?“ช่างเป็นโอกาสที่ดี ฉันจะ... ”นีลก็หนักใจเช่นกันอย่างไรก็ตามดวงตาของเขาสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่เคน เขาแนะนำว่า “ทำไมเราไม่แบ่งกันคนละหกล้านเหรียญ? ถ้าเขาตายเราจะจ่ายเงินแทนเขา หากใช้วิธีนี้ผู้จัดการทั่วไปจะปล่อยให้การแข่งขันดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน!”เคนรู้สึกประหลาดใจและร่าเริงขึ้นมาทันที “ได้สิ! คนละหกล้านเหรียญไม่ได้มากเกินไป ถ้าเราสามารถฆ่าเฟนด์ได้ เราจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้มาก ให้ตายสิ ชีวิตของเด็กคนนี้มีค่ามากทีเดียว!”แล้วเคนก็รีบยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและประกาศเสียงดังต่อผู้จัดการทั่วไปว่า “ผู้จัดการทั่วไป ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ผมรู้จักเฟนด์และภรรยาของเขา เราถือว่าเป็นคนรู้จักกัน ถ้าหากพวกเขาชนะการแข่งขัน คุณควรยกเลิกบิลของเขา!”เฟนด์ถูกจับไว้โดยไม่ทันรู้ตัว เขาไม่ได้คาดคิดว่าเคนจะพูดในนามของเขาวินาทีต่อมา เคนก็พูดออกมาอีกครั้งว่า “ถ้าเขาตายผมจะจ่ายเงินแทนเขา เขาเซ็นยินยอมแล้วดังนั้นคุณควรปล่อยให้เขาได้ลอง!”เฟนด์พูดไม่ออก เคนก็แค่กลัวว่าเขาจะไม่สามารถร่วมการแข่งขันบนเวทีได้“คุณพูดจริงหรอ?”เมื่อได้ยินเช
ใบหน้าของโอนีลฉายแววขี้เล่น เมื่อมองรูปร่างของเฟนด์แล้ว ดูเหมือนเขาจะตัวเล็กกว่าเดนนิสด้วยซ้ำ เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้จริงจังกับเฟนน์มากนักจู่ ๆ เฟนน์ก็พรวดพราดเข้ามาหาเขา ในขณะที่เขายืนอยู่ห่างจากเฟนด์ประมาณหนึ่งเมตร เฟนด์กระโดดยกขาขวาขึ้นแล้วเตะไปที่คอของโอนีลอย่างเต็มแรง เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนแสงแฟลชสั้น ๆ ที่สว่างวาบแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าการโจมตีของเฟนด์ทำให้เขาไม่ทันได้ระวังตัว เขาไม่เร็วพอจึงไม่มีจังหวะได้โต้ตอบกลับ โอนีลโดนเตะทันทีเพียงแค่เขายื่นมือไปด้านหน้า ในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ถอยกลับไปยังที่ที่เขายืนอยู่แล้วเอามือไพล่หลัง เขาดูผ่อนคลายและไร้กังวล “แก...” โอนีลรู้สึกได้ว่ากระดูกคอของเขาหักทันทีที่โดนเตะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวกว่ามันคือกระแสบางอย่างที่มองไม่เห็นได้เจาะลงลึกไปในคอของเขา การไหลเวียนของพลังงานภายในร่างกายแปรปรวนเป็นอย่างมาก ตามเหตุผลมันควรจะระเบิดไปตั้งนานแล้ว อย่างไรก็ตามดูเหมือนมันจะถูกควบคุมโดยบางสิ่ง มันจะระเบิดเมื่อไปถึงจุดที่กำหนดไว้โดยเฉพาะแล้วเท่านั้น ปัง ปัง ปัง! หน้าท้อง หน้าอก และบริเวณอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เฟนด์ชนะการแข่งขัน นายน้อยคลาร์กก็ไม่จำเป็นต้องช่วยจ่ายบิลอีกต่อไปตามกฎที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้พวกเขาจำเป็นต้องยกเลิกบิลของเฟนด์ และยังต้องจ่ายเงินรางวัลให้เขาอีกสามล้านเหรียญ“ผู้จัดการทั่วไป สำหรับเรื่องนี้…เราไม่คาดว่าเขาจะชนะ ดูเหมือนว่าเราเพิ่งจะประหยัดเงินได้แค่บางส่วน!” เคนกล่าวด้วยรอยยิ้มแม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆเฟนด์ยิ้มสบาย ๆ และโบกมือให้เคน “ขอบคุณนายน้อยคลาร์กที่คอยระวังหลังให้ฉัน ฉันถึงสู้ได้อย่างไร้กังวล!”“ฮ่า ๆ ๆ ไม่เป็นไร พวกเราทุกคนคุ้นเคยกันดีและฉันก็เป็นเพื่อนกับเซเลน่าด้วย!”เคนหัวเราะราวกับว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฟนด์เซเลน่ามีสีหน้าเย็นชาและยังคงเงียบ เมื่อก่อนเคนทำตัวเหมือนเป็นสุภาพบุรุษ เธอยังคิดว่าเขาเป็นเพื่อนแท้ด้วยซ้ำถึงอย่างนั้นตั้งแต่ที่เขามาที่บ้านของเธอและพยายามอย่างรุนแรงที่จะทำลายมัน เธอจึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนตีสองหน้าอีกอย่างการที่เขาเต็มใจที่จะจ่ายบิลแทนเฟนด์นั้นมีสิ่งแอบแฝง ข้อแรกคือเขาต้องการให้ผู้จัดการทั่วไปดำเนินการแข่งขันต่อเพื่อที่เฟนด์จะได้ตาย ข้อสองคือต้องการทำคะแนนกับเธอ บิลดังกล่าวค่าใช้จ่ายรวมมากกว่า 10 ล้
ผู้จัดการทั่วไปหน้ามืดไปชั่วขณะ มันไม่ใช่เงินแค่ 10,000 หรือ 20,000 เหรียญ แต่มันคือเงิน 12 ล้านเหรียญ!ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ได้รับส่วนลดก่อนหน้านี้ มันจะมีค่ามากกว่า 14 ล้านเหรียญ ถ้าเขายกเลิกบิลนั้นและยังต้องจ่ายเงินอีกสามล้านเหรียญ มันจะไม่ใช่แค่เสียหายบางส่วน แต่มันสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับธุรกิจของเขาเมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่เจ้านายคงจะด่าเขาและถามว่าทำไมไม่ห้ามเฟนด์ไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันแต่หลังจากที่คิดได้เธอก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “ฮ่าฮ่า เอาอย่างนี้ไหมน้องชาย? เรามาประนีประนอมกัน ค่าใช้จ่ายของคุณมากเกินไป ผู้ที่มาใช้จ่ายที่นี่รวมถึงลูกค้าที่จองห้องหรูส่วนตัวจะต้องจ่ายเงินประมาณหนึ่งถึงสองล้านเหรียญเท่านั้น คุณไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปหรอที่จะให้เรายกเลิกค่าใช้จ่ายจำนวนมากสำหรับคุณที่เป็นลูกค้าใหม่?”เธอหยุดพูดไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อว่า “เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันจะให้ส่วนลดกับคุณ 50 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในบิลก่อนหน้านี้ของคุณมีค่ามากกว่า 14 ล้านเหรียญ ฉันจะปัดเศษให้คุณเหลือแค่ 14 ล้านเหรียญ บวกกับส่วนลดอีก 50 เปอร์เซ็นต์ คุณจะจ่ายเพียงแค่เจ็ดล้านเหรียญเท่านั้น!”หลั
“ไม่ยุติธรรม?”คิ้วของเฟนด์กระตุก “ต่อหน้าทุกคนมีพยานมากมาย คุณกำลังบอกฉันว่ามันไม่ยุติธรรมหรอ?”ผู้จัดการทั่วไปโต้กลับโดยไม่ทันคิด “แน่นอนว่ามันไม่ยุติธรรมเดนนิส ฮาว์เวิลด์เป็นจอมพล ต่อสู้กับโอนีลเป็นเวลานาน แม้ว่าโอนีลจะชนะ แต่เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส อาจเป็นไปได้ว่าอาการบาดเจ็บภายในของเขาเกิดขึ้นก่อนหน้านี้…”เมื่อถึงจุดนั้นผู้จัดการทั่วไปหยุดชั่วขณะก่อนจะพูดต่อว่า “ในทางกลับกันคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมและแข่งขันกับชายที่ได้รับบาดเจ็บ คุณคิดว่ามันยุติธรรมไหม? ฉันไม่คิดว่าคุณจะฆ่าเขาได้ถ้าเขาไม่รับบาดเจ็บ!”เฟนด์พูดไม่ออก คนตรงหน้าเขาค่อนข้างมีไหวพริบไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้เป็นผู้จัดการทั่วไป ไหวพริบของเธอมากกว่าคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะทำให้เธอพูดเรื่องโกหกให้กลายเป็นเรื่องจริงได้นีลตบหน้าผากของตัวเองอย่างรู้แจ้ง “ใช่มันต้องเป็นอย่างนั้น เด็กคนนี้ต้องโชคดีแน่ ๆ!”อย่างที่ฉันพูดเฟนด์เป็นแค่ทหารธรรมดา เขาจะเอาชนะโอนีลได้ยังไง? แม้แต่เดนนิสยังไม่ใช้คู่ต่อสู้ของโอนีล ไม่ต้องพูดถึงเด็กคนนี้!”ด้วยเหตุนี้นีลกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันทีจากนั้นเขาก็วางมือข้างหนึ่งไว้ข้างหลังและเงยหน้าขึ้นเล็กน
เซเลน่ากรอกตาไปที่เฟนด์ก่อนจะพูดกับผู้จัดการทั่วไปว่า “เราไม่เอาเงินสามล้านเหรียญก็ได้ แต่จะต้องยกเลิกค่าใช้จ่ายนี้!”“นั่นสิ ผู้จัดการ คุณจะกลับคำพูดได้ยังไง?”เด็กที่ร่ำรวยคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากเห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของเซเลน่าแม้ว่าไม่สามารถช่วยเธอให้รอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้“นั่นสิ แม้ว่าสามีของเธอจะโชคดี แต่เขาก็ยังคงเป็นคนที่ฆ่าโอนีล มันก็เหมือนกับการฆ่าและขโมยของในเกม ถ้าเขาเป็นคนฆ่าคนสุดท้าย การฆ่านั้นก็จะตกเป็นของเขา ดังนั้นผลพลอยได้ก็ควรตกเป็นของเขาเช่นกัน”ชายอีกคนเข้ามาร่วมด้วย “คุณทำกำไรได้มากมายที่นี่ทุกวัน ทำไมคุณถึงขี้เหนียวขนาดนี้?!”“นั่นสิ หากบาร์ของคุณขาดความซื่อสัตย์แล้วในอนาคตเราจะกล้าใช้จ่ายที่นี่ได้ยังไง?”“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าการแข่งขันครั้งที่สองจะยุติธรรมหรือไม่แต่คุณเห็นด้วยกับมันแล้ว และในเมื่อคุณเห็นด้วยแล้วก็หมายความว่ากฎนั้นมีผลบังคับใช้!” หญิงสาวสวยที่ยืนกอดอกพูดสีหน้าของผู้จัดการทั่วไปสิ้นหวัง ด้วยเงินจำนวนมากกว่า 10 ล้านเหรียญมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจ“ฉันไม่สนใจหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้ขึ้นไปบนเวทีเดนนิสไอดอลของฉันคงจะถู
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ