เฟนด์ทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อได้เห็นสีหน้าของเซลีน่า เขาตรงไปหาบริตนีย์และตบหน้าเธอสองครั้ง“เพี๊ยะ เพี๊ยะ!”เสียงดังอย่างไม่น่าเชื่อดังขึ้นในขณะที่ในห้องนั้นเงียบลง“ฝันอยู่เหรอ? ผมกับภรรยาเต็มใจที่จะซื้อเครื่องดื่มให้คุณ คุณก็ควรจะรู้สึกขอบคุณสิ ตรงกันข้าม นี่คุณกำลังขอให้เราคุกเข่าต่อหน้าคุณเหรอ? ฮ่า ๆ คุณยังติดอยู่ในความฝันของเจ้าหญิงรึยังไง?”สีหน้าของเฟนด์เย็นชาขึ้น การจ้องมองของเขาเต็มไปด้วยความน่ากลัวตัวของบริตนีย์แข็งทื่อ เธอไม่เคยโดนตบมาก่อนในชีวิตเธอเป็นลูกสาวของตระกูลลี เพราะฉะนั้น ตระกูลดูแลเธออย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม เปรียบดั่งเพชรในตม เธอไม่คิดว่าจะถูกบอดี้การ์ดตบหน้ามาก่อน“แมท มัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ?”บริทนีย์โกรธมากที่แมทก็ดูกลัว“ไอ้เวร เป็นคนแบบไหนกันวะถึงตบผู้หญิง?”แมทเตรียมตัวเข้าใส่เฟนด์“ปั๊ก!”แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เด็กที่นิสัยเสีย หน้าตาดีแต่ไร้ประโยชน์ไม่มีความสามารถใด ๆ เลย แมทถูกเฟน์เตะกระเด็นไปที่โซฟา“โอ้ย!”แมทกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะที่จับหน้าอก“เด็กน้อย ฉันบอกแล้วว่าแกจะต้องเสียใจ!”บริทนีย์โกรธมากกว่าเดิม เธอชี้ไปที่เฟนด์และเซ
“หนุ่มน้อย ถ้านายลงสมัคร ฮ่า ๆ นายกำลังเรียกร้องหาความตายชัด ๆ เลย จะโดนฆ่าเอาง่าย ๆ เหมือนมดแน่ ๆ!”“ใช่แล้ว คนอเมริกาทั้งตัวใหญ่แล้วก็แข็งแรง สูงเกือบสองเมตร แขนหนากว่าขาของนายซะอีก ฮ่า ๆ”อีกฝ่ายเริ่มยิ้มเยาะเมื่อได้เห็นสารรูปของเฟนด์“จุ๊ ๆ ขนาดคนเก่ง ๆ ยังโดนฆ่าติดต่อกัน คนอเมริกาคนนี้มันช่างโหดเหี้ยม!”ฮิวคร่ำครวญ “แต่ก่อนหน้านี้เขาแค่สาหัสใช่ไหม? ผู้ชายคนนี้ฆ่าคนจริงเหรอ?”“อเมริกากับแคทธีเซียมีสงครามมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะจบไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความเกลียดชังกันอยู่ทั้งสองฝ่าย!”“แม้ว่าประเทศต่าง ๆ จะมีความสัมพันธ์กันด้านทางการทูตแล้ว แต่ก็ยังมีความตึงเครียดกันอยู่!”โรซ่าฝืนยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อมันเป็นการแข่งขัน และมีเรื่องความยินยอมเข้ามาเกี่ยวข้อง คู่ต่อสู้จะต้องไม่ปราณีอย่างแน่นอน!”หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว โรซ่ามองไปที่เซลีน่าก่อนจะเสริมว่า “อย่าให้สามีของเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าเขาตายมันจะเป็นปัญหา ไปหาทางแก้ปัญหาทางอื่นเถอะ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ยังหาทางอื่นแก้ได้!”“นี่เขาฆ่าชาวเคธีเซียเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมต้องฆ่าเขา!”“นอกจากนี
“ใช่แล้ว ฉันจะถ่ายรูปเก็บไว้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง!”แมทโกรธมากเขาพูดด้วยความเกลียดชัง“ที่นั่นไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์นะ...”ผู้จัดการเริ่มเตือนคนอื่น ๆ “เยี่ยม เด็กคนนี้โชคดีจริง ๆ!”แมทผิดหวังเล็กน้อยหลังจากนั้น ฝูงชนก็เริ่มมาที่ชั้นสามชั้นสามมีขนาดกว้างใหญ่ มีแกลลอรี่อยู่ทุกที่ และตรงกลางก็คือเวทีมวยที่มีแสงไฟอยู่“เฟนด์? เขามาที่นี่ทำไม?”อีกฝั่งของห้อง นายน้อยคลาร์คและนีลมาดูการแข่งขันด้วยกันพร้อมกับลูกคนรวยคนอื่น ๆ ตั้งแต่วันที่เคนรู้ว่านีลดูระหองระแหงกับเฟนด์ ทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันเคนรู้สึกไม่มั่นคงกับเฟนด์จึงทำให้เขาขอให้นีลออกมาคุยกันว่าจะฆ่าเฟนด์และทำให้เฟนด์กับเซลีน่าหย่ากันอย่างไร พวกคิดไม่คิดว่าเฟนด์จะมาปรากฏตัวที่นี่“เซลีน่าก็มาด้วยนี่!”นีลนิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีเงื่อนไขที่ดี“ไม่ใช่ว่าคนที่มาที่นี่จะเป็นคนที่จองห้องส่วนตัวสุดหรูเท่านั้นเหรอ?”เคนคิดอย่างนั้นและมองคนที่อยู่ข้าง ๆ เฟนด์ “ดูเหมือนว่าบริตนีย์จะเลี้ยงข้าวพวกเขานะ แปลกแฮะ บริตนีย์มาเจอเฟนด์กับเซลีน่าได้ยังไง เธอเต็มใจจ่ายเงินกว่าล้านเหรียญให้พวกเขาได้ยังไง?”“ใครจะรู้ว่าพอได้เห็
“ทำไมเดนนิสถึงมาอยู่ที่นี่?”เคนถอนหายใจแรงเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาไม่คิดว่าเพื่อนที่ดีของเขาคนนี้จะลงสมัครการแข่งขันคืนนี้“ห้ะ? นี่นายรู้จักเดนนิสเหรอ?”นีลนิ่งไปก่อนจะเสริมว่า “เขาเป็นจอมพลนะ ประเภทที่สามารถต่อสู้กับระเบิดได้!”“ใช่ฉันรู้จักเขา เราเป็นเพื่อนกัน!”“ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ไอ้คนอเมริกาต้องตายแน่ ๆ”เคนตื่นเต้นมากขึ้นเล็กน้อย “ฮ่า ๆ การแข่งขันคืนนี้เริ่มสนุกแล้วล่ะ!”“ฉันไม่สนว่ามันจะสนุกไหม เรามาที่นี่เพื่อแสดงนะ!”นีลหัวเราะก่อนเข้าไปกระซิบกับเคนว่า “อย่างนั้นแล้ว จอมพลเดนนิสคนนี้เป็นเพื่อนของนาย ทำไมนายไม่ปล่อยให้เขาฆ่าเฟนด์ไปอย่างเงียบ ๆ สักวันนึงล่ะ? ถ้าเขาตาย เราก็จะมีโอกาสไม่ใช่เหรอ?”สีหน้าของเคนนิ่งลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น “นายคิดเหรอว่าฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นมาก่อน ฉันเคยขอให้เขาช่วยเรื่องเด็กเหลือขอนั่น แต่แล้วเดนนิสก็บอกฉันว่าอย่าสร้างปัญหาให้เฟนด์ ความจริงแล้ว เขาบอกด้วยซ้ำว่าตระกูลคลาร์คนั่นแหละที่จะมีปัญหา!”“จริงเหรอ?”สีหน้าของนีลยังคงนิ่ง เขากำลังกลัว“เชี่ย เป็นไปได้ไหมว่าเฟนด์จะแข็งแกร่งกว่าจอมพล? ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วหมายความว่าเขาคือราชาแห่งสงค
พนักงานเสิร์ฟกำลังยืนคุยกัน ผู้จัดการหญิงคิดอะไรบางอย่างออก เธอหันไปพูดกับชายชุดดำว่า “ดูเด็กเหลือขอนั่น อย่าปล่อยให้หลุดไปได้ เข้าใจไหม? ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ไปสังเวียนนะ ฮึ่ม ถ้าเขายังไม่มาจ่ายเงินภายในหนึ่งนาฬิกาล่ะก็ ความตายจะไปอยู่ตรงหน้าเขาแน่!”“เอาล่ะ ขอต้อนรับผู้ท้าชิง เดนนิส ฮาว์เวิลด์!” พิธีกรพูดเสียงดังลั่นบนสังเวียนและในที่สุดก็มีมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากประตู ท่าทีของเขาดูสุขุมเขาจ้องมองไปที่ฝูงชนอย่างเย็นชาก่อนจะยืนรอดูคู่ต่อสู้ของเขา“เยี่ยมไปเลย ในที่สุดคนที่แข็งแกร่งที่สุดของแคทธีเซียก็อยู่บนสังเวียนนี้แล้ว คราวนี้เขาจะต้องกระทืบไอ้อเมริกานั่นตายอย่างแน่นอน!”“ใช่แล้ว คราวนี้เป็นจอมพล ผู้ชายคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นนะ คนอเมริกาก็สูงใหญ่และมีพละกำลังที่แข็งแรงเช่นกัน เขาดูเหมือนปีศาจทั้ง ๆ ที่แค่ยืนอยู่เฉย ๆ สิบคนก่อนหน้านี้ที่มีคนเก่ง ๆ อยู่ด้วยก็ตายในน้ำมือของคนอเมริกาเหมือนกัน!”พวกลูกคนรวยในสังเวียนเริ่มต้นคุยกันเฟนด์ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของที่นี่จะสร้างสังเวียนอย่างนี้ขึ้นมา ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือกา
“เร็วมาก!”บริทนีย์และฝูงชนอุทานขึ้นมาทุกคนต่างสนใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นบนสังเวียนเดนนิสเร็วมาก เขาพุ่งเข้าใส่เร็วราวกับเสือดาวก่อนจะมีใครคิดอะไรได้ เขาก็อยู่ตรงหน้าโอนีลแล้ว“ปั๊ก!”หมัดของเดนนิสพุ่งเข้าไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ เป็นหมัดที่แรงและแข็งแรง“อะไรกัน เขาต่อยโดน!”“พระเจ้า ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนเลยนะ!”“ต่อยได้ดีนี่ ฮ่า ๆ โอนีลดูถูกแคทธีเซีย ต่อยแรง ๆ เลย!”ฝูงชนเริ่มดังกระหึ่มหลังจากหมัดแรก เดนนิสก็ถูกผลักออกไป เขาถอยหลังไปสองสามก้าวและจ้องมองคู่ต่อสู้ด้วยสีหน้าจริงจัง เขาไม่กล้าผ่อนคลายโอนีลถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว และรอยยิ้มแสนชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้น “ฮ่า ๆ ไม่เลวนี่ แกเป็นจอมพลแห่งแคทธีเซีย เพราะงั้นก็ต้องแข็งแรงกว่าเด็กเหลือขอคนอื่น ๆ”“ทุกคนที่มาท้าทายแกจะได้เป็นฮีโร่!”เดนนิสมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยความโกรธ ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะแพ้ แต่ก็มีค่าควรแก่การให้ความเคารพ“ฮ่า ๆ ฮีโร่เหรอ? มีแต่ผู้ชนะเท่านั้นแหละที่จะถือว่าเป็นฮีโร่ พวกขี้แพ้ก็ได้เป็นแค่ขยะและคนขี้ขลาด!”“สำหรับฉันแล้วพวกแกไม่ใช่คนที่เป็นนักต่อสู้เลย พวกแกอ่อนแอสำหรับฉัน!”โอนีลหัวเราะดัง
เฟนด์ฝืนยิ้มขณะที่มองผู้จัดการ“บ้าไปแล้ว เขาเป็นคนแคทธีเซีย ไอ้โอนีลฆ่าพวกเราไปหลายคน ฉันอยากให้มันตายเร็ว ๆ จริง ๆ”“เจ้านายบ้ามากที่ไปจ้างไอ้นี่มาป้องกันแชมป์แล้วให้รางวัลเขาด้วยเงินสองล้านเหรียญทุกการแข่งขันที่ชนะ”ผู้จัดการหญิงพูดอย่างโกรธเคืองเฟนด์ถอนหายใจ “นี่ ผมก็หวังว่าเดนนิสจะชนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะได้ไม่ต้องทำอะไรเลย!”เฟนด์หยุดพูดก่อนพูดต่อว่า “แต่ฉันบอกได้เลยว่าเดนนิสอาจจะไม่ใช่คู่แข่งที่เหมาะสมกับโอนีล!”“พูดบ้าอะไรน่ะ? เดนนิสเป็นไอดอลของทุกคนนะ!”“ใช่ เขาเป็นจอมพล พูดออกมาได้ยังไงว่าเขาไม่เหมาะสม!”“ไอ้หนุ่ม ฉันจะกระทืบแก!”ผู้ชมรอบ ๆ เริ่มตำหนิเฟนด์ผู้จัดการหญิงก็มองเฟนด์อย่างโกรธ ๆ เช่นกัน ถ้าฆ่าเขาได้เฟนด์คงเป็นชิ้น ๆ ไปแล้วตอนนี้“ที่รัก ทำไมคุณไม่ยอมแพ้ล่ะ? ถ้าเดนนิสไม่เหมาะสำหรับโอนีล นั่นจะไม่ทำให้คุณเสี่ยงเหรอ?”เซลีน่ารู้สึกเป็นห่วงเมื่อได้ยินเช่นนั้นอย่างที่ว่าไป คนธรรมแค่นั่งดูการแสดง ส่วนผู้เชี่ยวชาญก็คอยเก็บรายละเอียดแม้ว่าเดนนิสจะดูได้เปรียบมากกว่า แต่เซลีน่าก็เชื่อมั่นว่าตั้งแต่เฟนด์เป็นทหารมา 5 ปี เขาจะต้องมีประสบการณ์มากกว่าที่ธรรมดา
การต่อสู้ในสังเวียนยังคงดุเดือด ทั้งสองฝ่ายกำลังสู้กันอย่างเต็มที่ทั้งสองฝ่ายเหงื่อออกจนชุ่ม เสื้อของเดนนิสเต็มไปด้วยเหงื่อ“อ๊า!”จู่ ๆ เดนนิสก็ร้องขึ้นมาแล้วดิ้นจนทำให้เสื้อของเขาขาดเป็นชิ้น ๆ ทำให้เห็นรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวของเขาเต็มไปทั่วหลังและหน้าอกเขา“รอยกระสุนนี่!”“ดูเหมือนว่าเขาจะโดนยิงจากสนามรบนะ!”“ไม่ใช่แค่รอยเดียวนะ พวกนี้คือทหารที่อยู่แนวหน้าที่เสี่ยงชีวิตเพื่อพวกเรา!”ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นรอยแผลเป็นของเดนนิสผู้หญิงบางคนถึงกับน้ำตาคลอจนเกือบจะร้องไห้ฮึก!เฟนด์ขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆ ผู้จัดการหญิงร้องไห้ไปแล้ว “แค่คิดว่าไอดอลของฉันมีรอยแผลเป็นมากขนาดนี้ก็ เขาคือฮีโร่ ฮีโร่จริง ๆ!”“ผู้จัดการ คุณพูดไม่ใช่เหรอว่าคนที่ช่วยลิตเติ้ลเจคโดยการกระโดดเข้าไปหาเสือในกรงแล้วก็จับเสือไซบีเรียมาตัดหัวนี่เป็นไอดอลคุณเหรอ?” หัวหน้าหญิงถามเพื่อเป็นการเตือนความจำ“นั่นก็เป็นไอดอลฉันเหมือนกัน ฉันมีไอดอลสองคนละ!”“ไม่ใช่ น่าจะเป็นสามมากกว่า มีคนก่อนหน้านี้ เขาฆ่าคนกว่า 200 คนจากเผ่าดราก้อนก็อดในคืนเดียวนั่นก็เป็นไอดอลฉันด้วย!” ผู้จัดการหญิงอธิบายผ่านน้ำตาเฟนด์รู้สึ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ