ในขณะนั้น นักรบแห่งสุญญะทางด้านขวาก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับดาบสีม่วงเช่นกัน เมื่อถูกโจมตีจากทางขวาและทางซ้าย ใบหน้าของกริฟฟินก็ซีดลงทันทีศิษย์จำนวนมากล้มเหลวเพราะการโจมตีเช่นนั้น หากพวกเขาไม่สามารถฆ่าหนึ่งในนักรบแห่งสุญญะได้ในทันที อีกร่างก็จะตามมาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว การถูกทั้งสองฝ่ายโจมตีจะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ง่ายอย่างเหลือเชื่อ!อย่างไรก็ตาม กริฟฟินก็ถือเป็นศิษย์ที่ถูกเลือก เขามีทักษะของตัวเอง เขาตะโกนออกไปว่า "เส้นทางเมฆา!" เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีจากนักรบแห่งสุญญะทางด้านขวาราวกับว่าเขาเป็นปลา และไม่ลังเลที่จะโจมตีนักรบทางด้านซ้ายครั้งนี้เขาไม่มีความเมตตา กระดูกในมือของเขาเปล่งแสงสีแดงเข้ม ในขณะที่กริฟฟินตะโกนอย่างเดือดดาล "ตายซะ!"จากนั้นกระดูกก็ทิ่มแทงร่างกายของนักรบแห่งสุญญะอย่างโหดเหี้ยม หลังจากเกิดเสียงดังขึ้น นักรบแห่งสุญญะก็กลายเป็นจุดแสงสีม่วงนั่นคือช่วงเวลาที่กดดันที่สุด เขาไม่อาจปล่อยให้นักรบแห่งสุญญะทางด้านขวาดูดซับแสงสีม่วงได้ มิฉะนั้น พลังของนักรบแห่งสุญญะจะเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ ในท้ายที่สุด เขาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันสองเท่า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
เนลสันซึ่งอยู่ห่างจากเฟนด์เพียงคนเดียวสามารถเอาชนะนักรบแห่งสุญญะที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ และทำให้การต่อสู้เสร็จสิ้นลง ทุกคนที่รู้จักเฟนด์ต่างก็จ้องมองเฟนด์ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ทำไมเฟนด์ถึงยังไม่เคลื่อนไหว? เขากำลังรอทานอาหารกลางวันอยู่หรือไง?กริฟฟินตะคอกเบา ๆ "เฟนด์ อย่าบอกนะว่านายกลัว? นายกลัวว่านายจะแสดงความอ่อนแอให้พวกเราเห็น? ถ้าอย่างนั้นก็เลิกเสแสร้งทำเป็นใจเย็นได้แล้ว นายทำอย่างกับว่านายสามารถเอาชนะนักรบแห่งสุญญะที่อยู่ต่อหน้านายได้อย่างง่ายดายอย่างนั้นแหละ!”เฟนด์หรี่ตา ไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองกริฟฟิน เขาไม่คิดจะตอบโต้คำเย้ยหยันของอีกฝ่ายอีกต่อไป ถึงกระนั้น ที่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวก็เพราะเขากำลังเฝ้าดูการต่อสู้ของคนอื่น ๆ และคาดเดาถึงสิ่งต่าง ๆ อยู่ภายในใจดวงตาของเขาเป็นประกาย เมื่อเขามองไปที่นักรบแห่งสุญญะที่อยู่เบื้องหน้า เนื่องจากเขาไม่ได้โจมตี นักรบแห่งสุญญะจึงสันนิษฐานว่าเฟนด์ยังไม่พร้อม ดังนั้นนักรบแห่งสุญญะจึงไม่เคลื่อนไหวใส่เฟนด์เช่นกันความจริงแล้ว ทักษะของนักรบแห่งสุญญะเป็นเพียงระดับของคนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาทีเดียว มันไม่ได้ช้าไปกว่าเกรแฮมและชายสวมหน้ากากเลยแม้แต่น้อย ผู้ที่เห็นการต่อสู้ของเฟนด์ต่างก็เบิกตากว้างเฟนด์สังหารนักรบแห่งสุญญะได้เร็วจนเกินไป เขาทำได้ดีกว่าศิษย์ทั่วไปมากเรียกได้ว่าสูสีกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดถึงสองคนได้เลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้แต่ละคนถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ“เจ้าเด็กนี่เป็นคนแรกที่มาถึงด่านที่สอง! ฉันจำได้ว่าเขาเป็นคนที่เร็วที่สุด เขาเป็นคนแรกที่หลุดพ้นจากภาพลวงตามาได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทักษะที่เขามีจะไม่ต่างอะไรกับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเลย!"“นั่นยังไม่ใช่จุดที่สำคัญที่สุดหรอกนะ ดูที่ระดับพลังยุทธของเขาสิ เขาอยู่เพียงขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดเท่านั้น เขาแข็งแกร่งกว่าศิษย์ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดทุกคนที่นี่ แข็งแกร่งกว่ามากด้วย!”"ในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ ศิษย์สวมหน้ากากจากสำนักวายชนม์และเกรแฮมผู้นำศิษย์ของสำนักสหัสบรรณเป็นเพียงสองคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้! ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาสวมใส่อยู่แล้ว เขาน่าจะเป็นคนของตำหนักสองกษัตริย์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศิษย์จากสำนักระดับสามจะมีทักษะโดดเด่นเช่นนี้!”กริฟฟินทำหน้าบอกบุ
"ไม่! เสียงนี้มันมีบางอย่างผิดปกติ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันกำลังพยายามจะฆ่าฉันเลยล่ะ""เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันยังได้ยินทั้ง ๆ ที่ปิดหูอยู่ได้?!"เสียงกระดิ่งในแต่ละครั้งจะทำให้การไหลเวียนเลือดของพวกเขาเกิดความผิดปกติ มีหลายคนที่รู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังพลุ่งพล่านเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งนั้น และบางคนถึงกับเริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดเฟนด์ขมวดคิ้ว พยายามใช้พลังงานในการสกัดกั้นการโจมตีที่มาจากเสียงกระดิ่งดังกล่าว นักรบแห่งสุญญะที่อยู่ข้างหน้าเขายังไม่ได้เคลื่อนไหวและมองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามในขณะที่เฟนด์กำลังสงสัยว่านอกจากเสียงกระดิ่งดังกล่าวแล้วจะมีอะไรอีก ภาพตรงหน้าที่ที่เขาเห็นก็สว่างวาบขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าสู่พื้นที่พิเศษฉากเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะคาดเดาได้ เขาได้แต่สงสัยว่านี่จะเป็นภาพลวงตาอีกครั้งหรือไม่ แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้นลดน้อยลง หากมันเป็นภาพลวงตา เหตุการณ์เบื้องหน้าคงไม่แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันได้ถึงขนาดนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ในขณะที่ภาพลวงตาทำให้เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตาคลุมเคร
ในช่วงเวลาที่น่าตระหนกอย่างที่สุดนั้น เสียงลมหวีดหวิวก็ดังก้องอยู่ในหูของเขา ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เฟนด์ตั้งสติ มุ่งความสนใจไปรอบกาย หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เขาจะสามารถตอบสนองได้ในทันทีลมเริ่มแรงขึ้น มันพัดเอาฝุ่นบนพื้นขึ้นมา ซึ่งบดบังการมองเห็นของเฟนด์ เสื้อผ้าของเฟนด์ปลิวไปตามสายลมลมนี้ไม่เพียงบดบังทัศนวิสัยของเขาเท่านั้น แถมมันยังกลบเสียงที่เกิดขึ้นรอบกายเขาอีกด้วย ทันใดนั้นประสาทสัมผัสทั้งหมดของเฟนด์ก็ถูกปิดลง เขาถอนหายใจยาว จะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว!ลมกรรโชกอีกระลอกพัดมา มันทำให้เฟนด์สูญเสียการทรงตัวและร่างกายของเขาเกือบจะถูกลมพัดปลิวหายไปอยู่รอมร่อเกิดอะไรขึ้น?! เขาไม่รู้เลยว่าลมจะพัดต่อไปอีกนานเท่าไร หรือลมจะพัดพาอันตรายเช่นไรมาหาเขา ในขณะนั้นจิตใจของเขากระสับกระส่ายอย่างที่สุดในขณะที่เขากำลังจะตื่นตระหนก จู่ ๆ ลมก็หยุดพัดลม การหยุดอย่างกะทันหันทำให้เฟนด์งงงวยอยู่ชั่วขณะเมื่อไม่มีลม ฝุ่นก็ค่อย ๆ จมลงกับพื้น และทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความเงียบสงัดดังก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ทัศนวิสัยของเขาชัดเจนขึ้นขึ้น เฟนด์ก็ไม่อาจห้ามไม่
แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ!ความคิดเหล่านั้นไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ในใจของเฟนด์ เพราะภาพเดียวกันนี้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนที่กำลังท้าทายนักรบแห่งสุญญะคนที่สามอยู่ด้วยเช่นกันทุกคนที่อยู่ในด่านทดสอบที่สามถูกส่งไปยังพื้นที่อันโดดเดี่ยวของใครของมัน แต่ละพื้นที่พิเศษปรากฏฉากเดียวกัน ฝูงผีดิบกว่าร้อยตัวยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา รัศมีอันชั่วร้ายแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของพวกมัน!กริฟฟินมองไปที่ฝูงผีดิบเบื้องหน้าและเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ดาบที่เขากำแน่นอยู่ในมือสั่นเล็กน้อย ร่างของเขาก็สั่นตามไปด้วย"แล้วนี่ฉัน..ฉันจะฆ่าผีดิบพวกนี้ทั้งหมดได้ยังไง?” กริฟฟินเกือบพูดไม่ออก เมื่อเผชิญกับความท้าทายดังกล่าว เขาก็ไม่อาจระงับความกลัวในจิตใจของตัวเองได้ ฮาวเวิร์ด น้องชายของกริฟฟิน เพิ่งผ่านด่านที่สองมาได้เพียงไม่นาน หลังจากใช้พลังทั้งหมดของตัวเองไปและได้รับบาดเจ็บเพราะบททดสอบที่แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงผีดิบจำนวนมาก เขาก็หวาดกลัวจนจับขั้วหัวใจ!หากพวกเขาเริ่มต่อสู้กัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถต้านทานการต่อสู้ระลอกแรกได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ มันน่ากลัวเกินไป!ฝูง
“แน่นอนว่าพวกเขาทุกคนจะไม่ถูกกำจัดทิ้งจนหมดตั้งแต่ในการทดสอบที่สี่หรอกใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะไม่ได้แปลว่าทุกอย่างที่พวกเราทำมาจะสูญเปล่าหรอกเหรอ?”“ใครจะไปรู้ล่ะ… แต่ฉันคิดว่าความคิดของนายก็ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่นะ!”ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งมีคำถามมากขึ้น ไม่ว่าจะมีใครก็ตามที่สามารถพิชิตความท้าทายนี้ได้สำเร็จ ไม่ว่าใครก็ตามจะสามารถรับรางวัลที่ด้านบนสุดของหุบเหวแห่งสุญญะได้หรือไม่ ทุกคนต่างรู้สึกว่าด้วยความยากที่พวกเขาต้องประสบนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างก็จะสูญเปล่าในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ น้ำเสียงของชายชราก็ดังขึ้นอีกครั้ง "มีผีดิบทั้งหมดร้อยยี่สิบตัว การฆ่าผีดิบสามสิบตัวเท่ากับการผ่านอุปสรรคจำนวนหนึ่งครั้ง ซึ่งเท่ากับเอาชนะนักรบแห่งสุญญะหนึ่งคน ฆ่าผีดิบร้อยยี่สิบตัว เท่ากับเอาชนะนักรบแห่งสุญญะสี่คน”ทันใดนั้น นักรบแห่งสุญญะจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏตัวขึ้นบนหุบเหวแห่งสุญญะ นักรบแห่งสุญญะเหล่านั้นเรียงแถวอยู่บนหุบเหวแห่งสุญญะตามลำดับ นักรบแห่งสุญญะปรากฏตัวทุก ๆ สามสิบฟุต โดยรวมแล้วมีนักรบแห่งสุญญะอยู่ต่อหน้าทุกคนถึงเจ็ดคนนั
เฟนด์หรี่ตาลง หากเขาสามารถกำจัดผีดิบจำนวนร้อยยี่สิบตัวต่อหน้าเขาได้ มันก็จะเท่ากับการกวาดล้างนักรบแห่งสุญญะถึงสี่คนในคราวเดียว หากสามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ไปได้มันจะทำให้เขาผ่านด่านทดสอบของนักรบแห่งสุญญะคนที่หกไปได้ด้วย!มันเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย แต่กลับให้ความรู้สึกที่ยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน!ฝูงผีดิบจำนวนร้อยยี่สิบตัวเริ่มดึงอาวุธของตัวเองออกมา ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกระบบปลุกให้ตื่นขึ้นเสียแล้ว พวกมันทุกคนล้วนแล้วแต่มีลักษณะท่าทางและเป้าหมายเป็นของตัวเอง พวกมันกัดฟันกรอดราวกับอยากจะฉีกทึ้งร่างของเฟนด์ออกเป็นชิ้น ๆ“พวกมันทั้งร้อยยี่สิบตัวจะโจมตีพร้อมกันอย่างนั้นเหรอ?” หัวใจของเฟนด์เต้นแรงเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็น่าจะมีโอกาสได้พักเสียบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าผีดิบได้ร้อยยี่สิบตัวก็ตาม เขาคิดว่าอย่างน้อยพวกมันก็น่าจะดาหน้าเข้ามากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ปฏิกิริยาที่พร้อมเพียงกันของพวกมัน ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะพุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกันแม้แต่เฟนด์ก็ยังประสบปัญหาจากการต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากฝูงผีดิบจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว"