ในตอนนี้แดนเมาได้ที่เริ่มไม่ค่อยมีสติ ส่วนตัวของซาเนียเองเธอไม่ได้เมาขนาดนั้น พยายามที่จะให้ชายหนุ่มดื่มให้มากที่สุด เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง"ไอ้แดนมึงไหวไหมวะเนี่ย""เริ่มมึนแล้วว่ะ แยกย้ายกันดีไหม"เขาเอ่ยออกมาก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกแก้ว ขยับตัวลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับ ทว่าความมึนทำให้เขาเซแทบจะล้มลงที่พื้น ซาเนียรีบขยับตัวลุกขึ้นมาประคองเขาไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะล้มตึงลงไปกองที่พื้น"เดี๋ยวซาเนียพาคุณกลับเองค่ะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองใบหน้าของเพื่อนสนิทของแดนที่ยืนอยู่ตรงนั้น"เดี๋ยวซาเนียพาแดนกลับบ้านเองค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะไม่เอาไปทำอะไรไม่ดีหรอก เราสองคนรู้จักกันค่ะ""ถ้างั้นก็ฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ"ทุกคนค่อยสบายใจหน่อยเมื่อรับรู้ว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะปลอดภัยหายห่วง เธอประคองแดนพาลงไปถึงข้างล่างจากนั้นก็จับเขายัดเข้าไปในรถฝั่งคนขับ ตลอดทางเขาก็เอามือกุมขมับตัวเองเอาไว้ หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นจ้องมองไปยังผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างซึ่งตอนนี้กำลังขับรถอยู่"คุณจะพาผมไปที่ไหน""ก็พาไปโรงแรมไงคะ คุณเมาขนาดนี้จะขับรถกลับเองได้ยังไงล่ะ เ
เช้าวันต่อมา...แดนขยับตัวบิดขี้เกียจก่อนจะกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัว ใบหน้านั้นมึนงงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความเร่าร้อนกับสาวสวยเมื่อคืนนี้ ทำให้ร่างกายรู้สึกเพลีย ทำการขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น"คุณ..."เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็เจอกับซาเนียในชุดคลุมถือแก้วน้ำเปล่าอยู่ เธอจ้องมองมายังเขาก่อนจะยิ้มออกมา ขยับตัวนั่งลงข้างเตียงยื่นมือมาแตะแก้มของเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน"ตื่นแล้วเหรอคะ""ครับ... เมื่อคืน""เราก็มีอะไรกันไง ถ้านายบอกว่าจำไม่ได้ฉันจะตบนายให้ได้สติ"เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้อารมณ์มันพลุ่งพล่านกว่าปกติ โดนผู้หญิงอ่อยขนาดนั้นใครไม่เอาบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ ประเด็นที่เขากังวลในตอนนี้คือ ไม่ควรมีอะไรกับผู้หญิงที่มีประเด็นกับเจ้านาย โดยเฉพาะกำลังมีปัญหาเรื่องมรดกกันอยู่"คุณต้องการอะไร""ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ไม่คิดว่าฉันจะพอใจนายแล้วอยากมีอะไรด้วยเหรอ"เธอยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ คนอย่างเธอคงไม่มายุ่งกับเขาหรอกถ้าไม่มีจุดประสงค์ อย่าลืมสิว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจหรือร่ำรวยมหาศาล คนแบบนั
หลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จพ่อเลี้ยงภูริช และภรรยาก็พากันเดินทางมาที่บริษัท คนเก่าแก่ที่อยู่กับท่านกนกมานานคอยต้อนรับทายาทเพียงคนเดียว แนะนำรายละเอียดงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ หญิงสาวจะได้เรียนรู้งานได้เร็วที่สุดก่อนขึ้นรับตำแหน่ง"แฟ้มนี้เป็นประวัติบริษัทของเราทั้งหมด ส่วนแฟ้มเอกสารนี้รายละเอียดสาขาของเราที่อยู่ทั่วประเทศ ส่วนอันนี้เป็นรายละเอียดรายรับรายจ่ายทุกปีย้อนไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว ส่วนแฟ้มนี้เป็นรายชื่อคู่ค้าของเรา เราซื้อสินค้าจากที่ไหนบ้างจะรวมอยู่ในนี้หมดเลยครับ""หนูไปอ่านประวัติบริษัทก่อนนะคะอันนี้พี่พอรู้มาบ้าง เดี๋ยวพี่จะอ่านพวกรายละเอียดสาขาก่อน แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันอีกทีหนึ่ง""ได้ค่ะแดดดี้"หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารศึกษาข้อมูลที่คนเก่าแก่เอามาให้ รายละเอียดงานทุกอย่างเธอจะต้องอ่านอย่างถี่ถ้วน และภายในอาทิตย์เดียวเธอจะต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างของบริษัท เพื่อที่จะได้บริหารทุกอย่างต่อจากคุณหญิงกิ่งแก้ว รายนั้นกำลังดูถูกว่าเธอไม่สามารถบริหารบริษัทใหญ่ขนาดนี้ได้ และเธอจะต้องพิสูจน์ว่าเกียรตินิยมอันดับ 1 ไม่ได้มาเพราะว่าโชคช่วยในขณะที่ทั้งสองคนตั้งใจทำงา
คุณหญิงกิ่งแก้วให้เลขาทำเรื่องเบิกเงินกับบริษัทเพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับทายาท KCJ ในอีกสองวันที่จะถึงนี้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เอาเข้าที่ประชุมเลยด้วยซ้ำ เป็นคำสั่งของ CEO แล้วตอนนี้เธอยังมีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างในบริษัท"จัดการจองร้านอาหารให้เรียบร้อยด้วยนะ ไม่ดีกว่า... จัดที่สถานบันเทิงไปเลย ที่มันมีแอลกอฮอล์หลากหลายเสียงดนตรีบรรเลง เอาแบบนั้นแหละ""ได้ค่ะท่านประธาน"เลขาของเธอเดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อทำหนังสือการเบิกจ่ายไปที่บัญชี เรื่องมาถึงหูประธานบริษัทคนใหม่ เพราะเป็นการเบิกจ่ายเงิน แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีอำนาจในการเซ็นเอกสาร อาจจะต้องรอให้ทนายดำเนินการเสร็จเรียบร้อยได้มีการแต่งตั้งประธานคนใหม่ก่อน ถึงตอนนั้นเธอจะสามารถจัดการเรื่องในบริษัทได้ทุกอย่าง"คุณหญิงกิ่งแก้วเบิกเงินจัดงานเลี้ยงต้อนรับทายาทคนใหม่ของ KCJ ค่ะ ตอนนี้เธอยังคงเป็นประธานบริษัทอยู่ มีอำนาจในการเซ็นเอกสารทั้งหมดค่ะ""เรื่องเบิกเงินไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่ว่าจัดงานเลี้ยงต้อนรับทายาทคนใหม่ของ KCJ มันไม่ธรรมดาแดดดี้ว่าไหมคะ""นั่นสิ อยู่ ๆ อยากจะต้อนรับหนูซะงั้น ไม่รู้ว่ามีแผนอะไรหรือเปล่า"ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันด้วยค
แบมบี๋นั่งลงตรงโซฟาเคียงข้างกับชายหนุ่ม ใบหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อชายหนุ่มทำหน้างอไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เธอจะอธิบาย"อย่าทำหน้างอแบบนั้นสิคะแดดดี้ก็รู้ว่าหนูรักแดดดี้คนเดียวจะมาระแวงอะไรแบบนั้นคะมันไม่ใช่เรื่องเลยนะ""แล้วจะให้พี่คิดยังไงแนบชิดกันขนาดนั้น"ทั้งสองคนยังคงไม่มีความเข้าใจกันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแดนและซาเนียเดินเข้ามาภายในงาน และเมื่อหญิงสาวเห็นใบหน้าของสามีภรรยาที่ดูตึงเครียด ก็ยิ้มมุมปากออกมาด้วยความพอใจ"ท่าทางจะทะเลาะกันนะนายทำดีมาก""ต้องให้รางวัลผมด้วยล่ะ"เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปข้างในและเมื่อเจ้านายเห็นใบหน้าของผู้ช่วยคนสนิท ก็มีท่าทีหงุดหงิดแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน"ไปนั่งที่อื่นไป""อะไรครับเจ้านายไม่น่าจะมาระแวงอะไรผมนะ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานไม่ไว้ใจกันหรือไง""เหอะ! ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ อย่ามายุ่งกับเมียฉันถือว่าเตือนแล้วนะ""แดดดี้!"หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกท้ออย่างถึงที่สุด ดูเหมือนว่าคนแก่จะไม่ยอมรับฟังใครทั้งนั้นทำตัวดูงี่เง่าจนเหมือนไม่ใช่คนเดิมที่เธอรู้จัก"ปกติแดดดี้เป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้นะคะตอนนี้เหมือน
หลายวันต่อมา...ทั้งสองคนดูจะมีปัญหาสะสมไม่คุยกัน ไม่ยอมเคลียร์ใจกันเลยตั้งแต่ที่เกิดเรื่องราวในวันนั้น ทุกคนในบ้านแอบสังเกตเห็นว่าพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋จะตึงใส่กัน ไม่ได้มีความหวานเหมือนก่อนหน้านี้ที่เข้ามาใหม่"คุณหญิงคะ นมว่าทั้งสองคนน่าจะมีปัญหาอะไรกันนะคะ ดูท่าทางไม่ค่อยคุยกันเลย กินข้าวก็เงียบใส่กัน"แม่นมอยากจะคุยกับคุณหญิงของบ้านหลายวันแล้ว เพราะดูอาการของสองสามีภรรยาไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย ก่อนนี้ทั้งคู่ดูรักกันจนคนรอบข้างมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะเลิกรากันแบบไหน"นั่นสิ ถามอะไรลูกสาวก็ไม่ยอมพูด เรารอดูอยู่ห่าง ๆ ดีกว่าจ้ะนม อาจจะแค่งอนกันคงไม่มีอะไรหรอก""ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะค่ะ อย่าปล่อยให้มันบานปลายเลยนะคะ เดี๋ยวจะแก้ไขอะไรไม่ทัน"ทั้งสองคนมองสบตากันด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล คนจะแต่งงานด้วยกันแท้ ๆ ถ้าจะต้องมามีปัญหากันมันอาจจะเป็นลางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ทางด้านของแบมบี๋เธอไปทำงานอย่างเช่นปกติ ส่วนพ่อเลี้ยงภูริชวันนี้เขามีคุยงานกับลูกค้าที่โรงแรมหนึ่ง เจรจาเรื่องการซื้อขายสินค้าของไร่ โดยปกติถ้าไม่ได้เป็นรายใหญ่เขาจะให้ลูกน้องคนสนิทมาแทน หรือไม่อย่างนั้นจะเป็นแบมบี๋ภรรยาของเขาที่คอ
ทั้งสองคนเดินเล่นอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ช่วยกันเลือกสร้อยคอเพื่อให้แดนเอาไปให้สาวสวยตามที่พูดไว้ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"เส้นนี้ก็สวยดีนะคะ เป็นรูปหงส์ด้วยสาวน่าจะชอบนะคะ""งั้นเหรอ เส้นนี้ราคาเท่าไหร่ครับ"เขาเอ่ยถามพนักงานซึ่งตอนนี้กำลังยืนแนะนำสินค้าและหยิบสินค้ามาให้ดู"เส้นนี้ราคา 45,000บาทค่ะ""งั้นผมเอาเส้นนี้ครับ นี่บัตร"เขาส่งบัตรเครดิตไปให้พนักงานเพื่อชำระเงินค่าสร้อยเส้นนี้ แบมบี๋เองเมื่อเลือกของให้แดนเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินเล่นในระหว่างที่รอ ภาพที่เธอยืนเลือกสร้อยกับผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริช ถูกส่งไปให้สามีด้วยฝีมือของซาเนีย"หึ... เรียบร้อย"เธอคิดว่าวันนี้แหละน่าจะมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง เจอเรื่องเอะใจหลายรอบแบบนี้คิดว่าคงไม่น่าพลาด และคนอย่างพ่อเลี้ยงภูริชคงไม่ปล่อยให้ผู้ช่วยคนสนิทสวมเขาหรอก โดยเฉพาะคนที่รู้จักกันมานานถึง 10 ปีอย่างเช่นแดนทางด้านของพ่อเลี้ยภูริชหลังจากที่เขาคุยกับลูกค้าเสร็จก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบริษัท แต่ทว่าภาพในโทรศัพท์นั้นทำให้เขาต้องกำมือเอาไว้แน่น มันเป็นภาพที่ผู้ช่วยคนสนิทกำลังเลือกสร้อยคอกับภรรยาขอ
ซาเนียและคุณแม่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู เห็นว่าแบมบี๋ออกไปกับพ่อเลี้ยงนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากันหรือเปล่า ส่วนแดนเองเขากลับไปที่คอนโดเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้โดนเจ้านายไล่ออกแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปทำงาน ได้เงินจากสองแม่ลูกมาหลักสิบล้าน ใช้ชีวิตอยู่ได้สบายเลยล่ะ"ทำไมพวกมันสองคนยังไม่มาสักที หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากหย่า""นั่นสิคะแม่"เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ไม่ยอมหย่ากันขึ้นมา แผนที่ทำมาก็คงจะไม่มีความหมาย เพราะถึงจะทำอะไรหลังจากนี้ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะเลิกรากันได้แล้ว"เสียงรถนี่หรือว่ามาแล้ว"ทั้งสองคนยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่เดินออกไป เนื่องจากว่ากวากำลังรอลูกสาวอยู่เช่นกัน จึงทำให้สองแม่ลูกไม่สามารถที่จะออกไปทำตัวเหมือนอยากรู้อยากเห็นได้ในตอนนี้"แบมบี๋ลูก หนูจะหย่ากับพ่อเลี้ยงจริงเหรอ""แม่! ฮืออออ พ่อเลี้ยงทิ้งหนูไปแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกเลิกแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรเขาด้วยซ้ำ ให้อธิบายอะไรก็ไม่ยอมฟัง ฮึก!"เธอร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน และนั่นให้คุณหญิงกิ
ทั้งสามคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้องอัลตราซาวนด์ ได้รับข่าวดีแรกก็คือหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ต้องมาช็อกอีกครั้งเมื่อได้รับรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด 3 มาทีเดียวพร้อมปิดอู่ได้เลย ใครจะไม่ดีใจบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ"หนูเราจะได้ลูกแฝด 3""ดีใจจังเลยค่ะมาทีเดียวพร้อมกัน 3 คนเลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ท้องแค่ครั้งเดียวพอ หนูจะได้ไม่เหนื่อยคลอดหลายรอบดีไหมคะ""แบบนี้แหละดีค่ะหนูจะได้ไม่ทรมานหลายครั้ง คุณหมอแล้วแบบนี้เราจะต้องดูแลยังไงบ้างครับ ผมต้องมาพบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือเปล่า"เขาหันไปคุยกับคุณหมอทันที เพราะอยากจะทราบวิธีการดูแลคุณแม่ที่ท้องลูกแฝดสาม เขาเคยอ่านมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณแม่จะอุ้มเด็กน้อยอยู่ในท้องด้วยกันถึง 3 คน การดูแลจะต้องมากกว่าคนท้องปกติ และก็มีความเสี่ยงเช่นกัน"ไม่ต้องห่วงนะครับทางเราจะดูแลคุณแม่แล้วก็เจ้าตัวเล็กอย่างดีที่สุด แต่ว่าอาจจะต้องนัดบ่อยอยู่นะครับ เพราะว่าเป็นครรภ์แฝดมีความเสี่ยงมากกว่าครรภ์ปกติ""ไม่เป็นอะไรเลยครับ ขอแค่ลูกของผมกับภรรยาปลอดภัย คุณหมอแนะนำมาได้เลยครับว่าต้องดูแลยังไง คงยินดีที่จะทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง""ได้เลยครับถ้าอย่างนั้นเชิญท
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จสองแม่ลูกก็พากันเดินทางมาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เล่นเอาตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยเพราะถ้าเกิดว่าลูกสาวเกิดท้องขึ้นมา คงจะเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว พ่อเลี้ยงภูริชเองก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าภรรยาจะท้องในที่สุด เธอภาวนาตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนมาถึงที่โรงพยาบาล ขอให้เด็กมาเกิดในท้องของเธอด้วยเถิด"ขอให้ท้องเถอะค่ะ หนูอยากให้พ่อเลี้ยงดีใจ""แม่ก็ขอให้หนูท้องนะ รีบไปกันเถอะแม่ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนี่ย"ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น และเมื่อมาถึงก็ยื่นเอกสารให้เรียบร้อย จากนั้นพยาบาลก็พามายังห้องตรวจสูตินรีเวช คุณหมอให้ตรวจปัสสาวะเข้ามาก่อน ซึ่งมีพยาบาลคอยจัดการให้ทุกอย่าง จะได้เข้าไปฟังผลทีเดียวไม่ต้องเสียเวลา"เดี๋ยวคุณแบมเก็บปัสสาวะให้พยาบาลหน่อยนะคะ จะได้ส่งห้องแล็บตรวจ ผลจะได้ออกเร็วค่ะ""ขอบคุณค่ะคุณพยาบาล"เธอรับแก้วมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการเก็บปัสสาวะของตัวเองส่งให้พยาบาล ใบหน้านั้นดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ตอนแรกว่าจะโทรศัพท์ให้พ่อเลี้ยงมาหาที่โรงพยาบาล แต่พอคิดดูอีกทีให้ผลมันออกไปที่แน่ชัดก่อน เพราะถ้าเกิดว่าไม่ท้องขึ้นมา เขาอาจจะร
หนึ่งเดือนต่อมา...แบมบี๋ในชุดทำงานมาดนักธุรกิจ ในมือถือแฟ้มเอกสารเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับคุณแม่ ส่วนสามีของเธอวันนี้เดินทางไปคุยกับลูกค้า พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวกันได้ คุณแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยมีคุณแม่ของพ่อเลี้ยงภูริชคอยอยู่เป็นเพื่อน จึงทำให้สองสามีภรรยาหมดห่วง มีแม่นมคอยดูแลคุณแม่ของเธออีกแรงหนึ่ง ทำให้เธอค่อนข้างจะรู้สึกสบายใจในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ต้องห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วเหมือนเมื่อก่อน"เที่ยงแล้วหนูจะกินข้าวหรือยังลูก หรือว่าจะรอสามี""กินข้าวกับแม่ก็ได้ค่ะ แดดดี้น่าจะคุยงานกับลูกค้านานค่ะ หนูคิดว่าตอนนี้น่าจะกินข้าวกับลูกค้าไปแล้วด้วย"เธอตอบกลับคุณแม่พร้อมกับกุมมือท่านพาเดินไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ชีวิตของเราสองแม่ลูกก็กลับมาสู่ความสงบ คุณหญิงกิ่งแก้วและลูกสาวก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้ โทษที่ได้รับก็สาสมกับสิ่งที่เธอคิดร้ายกับคนอื่น หวังว่าออกมาจากคุกจะเลิกวุ่นวายกับครอบครัวของเรา ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง"ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้างนอกกันไหม""ก็ดีนะคะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะคะ"สองแม่ลูกควงแขนพากันเดินออกไปขึ้นรถที่จ
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แบมบี๋และพ่อเลี้ยงภูริชก็เดินทางกลับมาที่ไร่ ส่วนคุณแม่ของเธอได้รับอำนาจจากลูกสาวในการขึ้นไปบริหารบริษัทอีกคน เห็นแบบนั้นแต่ว่าเธออยู่กับบริษัทมาตั้งแต่แรกเริ่มยังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ เรียนรู้งานพร้อมกับสามีจนมีได้อย่างทุกวันนี้ ก็ไม่แปลกใจทำไมเธอถึงบริหารงานแทนลูกสาวได้ โชคดีที่มีทนายรักษ์และผู้ช่วยคนสนิทคนเก่าของคุณพ่อ คอยอยู่เคียงข้างและแนะนำทุกอย่างจนทำให้แบมบี๋สามารถกลับมาอยู่ที่ไร่ภูริชได้ แต่ก็เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงราย เนื่องจากว่าเธอไม่กล้าทิ้งคุณแม่อยู่คนเดียว แต่ยังไงก็ต้องกลับมาที่ไร่เพราะเธอมีธุรกิจอยู่ที่นี่อีกนั่นก็คือโฮมสเตย์และคาเฟ่ ไม่สามารถจะทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ เธอกับพ่อเลี้ยงตกลงกันว่าเราจะเดินทางไปมาแบบนี้แหละ แล้วก็จะมีลูกหลายคนจะได้มาช่วยกันบริหารธุรกิจที่มีในอนาคต"บี๋เมื่อไหร่หนูจะมีลูกให้พี่สักที"เขาเอ่ยออกมาเสียงออดอ้อน ตั้งแต่ที่มีอะไรกันเขากับภรรยาไม่ได้ป้องกันเลยด้วยซ้ำ ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กน้อยถึงไม่ยอมมาสักที หรือเพราะว่าเขาไร้น้ำยาเธอจึงไม่ท้องสักที"หนูก็ไม่ได้กินยาคุมหรือว่าป้องกันเลยนี่คะ ใจเย็นก
เจ้าหน้าที่ตำรวจลากสองแม่ลูกให้ไปขึ้นรถ จากนั้นก็พาเดินทางไปยังสถานีตำรวจต่อ ดูท่าทางจะรอดยาก เพราะหลักฐานที่แดนเก็บไว้หลายอย่าง น่าจะทำให้ทั้งสองคนสำนึกผิดอยู่ในคุกนานพอสมควร"แม่จ๋า"แบมบี๋วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณแม่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้ตัวเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน วางแผนกันมาอยู่สักพักใหญ่ เล่นละครหลอกคุณหญิงกิ่งแก้วแล้วก็ลูกสาวเพื่อให้ตายใจ เพื่อที่จะได้จัดการรวบรัดทีเดียว"หนูเจ็บตรงไหนไหม แม่นึกว่าเราจะไม่รอดซะแล้ว"คุณหญิงกวาเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบแก้มลูกสาวทั้งสองข้าง รู้สึกเป็นห่วงลูกเสียเหลือเกิน ถ้าครั้งนี้เราสองคนไม่มีชีวิตรอดกลับไป เธอคงรู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำให้แบมบี๋ได้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนอื่น"หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่"เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดเราสองคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข คนที่เคยคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเองไป หลังจากนี้ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเถอะ อย่ามีเรื่องราวเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีกเลย"เดี๋ยวผมจะพาคุณหญิงกิ่งแก้วกับลูกสาวไปก่อนนะครับ ถ้าเกิดว่าทางนี้พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปให้ปากคำได้เลย""ขอบคุณมากเลยนะครับคุณตำรวจ"พ่อเลี้ยง
คุณหญิงและลูกสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาก่อนจะใส่กุญแจมือของทั้งคู่รวมถึงพวกชายฉกรรจ์อีก 5 คน โดยที่เอามือไขว้ไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง และคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คือพ่อเลี้ยงภูริช"แดดดี้!"เธอตะโกนเรียกชายคนรักด้วยน้ำเสียงดีใจ เขารีบวิ่งเข้ามาก่อนจะรีบแก้มัดให้กับหญิงสาวและคุณแม่ของเธอ เมื่อเป็นอิสระแบมบี๋ก็สวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น"หนูเป็นอะไรได้เปล่า เจ็บตรงไหนไหม""ไม่ค่ะ หนูไม่เป็นอะไร"เธอสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขามาได้ทันเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าถ้ามาช้ากว่านี้เธอกับแม่อาจจะถูกพาไปชายแดนแล้ว"คุณแม่เป็นหรือเปล่าครับ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ว่าแต่นี่มันอะไรกัน"ทุกคนดูมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะดูพ่อเลี้ยงภูริชจะเป็นห่วงแบมบี๋อย่างออกนอกหน้าทั้งที่เป็นอันรู้กันว่าทั้งสองคนหย่าร้างกันไปแล้ว ที่สำคัญมาช่วยได้ทันเวลาอีก ตอนแรกเห็นทะเลาะกันไม่เจอกันเลย คิดว่าเขาจะมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ"ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า กล้าดียังไงมาจับฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ถ้าพวกแกยังไม่ปล่อยเดี๋ยวฉันจะฟ้องเจ้านายพวกแกให้หมดเลย"คุณหญิงสะบัดตัวเองให้
ซาเนียสั่งให้พวกชายฉกรรจ์พาสองแม่ลูกเข้าไปข้างในโกดัง แต่ทว่าทั้งคู่ไม่ยอมดีดดิ้นไปมาอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกมัน และเพียงไม่นานเสียงรถตู้ก็เคลื่อนที่เข้ามาอีกคันหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นใบหน้าของผู้ที่มาใหม่ก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่จะเหลือแค่สองคนเท่านั้นที่ดูตกใจไม่น้อย"นี่คุณหญิงจะเอาให้ได้เลยสินะ สมบัติของคุณกนกมันหอมหวานมากเลยเหรอถึงได้มีแต่ความโลภไม่มีหยุดพักแบบนี้""ปากดีนักนะ แกจะตายอยู่แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาไม่มีมารยาทกับฉันแบบนี้ สมบัติมันเป็นของน้องชายฉัน แกมันเป็นคนจนที่มาแต่ตัว โชคดีที่ได้แต่งงานกับคนรวยก็เท่านั้นแหละ คิดที่จะเอาทุกอย่างไปเลยหรือไง"คุณหญิงกิ่งแก้วเดินเข้ามาพร้อมกับใช้มือจิกผมน้องสะใภ้ด้วยใบหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนอย่างมันไม่สมควรที่จะได้อะไรทั้งนั้น คนที่มาแต่ตัวก็ให้ออกไปแต่ตัวมันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว"คุณต่างหากที่ไม่ควรได้อะไรเลย ฉันอยู่กับคุณกนกตั้งแต่ที่เขายังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ บริษัทก็ช่วยกันดูแลจนมีอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่บ้านของคุณหญิงจะรวยมาก แต่อย่าลืมนะคะว่าบริษัทไม่ใช่ของตระกูล""มันเป็นของฉัน เงินที่ใช้สร้างบริษัทนี้ขึ้นม
สองวันต่อมา...แบมบี๋นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับคุณแม่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เธอคิดถึงชายหนุ่มสุดหัวใจ เราสองคนไม่ได้คุยกันมาสักพักตั้งแต่ที่แยกย้ายกัน เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานแต่ก็ต้องมาหย่าร้างกัน บอกตามตรงว่าเธอยังทำใจไม่ได้"ไหวไหมลูก""ไม่ไหวหรอกค่ะแม่ หนูยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้เลยว่าพ่อเลี้ยงขอหย่าหนูทำไม ฮือออออ"เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น คุณแม่เองเห็นลูกสาวไม่สบายใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย สวมกอดเธอเอาไว้ลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน"ไม่คิดมากนะลูก เอางี้ไหมเราสองคนไปเดินเล่นที่ห้างกันดีกว่า ช็อปปิ้งซื้อของกันจะได้สบายใจขึ้น""ไม่มีอารมณ์ไปเลยค่ะ""ไม่เอาสิ ไปหาอะไรกินข้างนอก ซื้อของที่อยากได้ เผื่อว่าหนูจะอารมณ์ดีขึ้นไง"แบมบี๋เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ดีจะได้ผ่อนคลายขึ้น ส่วนเรื่องพ่อเลี้ยงภูริชคงต้องปล่อยให้เขาใจเย็นกว่านี้ แล้วเธอจะกลับไปง้อชายหนุ่มที่ไร่เอง"ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันก่อน ส่วนเรื่องของพ่อเลี้ยงเดี๋ยวแบมจะลองเข้าไปคุยกับเขาอีกทีค่ะ""มันต้องแบบนั้นลูก รอให้เราสองคนใจเย็นกว่านี้ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที""งั้นเราสองคน
ซาเนียและคุณแม่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู เห็นว่าแบมบี๋ออกไปกับพ่อเลี้ยงนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากันหรือเปล่า ส่วนแดนเองเขากลับไปที่คอนโดเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้โดนเจ้านายไล่ออกแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปทำงาน ได้เงินจากสองแม่ลูกมาหลักสิบล้าน ใช้ชีวิตอยู่ได้สบายเลยล่ะ"ทำไมพวกมันสองคนยังไม่มาสักที หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากหย่า""นั่นสิคะแม่"เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ไม่ยอมหย่ากันขึ้นมา แผนที่ทำมาก็คงจะไม่มีความหมาย เพราะถึงจะทำอะไรหลังจากนี้ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะเลิกรากันได้แล้ว"เสียงรถนี่หรือว่ามาแล้ว"ทั้งสองคนยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่เดินออกไป เนื่องจากว่ากวากำลังรอลูกสาวอยู่เช่นกัน จึงทำให้สองแม่ลูกไม่สามารถที่จะออกไปทำตัวเหมือนอยากรู้อยากเห็นได้ในตอนนี้"แบมบี๋ลูก หนูจะหย่ากับพ่อเลี้ยงจริงเหรอ""แม่! ฮืออออ พ่อเลี้ยงทิ้งหนูไปแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกเลิกแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรเขาด้วยซ้ำ ให้อธิบายอะไรก็ไม่ยอมฟัง ฮึก!"เธอร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน และนั่นให้คุณหญิงกิ