ข้าวฟ่างพาแม่กลับมาส่งที่บ้านก่อน บ้านของแม่เป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังเก่าๆ ซึ่งเป็นบ้านที่คุณตาสร้างไว้ให้กับคุณยายแท้ๆ ของเธอ บ้านหลังนี้อยู่หลังสวน แต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เป็นบ้านของเมียแต่ง"แม่จำไว้นะ ไม่ว่าจะจำเป็นแค่ไหนแม่ก็ไม่ต้องไปบ้านหลังนั้นอีก ข้าวจะมาหาแม่เอง""แม่อยากจะถามเรื่องที่เรา.." จันทิมาพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เรื่องที่วิภาดาให้ลูกสาวหมั้นหมายกับหลานชายเพื่อนรัก"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี""จริงเหรอลูก""จริงสิคะ" ไม่รู้หรอกว่าเขาจะดีหรือไม่ดี แต่ก็อยากจะพูดให้แม่สบายใจไว้ก่อนนี่แหละที่ข้าวฟ่างพยายามเข้าหารชตและพยายามทำทุกอย่างที่คุณยายบอกให้ทำ แม้กระทั่งเรียนคณะที่ไม่ต้องการ หรือขับมอเตอร์ไซค์ แต่เธอก็พยายามทำให้ถูกใจยายเข้าไว้ เพื่อที่แม่จะได้ไม่ถูกรังแก"ข้าวกลับไปเรียนก่อนนะแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้พักอยู่กับแม่หรอก เพราะต้องอยู่กับยายเพื่อสร้างภาพว่ารักหลานคนนี้มาก แต่ที่จริงแล้ว สถานะของเธอในบ้านไม่ต่างจากคนใช้คนหนึ่งเลยข้าวฟ่างอยากจะพาแม่ไปตายเอาดาบหน้าหลายครั้งแล้ว แต่กลัวว่าแม่จะลำบากกว่านี้ เพราะเธอยังอยู่ในวัยเรียน[มห
"ทำไมผู้หญิงถึงยังไม่กลับอีกล่ะปู่" ปู่กับย่ากลับมาจากตลาดก็ยังเห็นรถของผู้หญิงคนที่มากับหลานชายจอดอยู่ที่เดิม"สงสัยจะค้างที่นี่อีก""พ่อแม่ไม่เป็นห่วงแย่แล้วเหรอ" จะพูดมากไปกว่านั้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวเด็กจะมาถอนหงอกเอา"วัยนี้กำลังเรียนรู้ ปล่อยหลานไปเถอะย่า"ผู้เป็นย่าได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนจะลงจากรถเกียร์เดินมาช่วยขนของที่ปู่กับย่าไปจ่ายตลาดลงมาจากรถให้"เกียร์""ย่า!" ปู่ห้ามปรามย่าไว้ เพราะรู้ดีว่าภรรยาจะพูดเรื่องอะไรกับหลาน เรื่องแบบนี้ยิ่งพูดเด็กก็ยิ่งจะเตลิด"ไม่มีอะไรหรอกครับย่า" แต่ทำไมเกียร์จะไม่รู้ว่าย่ากำลังเป็นกังวลเรื่องอะไรอยู่ ที่เขายังไม่อยากให้เธอกลับไป เพราะคนที่ทำร้ายเธอต้องอยู่ที่บ้านของเธอแน่ ถ้าเป็นคนอื่นทำร้าย เธอคงไม่ช่วยปิดบังแบบนี้ นอกเสียจากคนที่ทำร้ายนั้นจะเป็นคนที่เธอรัก และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใครพอทำงานช่วยปู่กับย่าเสร็จแล้วเขาก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนแกร็ก~"ทำอะไรของเธอ" เปิดประตูเข้ามาก็เห็นเธอกำลังรีบดึงเสื้อลงมาคลุมร่างไว้"ทายา""ทาถึงหรือไง เอามาเดี๋ยวจะทาให้" ชายหนุ่มเดินไปหยิบหลอดยาที่หมอให้มา แล้วเปิดฝายาออก"ไม่ต้องหรอกฉันทาเสร็จแล้ว""อย่าบอกนะ
ก่อนที่จะไปนั่งตรงนั้นข้าวฟ่างได้แวะไปซื้อข้าวก่อน แล้วก็รีบเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างๆเขียดสะกิดเกียร์เบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่นั่งโต๊ะเยื้องกันไป"อะไรของมึง" พูดเหมือนรำคาญแต่ก็มองไปดู "??" ไม่ได้มองไปแค่เกียร์ เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ต่างก็มองไปและหันมาพูดคุยกันว่าผู้หญิงคนนี้เหรอที่เป็นข่าวกับเกียร์"อันนี้อร่อยนะข้าว" ไข่ตุ๋นตักอาหารกำลังจะวางใส่จานให้ข้าวฟ่าง"แอ๊ะ! แอ๊ะ!!" ข้าวฟ่างแกล้งไอแบบไม่สบาย แล้วขยับจานออก เพื่อไม่ให้เพื่อนวางใส่ "เราทานไม่ได้หรอกยังเจ็บคออยู่เลย""ตอนอาจารย์ถามไหนบอกว่าหายดีแล้วไง""กลัวอาจารย์จะไล่กลับน่ะสิ""รู้ว่ายังไม่หายจะมาเรียนทำไม" คนที่ตำหนิก็คือคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ และพวกเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ต่างก็มองมาที่เกียร์มองเห็นเราแล้วเหรอ.. หญิงสาวคิดออกมาแบบน้อยใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบ เธอตักอาหารที่รสจืดหน่อยขึ้นมาทานแทนดูเหมือนว่าบรรยากาศรอบข้างจะดูอึมครึมขึ้น พวกเพื่อนๆ ต่างก็ไม่มีใครพูดจากันอีกเลยจนทานข้าวเสร็จกำลังจะแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน เกียร์ก็ได้หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า"กินซะ" วางลงแล้วเขาก็เดินตามเขียดไป"นั่นอะไรหรือข้าวฟ่าง"
หลังจากไปส่งเธอที่ห้อง เขาก็กลับลงมาข้างล่าง เพื่อจะช่วยดูร้านค้าให้กับปู่และย่า"แม่เรารู้เรื่องนี้ไหม" สิ่งเดียวที่ย่ากลัวก็คือถ้าแม่ของหลานไม่ชอบใจกับสิ่งที่เขาทำ ย่ากลัวว่ากัลยาจะไม่ยอมให้เกียร์มาอยู่ที่นี่ด้วย เดี๋ยวหาว่าทางนี้ดูหลานไม่ดี"คือว่า.." เรื่องหมั้นหมายยังไม่มีใครเล่าให้ปู่กับย่าฟัง เพราะทั้งสองท่านไม่เล่นโซเชียลอยู่แล้ว และคนแถวนี้คงไม่มีใครมาเล่าให้ฟังหรอก เพราะไม่ค่อยมีใครสนใจกันเท่าไรที่ทุกคนไม่พูดเรื่องนี้ กลัวว่าถ้าย่ารู้จะไม่สบายใจ เพราะย่าเห็นหลานยังเป็นเด็กอยู่ ทุกคนก็เลยคิดว่ารอให้เกียร์โตกว่านี้ค่อยบอกย่าแล้วกัน "เราก็อย่าเพิ่งให้แม่รู้สิครับคุณย่า""ตาย.." ย่าเริ่มจะปวดหัวขึ้นมา แต่ก็คงต้องได้ช่วยหลานปิดบัง เพราะเกียร์ไม่ใช่เด็กชาวบ้านธรรมดา เขาคือทายาทที่จะรับช่วงโรงแรมต่อจากพ่อและแม่"ย่าไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ไม่มีอะไรสักหน่อย""มาค้างอ้างแรมด้วยกันขนาดนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไง""สาบานผมก็ไม่ตายครับย่า"เห็นหลานชายพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะแบบนั้นคนเป็นย่าก็เลยสบายใจขึ้นมาหน่อย"ถ้าปู่กับย่าจะออกไปตลาด ก็ไปเถอะครับเดี๋ยวผมเฝ้าร้านให้""เมื่อเช้านี้ซื้อของมาพอแล
ทำไมเธอจะไม่เสียดายความบริสุทธิ์ที่หวงแหนมาตลอด 20 ปี แต่เพราะข้าวฟ่างคิดไว้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ คงเป็นเสาหลักให้กับเธอได้"อ๊อย" มือเรียวเกาะชายร่างหนาไว้แน่นเมื่อตอนที่เขาเร่ง แต่พอใกล้จะเสร็จเขากลับหยุด หญิงสาวแอบแปลกใจเล็กน้อย เพราะเป็นแบบนี้หลายทีแล้วพอหยุดได้ครู่หนึ่ง เกียร์ก็เริ่มกระแทกใหม่ จังหวะแต่ละทีดูเหมือนมันไม่สม่ำเสมอ"ทำอะไรของนาย" จะไม่ให้ถามก็อดไม่ได้แล้ว เพราะเหมือนเขาทำทีเล่นทีจริง"เจ็บเหรอ" ชายหนุ่มหยุดถามอีกครั้ง และมือที่ค้ำยันไว้ก็ค่อยๆ หมดแรง จนโน้มตัวลงมาใกล้อีกฝ่าย"เจ็บน่ะมันเจ็บอยู่แล้ว แต่นายช่วยตั้งใจทำหน่อยได้ไหม" ข้าวฟ่างแกพูดอะไรลงไปวะ ด้วยอารมณ์ก็เลยพลั้งปากพูดไป"ก็ตั้งใจอยู่นี่ไง" เพราะเขาตั้งใจให้เสร็จนั่นแหละ ถึงยังพยายามอยู่ ถ้าไม่ตั้งใจป่านนี้เขาคงหยุดไปแล้ว"แบบนี้เขาไม่ได้เรียกตั้งใจหรอก" หญิงสาวเริ่มเสียอารมณ์"ก็มันเป็นตะคริวนี่" ใช่แล้วตอนที่เขาหยุด ก็เพราะช่วงนั้นสะโพกตะคริวกิน "เธอทำเองไหมล่ะ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทิ้งกายลงนอนพร้อมกับกอดร่างของเธอให้พลิกขึ้นมาด้านบนแทน"อือ!?""อยากได้แบบไหนก็ทำเองเลย" ตอนฝึกใช้มือทำมันไม่ลำบากเหมือนตอนปฏิบั
"เป็นอะไร" เขาเดินตามมาจนเกือบจะถึงโรงอาหารแล้ว แต่ข้าวฟ่างก็ดูเหมือนจะไม่อยากคุยด้วยสักเท่าไร"ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แล้วนายตามมาทำไม""ตามมาไม่ได้เหรอ" ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อย เพราะเห็นท่าทางของเธอดูหงุดหงิด"ก็เราจะเข้าไปทานข้าว""ก็ไปทานด้วยกันไง""ฉันจะไปทานกับเพื่อน" ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบเดินจากไปความคิดหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว เธอโมโหอะไรให้เขา ..หรือจะเป็นเรื่องเมื่อคืนนี้ที่เขาไม่ประสีประสาแต่เกียร์ก็ยังคงเดินตามไป และถืออาหารที่เพิ่งสั่งมาเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับเธอ"นายไปนั่งกับเพื่อนของนายสิ""ทำไมเราถึงจะนั่งตรงนี้ด้วยไม่ได้"ข้าวฟ่างไม่ตอบ แต่เธอก็นั่งทำหน้ามุ่ยไม่พูดด้วยอีกเกียร์เห็นแบบนั้นก็เลยล้วงยาในกระเป๋าที่เอาติดมาด้วยเมื่อเช้าวางลงให้กับเธอ "ทานข้าวเสร็จอย่าลืมทานยาด้วยล่ะ" ว่าแล้วเขาก็เดินไปหากลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่เกียร์ยอมล่าถอยไป เพราะคิดว่าเธอคงอายเพื่อนที่มีเขานั่งอยู่ข้างๆ"มีอะไรกันเหรอ" ไข่ตุ๋นซื้ออาหารได้ก็เดินมาหาข้าวฟ่าง"เปล่าหรอก"เย็นวันเดียวกัน..เกียร์ขับรถมาจอดรอที่หน้าคณะบริหารธุรกิจ พอข้าวฟ่างลงมาก็เห็นรถของเขาจอดอยู่ด้านหน้า หญิ
"เสียงเตียงชนกับผนังหรือเปล่า" หญิงสาวสังเกตว่าเตียงของเขาเวลากระแทก มันมีเสียงดัง คงเพราะเตียงที่ไม่ค่อยแข็งแรง"อ้าา.. ไม่มีอะไรหรอก" ชายหนุ่มที่กำลังล่องลอยไม่มีอะไรจะหยุดเขาได้แล้ว"อื้อ..เกียร์..เบาหน่อยสิ""เจ็บเหรอ" เขากลัวอย่างเดียว คือเวลาที่สะโพกของเธอเสียดสีกับที่นอนแล้วจะเจ็บตรงที่ถูกตี"เปล่าหรอกเสียงมันดัง กลัวคุณปู่คุณย่าจะ.." พวกท่านต้องได้ยินแน่ แต่เธออายปากที่จะพูดออกไป"ป่านนี้พวกท่านหลับไปแล้ว ขอทำต่อให้เสร็จก่อนนะ" ชายหนุ่มอุตส่าห์ตั้งใจ เพราะอยากจะหาจังหวะของตัวเองให้ได้ก่อน ที่ต้องได้หาจังหวะ เวลากระแทกเร่งเข้าหน่อย เขาชอบจะเป็นตะคริว"อื้อ อื้อ อ" มือเรียวโอบรัดร่างหนาไว้แน่น เมื่อตอนที่เขาเริ่มซอยถี่เข้า"ซี๊ดดด" ความเป็นชายถูกกดแช่ไว้ เมื่อสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ประสบผลสำเร็จ น้ำรักขาวข้นส่งผ่านเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาว "สะ..เสียวว""เอาออกได้แล้ว""อย่าเพิ่งสิมันยังเสียวอยู่เลย" จังหวะที่เพิ่งจะปล่อยน้ำ ความเสียวซ่านยังไม่คลายตัวถ้าภายในห้องสว่างคงเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของหญิงสาว เพราะแต่ละคำที่เขาพูดออกมาไม่อ้อมค้อมเลยเช้ามืดของวันต่อมา..ตึก! ตึก!! ตึก!! เสียง
"ข้าวฟ่าง อาจารย์ให้มาตามไปพบ"ข้าวฟ่างที่กำลังนั่งซึมอยู่ เพราะเธอก็เห็นคลิปนั้นแล้วเหมือนกัน หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากห้องโดยที่ไม่พูดไม่จาเพื่อนอีกสองคนก็รีบเดินตามมาเพราะเป็นห่วง"พวกเธอไม่ต้องไปหรอก""พวกเราจะไปเป็นเพื่อน""เราบอกไม่ต้องไปไง" ข้าวฟ่างกลัวว่าถ้าเพื่อนไปด้วยเธอจะอายยิ่งกว่าเดิมห้องของอาจารย์ที่รับผิดชอบเรื่องนี้"เราคงต้องได้ตามผู้ปกครองหนูแล้วล่ะ" จริงๆ แล้วทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยได้มายุ่งเกี่ยวกับนักศึกษาเท่าไร เพราะมันไม่ใช่ระบบของประถมหรือมัธยมแล้ว แต่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไปในเพจของมหาวิทยาลัย จะให้นิ่งดูดายก็ไม่ได้"อาจารย์คุยกับข้าวได้โดยตรงเลยค่ะ""หนูรู้ไหมว่าทำแบบนี้มันเสียชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเรา" แล้วอาจารย์ก็ตำหนิข้าวฟ่างอีกหลายอย่างรวมทั้งให้รักนวลสงวนตัว"ผมเป็นคนทำ ทำไมต้องเรียกเธอมาต่อว่าด้วยครับ" เกียร์ไปหาเธอที่คณะ โชคดีที่ไปเจอน้ำหนาวและไข่ตุ๋นพอดี ก็เลยรู้ว่าเธอถูกเรียกตัวมาที่นี่ และเขาก็มาทันได้ยินตอนที่อาจารย์ต่อว่าแถมยังใช้คำพูดที่ไม่ค่อยดีกับเธอด้วย"ยังไงก็ต้องเรียกมาเจอทั้งสองคนอยู่แล้ว" อาจารย์คนนี้เป็นคนที่เคร่งเรื่องพวกนี้มาก ไม
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่