เมื่อเจอเจียงเหยาจิงที่สำนักงาน เขาก็รีบเข้าไปหา “คุณเจียง” เจียงเหยาจิงเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “เรื่องที่ผมให้คุณไปตรวจสอบ ได้เรื่องหรือยัง?” เขารู้ทันฮั่วซุน หรือเขามีญาณทิพย์? วันนี้เพิ่มงานให้เขาดีไหม? “ยัง...ยังครับ ผมกำลังจะไป” เขาพูดเสียงสั่น ในใจคิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงโกรธมากขนาดนี้? จู่ ๆ เลขาก็เดินเข้ามา “คุณเจียงคะ คุณเฉินมารอพบคุณอยู่ข้างหน้าค่ะ” “คุณเฉิน? หรือว่าจะเป็นเฉินเหวิน…” ก่อนที่ฮั่วซุนจะพูดจบ เขาก็เห็นไปใบหน้าเย็นชาผสมขุ่นเคืองของเจียงเหยาจิง เขาจึงหยุดพูด บรรยากาศอึมครึมอยู่ครู่หนึ่ง เจียงเหยาจิงพูดน้ำเสียงเย็นชา “ฮั่วซุน ไปพาเธอขึ้นมา” “ครับ” หลังจากนั้นไม่นาน ฮั่วซุนก็พาเฉินเหวินเหยียนไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน เจียงเหยาจิงยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงาน เขาถอดเสื้อสูทออก และวางไว้บนพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ แล้วค่อย ๆ หันกลับมามอง เฉินเหวินเหยียนยังคงเรียบร้อยสง่างามเหมือนเดิม “ฉันมากะทันหันแบบนี้เป็นการรบกวนคุณหรือเปล่าคะ?” เธอกระซิบเบา ๆ เจียงเหยาจิงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลังจากเกิดเรื่อง เขาก
เจียงเหยาจิงดึงคอเสื้อของเขาอย่างฉุนเฉียว พลางพ่นลมออกจากอกอย่างเย็นชา ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงในคืนนั้น เขาสัมผัสได้อยากลึกซึ้ง เฉินเหวินเหยียนมีแฟนแล้ว ดูจากความสนิทสนมระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาไม่ใช่เหรอ “กล้องวงจรปิดในวันนั้นถูกทำลาย ไม่มีหลักฐานแน่ชัด อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ผมจะไปตรวจสอบดูอีกครั้งว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า คงจะดีถ้าตอนนั้นคุณทิ้งหลักฐานอะไรไว้…” ฮั่วซุนพลางจะไปจัดการธุระพลางพูดวิเคราะห์ “เดี๋ยว...” เจียงเหยาจิงหยุดเขา “ช่างมันเถอะ” มาคิดดูแล้ว ในสถานการณ์แบบนั้น ผู้หญิงที่มีสัมพันธ์กับใครสักคนแล้ว จะมารักนวลสงวนตัวทำไม? เธอไม่ยอมขัดขืน แล้วยังอยากให้เธอบริสุทธิ์แค่ไหนกันเชียว? เป็นเพราะความต้องการของเขาสูงเอง ตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรกับเขาแล้ว! เธอจะเป็นผู้หญิงแบบไหน เขาคงไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนแรก ฮั่วซุนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงกลับคำ เขาถามอย่างสงสัย “คุณเฉิน ทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่าครับ?” เจียงเหยาจิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสลัวราวกับโปรยด้วยละอองฝุ่น ข้างในดำเข้มเหมือนหยดสีน
เธอไม่ได้เก็บเงินเลยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เงินเดือนของเธอทั้งหมดหมดไปกับการรักษาแม่ ถ้าเป็นหมอไม่ได้ ก็คงทำได้เพียงเลือกทำงานอื่นชั่วคราว ความฝันอยากเป็นแพทย์ทหารคงต้องหยุดไว้ก่อน เธอไม่ได้ยอมแพ้ แต่เธอต้องยอมจำนนให้กับชีวิต ในอนาคตถ้ามีโอกาส เธอก็ยังอยากกลับไปทำอาชีพหมอต่อไป เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วนั่งแท็กซี่กลับคฤหาสถ์ “คุณผู้หญิง ไม่สบายหรือเปล่าคะ? ทำไมหน้าดูซีด ๆ คะ?” ป้าหวู่ถามด้วยความห่วงใยทันทีที่เธอเดินมาถึงหน้าประตู ซ่งหยุนหยุนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ” เธอเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าบ้าน “วันนี้คุณไม่ทำงานเหรอคะ?” ป้าหวู่ถาม ก่อนหน้านี้เธอยุ่งมาก บางวันก็ต้องเข้าเวรกลางคืน หัวใจของซ่งหยุนหยุนบีบตัวทันที เธอเงยหน้ามองป้าหวู่ จริง ๆ เธอควรจะไปทำงาน แต่... เธอระงับความขมขื่นและพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ฉันหยุดค่ะ” ป้าหวู่ดีกับเธอมาก หล่อนเป็นเพียงความอบอุ่นเดียวของเธอในคฤหาสถ์แห่งนี้ เธอไม่อยากให้ป้าหวู่เป็นกังวลเรื่องของเธอ เธอพูดโอ้อวด “ฉันได้พักตั้งสองสามวันแน่ะ แถมผู้อำนวยการก็ให้ฉันหยุดด้วยนะคะ” “พัก? พักผ่อนบ้างก็ดีค่ะ ดูสิ ผอมขนาดนี้ งั้นก็ถือโอกาสนี้ดูแล
ซ่งหยุนหยุนนิ่งและไม่โต้ตอบ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้ว่าตัวว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ผู้ชายคนนี้คงพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เธอขายหน้าอีก เธอก้มหน้าลงแล้วตักข้าวคำใหญ่เข้าปาก เพื่อหวังว่าจะกินให้เสร็จเร็ว ๆ เจียงเหยาจิงขมวดคิ้วเมื่อเผชิญกับความเงียบของเธอ “ทำไมต้องกินเร็วขนาดนั้น? ไม่มีใครแย่งคุณหรอก” เขารู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นภาพเธอกินข้าวแบบไม่ห่วงภาพลักษณ์ เขาไม่ได้รู้สึกว่าเธอไม่มีมารยาท แต่กลับรู้สึกว่าน่ารักด้วยซ้ำ มันดูเป็นธรรมชาติมากกว่าผู้หญิงที่ชอบอวดและเสแสร้งเสียอีก ซ่งหยุนหยุนกลืมคำสุดท้ายเสร็จ พลันดื่มน้ำสองแก้วแล้วตอบกลับ “ฉันจะกินเร็วหรือช้า มันก็เรื่องของฉัน คุณจะมาสนใจทำไม?!” อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอตกงานเพราะเขา และไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวถูกเขาคุกคามอีก ให้มันแตกกันไปเลย! เจียงเหยาจิงค่อย ๆ ยกเปลือกตาขึ้นช้า ๆ พร้อมเผยแววตาเย็นชาที่อยู่ระหว่างคิ้ว “คุณอยากตายนักเหรอไง?” เธอใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นเลย? พูดสวนกลับแบบนั้นเลย? ไม่อยากทำงานแล้ว? ซ่งหยุนหยุนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ฉันรนหาที่ตาย ถ้าคุณฆ่าฉันได้โดยการใช
“คุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย กล้าทำก็กล้ารับหน่อยสิ? คุณผิดหวังที่ฉันโดนผู้ชายคนนี้ขืนใจไม่สำเร็จใช่ไหมล่ะ?” เธอกัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์ เจียงเหยาจิงสลัดเธอออก “ผมไม่ได้ทำ!” เธอถูกดหวี่ยงอย่างแรงจนเกือบล้ม แต่ดีที่ป้าหวู่รับไว้ทันไว้ “คุณเป็นเมียของผม ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาทำให้คุณด่างพร้อย และผมจะไม่ยอมให้คุณสวมเขาผมอีก!” สีหน้าของเขาบูดบึ้ง “มันเป็นใคร?” ซ่งหยุนหยุนมองเจียงเหยาจิง ตามอุปนิสัยของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นคนทำ จึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธถึงจะถูก นิสัยหยิ่งผยองขนาดนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่ปอดแหก?! “พูดสิ มันเป็นใคร?” เจียงเหยาจิงโกรธมาก เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงโกรธมากขนาดนี้ พอรู้ว่าเธอเกือบโดนกระทำแบบนั้น! “คนเมื่อครั้งที่แล้ว...” ก่อนที่ซ่งหยุนหยุนจะพูดจบ เจียงเหยาจิงก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร ตอนที่เขาออกมาจากหลานเฉียว เขาเจอกู้ฮ่วย เขาจึงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที! ไม่ว่าก่อนเกิดพายุท้องฟ้าจะมืดครึ้มแค่ไหน แต่สีหน้าของเขายิ่งกว่า เขาเดินออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ราวกับว่าต้องการเผชิญหน้ากับคนที่ลดค่าซ่ง
กู้ฮ่วยพยักหน้ายอมรับว่าซ่งหยุนหยุนกระตุ้นความสนใจของเขาจริง ๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบซ่งหยุนหยุนตรงไหน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุการณ์มันวุ่นวายจึงเข้าไม่ถึง? กล่าวโดยสรุป เขามีประทับใจผู้หญิงที่ทำร้ายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า! เจียงเหยาจิงรู้ว่ากู้ฮ่วยยังไม่ได้ล่วงเกินซ่งหยุนหยุน ความโกรธจึงลดลง แต่เมื่อรู้ว่าเขาชอบซ่งหยุนหยุน ความโกรธกลับพุ่งขึ้นอีกครั้ง แย่ยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้อีก! “คุณชอบอะไรในตัวเธอ?” เจียงหยาจิงดูไม่ออกจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไร อะไรในตัวเธอที่ทำให้คนอื่นชอบ? จะมีอะไรอีกนอกจากใจง่าย? “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมแค่อยากได้” กู้ฮ่วยพูดโดยไม่ต้องคิด เจียงเหยาจิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกเหมือนของของเขาถูกคนอื่นแย่งไป “อยู่ให้ห่างจากเธอซะ!” เสียงกล่าวเตือน กู้ฮ่วยสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น? เขากระซิบถาม “คุณเจียง คุณสนใจเธอด้วยหรือเปล่า?” ฮั่วซุนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังก็หันมองไปมองเจียงเหยาจิงด้วย ดูเหมือนพฤติกรรมของเขาจะแปลก ๆ เขาคิดอย่างไรกับซ่งหยุนหยุน? เจียงเหยาจิงตกคอกเสียงจริงจัง “ผมจะไปสนใจผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง?” กู้ฮ่วยเม้มปาก “ทุกคนมีค
เจียงเหยาจิงมองร่างโค้งเว้าของเธอ...สายตาของเขาลึกซึ้งควบคุมไม่ได้ รูม่านตาของเขาสั่นเล็กน้อย ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง เขาพยายามควบคุมน้ำเสียง “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะอ่อยผมสำเร็จเหรอ?”จริง ๆ แล้วเขาโดนอ่อยสำเร็จ เขาแน่วแน่กับตัวเองว่าจะไม่คิดอะไรกับผู้หญิงคนนี้ “ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้...” ซ่งหยุนหยุนดึงผ้าขนหนูขึ้นมาคลุมตัว “อย่าให้ผมเห็นร่างสกปรกของคุณอีก” พูดจบเขาก็ปิดประตูแล้วเดินออกไป เขารีบเดินไปห้องข้าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับซ่งหยุนหยุน แต่ร่างกายที่น่าหลงไหลของซ่งหยุนหยุนยังติดตรึงอยู่ในหัวของเขา ราวกับภาพยนตร์ที่เล่นฉากสุดยอดซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาไม่สามารถควบคุมสมองตัวเองได้ เขาดึงคอเสื้ออย่างแรง ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รัดคอ แต่เขากลับรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก! ความรู้สึกหงุดหงิดกระสับกระส่ายทำให้เขาโกรธ จึงด่าเบา ๆ “ผู้หญิงบ้า!” เธอมีฝีมืออ่อยผู้ชายจริง ๆ! สิ่งที่ทำให้เขาโกรธก็คือ เขาตกหลุมพรางของเธอเข้าแล้ว! เขาดึงเนกไทออกและปลดกระดุมเสื้อขณะเดินเข้าไปในห้องน้ำ และพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยน้ำเย็น นี่เป็นสิ่งที่น่าอับอายที่สุดสำหรับเจียงเหยาจิง เป็น
ซ่งหยุนหยุนตอบ “...ไม่มีค่ะ” เธอกับเจียงเหยาจิงเป็นแค่คู่รักกันในนามเท่านั้น อย่างนั้นก็ถือว่าเธอยังไม่มีแฟน? ครูหลี่ยิ้มพลางเข้ามาจับแขนของซ่งหยุนหยุนอย่างสนิทสนมแล้วพูดว่า “ฉันมีบางเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ” ครูหลี่เป็นคนดี เขาดูแลเธออย่างดีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานับตั้งแต่เธอเริ่มทำงาน ตอนนี้เธอมีความสนิทสนมมากขึ้น ทำให้ซ่งหยุนหยุนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอค่อย ๆ ยื่นแขนออกมาแล้วพูด “คุณมีอะไรให้ฉันช่วยคะ บอกมาได้เลยค่ะ ถ้าฉันทำได้ ฉันก็จะช่วยเต็มที่ ถ้าฉันทำไม่ได้...ฉันก็คงทำได้แค่ขอโทษเท่านั้นค่ะ” ครูหลี่ลังเลและพูดว่า “สามีของฉันเป็นประธานเภสัชกรรมรุ่ยคัง เขามีทีมที่พัฒนายาต้านมะเร็ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ก็มีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่ยังขาดเงินทุน เขาแค่อยากหาเงินลงทุน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากลงทุน ตอนนี้มีคนยอมลงทุนด้วย แต่ครั้งล่าสุดที่นัดเจอกันเขากลับไม่มา สามีฉันจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงอยากถอนตัว อีกฝ่ายยังโสด แถมหน่วยก้านดี...” “เอ่อ...” ซ่งหยุนหยุนพูดแทรก “ฉันไม่ค่อยเข้าใจค่ะ” เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ? เธอไม่มีเงินลงทุน
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื