“พระสนมมอบกำไลหยกนี่ให้กับท่านอ๋อง” หานจงวางกำไลหยกตรงหน้าฉินเกอหลง“กำไลหยกอันนี้นางได้มันมาอย่างไร”“ข้าน้อยได้ยินว่า กำไลหยกอันนี้ไทฮองไทเฮาเป็นคนมอบให้นางเองเพื่อขอบใจบางเรื่องที่นางทำ” หานจงทำสีหน้าไม่แน่ใจ“เรื่องใดกัน”“ข้าน้อยก็ไม่อาจคาดเดา” ฉินเกอหลงพลิกกำไลหยกในมือย่างใช้ความคิด“เข้าใจแล้ว เสด็จย่าจงใจมอบกำไลนี่ให้กับต้าเหนิงเพราะข้าพูดกับไทฮองไทเฮาเรื่องที่ข้ากลับมาที่นี่เพราะเอ่อต้าเหนิงส่งข่าวบอกกับข้าเรื่องที่นางกำลังจะไม่ไหวแล้วนั่นเอง”“ท่านอ๋องนี่คือความจริงหรือขอรับที่พระสนมเป็นคนส่งข่าวให้ท่านอ๋องกลับมา”“ความจริงเป็นความจริงทั้งหมดเช่นนี้เอ่อต้าเหนิงนางจึงต้องแบกรับคำว่า เป็นคนที่จะทำให้ข้าชิงบัลลังก์ทุกคนต่างใช้นางเป็นเครื่องมือกดดันข้าเช่นเดียวกับที่เคยใช้พระมารดาในครั้งนั้น ข้าทำให้นางต้องมารับชะตากรรมเช่นเดียวกับพระมารดาของข้าอีกแล้ว เมื่อไหร่พวกเขาจะเลิกกดดันข้าเสียทีเมื่อไหร่พวกเขาจึงจะเข้าใจว่าข้าไม่อยากจะเสียคนที่รักไปอีกแล้วไม่ว่าจะพระมารดาหรือเอ่อต้าเหนิง”หานจงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นสงสารฉินเกอหลงเหลือเกินเขาจะต้องเอาเรื่องนี้ไปหารือกับท่านหมอเยี่ยนฉือให้ช
ต้าเหนิงกลั้นหายใจ กลัวว่าอีกคนจะรู้ว่าไม่หลับ“ขอโทษ” อยู่ๆ ก็กล่าวคำขอโทษออกมา เสียงฝีเท้าเงียบหายไปแล้วต้าเหนิงลืมตาขึ้นช้าๆ“ขอโทษเรื่องอะไรกันนะเขาทำผิดกับเจ้าของร่างสินะ” ถอนหายใจยาวลุกขึ้นมายืนมองร่างสูงที่นั่งนับประคำด้านล่างกับหานจงที่เขี่ยกองไฟให้ลุกโชติช่วงไล่ความหนาว“ไม่นอนกันหรือ อ่อเข้าใจแล้วกำลังทำสิ่งที่เรียกว่าอารักขาสินะ” กลับมาทิ้งตัวลงนอนรู้สึกอุ่นใจที่มองไปเมื่อไหร่ก็ยังพบฉินเกอหลงอยู่ตรงนั้นเสมอ เช้าสดใส ต้าเหนิงปีนลงจากบันไดลงมาวันนี้จะต้องถามถึงเรื่องเมื่อคืนว่าฉินเกอหลงจำอะไรที่ทำเมื่อคืนได้ไหม ถอนหายใจยาวจะถามอย่างไรในเมื่อเป้นใบ้เมื่อไหร่จะพูดได้เสียที “พระสนมเจ้าขา” สาวใช้ของไทฮองไทเฮายกถ้วยยาและอาหารเช้ามาดักทางไว้“กินอะไรเสียหน่อยตอนนี้ร่างกายของพระสนมกำลังฟื้นตัว ท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือจัดเทียบยาบำรุงมามากมายกินเยอะๆ จะได้แข็งแรงเร็วขึ้น” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงเดินไปนั่งตรงหน้าฉินเกอหลงที่หลับตานั่งนับประคำตรงนั้น สาวมช้อมยิ้ม ด้านบนวิหารเทียมฟ้าไทฮองไทเฮายืนมองคนทั้งสองไม่วางตา“หลายครั้งแล้วที่ข้าพลาดครั้งนั้นสนับสนุน สนมฉีกับเสี้ยนตี้เพื่อคานอำนาจไท
วังหลวง"ฮ่าาาาในที่สุดเราสองคนก็ได้รับเงินค่าจ้างจากคุณหนูรองของตระกูลเฉินสินะ ฮ่าๆๆๆเจ้านี่ไม่เบายังอาจต่อรองกับคุณหนูตระกูลใหญ่เชียวหรือ"หมอหลวงพูดขึ้นดังๆหัวเราะชอบใจ"ไม่ได้หรอกข้าอุตส่าห์ยอมเดินเข้าไปในตระกูลเฉินไม่กล้าก็ต้องกล้าจะต้องให้ได้สิถึงจะถูกเป็นอย่างไรเล่าแผนการของข้าในที่สุดก็สำเร็จ""คนพวกนี้อาศัยในตระกูลใหญ่มีคตนคอยตามใจและปกป้องพูดถึงความฉลาดเคยสู้พวกเราได้หรือพวกเราที่ต้องดิ้นรนแกร่งแย่งเอาชีวิตรอดในวังหลวงล้วนแข้งแกร่งกว่าพวกนาง"เจายี่ยิ้มุมปากบ้านเฉิน“ลูกโดนข่มขู่ท่านพ่อช่วยลูกด้วย”อี้เหมยเดินเข้ามาในห้องด้วยความร้อนรนเมื่อเจายี่นางจากไปแล้ว เฉินตงลี่ขมวดคิ้ว“ใครบังอาจมาข่มขู่คุณหนูบ้านเฉินคุณหนูของผู้นำสี่ตระกูลใหญ่” เฉินอี้เหมยหน้างอ“ท่านพ่อ เรื่องนั้นปล่อยมันไปเสีย”“อ้าวทำไมกันไหนเจ้าบอกว่ามีคนข่มขู่แล้วเจ้าทำไมปล่อยคนพวกนั้นไปได้”“นั่นเพราะ ลูกคิดว่าคนพวกนั้นก็แค่มดปลวกตัวการที่สำคัญคือเอ่อต้าเหนิง คนสำคัญที่ต้องจัดการก็คือเอ่อต้าเหนิงท่านพ่อช่วยลูกด้วยทำอย่างไรก็ได้ให้เอ่อต้าเหนิงนางไม่ได้ยืนเคียงข้างท่านอ๋อง”“เอ่อต้าเหนิงอีกแล้วหรือ ทำไมคนตระกูลเอ่อ
วิหารเทียมฟ้าฉินเกอหลงที่เอาแต่นั่งนับประคำ เอ่อต้าเหนิง นั่งเท้าคางมองใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่นิ่งเฉยอีกแล้วจะโกรธไปถึงไหนกันแค่จับได้ว่าแอบจูบต้าเหนิงแค่นั้นทำไมต้องโกรธกันด้วย“หานจงเดินมาพร้อมกับห่อยา สีหน้าห่อเหี่ยวสิ้นดีส่งภาษามือถามว่า…เป็นอะไรถ่ายไม่ออกหรือ“อาการเดียวกับหวางเย่” หานจงตอบมาชัดถ้อยชัดคำส่งภาษามือถามอีกว่าอาการอะไรอาการของคนขี้โกงนะหรือ“พระสนมอย่าล้อเลนกับคนที่กำลังตัดใจ” ต้าเหนิงอมยิ้มเดินเข้ามาเท้าคางกับไหล่ของหานจง“พระสนม เอ่ออย่าทำแบบนี้” ฉินเกอหลงลืมตาพรึบมองท่าทีสนิทสนมที่ต้าเหนิงปฏิบัติต่อหานจงแล้วกัดฟันแน่นรู้สึกโมโหขึ้นมาทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะหมางเมินกับต้าเหนิง“หานจงไปก่อไฟเคี่ยวยาเสีย” ออกปากไล่หานจง ต้าเหนิงเบ้ปากขอรับท่านอ๋องไปก่อไฟเคี่ยวยาแล้วก็ไม่ต้องลงมาที่นี่อีก หากข้าไม่เรียกส่วนยานั่นให้สาวใช้ของเสด็จย่ายกมา”ต้าเหนิงงงกับท่าทีของฉินเกอหลงทำไมต้องฉุนเฉียวขนาดนั้นทำไมต้องดุดันเพียงนี้“ส่วนเจ้า มานั่งสวดมนตร์ตรงนี้” เดินมาดึงตัวต้าเหนิงให้ไปนั่งแท่นหินที่ตรงหน้าเขากดไหล่ให้นั่งลง“สวดมนตร์ตามข้า” ต้าเหนิงอ้าปากค้าง เอาจริงหรือสวดมนตร์หรือ
ต้าเหนิงลุกขึ้นยืนแล้วเซแซ่ดๆๆๆๆ กับการที่ต้งนั่งสวดมนตร์ตามใจฉินเกอหลงเขานั่งนิ่งหลับตาเฉย ไม่สนใจ“อืออุอะอุอะออะอะอะอะ”อย่าให้ฉันพูดได้นะคนอะไรใจร้ายสิ้นดีคนอะไรชอบทำทีว่าเฉยชารู้หรอกน่าว่าแกล้งไปอย่างนั้นความจริงแล้ว ว่าแต่ว่าเขาจะแกล้งทำไม“เจ้า ร่างกายแข็งแรงดีแล้ว ต่อไปคงต้องกลับเข้าไปในวังหลวงแล้วนะ” ไทฮองไทเฮาที่มาเมื่อๆ ไหร่ไม่รู้“เสด็จย่า” ฉินเกอหลงลืมตากล่าวทักทายไทฮองไทเฮา ต้าเหนิงย่อกายลงเงอะงะ“ย่ากำลังจะส่งสนมเอ่กลับไปที่วังหลวงเพื่อกันข้อครหาและปกป้องจวิ้นหวังจากคำครหาของคนที่ต้องการจะทำร้ายทำลาย”“เสด็จย่าไม่ต้องกังวลฉินเกอหลงไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องที่หาสาระไม่ได้เพียงนั้น ส่งนางเข้าวังฉินเกอหลงก็จะกลับไปที่วัดทางเหนือ”“ไม่ได้” ไทฮองไทเฮาพูดขึ้นทันที ต้าเหนิงหันหน้าหันหลังเพราะรู้สึกเคว้งคว้างที่อีกคนกำลังจะทิ้ง ใจร้ายจังทิ้งกันได้ลงคอทั้งๆ ที่ตัวเองเหมือนเป็นคนชุบชีวิตต้าเหนิงขึ้นมาใหม่ ใจร้ายทิ้งต้าเหนิงได้จริงๆ หรือหันหน้าหันหลังมไ่จเอใครนอกจากฉินเกอหลงคนเดียวแต่เขาบอกว่าไม่เอาไม่รับภาระ“เสด็จย่าเรื่องจะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่ หากฉินเกอหลงยังอยู่ที่นี่”“ตั้งใจแ
“อะอะอ่อย” ปะปะปล่อย ใบหน้าหล่อเกือบชิดกับใบหน้าของต้าเหนิงเบี่ยงตัวหลบพัลวันแต่อีกคนกลับยิ่งแกล้งยื่นหน้าเข้าหาจนต้าเหนิงเกือบหงายหลังดีที่ฉินเกอหลงดึงมือไว้“กลัวด้วยหรือในเมื่อกี้ข้ายังเห็นว่าหญิงงามใจกล้าคนหนึ่งทั้งกอดทั้งซบข้าไม่ปล่อยตอนนี้ทำไมกลัวได้เสียล่ะ หรือว่าเกิดขลาดเขลาขึ้นมาชั่วขณะ บุรุษไม่มีเสียหายอยู่แล้วเป็นเจ้าที่ต้องเสื่อมเสีย เช่นนั้นคราวหลังอย่าทำแบบนี้กับใครอีก เพราะคนพวกนั้นอาจไม่ปล่อยเจ้าไปเหมือนที่ข้าทำ” ต้าเหนิงยิ้มเจื่อนๆ“ไปได้แล้ว อย่าคิดล้อเล่นแบบนี้กับใครอีก โดยเฉพาะคนอื่นที่ไม่ใช่ข้า” ต้าเหนิงถอนหายใจ เดินคอตกกลับขึ้นไปในวิหารเทียมฟ้าหานจงวิ่งเหยาะเข้ามาฉินเกอหลงถอนหายใจยาว“ท่านอ๋อง แย่ไหมขอรับ”“เกือบแย่ ข้าไม่อาจตัดใจจากนางเจ้าก็คงจะเข้าใจในข้อนี้การตัดใจมันยากแค่ไหน หากข้าตัดใจแล้วนางไม่ไยดีและเฉยชาไปเสีย นั่นก็พอจะทำใจได้ว่านางไม่มีใจ แต่นี่นางกลับเข้าใกล้ข้าพยายามเข้าใกล้ข้าตลอดเวลา และนางยังตั้งใจยั่วยวนข้า เอ่อต้าเหนิงคนเดิมนางไม่ได้เป็นแบบนี้ นางตอนนี้ทำข้าเดาทางไม่ถูกถึงจะข่มขู่นางนางก็เหมือนว่าจะเขินอายแต่มาคิดดูนางถวายตัวกับฝ่าบาทไปแล้วจะเข
สองวันผ่านไปแล้วที่ฉินเกอหลงทำเหมือนโกรธเคืองต้าเหนิงไม่เคยเข้าใกล้ไม่เคยมาหาไม่เคยพูดคุยต้าเหนิงก็เลยซึมๆ เหมือนส้วมไปนั่นเลย ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรทั้งไทฮองไทเฮาและฉินเกอหลงเหมือนกำลังเตรียมการบางอย่าง ต้าเหนิงวันๆ ที่เอาแต่ดื่มยาดื่มยาและดื่มยา“พระสนมเจ้าขา” ต้าเหนิงหันมองสาวใช้ที่ถือถ้วยยามาอีกแล้วส่ายหน้าไปมาไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยทำไมต้องกินอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น“เป็นอะไรเจ้าค่ะวันนี้นิ่งขรึมเสียจริง” ส่ายหน้าไปมา“กินยาหน่อยเจ้าค่ะ” ต้าเหนิงนั่งเหม่อมองไปนอกระเบียงสูง ทำไม่รู้สึกว่าเหมือนกำลังจะมีโชคร้ายในอีกไม่นานต่อจากนี้ มันเลยท้อแท้หดหู่ไปเสียหมดหรืออาจแค่ไม่พบฉินเกอหลงแค่สองวันที่ผ่านมาเพราะ เขาทำราวกับไม่มีตัวตนที่นั่น เอาแต่ผ่าฟืนกับนั่งนับประคำ ต้าเหนิงไม่ได้านใจคำขู่ของเขาแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวว่า เขาจะโกรธ“เจ้าออกไปเถิดข้าให้พระสนมกินยาด้วยตัวเอง” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหลัง ต้าเหนิงไม่หันไปมองด้วยซ้ำช่างเขาสิ ไม่อยากพบไม่อยากมาก็ไม่ต้องพบต้องเจอกันคิด่าตัวเองแสดงได้คนเดียวหรือบทคนเฉยชา“เจ้าค่ะ” สาวใช้จากไปแล้วต้าเหนิงยังนั่งเหม่อมองทำไม่รู้ไม่ชี้“ยานี่ท
“อืออออออ” ต้าเหนิงดิ้นหลุดจากอ้อมแขน “มีไหมยาตัดใจ หานจงถามกับท่านหมอเทวดาเยี่ยนฉือที่กำลังจัดเทียบยาอีกคนหันมามองด้วยสายตาสื่อความหมายชัดเจน“แล้วคิดว่าหากมันมียาตัดใจแล้วข้ายังต้องกลับมาที่นี่ไหม”“ต้องกลับซี้ก็ในเมื่อท่านมีหวางเย่และมี…มีข้ารออยู่ที่นี่จะทิ้งกันไปง่ายดายหรือไร” เยี่ยนฉือยิ้มเศร้า“แล้วหากไม่ใช่ข้าที่เป็นฝ่ายทิ้งไปเล่า หากเป็นคนอื่นที่ตั้งใจทิ้งข้าตั้งใจโดดเดี่ยวข้าเล่า” สบตาหานจงที่รีบเดินหลบไปเสียอีกทางแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด“หวางเย่อยากได้ยาที่ทำให้พระสนมเลิกเป็นใบ้เสียที” พูดผิดๆ ถูกๆ“ข้ากำลังจัดยาให้ยานี้รักษาอาการพูดไม่ได้ ทำให้สามารถเปล่งเสียงออกมาได้อย่างที่ต้องการ” เยี่ยนฉือน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ“ข้ากำลังคิดว่าเราสองคนควรจะปรุงยาตัดใจเพื่อหวางเย่ดีกว่าไหม” เยี่ยนฉือหันมองหานจง“หวางเย่หรอกหรือ”“นั่นสิทุกวันนี้กำลังเผชิญกับหญิงงามที่หมายปองและยังต้องใกล้ชิดทั้งที่ไม่อาจใกล้ชิด แล้วสนมเอ่อ ครั้งนี้เปลี่ยนไปไม่น้อยนางน่ารักสดใส และที่สำคัญนางมักจะหยอกเย้าท่านอ๋องแบบที่คนรักกันควรกระทำ”“ก็ถูกต้องแล้วนี่นางกับท่านอ๋องเคยมีความสัมพันธ์อันดีข้ายังจำได้ว่าท่าน
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห