แต่แล้ว เบียงก้าก็ฟื้นคืนสติหลังจากได้ยินคำพูดของชายผู้นั้น เธอผลักและดันเพื่อออกจากร่างกายเขาขณะที่เขากำลังสนใจสิ่งอื่นอยู่ดวงตาลึกของลุคเป็นสีแดงเข้ม ส่วนหนึ่งของร่างกายของเขากำลังร้อนรุ่มจัด ร่างกายทั้งหมดของเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเย็นชาและดึงเธอกลับมาอีกครั้ง เขากอดเธอไว้ และหันหน้าเข้าหากันโดยเอาแขนโอบหลังเธอ หลังจากเดินโซเซไปสองก้าว เขาก็กดเธอลงบนเก้าอี้นวมสีแดงเข้ม“ไม่อยากแล้วเหรอ?” เสียงที่มีเสน่ห์ของเขา ทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น และใบหน้าของเธอแดงก่ำเมื่อความรักอันไร้ขอบเขตที่เขามีต่อเธอแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเบียงก้ายอมรับกับตัวเองว่าเธอแอบชอบผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านั้นในเวลานี้“อืม…”ริมฝีปากที่พยายามจะปฏิเสธถูกปิดผนึกลงอีกครั้งโดยริมฝีปากของชายผู้นั้น โคนของลิ้นของเธอเริ่มเจ็บปวดจากการดูดนั้นภายในห้องนั้น เสียงที่ดังอยู่ ณ ตอนนั้นคือเสียงความรักระหว่างชายและหญิง เมื่อแสงสลัวส่องทั้งสอง ชายคนนั้นก็มีรังสีที่เร้าอารมณ์มากสำหรับเขา เบียงก้าจมดิ่งลงไปในกลิ่นของนิโคตินจากร่างกายของเขา ฟีโรโมนใกล้จะระเบิดออกแล้ว “ฉ
พวกเขาเดินจับมือกันผ่านห้องทำงานและไปยังลิฟต์ แล้วออกจากตึกไป ลุคเปิดประตูให้เธอ หลังจากเธอเดินเข้าไปข้างในเรียบร้อยแล้ว ลุคหมุนตัวกลับ คิ้วของเขาขมวดมุ่นก่อนจะจุดบุหรี่ในมือลมเย็นยะเยือกพัดมากระทบยังใบหน้าอันแสนบอบบางของลุค หากแต่ร่างกายของเขายังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบเธอ ฮอร์โมนของเขาพลุ่งพล่านในทันที เขายังจำวันที่เห็นใบหน้าเล็ก ๆของเธอที่สนามบาสเกตบอลได้ ใบหน้านั้นกระตุ้นให้เขาอยากปกป้องเธอ ไม่ใช่เพียงเพราะเธอตัวเล็กเพียงเท่านั้น เพราะเธอยังดูแคะแกร็นและให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยอยู่ดีกินดีเท่าไหร่อีกด้วยหลายวันถัดมา ลุคตระหนักได้เลยว่าเด็กผู้หญิงคนเดียวที่ติดอยู่ในใจของเขาคือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซ้ำยังดูแคะแกร็นที่เรียนในโรงเรียนมัธยมต้นที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาเมืองเล็ก ๆ นี้เปิดกว้างเกี่ยวกับเรื่องรักวัยใสมากกว่าในเมืองใหญ่ พวกคุณครูจะคอยสอดส่องดูแลเด็กนักเรียนที่มีความรักพวกนั้นเช่นกัน แต่ไม่ได้เข้มงวดกับพวกเขาเท่ากับโรงเรียนในเมือง เขาหมกหมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าจะไล่ตามเธอเย็นวันศุกร์ เบียงก้าเดินกลับจากโรงเรียน เวลาเดียวกันเขาก็แอบตามเธอไปด้วยเด็
พวงแก้มของเบียงก้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ“ฉันสบายดีค่ะ”คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อยอีกทั้งยังพยายามจะหนีออกจากอ้อมแขนของเขา เขาดูร้อนแรงขึ้นอีกจนเธอเริ่มกลัวว่าเขาจะหมดความอดทนและสูญเสียการควบคุมอีก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็อ่อนแอเกินกว่าจะหนีเขาพ้น ร่างของเธอถูกกดทับที่ปลายเตียงชายหนุ่มเลื่อนมือต่ำลงไปเธอมองเขาด้วยแววตาแห่งความหวาดกลัว เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่เบียงก้ารู้สึกถึงลมที่หว่างขาเขากระชากบางอย่างไปจากเธอเธอมองเข้าไปในดวงตาดำขลับอันล้ำลึกของเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ริมฝีปากของเธอถูกเขาบดขยี้อีกครั้ง ชายหนุ่มกดร่างของเขาลงมา ก่อนจะเริ่มดูดกลืนอย่างค่อยเป็นค่อยไปเบียงก้ากลัวว่าความเจ็บปวดที่เธอคุ้นเคยนั้นจะกลับมาอีก เธอจึงพยายามที่จะหยุดยั้งเขาตามสัญชาตญาณปฏิกิริยาของลุคทำให้เลือดเห่อขึ้นบนหน้าของเบียงก้าเขาสำรวจร่างกายของเธอเบียงก้าไม่ได้รับบาดเจ็บจากกิจกรรมก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้น มันเพียงแค่รู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นได้หายไปแล้ว“อย่า...อย่ามองค่ะ…” เธอไม่สามารถหลีกหนีจากเขา จึงทำได้เพียงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้ร่
ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดชายอาวุโสนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เขามักจะตื่นง่าย เวลาที่ได้ยินเสียงอะไรเพียงเล็กน้อยในตอนกลางคืน และดูเหมือนหลานชายของเขาจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทีเดียว ทุกครั้งที่เขากลับมากลางดึก ลุคไม่พลาดที่จะทำเสียงดังในตอนที่เขาเอารถเข้าไปจอดในโรงจอดรถทุกครั้งไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับชายชราผู้นี้ที่จะทำเป็นไม่สนใจหลานชายของตัวเอง ในขณะที่ลุคเดินเหินไปมาอย่างอารมณ์ดีไหนจะเสียงลมที่เขาขับรถแต่กระนั้น ปัญหาที่เห็นได้ชัดก็คือคนบ้างานอย่างลุคที่เคยสนใจแต่บริษัท หมู่นี้ไม่ได้ทำงานล่วงเวลาอย่างเคย แถมก็ยังไม่ค่อยอยู่ติดบ้านด้วยเช่นกัน ‘แล้วเขาไปที่ไหนตั้งแต่บ่ายยันดึกดื่นกันล่ะ?’‘โดยเฉพาะเมื่อคืนที่เขากลับมาดึกกว่าปกติ!’ชายอาวุโสแอบให้เหลนคนโตไปถามลุคเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่เขาจะได้รับข่าวร้าย“คุณปู่ทวดครับ ตั้งแต่คุณพ่อกลับมา พ่อก็เอาแต่พลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่ม คุณอาหลุยส์เลยบอกว่าคุณพ่อป่วยด้วยโรคนอนไม่หลับจากความเหงา ความเจ็บปวดทางกายที่ผู้ชายต้องทนทุกข์ไปอีกสักระยะนะครับ คือผมจะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ผมว่าพ่อคงจะต้องนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่ทุกคืนแบบนี้
ใบหน้าของหลุยส์เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าถ้าลุคไม่ได้ทำแบบนั้น เขาควรจะพาผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน...หลุยส์รู้สึกถึงสภาพจิตใจของผู้ชายแปลกประหลาดอย่างพี่ชายของตัวเอง เขาห่างหายจากเรื่องผู้หญิงมานานกว่าห้าปีแล้วยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติน่ะเหรอ? เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน!“หลานคิดว่าเธอไม่คู่ควรที่จะได้เจอกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ? หลานรู้ไหมว่านั้นจะทำให้เธอรู้สึกแย่มากแค่ไหน…” ชายอาวุโสถามหลังจากคำถามนั้นของเขา ชายอาวุโสก็จ้องมองใบหน้าของหลานชายเพื่อสังเกตสีหน้าของเขา เขาเกรงว่าหลานชายอาจจะเป็นพวกหน้าไม่อายที่ชอบดูถูกผู้หญิงที่ตัวเองนอนด้วยทุกคืนลุคได้แต่คิดว่าปู่ของตัวเองคงไม่มีทางเลือก ปู่คงคิดว่าตัวเองไม่ได้สั่งสอนพ่อมากพอในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ และแม้ว่าพ่อจะไม่คู่ควรแก่การเคารพของลุคเลยแม้แต่น้อย กลับกันปู่กับเป็นอีกจำพวกหนึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นเพราะความกังวลเรื่องงานแต่งงานที่อาจเกิดขึ้นของลุคก็เป็นได้ เขาถึงได้ถาม“ผมกลัวว่าพวกคุณปู่จะทำให้เธอขยาดต่างหาก” ลุคหยิบเอกสารขึ้นมาวางไว้ใกล้ ๆ เขากล่าวเป็นนัยว่าไม่ใช่ว่าเขาพยายามจะซ่อนเธอจากครอบครัว หากแต่เป็นเ
“อา…”ฌองปิดประตูห้องน้ำที่ทำจากกระจกด้วยหลังมือเพื่อให้ได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสบายใจ เขามองลงไปที่ต้นขาที่ขาวซีดและได้สัดส่วนของมาลี พร้อมกับนิ้วเท้าที่กลมกลึงและอ่อนนุ่มของเธอมาลีเขย่งปลายเท้าแล้วโน้มตัวไปด้านหน้า ร่างกายของเธอกดทับไปยังตัวเขาจนไร้ช่องว่าง“อืม เร็วเข้า…”ฌองจับด้านหลังของศีรษะมาลีก่อนจะดันให้มันขยับมาด้านหน้าเขากระตุ้นเธอโดยปราศจากความอ่อนโยน “เร่งมือเข้า อ๊า….เธอนี่มันซนจริง ๆ…”… เบียงก้าลงจากแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปแถวละแวกบ้านมันเป็นย่านที่เก่าแก่มาก ๆ ในเมืองเอ เมื่อหลายปีก่อน พ่อของเธอซื้อบ้านที่อยู่ในละแวกนี้มันมีเพียงสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของเบียงก้ามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อเบี่ยงก้าเดินเข้าไป ที่ทางเดินเก่าที่เธอไม่เดินผ่านมันมากกว่าห้าปี เธอยังจำได้ว่าเธอย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กับมาลีก่อนที่เธอจะเรียนจบมัธยมต้นเสียอีกในตอนนั้น พ่อพูดกับเธอว่า “นี่คือพี่สาวของลูก เธอแก่กว่าลูกสองปี หวังว่าลูกสองคนจะเข้ากันได้ดีนะ เข้าใจไหม?”ในตอนนั้นเบียงก้าผู้แสนอ่อนต่อโลกยิ้มและกล่าว
“แต่ว่า…”เบียงก้าทั้งลังเลและกังวลเหลือเกินวันนี้เป็นเพียงวันที่สองที่เธอกับลุคเริ่มคบกันอย่างเปิดเผย มันเร็วเกินไปที่จะไปรับประทานอาหารกับครอบครัวของเขาเธอไม่ได้เตรียมใจอะไรเลยแม้แต่น้อยนอกจากนั้น ข้อกังขาร้ายแรงและรุนแรงที่สุดก็คือลุคกับเธอต่างกันมากเกินไปในแง่ของฐานะทางครอบครัว“อย่ากดดันตัวเองนักเลย อันที่จริงแล้วครอบครัวผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก ถ้าคุณมองดี ๆ ก็จะรู้ว่าเราน่ะเหมือนกัน” ลุคเดาออกว่าเบียงก้ากำลังกังวลเรื่องอะไร"..."พอเขาบอกอย่างนั้น มีหรือที่เบียงก้าจะปฏิเสธได้นับตั้งแต่ที่เบียงก้ารับโทรศัพท์จากลุค เธอก็รู้สึกราวกับถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับที่หน้าอกจนเธอหายใจไม่ออก ดูท่าความหนักอึ้งนี้จะคลายลงก็ต่อเมื่อเธอได้พบครอบครัวของลุคแล้วเท่านั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอีกสองสามครั้ง เบียงก้าเห็นว่าเป็นสายของฌองเธอไม่ได้กดรับ หรือกดปฏิเสธเพียงแค่ไม่แยแสมันราวกับตัวเองไม่ได้ยินในตอนนั้นเองที่เบียงก้ารู้สึกขอบคุณมาลีที่สร้างละครฉากนั้นขึ้นเพื่อหวังจะยั่วยุเธอ เพราะหลังจากที่ได้เห็นฉากเร้าอารมณ์ในห้องน้ำของทั้งคู่ ในที่สุด เบียงก้าก็ได้รู้จักอีกด้านหนึ่งขอ
เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนลงจากชั้นสอง พวกเขาเห็นรถหรูแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์‘เรนจ์โรเวอร์สีดำ! พ่อกลับมาแล้ว!’“น้าบี พวกเราคิดถึงคุณค่ะ…” เด็กน้อยวิ่งออกไป สิ่งแรกที่เรนนี่ทำคือการเข้าไปกอดเบียงก้าที่เพิ่งลงจากรถเบียงก้าเกือบจะเสียการทรงตัว เธอค้อมตัวลงเพื่อลูบแก้มนุ่ม ๆ ของเรนนี่ “น้าก็คิดถึงหนูจ้ะ”เมื่อชายอาวุโสมองดูฉากครอบครัวสุขสันต์เบื้องหน้าเขาก็ดีใจอย่างมาก คล้ายว่างานแต่งงานของหลานชายจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเสียแล้วหากได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ และเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เกลียดแม่เลี้ยงของพวกเขา ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี“ลูกต้องยืนให้ดี ๆ อย่าลากคุณน้าบีไปแบบนั้นอีก” ลุคก้าวขาที่เรียวยาวของตัวเองลงจากรถ และจ้องมองลูกทั้งสองคนที่ตามติดเบียงก้าแจด้วยใบหน้าจริงจังเรนนี่เม้มริมฝีปาก ถอนลมหายใจและบ่นอุบอิบ “ทำไมคุณพ่อกอดน้าบีได้คนเดียวล่ะคะ? ครั้งที่แล้วพ่อก็กอดน้าบีจนเธอร้องไห้…”ลุค “...”เบียงก้าหน้าแดงอย่างพูดไม่ถูก“แม่หนูคือน้าบีที่เด็ก ๆ ชอบพูดถึงนี่เอง ต้องขอบอกเลยว่าลุครู้จักเลือกไม่น้อย” ชายอาวุโสรีบแจ้นเข้ามาและพยายามพูดถึงความหลงใหลได้ปลื้มในตัวเบียงก้าของหลานชาย
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ