“อึก...ไม่...ไม่...”เสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมา มองผู้เป็นพ่อที่เคยทิ้งไปไม่ไยดี สายตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่ยังไหลทะลักออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด พยายามเพ่งมองคนเป็นพ่อจากหัวจรดเท้า รูปร่างท้วม ราศีที่มีเพิ่มขึ้น การแต่งกายไม่ต้องพูดถึง บ่งบอกว่าคนที่สวมใส่ชุดสูทราคาแพงนั้นได้ ต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้น แล้วหากที่ผ่านมา หากพ่อมีเงินมีกินมีใช้ เหตุใดจึงไม่รับหล่อนกลับบ้าน ปล่อยให้หล่อนเฝ้ารออย่างไม่รู้จุดหมายของชีวิตแบบนี้ ...“ลูกกลับบ้านเราเถอะลูก”ผู้เป็นพ่อเอ่ยอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่มองอย่างห่างเหินอยู่เต็มใบหน้าของผู้เป็นลูกสาว“หนูมีบ้าน ... มีพ่อด้วยหรือคะ!”เสียงแหบแห้งพยายามเอ่ยโต้กลับไป“มีสิ ... ก็พ่อยืนรอหนูอยู่นี่ไง”ผู้เป็นพ่อเริ่มมีสีหน้าวิตกยิ่งขึ้น มืออวบอูมที่จับแขนเรียวไว้เริ่มมีอาการสั่นน้อย ๆ กับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าธาดาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อไม่อาจเดาได้ว่าผู้หญิงที่เขาเลี้ยงมาจะตัดสินใจยังไง แต่ถึงจะยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้หล่อนหลุดมือกลับไปอยู่กับพ่อที่ไม่มีความเป็นพ่อแน่นอน“ไม่ ... ผมไม่ยอม ถึงยังไงผมก็ให้คุณเอาลูกสาวของคุณกลับไปตอนนี้ไม่ได้ ยังไงบีก็
ไม่จริง คุณพ่อใจร้าย ...หัวใจยังตะโกนบอกถึงความเจ็บช้ำกับการกระทำที่ผ่านมา มือเรียวรีบปาดน้ำตาที่ไหลไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เท้าบางยังทำหน้าที่ตามใจสั่งของผู้เป็นเจ้าของ หัวใจที่ไม่เคยได้รับความรู้สึกที่ดีจากใครบางคนยังคงครุ่นคิด ท้อแท้จากคนที่ตนเองกำลังรอความหวัง รู้สึกถึงความอ่อนล้าของหัวใจ ที่ระบายอยู่รอบกาย เบื่อชีวิตที่ถูกหยิบยื่นมาให้อย่างไม่เป็นธรรม เบื่อคำว่าผู้หญิงขัดดอกเต็มทีผู้ชายที่หล่อนคิดจะฝากฝันเอาไว้ว่าสักวันเขาจะหันมารักเธอได้ แต่กลับกันยิ่งนานวันยิ่งแสดงความโหดร้าย ทั้งวาจาและการกระทำอย่างไม่มีความปรานี ส่วนคนที่ทำให้หล่อนเกิดมาดูโลกกลับทิ้งไปไม่สนใจไยดีว่าหล่อนจะทุกข์ระทม เจ็บปวดสักเพียงใด“บี ...!”เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังใกล้เข้ามา ทำให้ร่างบางตวัดสายตากลับไปมอง เพื่อให้แน่ใจว่าใช่ผู้ชายใจร้ายจริงหรือเปล่า ก่อนจะหันกลับเมื่อแน่ใจว่าใช่เขา เท้าบางที่เริ่มอ่อนแรง แต่ใจของคนเป็นเจ้าของกลั้นใจวิ่งไปข้างหน้า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดบึงขนาดใหญ่ที่มองเห็นอยู่ข้างหน้าไกล ๆ และเริ่มชัดเจนขึ้นเมื่อร่างบางวิ่งเข้ามาใกล้ ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองน้อย ๆนั่นคือสิ่งที่จะหยุดเรื
ธาดาหน้าขาวซีดเหงื่อแตกพลั่กใจหล่นไปกองอยู่บนพื้น เขารีบกระโดดตามลงไปทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เขาสนใจในขณะนี้มีเพียงหล่อนที่เป็นสิ่งมีค่าที่สุดเท่านั้นตูม!! เสียงน้ำแตกกระจายเมื่อร่างแกร่งกระทบกับพื้นน้ำในวินาทีถัดมา เสียงน้ำที่ดังทำให้คนที่ยืนอยู่เริ่มมีสติ“วิรุจ! ตามไปช่วยคุณ ...”สาธิตย์ร้องเสียงหลงตกใจกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้แต่เหมือนวิรุจจะรู้ตัวก่อนว่าเขาสมควรทำสิ่งใด เพราะทันทีที่ได้สติเขาวิ่งตรงไปยังบ่อน้ำ กระโจนลงน้ำไปอีกคนสาทิตย์เมื่อเห็นชายหนุ่มลงไปช่วยหญิงสาวก็ค่อยเบาใจ แต่คนที่กำลังยืนอยู่ใกล้ตอนนี้ทำให้สาทิตย์เริ่มเป็นห่วงอาการของอีกคนที่เริ่มหน้าซีดลงทุกที อาการแบบนี้ที่เขาเคยเห็นมาแล้วเมื่อสองเดือนก่อนที่ผ่านมา“ทำใจดีๆ ไว้คุณปองพล”“ช่วยพาผมไปที่ปากบ่อหน่อย ผมอยากเห็น ...”เสียงแหบแห้งเอ่ยบอก สีหน้าเจ็บปวดทั้งสีหน้าและแววตา“จะดีหรือครับ ผมว่าเรารอตรงนี้ดีกว่า อีกอย่างท่าทางคุณอาการไม่ดีเลย”น้ำเสียงเอ่ยอย่างเป็นห่วง รู้สึกเจ็บแทนเมื่อคนที่กำลังร้องขอกดขยำหน้าอกตัวเองแรง ๆ“ไม่เป็นไร ...ช่วยพยุงผมไปเถอะ”แววตาเริ่มมีน้ำคลอหน่วย“หากคุ
วิรุจเอ่ยบอกอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นคนตรงหน้าสีหน้าไม่สู้ดี เหมือนกับคนที่กำลังจะสูญเสียของรักอย่างไรอย่างนั้นเงยหน้าสบตาคนที่เอ่ยบอก แล้วลงมือทำอย่างเมื่อกี้อีกครั้ง ทันทีที่มือหนาวางบนหน้าอก เสียง แครก! แครก!พร้อมกับน้ำที่พ่นออกมาจากปากและมันมากพอทำให้คนที่นั่งอยู่ใกล้เปียกชุ่มอีกครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ชายหนุ่มโกรธแม้แต่น้อย แต่กลับเรียกรอยยิ้มของคนตัวโตและคนรอบข้างได้ดีหล่อนฟื้นแล้ว ... ชายหนุ่มอยากตะโกนออกมาดัง ๆ แต่ก็ต้องทำตัวให้นิ่งเอาไว้ขนตางอนเริ่มขยับขึ้นลง ชายหนุ่มรีบประคองร่างบางให้กึ่งนั่งกึ่งนอนไว้บนหน้าขาของตัวเองอย่างรอลุ้นว่าหล่อนจะลืมตาขึ้นมาเมื่อไหร่ตากลมโตค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ แต่ก็ไม่เต็มที่ แต่หล่อนรับรู้ถึงอ้อมกอดและไออุ่นที่เคยได้รับ และลมหายใจที่คุ้นเคย“คุ คุณใหญ่...”เสียงเล็ดลอดออกมาเบา ๆ พอที่จะให้คนข้างกายได้ยิน และเหมือนอยากให้คนที่โอบกอดเธออยู่ รับรู้ว่าเธอยังคงมีลมหายใจอยู่ และหล่อนก็ไม่ได้ฝัน ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้งอาการของเธอเรียกรอยยิ้มทั้งน้ำตาของคนข้าง ๆ และคนที่ยืนอยู่ได้เป็นอย่างดี“บี ...”ชายหนุ่มกอดกระชับร่างบางแน่นเป็นเท่าตัวอย่า
ชายสูงวัยมองหน้าชายผิวเข้มอย่างงงงวย แล้วหันมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก“ว่าไงครับ ผมต้องการข้อมูล”นายแพทย์ถามย้ำธาดาที่ยังรู้สึกมึน ๆ รวบรวมคำพูด“มีผู้ป่วยอีกคนไหมครับ นอกจากผู้ชายสูงวัยกับหญิงสาวที่มากับผม...”“ไม่มีผู้ป่วยรายอื่นหรอกครับ” นายแพทย์ทำท่างุนงง“ก็แปลว่า...”เสียงเล็ดลอดผ่านริมฝีปากหนาได้รูปเหมือนคนกำลังเพ้อ“ใช่ ... ผู้หญิงที่จมน้ำนั่นแหละ เธอกำลังตั้งท้อง”น้ำเสียงจริงจังของนายแพทย์ทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว ก่อนจะหันมองนายแพทย์ที่กำลังหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องฉุกเฉินคำตอบที่ได้ทำเอาชายหนุ่มนักธุรกิจใหญ่อย่างนายธาดาถึงกับอึ้ง จะเสียใจหรือดีใจเขาเองก็ไม่แน่ใจ เพราะความรู้สึกมันแล่นเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวและเตรียมใจเอาไว้เลย โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นเท่ากับยอมรับว่าตนเองเป็นพ่อของเด็ก และสามีของหญิงสาว...ท้อง! ท้องกับใคร? คุณใหญ่หรือ ...วิรุจถึงกับร้องถามกับตัวเอง เดินกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง คิดทบทวนเรื่องที่ผ่านเข้ามาทั้งหมด แม้จะรู้สึกหน้าชากับสิ่งที่เพิ่งรับรู้มาใช่เขาเคยเห็นแววตาที่คนทั้งสองเคยมองให้กัน แต่เขาไม่มั่นใจว่
เสียงพึมพำที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นด้วยฤทธิ์ยาพยายามปรือตาขึ้นมอง แต่ดวงตาที่หนักอึ้งทำให้เธอได้แค่ขยับขึ้นลงก่อนจะปิดสนิทอีกครั้ง ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันและเป็นฝันที่ช่างรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก เมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นที่มีอยู่น้อยนิดด้วยการสัมผัสอะไรสักอย่าง แต่ความน้อยนิดนั้นมันทำให้ความรู้สึกของตัวเธออบอุ่นใจยิ่งนักทันทีที่เห็นว่าคนที่นอนหลับอยู่เหมือนจะรู้สึกตัว เมื่อเห็นว่าขนตายาวงอนขยับขึ้นลง ความดีใจมันแล่นขึ้นบนใบหน้า ฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ“บี ...”น้ำเสียงดีใจถูกส่งผ่านออกมาจนคนที่หลับตาเริ่มมีอาการตอบรับโดยการขยับตาขึ้นลงอีกครั้งหล่อนไม่ได้ฝันใช่ไหม ...น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่ใกล้เป็นเรื่องจริงหรือฝันกันแน่ ...ที่พยายามเปิดตาช้า ๆ ก็ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเมื่อปรับสายตาได้แล้วภาพแรกที่เห็น ชายหนุ่มตรงหน้าที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ส่งยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น มันทำให้หัวใจของมนธิราเต้นแรง รู้สึกอบอุ่น หัวใจพองโตจนแน่นคับอก หล่อนรอคอยรอยยิ้มที่ปราศจากอารมณ์โมโหใด ๆ แบบนี้มานาน และวันนี้หล่อนเพิ่งจะได้เห็นว่ารอยยิ้มนั้นไม่มีสีหน้าเคร่งขรึมที่เคยส่งมาในยาม
คนที่นั่งเป็นใบ้กินกะพริบตาปริบ ๆ มึนงงอยู่เป็นครู่ จนหมอที่จับไหล่เพื่อฉีดยากันบาดทะยักเข็มแรกเสร็จไปแล้ว หญิงสาวก็ยังนั่งกะพริบตาอยู่อย่างเดิม ผิดกับชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเข็มกำลังปักลงไปในผิวหนังของหญิงสาวก็ห่อปาก ปิดตาสนิทนิ่ง หัวใจเต้นรัวเหมือนจะเป็นคนโดนฉีดยาเสียเอง“คุณพ่อไปรับยาและสมุดฝากครรภ์ด้านหน้านะคะ รอให้คุณหมอมาตรวจอีกครั้งก็กลับบ้านได้”พยาบาลเอ่ยจบ ส่งยิ้มให้คนป่วยและว่าที่คุณพ่อคนใหม่แล้วเดินออกไป“ใครท้อง?”ประโยคแรกที่ดังออกมาหลังจากที่อึ้งอยู่นาน คนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขยับเดินเข้ามาใกล้เตียงคนป่วย แล้วก้มลงกระซิบข้างๆ ใบหูขาวสะอาด“ก็ ... บีไง”เอ่ยกระซิบอย่างแผ่วเบา คนป่วยออกอาการเบี่ยงหลบเล็กน้อยคำตอบที่ได้แม้จะดังออกมาไม่เต็มเสียงนัก แต่มันชัดเจนทุกคำ“ไม่จริง!”เสียงเอ่ยค้านดังออกมาจนแสบแก้วหู ทำให้คนยืนฟังถึงกับนึกฉุน“มันไม่จริงได้ไง คนเรามีอะไรกัน แล้วไม่ได้ป้องกัน มันก็มีสิทธิ์ท้องได้ทั้งนั้นแหละ หรือว่าบีไม่ดีใจที่ท้องลูกของผม”เสียงขรึมเอ่ยออกอาการน้อยใจว่าที่แม่คนใหม่“ดีใจ ... ดีใจที่ท้องกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก คุณใหญ่คิดว่ามันเป
เสียงประตูด้านคนขับดังขึ้น วิรุจหันมองสายตาจับจ้องอย่างสนใจแล้วสิ่งที่สงสัยก็กระจ่าง เมื่อชายหนุ่มที่ดูจะเป็นรุ่นน้อง ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดตาลงจากรถคันหรูทำหน้าเหยเก ก้มมองดูล้อรถด้านหน้าและด้านหลังออกอาการหัวเสียน่าดูเกาศีรษะแกรก ๆ“แม่อ่ะ! เห็นไหมรถผมเสียศูนย์หมดเลย”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระปอดกระแปดยังสนใจสภาพของรถที่ติดฝุ่นและดินแดงอย่างเห็นได้ชัด“เอ่อ ... คุณครับ ...”วิรุจที่กำลังจะเอ่ยถามแต่ดูเหมือนชายหนุ่มรูปหล่อดูจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเสียเลย วิรุจหันซ้ายขวาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อเมื่อเรียกแขกที่มาเยือน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจึงหยุดมองดูอยู่เงียบ ๆเอาละสิ ... ไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ใกล้เลย จะถามไถ่อะไรก็ไม่สน ...ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยถามอะไร วิรุจก็ต้องละสายตาจากชายหนุ่ม หันมองอีกด้านที่เป็นด้านข้างคนขับ เสียงประตูดังขึ้นสองด้านพร้อมกัน ซึ่งเป็นผู้หญิงสองคนแต่อายุห่างกันมากเหมือนแม่กับลูก วิรุจที่ยืนอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้รับสายตาของหญิงสาวสวยที่อายุน้อยกว่าอีกคนเข้าตรง ๆ เหมือนจะว่ามองหน้าหาเรื่องหรือไง ... พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำที่ฟังจับใจความได้ว่า‘มาอ
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ