ในเช้าของวันหยุดพิมตื่นแต่เช้าออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้านพ่อคำกับแม่มะลิเดินเข้ามาหาลูกสาว แล้วแม่มะลิก็เอ่ยกับพิมว่า" ลูกพิมไปคุยกับแม่ที่ห้องหน่อย "พิมหันไปมองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยตอบรับ" ค่ะ "แล้วแม่มะลิก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ไปยังห้องของตัวเอง พิมก็เดินตามหลังผู้เป็นแม่ไปส่วนพ่อคำก็เดินไปนั่งดื่มกาแฟหน้าบ้านคนเดียวบนโต๊ะกลางสวนเตชินลงมาชั้นล่างไม่เจอพิม พอเห็นแม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่จึงเข้าไปถามหาพิม" ป้าเห็นคุณพิมมั้ยครับ "แม่บ้านหันมาตอบเตชินว่า" เมื่อกี้ป้าเห็นคุณพิมอยู่หน้าบ้านค่ะ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็เดินออกไปที่สวนหน้าบ้านทันที แต่กลับเจอเพียงพ่อคำที่กำลังนั่งดื่มกาแฟคนเดียว เขาจึงเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยทักทายขึ้น" อรุณสวัสดิ์ครับคุณพ่อ "พ่อคำหันมาทางเตชินแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยว่า" อรุณสวัสดิ์ๆ มาหาพ่อแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า "" ผมนึกว่าพิมอยู่ที่นี่เลยรีบมาดูเธอครับ "" อ๋อ ลูกพิมอยู่กับแม่ที่ห้องน่ะ ตอนนี้คงจะถูกแม่อบรมสั่งสอนเป็นชุดแล้ว เมื่อวานเห็นคุณนุชบอกว่าลูกกับลูกพิมทะเลาะกันเรื่องคุณป๊อบ วันนี้แม่มะลิจึงเรียกลูกพิมไปคุย ลูกไม่ต้อ
ณ โรงเรียน JK พิมสอนตามปกติ ตอนเที่ยงป๊อบประกาศในกลุ่มคณะครูโรงเรียน JKว่า" บ่ายโมงตรงขอคณะครูทุกท่านเข้าประชุมที่ห้องประชุมด้วยนะครับ "ครูทุกคนต่างก็พิมตอบกลับไปว่า" รับทราบค่ะ/รับทราบครับ "นุชเตรียมมื้อเที่ยงให้พิม มาจัดวางอาหารบนโต๊ะ พิมออกจากห้องเรียนแล้วเดินเข้ามาในห้องนาฏศิลป์ของเธอจากนั้นเธอก็ไปล้างมือแล้วมานั่งทานข้าวที่นุชเตรียมให้พร้อมกันกับนุชอย่างเงียบๆเธอไม่รู้ว่าป๊อบเรียกประชุมเรื่องอะไร แต่มันทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เธอจึงทานข้าวอย่างเหม่อลอยนุชเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของพิมจึงเอ่ยถามขึ้น" มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ คุณพิม "พิมยิ้มอ่อนส่ายหน้าปฏิเสธเบาแล้วเอ่ยตอบว่า" ไม่ค่ะ "แม้พิมจะปฏิเสธนุชก็ดูออกมาเธอกำลังมีเรื่องครุ่นคิด นุชจึงเอยว่า" พี่นุชว่าคุณพิมอย่าเก็บเรื่องอะไรมาคิดให้กวนใจเลยค่ะ ไม่งั้นจะทำให้ลูกในท้องคิดมากไปด้วย "" ค่ะ "แล้วพิมก็ก้มหน้าทานข้าวต่อ พอทานข้าวเสร็จเธอก็ช่วยนุชเก็บถ้วยจานบนโต๊ะ นุชจึงเอ่ยว่า" พี่เก็บเองค่ะ จะบ่ายโมงแล้วคุณพิมไปสอนเถอะค่ะ "" งั้นพิมฝากด้วยนะคะ "" ค่ะ "แล้วพิมก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง เธอเดินไปยังอาการที่จ
หลังจากที่ลาหยุดยาว พิมก็ไปอยู่กับเตชินที่กรุงเทพบางวันเตชินก็พาเธอไปอยู่ที่บริษัทกับเขาบางวันณัชชาก็พาเธอไปเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กแก้เบื่อถึงคอสเรียนโยคะเตชินก็ไปเล่นโยคะกับเธอทำกิจกรรมครอบครัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยกันส่วนคุณหญิงจารวีกับสามีก็ไปช้อปปิ้งเลือกเสื้อผ้า ที่นอนและผ้าอ้อมให้หลาน แล้วสั่งเตียงทำเตียงและคอกนุ่มๆให้หลานที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกด้วยพอได้ฤกษ์วันที่จะคลอดลูก ทุกคนก็นั่งรถไปส่งพิมที่โรงพยาบาลกันอย่างพร้อมเพรียงทั้งพ่อแม่พิมและพ่อแม่ของเตชินต่างก็นั่งรอพิมในห้องกันกันอย่างตื่นเต้นแทบนั่งกันไม่ติดกันเลยทีเดียวตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าสมาชิกคนใหม่ของตระกูลทางห้องคลอด ขณะที่หมอกำลังทำคลอดอยู่พิมเบ่งท้องพร้อมกับกรีดร้องอย่างทรมานเหงื่อซึมไหลออกมาสีหน้าดูเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเตชินมองหน้าภรรยาด้วยความสงสารอยากจะเจ็บแทน เขาเม้มริมฝีปากแน่นเอาใจช่วยเธอคอยนั่งกุมมือเธอ อยู่เคียงข้างเธอและจูบมือเธอเบาๆด้วยความรักด้วยความห่วงใยพิมปวดท้องอย่างทรมาน หนังสีหน้าเธออ่อนล้าอ่อนเพลียแทบจะไม่มีแรงแล้วตอนนี้เตชินใจสั่นตุบๆได้กุมมือพิมไว้แน่นคอยส่งกำลังใจผ่านริมฝีปากอ
สองวันต่อมา......พิมกลับมาอยู่ในห้องพักฟื้น คุณหญิงจารวีอุ้มหลานชายด้วยความรักใคร่แทบไม่ยอมวางอุ้มสลับกันกับแม่ของพิมที่เห่อหลานไม่แพ้กัน โดยไม่สนใจผู้เป็นสามีที่นั่งบนโซฟาเลยสองสามีที่มีฐานะเป็นปู่กับตาได้แต่จ้องมองภรรยาอุ้มหลานไม่ให้พวกเขาได้อุ้มเลยเตชินนั่งข้างพิมมองภาพครอบครัวตรงหน้าแล้วหันมายิ้มให้กันด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นณัชชาถือช่อดอกไม้เดินมาหน้าห้องผู้ป่วยแล้วเคาะประตู" ก๊อกๆๆ! "จากนั้นเธอก็ผลักประตูเดินเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้ในมือแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายินดีอย่างยิ้มแย้ม" ณัชชาดีใจด้วยนะคะขอแสดงความยินดีกับคุณพิมและพี่เตชินด้วยค่ะ ณัชชากลับมาจากคุยงานต่างจังหวัดก็รีบตรงดิ่งมาโรงพยาบาลเลย ตื่นเต้นมากที่ได้เป็นอาแล้ว "พิมมองหน้าณัชชาแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" ขอบคุณมากค่ะ "ณัชชายิ้มแล้วเอ่ย" ฉันซื้อดอกไม้มาให้ เดี๋ยวขอจัดดอกไม้ใส่แจกันให้ก่อนนะ อ้อ ดอกไม้นี้ไม่อันตรายต่อหลานกับคุณพิมค่ะ "" ค่ะ ตามสบายเลย "พิมเอ่ย แล้วณัชชาก็ไปจัดดอกไม้ พอจัดดอกไม่ใส่แจกันเสร็จ เตชินจึงเอ่ยว่า" ณัชชาน้องไปล้างมือให้สะอาดก่อนนะ แล้วต่อด้วยล้างมือฆ่าเชื้อด้วยเจลแอลกอฮอล์ เข
ป๊อบเดินเข้ามาทำงานในบริษัทแต่เช้าแต่งกายด้วยสูทสีน้ำเงินสุดเนี๊ยบไร้รอยยับที่ปกคลุมบนตัว รูปร่างสูงใหญ่ดูสง่าองอาจน่าเกรมขามแล้วก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์กดปุ่มขึ้นไปชั้นผู้บริหาร พอลิฟต์หยุดลงประตูลิฟต์ก็เปิดออกเขาก้าวเท้าออกจากลิฟต์แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองด้วยสีหน้านิ่งเฉยเย็นชาเลขาที่อยู่หน้าห้องพอเห็นเขาก็รีบลุกไปเปิดประตูให้เขาทันทีเขาเดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงเซ็นเอกสารที่วางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ เอาแต่ตั้งใจทำงานตลอดทั้งวันเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านในใจ พอตกเย็นมาเขาก็ไปนั่งดื่มเหล้าที่บาร์คนเดียวท่ามกลางแสงสีเสียงเขานั่งดื่มในห้องส่วนตัว ในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวล้อมรอบตัวป้องที่แอบตามพี่ชายมาเห็นพี่ชายกลายเป็นคนดื่มแบบนี้ก็เข้าใจชัดเจนว่าพี่ชายต้องอกหักและเสียใจมากแน่ๆด้วยความเป็นผู้ชายแบบเขาที่ร่ำสุราดับทุกข์ต้องเคล้านารีคลายกังวลใจจึงเดินเข้าไปหาพนักงานเสิร์ฟแล้วเอ่ยกับพนักงานเสิร์ฟว่า" น้องเรียกผู้จัดการมาพบพี่หน่อย "" ได้ครับ จะไปเรียนผู้จัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ "เมื่อเด็กเสิร์ฟเข้าไปข้างใน ไม่นานผู้จัดการก็เดินออกมาพบป้อง แล้วเอ่ยถามขึ้น" ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าท่า
1 ปี ต่อมา........พิมไปที่บริษัทของเตชิน เพราะได้รับข่าวซุบซิบจากคนใช้ในบ้านสองคนคุยกันว่า" ฉันได้ยินมาว่าที่คุณชายกลับมาดึกทุกคืนเพราะติดพนักงานสาวคนใหม่ในบริษัท "" เออ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เห็นว่าพนักงานคนใหม่ เข้าไปหาคุณชายที่ห้องก่อนกลับบ้านทุกวันจนเป็นที่พูดถึงกันในบริษัท เข้าไปทีอยู่กันด้วยกัน 3-4 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเรื่องอย่างว่าแล้วจะเข้าไปนานขนาดนั้นทำไมเน้อ "" นั่นสิ ได้ยินมาอีกนะ ว่าคุณชายน่ะ ให้ผู้ช่วยคังไปส่งผู้หญิงคนนั้นทุกครั้งที่ออกมาจากห้องด้วยแหละ "" จริงเหรอ ฉันล่ะสงสารคุณพิมจจริงๆ ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกทุกวันแต่กลับถูกสามีนอกใจโดยไม่รู้ตัว "" ฉันว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้เถอะเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย "" ได้ๆ แต่ฉันก็อดสงสารคุณพิมไม่ได้อยู่ดี "" ชู่ว "แม่บ้านสาวทำท่าให้เพื่อนเงียบหยุดเมาท์เรื่องเจ้านายพิมได้ยินก็กำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้แววตาดุดันแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีด้วยความโมโห เธอกัดฟันแน่นแล้วพึมพำในใจว่า[ เตชิน ที่คุณกลับมาดึกทุกคืน แล้วอ้างว่าช่วงนี้งานเยอะ ที่แท้ก็ไปมั่วกับพนักงานบริษัทนี่เอง ในเมื่อคุณยังไม่เลิกพฤติกร
ในเช้าวันใหม่ เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเตชินก็เอ่ยกับพิมว่า" ที่รัก อีกสามวันเราจัดงานแต่งกันเลยนะ "พิมได้ยินดังนั้นก็ตกใจจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า" ไหนคุณบอกว่าจะจัดงานดีๆอย่างให้เกียรติประกาศให้โลกรู้ยังไงล่ะ นี่คุณจะกลับคำอีกแล้วเหรอ อีกสามวัน หึ "พิมเบะปากอย่างขุ่นเคืองใจแล้วเอ่ยต่อว่า" อย่าจัดให้ฉันขายหน้าอีกเลยจะดีกว่าค่ะ อยู่แบบนี้ดีแล้ว รีบเร่งไม่ทันแล้วงานออกมาไม่ดี อย่าจัดเลย ฉันไม่ชอบอะไรแบบลวกๆให้ผ่านๆไปค่ะ "เอ่ยจบพิมก็ลุกจากเตียงด้วยสีหน้าขุ่น เตชินนอนมองภรรยาที่กำลังงอนอยู่อย่างเงียบๆ พอเธอจะลงจากเตียงเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนว่า" ที่รัก ฟังผมให้จบก่อนสิ ทำไมเดี๋ยวนี้ที่รักขี้งอนจัง "พิมจึงเอ่ยตอบอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า" ฉันไม่ได้งอนค่ะ "" แหน่ะ ยังมาปากแข็งไม่ยอมรับอีก "พิมหันไปเงยหน้ามองเตชินแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาดังเดิมว่า" หากคุณหาว่าฉันปากแข็ง แล้วฉันมีเหตุผลอะไรที่ต้องงอนคุณล่ะ "เตชินสบตากับภรรยาสาวสุดที่รักแล้วเอ่ยตอบเธอว่า" ก็เหตุผลที่คุณเข้าใจผิด ด่วนตัดสินไง "ได้ยินดังนั้นพิมก็ยิ่
ท่ามกลางความชื่นมื่นที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีกลับมีคนหนึ่งที่ยิ้มไม่ออกไม่อยากทนดูภาพบอดตาบาดใจแล้วเดินออกไปในขณะที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังจูบกันวันนี้เขาแค่อยากมาเห็นเธอเป็นครั้งสุดท้ายในชุดเจ้าสาวพอได้เห็นเธอสวยง่างามตามที่เขาเฝ้าฝันและอยากเห็นมานานสมใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่ออีกขณะที่เดินออกไปทำให้เขานึกถึงครั้งหนึ่งเขาเคยเดินเคียงคู่กับเธอ บนทางพรมแดงผืนยาวอย่างสง่างามท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นวันนี้แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่รักเธอสุดหัวใจยากจะลืมเลือนป้องเห็นพี่ชายเดินออกไป เขาก็รีบตามพี่ชายออกไป พอออกจากห้องจัดงานเข้าไปในลิฟต์เขาก็เอ่ยถามขึ้นพร้อมแอบเหล่ตามองพี่ชาย" เจ้าสาวของตระกูลอัศววัฒน์สกุลสินะ ที่ทำพี่อกหักช้ำใจหนัก "ป๊อบไม่ตอบตรงคำถามแต่กลับเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า" นายเลิกสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นสักเรื่องได้มั้ย "แม้ป้องจะถูกด่าก็ใช่ว่าเขาจะสนใจ จึงเอ่ยต่อว่า" อืม...จะว่าไปเธอก็สวยจริงๆแหละ แต่ผมไม่เข้าใจ พี่เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานลูกเธอโตขนาดนี้แล้วแสดงว่าเธอท้องตั้งแต่ที่พี่อยู่กับเธอแล้ว ถ้าผมจำไม่ผิด ตั้งแต่ที่พี่ไปคุมยัยฟ้าใสเน่า กลับมาพี่ก็มีความ
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ