แม้ในขณะที่เขาตะโกนใส่คุณเดนแฮม ฌอนเองก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงไม้ถูพื้นใส่ตู้นั้น เขาไม่เคยยอมแพ้ในการทำลายตู้นั้นเลย!ฌอนโจมตีตู้ใสนั้นเหมือนคนที่กำลังถูกปีศาจเข้าสิงอยู่บนทางด่วนที่ห่างจาก อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ห้าพันเมตร รถแข่ง Maserati กำลังทะยานด้วยความเร็ว 120 กม. / ชม. หน้าต่างกระจกรถถูกลดลงและมีเสียงลมพัดผ่านอยู่ภายนอกตัวรถ จมน้ำ เสียงคนในรถเอ่ยขึ้นคนขับรถที่เบาะหน้าพูดอย่างลังเลว่า “ท่านแน่ใจหรอครับว่าทุกอย่างจะโอเค คุณชายโซรอส? ภาชนะนั้นพังยากมาก และคุณขอให้ผมปลี่ยนกุญแจ อาจจะมีคนตายได้เลยนะครับ”มีเสียงหัวเราะเบา ๆ หายไปท่ามกลางสายลม อย่างไรก็ตามเขาได้ยินคำพูดที่ตามมาอย่างชัดเจน“แล้ว ถ้ามีคนตายจริง ๆ ล่ะ? การป้อนคีย์ผิดโดยไม่ตั้งใจนั้นผิดกฎหมายหรือไม่? จอห์น เดนแฮม เป็นคนที่มีส่วนร่วมในเกมนี้ในทางที่ผิด เขาควรเป็นคนที่ต้องกังวลต่างหาก”คนขับไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่มือของเขาสั่นอยู่บนพวงมาลัย“เธอจะไม่ตายหรอก หากพวกเขาต้องการจะช่วยเธอจริง ๆ พวกเขาก็ต้องตีให้หนักพอ และมันจะพังเอง มันจะทำให้เธอตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”คนขับรู้สึกหนาวสั่นในใจ ‘นายท่าน แค่พยายามทำให้เธอตกใจใช่ไหม
คางของเธอเจ็บอย่างกะทันหัน และใบหน้าอันหล่อเหลาก็พุ่งเข้าหาเธอทันที "ดูใกล้ ๆ ฉันเป็นใคร?"น้ำเสียงเย็นชาและกลิ่นที่คุ้นเคย อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอทำให้เจนเข้าใจมากขึ้นในทันที "ทำไมคุณ…"“ทำไมฉันถึงมาที่นี่” ฌอนไม่ได้ให้โอกาสเจนได้พูดจนจบประโยคนั้นเลย ริมฝีปากของเขาโค้งลงเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา “ยังจะต้องถามไหม? เธอไม่รู้หรือ ว่างานอดิเรกอย่างหนึ่งของฉันคือการเห็นเธอทรมาน”ถัดจากเขา อูโน่ส่งเสียงครวญครางสายตาของเขากวาดไปทั่วมือขวาของเจ้านายแปะ แปะ แปะ ... มือขวาของเจ้านายของเขายังคงมีเลือดไหลหยด แล้วทำไมเขาถึงอธิบายเรื่องนั้นให้คุณหนูดันน์ฟัง?มือขนาดใหญ่ของฌอนเหวี่ยงคางของเจนออกไปจากตัวเขา ร่างสูงโปร่งของเขายืนขึ้นเขาเหลือบตาลงมองที่เจน "ลุก มากับฉันถ้าเธอยังไม่ตาย”อูโน่ไม่ค่อยชอบคุณหนูดันน์มากนัก แต่ผู้หญิงบนโซฟาตอนนี้ช่างแตกต่างจากผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้นเมื่อสามปีก่อน นอกจากนี้เธอเพิ่งกลับมาจากความตาย เธอดูยุ่งเหยิงมึนงง อูโน่จึงเดินเข้าไปหาเธอและยื่นมือมาช่วยเธอ“เธอมีขาใช่ไหม?” อูโน่ถูกจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจากเจ้านายของเขา อูโน่ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะดึงมือที่เขายื่นออกไป
ประตูลิฟต์เปิดออก ฌอนก็อุ้มเจนขณะที่เขาวิ่งออกจากลิฟต์ เขาวิ่งตรงเข้าไปในห้องนอนของเขา และวางเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่ทันที เขาเอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกของเธอออกเขาปลดกระดุมเธอทีละเม็ด ผู้หญิงคนนี้มักจะสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ หลาย ๆ ชั้น แม้กระทั่งในวันที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้เมื่อนิ้วชี้ของเขาแตะลงบนเสื้อซับในแขนยาวตัวที่สาม เขาก็งงงวยอย่างที่สุด ใครเขาจะใส่ชุดซับในผ้าฝ้ายแขนยาวที่ผลิตมาสำหรับฤดูใบไม้ร่วง ไว้ภายใต้เสื้อผ้าหลาย ๆ ชั้นในฤดูร้อนแบบนี้?ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่ในเสื้อผ้าที่เปียกโชกได้ฌอนเร่งการเคลื่อนไหวของเขา เขารีบถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำของเธอออกเขาดำเนินการทั้งหมดเหล่านี้พร้อมกันโดยไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าด้วยความเร่งรีบในการเปลื้องผ้า เขามองข้ามรอยแผลเป็นที่ซ่อนอยู่ที่หลังเอวของเธอไปโดยสิ้นเชิงฌอนนำเสื้อเชิ๊ตสีขาวมาปกปิดร่างกายของเธอไว้ และกำลังจะถอดกางเกงที่เปียกโชกของเธอออก แต่แล้วจู่ ๆ ผู้หญิงบนเตียงก็เริ่มฟาดขาทั้งสองข้างของเธอราวกับหวาดกลัวอย่างที่สุดชีวิตฟิ้วววววว! มีเพียงความเงียบและสายลมฌอนเงยหน้ามองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเ
เธอขัดขืนเขา แต่เขายิ่งใช้กำลังกับเธอมากขึ้นเท่านั้นเพี้ยะ!มีเสียงตบดังขึ้น และทันใดนั้นเสียงรอบข้างก็เงียบลงฌอนมองไปที่ผู้หญิงที่ถูกตรึงไว้ข้างใต้เขาด้วยความไม่เชื่อ มือของเธอสั่นอย่างรุนแรงขณะที่เธอมองเขาด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุดฌอนจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่นอนอยู่บนผ้าปู เธอไม่ได้ตบเขาแรงเกินไป และมันก็ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตอภิสิทธิ์ชนของท่านสจ๊วต ผู้ซึ่งเป็นผู้นำของสจ๊วต เอ็มไพร์ ที่ได้รับการยกย่องของเมืองเอสซิตี้ ตัวเขา ฌอน สจ๊วตได้ถูกใครบางคนตบ ริมฝีปากบางของเขากดเป็นเส้น และเขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างใต้เขา ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน และลงจากเตียงหันหลังให้เจนขณะที่เขาพูดว่า"เปลี่ยนชุดที่เปียกของเธอซะ อย่าทำให้เตียงฉันเปียก"เขาโยนกางเกงวอร์มผู้ชายตัวใหม่ให้กับเธอ พวกมันลงบนมือของเธออย่างพอดีเจนกระพริบตา เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมา เขาข่มอารมณ์โกรธของเขาขณะที่เขาออกจากห้องภายใต้สายตาที่จับจ้องของเจน "รีบเปลี่ยน เร็ว อีกไม่นาน เอลิออร์ ไวท์ จะเข้ามาตรวจร่างกาย"ให้เธอตรวจร่างกาย?“แต่ฉันไม่ได้ป่วยนะ”“ถ้าคุณไม่ป่วยทำไมจู่ๆคุณถึงหมดสติแบบน
มีบางอย่างเคลื่อนไหวข้างหลังเขา"ยืนอยู่ตรงนั้น คุณจะไปไหน?" ฌอนหรี่ตาจนแทบจะปิดจ้องไปที่ผู้หญิงที่ขี้อายตรงหน้า"ไปทำงาน" เจนพูดช้าๆทันใดนั้น!ความโกรธในใจของชายคนนั้นก็ลุกลามมากขึ้น และใบหน้าหยกอันเย็นชาของเขาก็ไม่สามารถอ่านได้ เขาถาม "ทำงานหรอ? ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บของคุณตอนนี้ อ่ะเหรอ?" ทุกสิ่งที่ผู้หญิงโง่คนนี้คิดคือเกี่ยวกับเงิน ตอนนี้เธอแทบเอาชีวิตไม่รอด และสิ่งแรกที่เธอพูดถึงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือเงิน เธอสนใจอะไรอีกไหมนอกจากเรื่องเงิน?โอ้…ยังมีอีกอย่างหนึ่ง!ซัค ลูคัส!ผู้ชายที่เธอเอาแต่พึมพำถึง แม้ในยามหลับ! ซัค ลูคัส!“คุณสจ๊วต ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะไปทำงานแล้วนะ” เธอยังขี้อาย และจองหองเช่นเคย หลังของเธองอราวกับว่ากระดูกสันหลังของเธอไม่สามารถยืดตรงได้อีก เมื่อฌอนเห็นเธอเป็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกถึงความโกรธที่อธิบายไม่ได้ และร่องรอยของ ... ความทุกข์ที่เขาตั้งใจเพิกเฉยมันงาน งาน ทั้งหมดที่เธอเคยทำคืองาน ..."ดี ในฐานะนายจ้างของคุณ ฉันมีความสุขที่ได้มีพนักงานที่ขยันขันแข็งเช่นคุณ เนื่องจากคุณรักงานของคุณมาก จงใช้ความขยันของคุณทำเงินให้ได้ห้าล้านในหนึ่งเดือน"เจนรู
อโลร่าเหมือนพลุที่ถูกจุดไฟ เธอเดินเร็วไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ เธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตัดผ่านอากาศทุกที่ที่เธอไปและทิ้งความสับสนให้กับผู้คนไว้ภายหลังจากการกระทำของเธอ "เกิดอะไรขึ้นกับอโลร่าหรอ?"“ฉันไม่รู้”"เธอดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปที่แผนกประชาสัมพันธ์"“นังคนทำความสะอาดนั้นทำอะไรอีกแล้วเหรอ?”"หยุดพูดถึงเธอแบบนั้น เธอทำงานหนักเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว แล้วจะมีทางไหนที่เธอจะทำร้ายพวกคุณได้" แอนนาตะโกน เสียงของเธอเยือกเย็น และโกรธ "เราเป็นพนักงานต้อนรับ ดังนั้นเราควรยึดมั่นกับงานของเราในฐานะพนักงานต้อนรับ ถ้าคุณพูดอะไรผิดไปและทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยคุณได้"เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นซูซี่ที่สั่นอย่างเห็นได้ชัดที่มุมหนึ่ง "รีบไปที่โต๊ะหมายเลข 3 พวกเขาร้องเรียนเกี่ยวกับคุณบอกว่าพวกเขารอนานมาก แต่คุณยังคงไม่ได้เสิร์ฟเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่ง"ซูซี่ระมัดระวังอย่างมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ อย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่กลับมาจากห้องนั้นที่ชั้นหก เธอมองไปที่รอบ ๆใบหน้าของเธอ และดูว่าพวกเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องชั้นหก ในความเป็นจริง พวกเขาดูเหมือนจะไม่รู้ด้วย
สามคำนั้น – บอสใหญ่ ผู้จัดการโคลอาจไม่รู้ว่าใครคือบอสใหญ่ แต่บุคคลที่มีส่วนร่วมกับชื่อเสียงอันยาวนานของอีสต์ เอ็มเพอเรอร์ต้องเป็นคนใหญ่โตอย่างมากอย่างไรก็ตามตอนนี้ อโลร่ากำลังบอกความลับนั้นกับเธอ “บอสใหญ่” คือคนที่ช่วยเจน ดันน์บอสใหญ่เป็นเพียงคำเดียวที่ใช้เรียกกับนักธุรกิจที่ร่ำรวย และมีอิทธิพลมากผู้อยู่เบื้องบนของพวกเขาผู้จัดการโคลถึงกับเข่าอ่อนจนเธอล้มก้นกระแทกลงบนพื้น มีเสียงอื้อในหูของเธอ อโลร่าไม่ได้บอกรายละเอียด แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้จัดการโคลที่จะเข้าใจบางสิ่งในตอนนี้หัวของเธอยุ่งเหยิง ทันใดนั้น ผู้จัดการโคลก็สังเกตเห็นถึงความแจ่มแจ้งและเธอก็เงยศีรษะขึ้นทันที เธอร้องไห้ “ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าเจน ดันน์อยู่ที่ไหนวันนี้ เดี๋ยวนะ อโลร่า ฉันจะไปและตรวจสอบเรื่องนี้”แน่นอนว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะตายจะต้องโยนความผิดให้เจน ดันน์ถ้าเธอรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างเจน ดันน์ที่น่าเกลียดกับบอสใหญ่ เธอคงไม่ทำอย่างงั้นในเรื่องที่เธอไม่ลงรอยกับเจน ดันน์ในเกือบทุกเรื่อง ... มันไม่เหมือนกับว่าเธออยากที่จะตายความสงสัยเพิ่มขึ้นในใจของอโลร่า เธอคิดว่าเธอรู้จักผู้หญ
อูโน่ยิ้มเยาะ อโลร่ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตงั้นหรือ?“เรียกผู้หญิงคนนั้น” เขาพูดอโลร่าพยักหน้า เธอไม่มีความประทับใจใด ๆ สำหรับซูซี่ ทอมสันตั้งแต่แรกซูซี่ ทอมสันถูกเรียกตัวไปที่สำนักงานของอโลร่าโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจตลอดทางที่ไปที่นั่นอโลร่า ตอนนี้ เธอรู้ดีกว่าควรที่จะอยู่ห่าง ๆ ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่เธอเข้ามาในสำนักงานของอโลร่า“อย่ามัวอ้อมค้อมเลย บอกฉันหน่อยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในห้องส่วนตัวบนชั้นหก” อโลร่าพูดด้วยคำง่ายๆซูซี่ ทอมสันตื่นตระหนกทันที ตามคาด เธอถูกเรียกตัวมาที่นี่เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องส่วนตัวชั้นหกในวันนี้เธออาจจงใจหลีกเลี่ยงข้อความที่ไม่เอื้ออำนวยต่อตัวเอง และปกปิดรายละเอียดบางอย่างเมื่อเธออธิบายให้อโลร่า อย่างไรก็ตามเธอกำลังเผชิญหน้ากับคนที่มีไหวพริบทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นอโลร่า หรือ อูโน่ พวกเขาสามารถตั้งสมมติฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยอาศัยคำพูดและการแสดงออกของซูซี่ ทอมสันเท่านั้น“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆนะ อโล่ร่า ฉันไม่รู้ว่าคุณเดนแฮมจะเรียกเจน ดันน์หลังจากที่ฉันปฏิเสธคำขอของเขา” ซูซี่ ทอมสัน ขอร้องอโลร่าด้
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค