"จะเป็นอย่างไรหรอ ...?” จินนี่รู้สึกกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเจน การแสดงออกของผู้หญิงคนนั้นดูแปลกมากจนทำให้เธอตัวสั่น"ถ้าคุณปู่ยังอยู่" เจนพูดช้า ๆ "คุณจะต้องตาย"เธอเห็นแววแห่งความสงสัยฉายออกมาจากดวงตาของจินนี่ จากนั้นเธอก็จ้องไปที่จินนี่อย่างใจเย็น เพื่อที่เธอจะอธิบายว่า "อย่าแกล้งโง่หน่อยเลย มันเป็นอย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหล่ะ”“ความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ คุณคิดเอาเองแล้วกัน”“รวมไปถึงสิ่งที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงด้วย”“อุบัติเหตุทางรถยนต์ ตกจากตึก การจมน้ำเสียชีวิต เจ็บป่วย ไฟไหม้ การลักพาตัว ... ”"กรี๊ด!" ก่อนที่เจนจะทันได้พูดจบ จินนี่ก็กรีดร้องด้วยความกลัว ราวกับว่าเลือดได้ไหลออกมาจากใบหน้าของเธอจนหมด เธอหน้าซีดพรางเอ่ยขึ้น "พอแล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!" เธอจ้องไปที่เจนอย่างหวาดกลัว จะมีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไรในโลกใบนี้!เธอสามารถพูดสิ่งเลวร้ายพวกนี้ออกมาได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยนี่มันคือการ ‘ฆาตกรรม’ ที่เธอกำลังพูดถึงอยู่!ตามที่คาดคิดไว้ เจนไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เธอคือฆาตกร!เธอรู้ว่าล
จินนี่จอมเจ้าเล่ห์ เธอรู้ดีว่าโจเซฟต้องการอะไรจากเธอการยั่วยวนนี้อาจจะทำให้เธอรังเกียจตัวเองเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ถึงตายหนิ อีกทั้งมันอาจทำให้โจเซฟอารมณ์ดีขึ้นได้ด้วย"โอปป้าขา... " เธอยังคงออดอ้อน จินนี่ดูเหมือนเธอจะคิดผิดที่บอกเรื่องทุกอย่างออกไป เธอบีบน้ำตา พรางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยที่เธอเล่าเรื่องระหว่างเธอกับเจนทุกอย่างเกินกวึความจริงไปมาก ๆ “โอปป้า รู้ไหมว่าออกัสตินอายุเท่าไหร่?”“เขายังเด็กอยู่มาก ๆ ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย”“แต่ว่าลูกสาวของคุณพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากเขา เธอยังขอให้ออกัสตินบริจาคไขกระดูกของเขาให้กับพี่ชายของเธออีกด้วย”“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการที่จะช่วยเจสันนะคะ แต่ออกัสตินอายุแค่สิบขวบเอง”“เขาจะมีชีวิตอย่างไรหลังจากนี้ ถ้าเขาบริจาค? ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ โตกว่านี้ ฉันก็คงพาออกัสตินไปตรวจและบริจาคที่โรงพยาบาลด้วยตัวของฉันเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครมาร้องขอหรอกค่ะ“แต่ว่าตอนนี้ออกัสตินยังเด็กมาก ๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันจะส่งผลต่อออกัสตินอย่างไรหากเขาบริจาคไป "เธออ้างเหตุผลสารพัดอย่าง แต่ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่า "ปฏิเสธที่จะบริจาค" สักครั้
หลังจากนั้นจินนี่ไปหาเจนอีกครั้ง เธอเดินตรงไปที่อาคารของ ดันน์ กรุ๊ปเจนนั้นค่อนข้างตะลึง เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากพนักงานต้อนรับเร็วขนาดนั้นเลยหรอ?จินนี่ ... ซื่อตรงรักษาคำพูดขนาดนั้นเลยหรือ?เธอตอบให้พนักงานต้อนรับ ให้พาจินนี่ขึ้นมาพบเธอเมื่อผลการทดสอบของออกัสตินวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเจน เธอก็เงียบไปสักพักจินนี่ไปที่โรงพยาบาลจริง ๆ เจนเงยหน้าขึ้น "ไปทำการทดสอบอีกครั้ง" เธอไม่ไว้ใจจินนี่มากนัก หากไม่มีพยานแสดงตัว เธออาจแกล้งทำแบบทดสอบปลอมขึ้นมาสีหน้าของจินนี่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย โชคดีที่เธอยังมีสติ และตอบกลับอย่างรวดเร็ว "โอเค" หลังจากที่คิดแล้ว เธอก็พูดว่า "ฉันรู้ ว่าคุณมีข้อสงสัยดังนั้นเรามาลองดูกันใหม่แล้วกัน“ในความเป็นจริง ฉันก็เข้าใจได้ว่า ทำไมคุณถึงสงสัยในเรื่องนี้นัก”"คุณต้องเชื่อฉันบ้าง ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนเห็นแก่ตัวนิดหน่อย แต่ฉันก็ยังมีความเป็นแม่คน ฉันเห็นแก่ตัวเพียงเพราะฉันเป็นแม่ของออกัสติน ความเห็นแก่ตัวของฉันนั้น มันเกิดจากการที่ฉันกังวลเรื่องสุขภาพของออกัสตินมาก ๆ “แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วออกัสตินและเจสันเป็นพี่น้องทางชีววิทยาเท่านั้น ถ้าออกั
ในฝั่งที่นั่งของคนขับ วิเวียนพยายามที่จะเอ่ยปากเสนอคำแนะนำให้เจน แต่พบว่าเธอไม่สามารถหาคำพูดที่จะปลอบใจเจนได้เลย เป็นเพราะว่าเธอนั้ยเข้าใจดี ว่าเธอไม่สามารถจะไปแนะนำอะไรกับเจนได้ เทียบกับสิ่งที่เจนเคยประสบพบเจอมาอย่างไรก็ตาม เธอนั้นก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงที่ดูมีท่าทีที่ไม่แยแสอะไรในที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง เธอคนนั้นยังคงรู้สึกหนักอกหนักใจหลังจากที่เธอตัดสินใจกลับมาที่เมืองเอสนี้ และจากความเงียบสงบที่เอ๋อไห่มามีปัญหามากมายใน ดันน์ กรุ๊ป อย่างไรก็ตามมันยากที่จะบอกได้ว่าประธานคนก่อนปิดหูปิดตาของเขากับปัญหาเหล่านั้นหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า โจเซฟ ดันน์ ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาร้ายแรงวิเวียนรู้สึกใจสลายแทนผู้หญิงที่เบาะหลัง เมื่อใดก็ตามที่ เจน ดันน์ เริ่มลงทุนในงานของเธอ นั่นมันแปลว่าเธอได้เกือบที่จะฆ่าตัวตาย หรือก้าวขาข้างหนึ่งเข้าหาความตายแล้วเธอควรจะเกลียดฌอน เพราะในท้ายที่สุดก็คือผู้ชายคนนั้นเอง ที่บังคับผู้หญิงที่ยังมีชีวิตจิตใจคนนี้ให้ให้ก้าวไปทีละก้าว ทีละก้าวในเมืองเอสนี้ ฌอนเป็นคนเดียวที่สามารถผลักดันเจนให้จนมุมได้อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอก็รู้สึกอยากขอบคุณเขาเล็กน
เมืองเอสเป็นย่านที่เฟื่องฟูที่สุด ณ ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีแบรนด์ดัง ๆ แพง ๆ มากมาย ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอพูดขึ้นว่า "ฉันมาที่นี่เพื่อเลือกชุด"พนักงานที่ดูแลสินค้าแบรนด์เนมส่วนมากมักจะชอบตัดสินรูปลักษณ์ของผู้อื่นจากภายนอก ในสายตาของพวกเขาผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามานั้นคือคนพิการ อย่างไรก็ตามหญิงพิการคนนี้ยืนยันที่จะยืดหลังของเธอให้ตรง มันทำให้เธอดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้นในภาพรวมเธอไม่ได้สวมใส่สินค้าแบรนเนมด์ใด ๆ เลย บนร่างกายของเธอ ทุกสิ่งที่เธอใช้หรือสวมใส่เป็นเพียงสิ่งของธรรมดา ๆ ที่คนทั่ว ๆ ไปสวมใส่พนักงานขายตัวสูงไม่ยอมขยับเขยื้อน นิ้วเรียวของเธอชี้ไปที่ตรงมุม ๆ หนึ่ง "ทุกอย่างมีส่วนลด 30% ตรงนั้น"เธอไม่แม้แต่จะขยับตัวแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามในเสี้ยววินาทีต่อมาใบหน้าของเธอก็บึ้งตึง หญิงพิการกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยดวงตาที่เยือกเย็นเจนมองไปที่พนักงานขายที่ประตูด้วยความเงียบ ไม่มีการติอว่าและไม่มีร่องรอยของความโกรธเลยหัวใจของเธอตอนนี้เป็นรูพรุน แต่ไม่มีสิ่งใดใส่เข้าไปได้ และไม่มีสิ่งใดรั่วไหลออกมา"ฉันมาที่นี่เพื่อเลือกของขวัญ" เธอจ้องมองไปที่พนักงานขายอย่างใจเย็น แววตาท
ทันทีที่ประตูเปิดออก ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเจนก็ถูกเช็ดทำความสะอาด สิ่งที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอคือรอยยิ้มที่สดใสและแพรวพราวแทนเอลิออร์ยืนพิงหน้าต่าง เขาหันศีรษะไปด้านข้างเมื่อประตูเปิดออก สิ่งที่เขาเห็นคือเจนยิ้มแพรวพราว เขาถึงกับผงะ ความโกรธพุ่งผ่านเขา อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาถัดมาความโกรธในใจของเขาก็หายไป"เข้ามาสิ" เขาถอนหายใจในใจ เธอไม่รู้แน่นอนว่าในแวบแรกรอยยิ้มบนใบหน้าของเธออาจดูสดใส แต่เมื่อมองในครั้งที่สองมันดูลังเล เมื่อมองแวบที่สามมีความเจ็บปวดอย่างมากในนั้นผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ข้างประตูไม่ขยับเอลิออร์หันกลับและเดินไปหาเธอ ทันใดนั้นเขาก็เหยียดแขนยาว ๆ ของเขาออก และจับเธอไว้โดยดึงเธอเข้าไปข้างใน "หยุดยิ้มเขาจะไม่เห็นมัน"รอยยิ้มของหญิงสาวยังคงอยู่บนใบหน้าของเธอ"กระสุนยิงเข้าที่หัวใจ ห่างจากหัวใจของเขาไม่ถึงสองเซนติเมตรเอง”“หลังเกิดเหตุ เขาถูกส่งตัวไปมาโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน”“หลังจากแปดชั่วโมงของการช่วยเหลือฉุกเฉิน เขาถูกพาออกจากห้องผ่าตัดและส่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยหนัก”“เราสามารถรักษาเขาได้ แต่สภาพของเขาก็ไม่ได้ดูดีมากนัก”“อาการของเขาดู
เอลิออร์ และเรย์ไม่รู้ว่าเจนรู้สึกอย่างไร ตลอดเวลาที่เธออยู่ลำพังกับฌอนเมื่อประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง ฌอนอาการโคม่าต้องการความช่วยเหลือด่วนมีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งตรงทางเดิน ทุกคนต่างตื่นตระหนกไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน และ ในที่สุดแพทย์ก็ประกาศว่าวิกฤตได้รับการแก้ไขแล้วหลังจากนั้นไม่นานอย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่จุดจบ ในช่วงเวลาห้าวันห้าคืนที่เธออยู่กับเขา วิกฤตใกล้ตายนี้ยังคงอยู่รอบ ๆ ตัวเขาห้าวันห้าคืนอาการทรุดถึง 11 ครั้งเธอนับและ ทุก ๆ การช่วยเหลือเร่งด่วนทุกครั้งมันจะทิ้งตัวเลขไว้ในใจของเธอเธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้เธอไม่รู้ว่าเธอมีพลังที่จะรู้สึกต่อต้านเขาในใจหรือไม่เธอไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ แล้วเธอจะไปเข้าใจฌอนได้อย่างไร?ในเช้าวันหนึ่งพวกเขามีความหวังเธออยู่ข้างเตียงของเขา เธอเคยชินกับการจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวและไร้ชีวิตชีวาของเขาตลอดทั้งคืน เธอมักจะจ้องดูเขาเงียบ ๆ เธอจะไม่กล้าหลับ แม้ว่าเธอจะไม่สามารถจัดการกับความเหนื่อยล้าได้ก็ตามในความกลางดึกของคืนนั้นเธอนั่งข้างเตียงของเขา และมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งเธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต บางครั้งมันก็เหมือนกับว่าเ
"ฌอนทำไมนายถึง ... " เอลิออร์เอ่ยขึ้นในทันที เขาเอื้อมมือไปหาผู้ชายบนเตียง“อย่าแตะต้องฉัน!” คนบนเตียงพยายามถอยห่างออกไป เรย์เดินเข้ามาหาเขา กลัวว่าบาดแผลจะเปิดออก“ฌอน อย่าขยับเยอะสิ! ระวังบาดแผลของนายหน่อย”คราวนี้ชายคนนั้นมีปฏิกิริยาดุเดือดมากขึ้น เขายังโบกมือของเขาที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่ให้กับเรย์ที่พยายามจะเข้ามาใกล้เขา“ฌอน เกิดอะไรขึ้น? ฉันเอง! ฉันไง! เรย์!”เอลิออร์คว้าเรย์ที่พยายามเข้าใกล้ฌอน "ใจเย็น ๆ มีบางอย่างผิดปกติกับฌอน”"คุณคือใคร? ออกไป! ออกไป!" เขาพูดเหมือนเด็ก ๆ เขามองไปที่ผู้คนรอบ ๆ เตียงของเขาด้วยความกลัวและสยองขวัญ ทันใดนั้น เมื่อเขามองไปที่ผู้หญิงคนเดียวในห้องเขาก็ชะงักในวินาทีต่อมาเขาไม่สนใจท่อและสายระโยงระเยงทั้งหมดที่อยู่บนตัวของเขา เขาโผเข้ากอดเจนต่อหน้าทุกคน และพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจอย่างยิ่ง“ พี่สาว ผมกลัว”เจนตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกตึงเครียดมาก เมื่อก้มศีรษะลงและมองไปที่ชายที่ขอความช่วยเหลือในอ้อมแขนของเธอไม่ใช่เพียงแค่เธอ ทุกคนในห้องก็งุนงงด้วยเช่นกัน พวกเขายืนนิ่งขณะดูฉากแปลก ๆ นี้“นั่นคือ…ฌอนหรอ?” เรย์ถามคำถามที่ทุกคนสงสัย ด้วยน้ำเสียงที่งุ
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค