ฌอนพาเจนออกไปแล้วในอีกมุมหนึ่งห่างจากงานเลี้ยงที่แออัดในบ้านของตระกูลดันน์ ซัคแตะคางของเขา ขณะที่กำลังครุ่นคิด เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยขึ้นในที่สุด “เจน ดันน์?”วันนี้เจนได้ให้มุมมองใหม่ของเธอกับเขา ดวงตาของซัคสว่างขึ้นและเขาก็ชักเริ่มที่จะสนใจ เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เขารู้สึกเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัด เขาสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเดินออกจากบ้านของตระกูลดันน์ไปในท้ายที่สุด“เดาสิ ว่าวันนี้ฉันเจอใคร?” เขาโทรหาไฮด์ในขณะที่เขากำลังเดินไปที่รถของเขา “นายเดาไม่ถูกแน่ ๆ”“ในเมื่อนายบอกว่าฉันเดาไม่ถูกแน่ ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอก” เสียงดังก้องมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เสียงของไฮด์นั้นฟังดูไร้ความคิด “ซัคนายอยากมาเที่ยวเล่นไหม? ฉันอยู่ที่ร้านแมกนิฟฟิเซนวิวผู้หญิงใหม่ ๆ ที่นี่โคตรเด็ด”ซัคฟังเสียงที่เหม่อลอยของไฮด์ และไฮด์ก็ดูไม่อยากจะสนใจเขาเท่าไรนัก เขาจึงกล่าวว่า “เจน ฉันพบเจนที่บ้านของตระกูลดันน์”มีความเงียบชั่วครู่ที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ จากนั้นเสียงหัวเราะของชายคนนั้นก็ดังขึ้น “ ฉันสงสัยจัง ว่าเป็นเธอเป็นใคร เธอคือใครหรอ? ซัคนายโทรมาหาฉันแค่นี้ห
ในเวลาเดียวกันที่ชั้น 28 อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ในห้องน้ำในตัวของห้อง หญิงสาวได้อาบน้ำและยืนอยู่หน้ากระจก เธอดูหลงทาง เธอยิ่งหลงทางเมื่อคิดถึงอนาคต เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะเอาคืน สตอร์จ ทรัสต์ นั่นไม่ได้อยู่ในแผนของเธอ มันทำให้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปสะหมดอย่างไรก็ตามเธอไม่เสียใจเลยแม้ว่าปู่ของเธอจะลำเอียง แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับเธอมาก เมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ เจนเข้าใจว่ามีความกังวลในความเข้มงวดปลอม ๆ ของปู่ของเธอมิฉะนั้นจะไม่มี สตอร์จ ทรัสต์ ในทุกวันนี้ ถ้าคุณปู่กังวลจริง ๆ ว่าเธอจะเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลดันน์เขาก็คงทำตามกฎที่ไม่สามารถทำอะไรได้ของเหล่าคนรวยและคนดัง เขาสามารถจัดให้เธอแต่งงานแบบคลุมถุงชนก่อนที่เขาจะจากไป ปู่ของเธอได้จับมือเธอไว้และบอกให้เธอดูแล สตอร์จ ทรัสต์ ให้ดีตอนนี้ สตอร์จ ทรัสต์ กลับมาอยู่ในความครอบครองของเธออีกครั้ง ในพริบตาเมฆดำที่อยู่เหนือศีรษะของเธอก็หายไป เธอไม่หลงทางอีกต่อไป จริง ๆ แล้วเธอตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำเธอหลับตาลง เมื่อเธอลืมตาอีกครั้ง เธอก็สามารถมองเห็นการต่อสู้ในดวงตาของเธอเองได้ เธอเดินไปที่ประตูห้องน้ำด้วยความลำบากมาก มีเพียงประตูกั้
เจนรู้สึกไม่ดีขึ้นเมื่อฌอนทำเช่นนั้นในทางกลับกัน เธอเกือบจะคลั่งไคล้ไปกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ชายคนนี้เธอเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ติดกับดัก เธอค่อย ๆ ถูกเขาบังคับให้จนมุม เขาจัดการทุกอย่างโดยที่ไม่มีช่องว่างให้เธอได้วิ่งหนีเลยเธอไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกับเธอ แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่เขาเป็นแบบนี้ เธออยากให้ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติกับเธอเหมือนที่เคยทำมาก่อน เธอไม่ต้องการความอบอุ่นแบบกะทันหันและแปลกของผู้ชายคนนี้มันน่ากลัวมากมันน่ากลัวกว่าที่เขาส่งเธอเข้าคุกด้วยซ้ำ เจนตกใจกับการการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก"คุณชายสจ๊วต ทำไมคุณถึงทำเช่นนี้คะ?” สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เธอหลับตาลง และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็ถามเขาทำไมเขาถึงทำตัวอ่อนโยนต่อเธออย่างกระทันหันราวกับคนละคนกับก่อนหน้านี้? ฌอนรู้วิธีที่จะทำตัวอ่อนโยนด้วยหรือ?ใช่! เขารู้แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลยก่อนหน้านี้ชายคนนั้นวางไดร์เป่าผมลง และดันผมของเธอไว้ข้าง ๆ หูของเธอ เขาไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เขาเพียงพูดว่า “พักผ่อนให้เพียงพอเถอะ” เขาหันกลับ เจนอยากจะดึงขอบเสื้อของเขาด้วยมือของเธอ อย่างไรก
หลังจากจัดการกับพนักงานต้อนรับแล้ว เจนก็ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการภายในทั้งวัน เจนรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแสดงความเหนื่อยล้าออกมาแม้แต่น้อยมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเธอเกือบจะหนีไป ในวินาทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้องทำงานของประธานอย่างไรก็ตามเธอบอกกับตัวเองว่า ‘ไม่ได้ ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้'ถูกต้องเธอไม่สามารถวิ่งหนีได้ นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องเผชิญกับทุกสิ่งและพิชิตทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวของเธอเอง ไม่สำคัญว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้างในช่วงสามปีที่ถูกจำคุก ไม่สำคัญว่าบุคลิกของเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหนในช่วงสามปี และไม่สำคัญว่าสามปีนั้นจะทำให้เธอเสียศักดิ์ศรีที่จะมีที่ยืนในสังคม หรือแสดงความมั่นใจต่อหน้าคนอื่น ๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องยืดหลังให้ตรง และเอาชนะความกลัวจนกว่าจะทำได้ตามความหวังของคุณปู่และหัวใจของเธอเองสำเร็จสิ่งที่เจนไม่รู้ก็คือชายผู้โหดร้ายและเลือดเย็นในสายตาของเธอนั้น เขาแค่ขับรถออกไปจากอาคารเพียงเพื่อเบี่ยงออกและเลี้ยวกลับไปจอดอยู่ที่ใต้อาคารเดียวกันกับเธอ ในขณะเดียวกัน ตอนนี้เจนกำลังเผชิญหน้ากับคนของตระกูลดันน์ ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงโดยมีพวกจิ
หลายวันหลังจากนั้น เจนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอกลายเป็นคนเงียบขรึม และอดทนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังฌอนมากขึ้นอีกด้วย...เธอไม่ขัดขืนเลยกับสิ่งที่เขาพูดอย่างไรก็ตาม การเชื่อฟังของเธอกำลังซ่อนหัวใจที่อยากจะหลบหนีอยู่!เธอจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับ สตอร์จ ทรัสต์ อย่างเร่งรีบด้วยความเร็วที่เธอพยายามทำนั้นนำไปสู่การปฏิรูปใหม่ทั้งหมด เธอทำกับตระกูลดันน์ ในสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอหลังจากที่เธอเข้าคุกโดยใช้วิเวียนและคนอื่น ๆ เพื่อทำให้คนที่สูงกว่าไม่มีพลังขัดขืนเช่นเดียวกับปลาวาฬที่กลืนหนอน เธอปิดความขัดแย้งภายในทั้งหมดอย่างจริงจังในระยะเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้เธอมีวิเวียนและคนอื่น ๆ ที่ดูแลงานภายในของบริษัท สิ่งที่เธอต้องทำคือเชื่อใจพวกเขาอย่างเต็มที่และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกันงานที่แท้จริงของเจน คือการเยี่ยมเยือนพันธมิตรทางธุรกิจเก่าแก่ของ สตอร์จ ทรัสต์ แต่ละราย เพื่อหาข้อตกลงต่าง ๆ ในทางธุรกิจแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายความยุ่งเหยิงภายในของบริษัท อาจถูกจัดการไปบ้างแล้วในตอนนี้ แต่บาดแผลนั้นยังห่างไกล
“คุณมาที่นี่…เพื่อจะหัวเราะเยาะฉันหรอ?” เจนเงยหน้าขึ้นและฝืนยิ้มด้วยแววตาเศร้า ๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้าเธอ “คุณคงดีใจที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ? คุณชายสจ๊วต ยิ่งฉันดูแย่มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีความสุขใช่ไหม?”ฮ่า ๆ ยิ่งเธอรู้สึกแย่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนได้ล้างแค้นให้กับโรซาลีนหวานใจของเขาที่จากไปใช่ไหม?"คุณชายสจ๊วต…คุณไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดนี้ จริง ๆ สิ่งที่คุณเคยทำมาก่อนหน้านี้ ฉันจะไม่รู้สึกดีกับมันอีกแล้ว ฉันเคยสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงเปลี่ยนมาเทคแคร์ฉัน…ฉันเข้าใจแล้ว นี่คือเหตุผล”รูม่านตาสีดำสนิทของฌอนขยายออก และการหายใจของเขาติดอยู่ในลำคอ เขาลดเปลือกตาลงและมองผู้หญิงที่ขดตัวเป็นลูกบอลในตู้เสื้อผ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปน ๆ กับความเสน่หาทันใดนั้นเขาก็ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณเห็นอะไร? คุณหมายถึงอะไร ทำไม?”เสียงของเขาต่ำ แต่ทุกคำพูดนั้นเข้าหูของผู้หญิงที่กำลังขดตัวอยู่ เธอโอบแขนรอบตัวเองแน่น หัวใจเต้นแรงด้วยอารมณ์ ... เขายังถามคำถามแบบนั้นด้วยหน้าตาที่ใสซื่อได้ยังไง? เขาหมายถึงอะไร ทำไม?“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ฉันหมายถึงอะไร? คุณชายสจ๊วต คุณถามยังจะถามคำถามแ
ชายคนนั้นยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า มองไปที่ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อย่างไม่ละสายตา เขากลืนน้ำลายพร้อมกับกลืนทุกคำที่เขาควรพูด แต่ทำไม่ได้ลงไปในลำคอทันใดนั้นเขาก็ก้มร่างสูง ๆ ของเขา และเอื้อมมือไปหาเธอ“อย่าแตะต้องตัวฉัน!” เธอคำรามออกมาในทันที ด้วยเสียงแหบ ๆ ของเธอ เขาเห็นความเกลียดชังลึก ๆ ในดวงตาของเธอ และความเจ็บปวดในใจของเขาก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา หลังจากที่เขามองเธออีกครั้ง เขาก็ยังคงยื่นมือไปหาเธอ“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าแตะต้องตัวฉัน!” เจนมองเขาเหมือนกับเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอ เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามเอื้อมมือไปหาเธอ เธอจะตอบสนองด้วยการทำตัวเหมือนเม่นที่มีหนามแหลมคมทั้งตัวเพื่อไม่ให้เขาแตะต้องตัวเธอฌอนยังคงยื่นมือไปหาเธอโดยไม่พูดอะไร วินาทีต่อมาเขารู้สึกเจ็บแปลบระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปที่ผู้หญิงที่กัดมือของเขาอย่างดุร้ายด้วยฟันอันแหลมคมของเธอ ชายคนนี้ได้ใช้ชีวิตของเขาทำร้ายผู้คน แต่ไม่เคยมีใครทำร้ายเขามาก่อน ตอนนี้เขากำลังมองไปที่ผู้หญิงที่กัดเขาเหมือนสัตว์ดุร้ายที่กำลังทำร้ายเขา อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรในดวงตาสีดำสนิทของเขา ยกเว้นการยอมรับอย่างเง
ท่ามกลางสายฝนผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากอาคารของ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ และออกไปท่ามกลางพายุ เธอพบร่มจากตู้เก็บของ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะน่ากลัวแค่ไหน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาพูดถูกต้องเธอเป็นคนที่สิ้นหวัง เป็นคนขี้ขลาดเธอจะปล่อยให้มันผ่านไปได้อย่างไร?เธอเดินไปที่ขอบถนน และเห็นว่ามีรถเบนท์ลีย์สีดำรออยู่ที่นั่นแล้วเพียงแวบเดียวเธอก็จำเจ้าของรถคันนั้นได้ จะเป็นใครได้นอกจาก ฌอน สจ๊วต ผู้หยิ่งผยอง?เธอเดินผ่านไป และกระจกรถก็ถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับ“ได้โปรดขึ้นรถเถอะครับ คุรหนูดันน์” ดอสลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปที่เบาะหลังเพื่อเปิดประตูรถเธอก้าวเข้าไปในรถ และดอสก็กลับไปที่นั่งฝั่งคนขับ“เขาบอกให้คุณมาหรือเปล่า?”ดอสได้ยินเสียงจากเบาะหลังเอ่ยขึ้น จึงเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลังมองไปผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของรถ เธอเงียบมากใบหน้าของเธอหันไปทางด้านข้างขณะที่เธอมองไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆเขาไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้ เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเธอรีบวิ่งออกจากอาคารนั้นเหมือนมีผู้หญิงที่ถูกผีเข้าสิง ในเวลานั้นเธอกำลังปลดปล่อยความสิ้นหวังอย่างสุด ๆ อารมณ์ที่เอ่อล้นออกมามากจนแม้แต่ ดอสซึ่งเป็นผู้ม
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค