มาเดลีนถูกบังคับให้ปิดปากของเธอให้เงียบสนิท เธอเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ท้องฟ้าเริ่มมีก้อนเมฆสีเทาจับกลุ่มก้อนราวกับว่าฝนกำลังจะตกเมื่อมองไปที่ส่วนต่างๆของถนนที่ดูเหมือนจะค่อยๆคุ้นเคย มาเดลีนก็เริ่มกังวลขึ้นเรื่อยๆรถคันดังกล่าวหยุดลง เจเรมี่ออกจากรถในขณะที่มาเดลีนถูกลากให้ลงจากรถมองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบ มาเดลีนเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อ“เจเรมี่ พาฉันมาที่นี่ทำไม!”เธอถามขึ้นจากด้านหลังของเขา แต่ชายคนนั้นไม่สนใจเธอมาเดลีนถูกลากไปยังหลุมศพที่เธอสร้างไว้ให้ปู่และลูกที่ตายไปแล้ว เธอไม่มีแรงที่จะยืนอีกต่อไป และบอดีการ์ดของเขาผลักเธอเข้าหาหลุมศพมาเดลีนล้มลงกับพื้น สองมือของเธอกุมไปที่เนื้อร้ายภายในท้อง เธอหายใจเข้าลึกๆ อดทนต่อความเจ็บปวด และจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นเจเรมี่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ สง่างามและเย็นชา รัศมีที่ส่งออกมาของเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต้านทานในความเยือกเย็น“ทำไม มาที่นี่?” มาเดลีนถาม พลางกัดฟัน สายตาของเธอค่อยๆพร่ามัวไปด้วยหมอกเจเรมี่โน้มตัวไปบีบคางของมาเดลีนด้วยนิ้วที่ร้อนระอุของเขา รอยยิ้มที่น่ากลัวในดวงตาอันทรงเสน่ห์ของเขาปรากฎขึ้น“เพื่อให้เธอได้สัมผัสกับ
มาเดลีนตะคอกเสียงเเข็งทันทีราวกับหุ่นเชิดที่ไม่มีสายเชิด ไม่มีสติหลงเหลือใดๆทั้งสิ้นโลกของเธอดูเหมือนจะมืดลงในทันทีและความเจ็บปวดที่รุนแรงราวกับผิวหนังของเธอกำลังลอกได้กลืนกินสติของเธอไปทั้งหมด“ไม่!”เธอรีบพุ่งเข้าไปที่เถ้าถ่านค่อยๆถูกหิมะและฝนชะล้างไปแล้วมาเดลีนร้องไห้อย่างเสียใจ มือที่สั่นเของเธอถูกับพื้นดินที่ขรุขระอย่างหมดหวังขณะที่เธอพยายามเก็บขี้เถ้าที่เหลืออยู่ขี้เถ้าเหล่านั้นค่อยๆถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดที่ไหลออกมาจากฝ่ามือของเธอ และไม่นานนักมันก็ละลายหายไปกับสายฝนและหิมะความหวังอันริบหรี่เพียงอย่างเดียวของเธอก็ดับวูบลงอย่างสิ้นเชิงเธอร้องไห้และหัวเราะอย่างน่าสังเวช ดวงตาสีแดงที่เปียกชุ่มของเธอจ้องมองไปที่เจเรมี่เธอจำเขาไม่ได้อีกต่อไปไม่ใช่ เธอไม่เคยรู้จักเขาต่างหากมาเดลีนกัดฟันของเธอแน่นมองไปที่ชายผู้ที่ใจเด็ดคนนั้น ดวงตาของเธอคมชัดมาก“เจเรมี่ สักวันคุณจะเสียใจ!”เมื่อเห็นการจ้องมองที่แสดงความเกลียดชังของมาเดลีนในขณะนี้ เจเรมี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา“ไม่มีคำว่า” เสียใจ “ในพจนานุกรมของผม”เขามองไปที่บอดี้การ์ดและกวักมือให้มอบขี้เถ้าของปู่ของมาเดลีนให้เข
เมื่อได้ยินทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากของมาเดลีน เจเรมี่ขมวดคิ้ว หัวใจของเขาเต้นผิดปกติในทันที“เจเรมี่ ถ้าไม่ฆ่าฉันในวันนี้ จำไว้ฉันจะฆ่านายและล้างแค้นให้กับลูกของฉันแน่นอน”ดวงตาที่ชัดเจนของเธอนั้นแน่วแน่เช่นเดิมเจเรมี่ยิ้มอย่างเมินเฉย “งั้นหรอถ้างั้นผมจะรอวันนั้น”เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่พูดและจากไปโดยทิ้งเธอไว้แบบนั้นหลังจากเฝ้ามองร่างสีดำที่ค่อยๆเลือนหายไป มาเดลีนเองแทบจะหมดทั้งเรี่ยวแรงและเลือดของเธอในขณะที่เธอเอนกายลงบนโกศของปู่ของเธอน้ำตาอุ่นๆเอ่อล้นอีกครั้งแต่หัวใจของเธอด้านชาไปหมดเพียงเพราะด้วยความเจ็บปวดที่เข้ามาแทนที่ดูเหมือนว่า ทุกอย่างมันยังไม่จบสิ้นเมื่อเมเรดิธปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันเมเรดิธถือมีดปอกผลไม้จังหวะที่เธอเห็นมาเดลีนนอนอยู่บนพื้นขณะที่โอบอุ้มโกศเอาไว้แน่น เมเรดิธตรงดิ่งเข้าไปหามาเดลีนแทบจะทันทีและเธอย่อตัวลง เอื้อมมือไปดึงผมสั้นของมาเดลีนขึ้น“จิ๊ จิ๊ ฉันบอกแล้วว่าอย่าต่อต้านฉันเป็นไง ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาหรือยัง?”มาเดลีนหัวเราะเยาะหล่อน ไม่ต้องการเสียลมหายใจและพลังงานของเธออีกต่อไป “เมเรดิธ ยัยผู้หญิงอสรพิษ ฆ่าฉันสิถ้ากล้ามากพอ!”“ฮ่าฮ่า…เธออยากตา
เมื่อทุกคนได้ยินมาเดลีนพูดออกมาเช่นนนั้น การแสดงออกของเพื่อนร่วมงานเหล่านั้น รวมถึงอลิซาเบธก็เปลี่ยนไปในทันที พวกเขากำลังมองไปที่มาเดลีนราวกับว่าพวกเขากำลังมองบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป“ผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่าตัวเองเลวร้ายเกินไป!” เพื่อนร่วมงานหญิงหลายคนกล่าวอย่างดูถูก“โชคร้ายขนาดไหนเมเรดิธต้องเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ เธอมักจะตั้งเป้าไปที่หล่อนทุกที่”“ใช่ๆ ไม่เพียงแค่เธอขโมยแฟนของคนอื่น แต่เธอยังไปทำให้เมเรดิธเดือดร้อน นี่ถึงขั้นบอกว่าต้องการฆ่าหล่อน เธอนี่มันป่วยจิตจริงๆ!”“พวกเราควรอยู่ห่างๆจากเธอ ไม่แน่เธออาจจะคลั่งและมุ่งเป้ามาที่พวกเรา”มาเดลีนนั่งเงียบๆ ฟังคำพูดที่จงใจพูดกับเธอเธอไม่พูดโต้กลับใดๆเพียงแค่ยืนขึ้นเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ เพื่อนร่วมงานหญิงที่พูดเรื่องจริงและเรื่องโกหกเกี่ยวกับเธอทั้งหลาย รีบวิ่งหนีกระเจิงไปเพราะกลัวว่ามาเดลีนจะทำอะไรกับพวกเขามาเดลีนรู้สึกขบขันกับฉากนี้ จากนั้น เธอเดินมุ่งหน้าออกจากห้องไปเธอไปหาเฟลิเป้และเมื่อเห็นว่ามาเดลีนมาแล้ว เฟลิเป้ก็ทักทายเธอและขอให้เธอนั่งอย่างสุภาพเขาเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของมาเดลีน มี
มาเดลีนยืนตัวสั่นในสายลมและเลือดของเธอคล้ายว่ามันจะแข็งตัวเธอกลับไปที่บ้านอย่างเร่งรีบ เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวทั้งหมด ก่อนจะย้ายออกจากที่นั้นในชั่วข้ามคืนเธอไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายที่แสนน่ากลัวกว่าปีศาจคนนี้อีกต่อไป เธอไม่กลัวความตาย แต่จริงๆแล้วเธอกลัววิธีการที่โหดร้ายของเขาแสดงออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่อยากเห็นตัวตนของเขาปฏิบัติอย่างโหดร้ายอีกต่อไปเพราะการกระทำนั้นคือคนที่เธอรักอยากแสดงความโหดร้ายต่อหน้าเธอเมื่อมองดูตัวเองในกระจก มาเดลีนสัมผัสได้ถึงรอยแผลเป็นจางๆ และหลับตาลงเจเรมี่ การที่ตกหลุมรักคุณทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาแบบนี้ได้อย่างไรกัน.........ในขณะที่ใกล้จะถึงปีใหม่ หลายๆบริษัทจะมีการประชุมประจำปีในเวลานี้แม้ว่าเฟลิเป้จะยืนกรานว่ามาเดลีนจะเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมประจำปี แต่มาเดลีนเองยังคงปฏิเสธหลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำ มาเดลีนไปที่บาร์คาราโอเกะกับทีมงานในแผนกมีห้องขนาดใหญ่ที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อดื่มและเล่นเกม แต่พวกเขาทิ้งมาเดลีนไว้ข้างๆ ไม่มีใครสนใจเธอเลยมีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่างดูเป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวาและสนุกสน
มือของมาเดลีนสั่นอย่างรุนแรงกุญแจในมือของเธอได้หล่นลงบนเท้าของเธอพร้อมกับเสียงที่กระทบดังเคล้งบาดแผลทั้งภายในและนอกร่างกายของเธอดูเหมือนจะ “ตื่นขึ้น” อย่างกะทันหันในเวลานี้และความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ผิวหนังที่เพิ่งผ่านไม่นานได้กลับเข้ามารุกรานร่างกายของเธออีกครั้ง มันเจ็บมากจนทำเธอสูญเสียสติที่มีอยู่ก่อนหน้าไม่กี่วินาทีก่อนหน้ามีเพียงภาพของเขาที่ทุบโกศด้วยขี้เถ้าของลูกตัวเองด้วยน้ำมือของเขาภายในสมองที่ว่างเปล่าของเธอเมื่อวันก่อนไฟที่ควบคุมด้วยระบบเสียงถูกดับลงเช่นเดียวกับโลกของมาเดลีนที่ถูกความมืดกลืนกินให้มืดลงไปเช่นกัน“มาเดลีน ฉันกำลังพูดกับเธอ” เสียงที่ก้องกังวาลของเจเรมี่ดังขึ้นอย่างเย็นชามาเดลีนสั่นสะท้านอย่างสะเทือนใจ ทันทีที่เจเรมี่คว้าข้อมือของเธอ เธอให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับเม่นที่สลัดหนามของตัวมันเองออก หลังจากเธอกระโดดออกมาด้วยความสยดสยอง ทันใดนั้นเธอคุกเข่าลงข้างเท้าของเขา ทุบตีหัวของเธออย่างหมดแรง“นายท่านวิทแมน ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเอง! ฉันมันเป็นคนผิดเอง! ฉันไม่ควรตกหลุมรักคุณ ฉันไม่ควรยั่วยุเมเรดิธ!”“เจเรมี่ ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าทำร้ายคนรอบข้
เธอวิ่งไปบนถนนอย่างไร้จุดหมายโดยไม่หันหลังกลับ ธารน้ำแข็งชิ้นหนึ่งได้ละลายลงในใจของเธอและน้ำเย็นๆสีดำได้เอ่อท่วมโลกของเธอเธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจเรมี่อีกแล้ว วิธีการที่แสนโหดร้ายของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอไม่สามารถแบกรับสภาพร่างกายและจิตใจที่ถูกทำลายได้อีกต่อไปในตอนนี้ เธอแค่อยากจะหนีแม้กระทั่งต้องการอยากจะหนีหายไปตลอดกาลทันใดนั้น ฝนเม็ดเล็กล่วงโรยลงมาบนท้องฟ้ามาเดลีนวิ่งไปทางม้าลายด้วยความงุนงง เธอต้องการข้ามไปยังถนนฝั่งตรงข้าม รถคันหนึ่งขับมุ่งตรงมาทางของเธอ มันไม่ได้ชะลอตัวลงเมื่อมองไปที่ถนนที่พลุกพล่านและแสงไฟถนนที่เรียงรายกระทบเข้ามา ทำให้เธอน้ำตาไหลถ้าเธอทำได้ เธออยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ ...มาเดลีนหลับตาลงและมีเสียงแตรดังออกมาอย่างก้องกังวาลรอบๆ ทันใดนั้นมาเดลีนรู้สึกได้ถึงแขนที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่กอดเธอไว้แน่นในขณะที่รถเกือบจะชนเธอ เธอถูกชายคนหนึ่งอุ้มไปและกลิ้งลงไปข้างทาง“มาเดลีน ฟังผมนะ! ถึงเธอจะอยากตาย แต่ก็ตายได้ด้วยมือฉันเท่านั้น!”เสียงที่เกรี้ยวกราดของเจเรมี่ดังมาจากเหนือหัวของเธอ และมันดังมากพอที่จะทำให้เธอตื่นขึ้นราวกับว่าเธอเพิ่งฟื้นกลั
หัวมุมของหนังสือไดอารี่ถูกขูดกับบาดแผลที่ยังไม่เเห้งดีบนใบหน้าของเธอความเจ็บดังลั่นอย่างรุนแรงก่อนที่เลือดจะเริ่มไหลซึมอีกครั้งกระนั้นเจเรมี่ไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม เขาปัดผ่านไหล่ของเธอพร้อมกับดันไหล่ที่กว้างและทรงพลังของเขากระทบกับร่างบางของมาเดลีน ทันใดนั้นเองมาเดลีนเสียหลักล้มลงข้างเตียง มันช่างตลกร้ายเมื่อมองไปเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเธอ ไดอารี่ที่เจเรมี่ทิ้งถูกเปิดออกในหน้าหนึ่ง มาเดลีนมองไปที่เนื้อหาห็นคำที่เธอเขียน “เจซ ในที่สุดฉันก็ได้พบคุณอีกครั้ง …”มาเดลีนมองไปที่คำที่เขียนบนหน้าไดอารี่และหัวเราะเยาะตัวเองจนน้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาของเธอโดยไม่รู้ตัวน้ำตาอุ่นๆหยดผ่านบาดแผลที่มีเลือดออก ตามแนวโค้งของคาง และสุดท้ายหยดเลือดได้หยดลงบนประโยคในไดอารี่เจซ...เจซในอดีตของเธอได้ตายไปแล้วในหัวใจของเธอแสงแดดอ่อนๆนั่น เด็กผู้ชายที่เคยบอกว่าอยากอยู่กับเธอตลอดไป ตายไปแล้วในใจเธอ ...——เกิดหนองบางส่วนขึ้นที่แผลบนใบหน้าของมาเดลีน ดังนั้นเธอจึงต้องไปโรงพยาบาลหลังจากรักษาบาดแผลและในขณะที่เธอกำลังจะกลับ พยาบาลสาวสองคนเดินผ่านมาเดลีนไป อย่างเร่งรีบ“คุณหญิงมอนต์โกเ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ