ขณะที่เมเดลีนกำลังอุ้มลูกขึ้นมาหมายจะจูบก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกรูเข้ามาเมเดลีนจำพ่อแม่ของไรอันไม่ได้ แต่เธอเห็นนาโอมิเมเดลีนยิ้มเยาะนาโอมิขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ซึ่งเพิ่งผ่านมาไม่นาน “คุณไลโอเนลช่างมุ่งมั่นมีแรงจูงใจ ฉันเดาว่าใครได้ดูคุณในจอคงจะเห็นด้วยแน่นอน”โทสะอัดสุมอยู่ในใจของนาโอมิขณะที่ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นถึงความเศร้าโศกและโกรธเคือง “เอวลีนเธอใส่ร้ายฉันทำไม มีประโยชน์อะไรจากการทำร้ายฉันและทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้?”“ฉันใส่ร้ายคุณ?” เมเดลีนรู้สึกว่าน่าขัน เธอส่งลูกให้นางพยาบาลนางพยาบาลอุ้มทารกไว้แล้วพาเดินเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว“เอวลีน คุณเป็นลูกสาวคนสำคัญจากตระกูลที่ร่ำรวย นาโอมิเองก็เป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งเช่นกัน เมื่อคุณทำร้ายเธอแบบนี้เธอจะสู้หน้าผู้คนในสังคมได้ยังไง?!” พ่อแม่ของไรอันคำรามปกป้องนาโอมิ“ดูคุณสิคุณสวยมากนะ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะชั่วร้ายขนาดนี้เอวลีน! เราจะไม่ปล่อยเรื่องที่เกิดกับนาโอมิไปแน่!” เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิจากพ่อแม่ของไรอัน เมเดลีนก็นิ่งค้างแล้วจ้องไปยังไรอันซึ่งยังคงเงียบอยู่“คุณโจนส์ คุณเป็นลูกค้าของฉันและเคยช่วยเหลือกันมาก่
น้ำเสียงแข็งกร้าวดังฝ่าฝูงชนเสียงนั้นสร้างความประหลาดใจแก่เมเดลีนและเมื่อเธอหันไปมองก็ต้องแปลกใจอีกที่เห็นคาเลนกำลังถือกระติกใส่ซุปแหวกกลุ่มคนเพื่อเข้ามาในห้องผู้ป่วยด้วยแววตาเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพ่อแม่ของไรอันเคยพบปะคาเลนมาก่อนในการรวมตัวทางธุรกิจสองสามครั้ง และเคยกระทั่งแลกเปลี่ยนความเห็นกันในความทรงจำของพวกเขานั้นจำได้เพียงว่าคาเลนเคยเกลียดเอวลีนที่เป็นลูกสะใภ้ ‘แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ออกมาปกป้องล่ะ?’ในขณะที่พ่อแม่ของไรอันครุ่นคิดพวกเขาก็ยิ้มเยาะ “คาเลน ลูกสะใภ้ของคุณทำเรื่องแบบนั้นกับลูกสะใภ้ของพวกเราแล้วคุณยังจะปกป้องเธออีกเหรอ?”คาเลนมองนาโอมิอย่างประเมิน “ทำไมฉันจะปกป้องลูกสะใภ้ของตัวเองไม่ได้ล่ะ ในเมื่อพวกคุณยังอยากปกป้องลูกสะใภ้ที่ไร้ศีลธรรมและหน้าไม่อายได้เลย? ลูกสะใภ้ของฉันเป็นผู้หญิงที่มีมารยาทดีและมีเกียรติมากกว่ายัยผู้หญิงคนนี้เสียอีก!”“คุณ…” นาโอมิกำลังจะแสดงอาการเกรี้ยวกราด แต่ด้วยสายตาของคนหมู่มากที่กำลังจ้องมองเธอจึงอดทนไว้แต่นั่นไม่ได้รวมถึงพ่อและแม่ของไรอัน “คาเลน ความจริงก็เห็นกันอยู่ว่าลูกสะใภ้ของคุณทำลายชีวิตลูกสะใภ้ของเรา! ดูในวิดีโอสิ ดูว่าลูกสะใภ
“ฉันจะบอกคุณเรื่องนี้ด้วยก็ได้ว่า ภาพบันทึกนี้ฉันขอมาจากพนักงานในร้านก่อนที่มันจะตกอยู่ในมือของคุณ ฉันคงจะไม่เอามันออกมา หากไม่ใช่ว่าเพราะพวกคุณกล่าวหาฉัน”“นาโอมิ คุณเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ คุณรนหาที่เอง”“เอวลีน แก…” นาโอมิหน้าแดงด้วยความโกรธ ไม่สามารถระงับโทสะที่พล่านวนข้างในได้ นาโอมิยกมือขึ้นจะตบเมเดลีนแต่ขณะที่เธอเงื้อมือขึ้นสูง พ่อของไรอันก็ตบหน้าของเธอก่อน“เธอเป็นผู้หญิงที่โคตรไร้ยางอาย เธอลงมือก่ออาชญากรรมลงไปแล้วยังตีหน้าไร้เดียงสา เธอหลอกให้พวกเรากล่าวหาคนบริสุทธิ์ ฉันจะบอกอะไรให้ว่า ฉันจะยกเลิกงานแต่งงานระหว่างเธอและไรอัน ตระกูลโจนส์ไม่มีทางรับผู้หญิงอย่างเธอเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของเรา!”พ่อแม่ของไรอันโกรธจัดขณะที่พวกเขาประกาศเช่นนั้นต่อสาธารณชน พวกเขาจากไปด้วยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวคาเลนหยุดพวกเขาไว้แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกคุณคิดจะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือไง? คุณติดค้างคำขอโทษลูกสะใภ้ฉันอยู่นะ”พ่อและแม่ของไรอันรู้ว่าพวกตนทำผิดต่อเมเดลีน ใบหน้าของพวกเขาขึ้นสีแดงจัดแล้วขอโทษเมเดลีนจากนั้นพวกเขาจึงจากไปทั้งยังลากไรอันกลับไปด้วยกันไรอันได้แต่มองเมเดลีนอย่างขอโทษก่อนจากไ
เมเดลีนสังเกตเห็นเค้าโครงสีดำจากหางตา เธอรู้ว่าเค้าโครงนั้นกลายเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เธอจึงซ่อนตัวในทันทีอย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอพยายามซ่อนตัว เธอก็สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นคือ เจเรมี่เจเรมี่ล็อคประตูข้างหลังเขาและเดินทอดน่องมายังข้างเตียงที่ซึ่งเมเดลีนกำลังให้นมลูกอยู่ใบหน้าอันงดงามของเขาสงบในขณะที่ดวงตาลึกของเขาดูไร้ชีวิตชีวา เขาจ้องเมเดลีนอย่างเยือกเย็นเมเดลีนไม่พยายามหลีกเลี่ยงเขาอีกต่อไปและเผชิญหน้ากับชายคนนั้นซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอ จู่ ๆ หูของเธอก็เริ่มอุ่นขึ้นฉับพลัน“อะไรหอบคุณมานี่คะ คุณซิมเมอร์แมน?” ทั้ง ๆ ที่ทักทายเขาเช่นนั้น แต่เมเดลีนก็รู้ดีว่าเขาคือ เจเรมี่ วิทแมนเจเรมี่มองที่ปากของเมเดลีน “คุณทำให้ผู้หญิงของผมเป็นทุกข์ เพราะงั้น ผมจะทำให้คุณรู้สึกแย่เหมือนกัน”เมเดลีนกำลังอุ้มลูกน้อยอันเป็นที่รัก เธอบีบนิ้วเล็กของลูกอย่างอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในตอนนี้ เธอจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้ทารกในอ้อมแขนของเธอลืมตาโต ดื่มนมอย่างจริงจังโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ในตอนแรก เธอคิดว่าเธอจะดูแลลูกเป็นอย่างดีกับเจเรมี่หลังจากที่คลอด น่าเสียดายที่ชีวิตของเธอกลับเต็มไป
เมเดลีนไม่สนใจท่าทางที่เขามีขณะที่คุยกับเธอ สิ่งที่เธอสนใจตั้งแต่ต้นจนจบ คือ เขาไม่เคยมองไปที่ลูกเลย‘นั่นคือลูกทางสายเลือดของเขานะ แต่เขาก็ไม่สนใจไยดีที่จะมองมาเลย’‘ผู้คนกล่าวเอาไว้ว่าใคร ๆ ก็มีสัมผัสสำหรับลูกทางสายเลือกของพวกเขา แต่สำหรับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาสัมผัสอะไรไม่ได้เลย’“เจเรมี่ บางที ในตอนนี้หัวใจของคุณมีเพียงลาน่าแค่คนเดียว ใช่ไหม?”เมเดลีนยิ้มออกมาอย่างอับจนหนทางและกลับไปยังตู้อบเด็กทารก ขณะที่จ้องมองลูกที่หลับอยู่ เธอก็รู้สึกค่อนข้างขมขื่นและไม่สบายใจวันต่อมา เมเดลีนไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจเรมี่ที่ให้ไปยังวิลล่าเธอไม่เชื่อว่าเจเรมี่จะสูญเสียความเป็นมนุษย์และทำร้ายลูกของเธอ อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนบ่ายมาถึง เธอก็ออกจากห้องผู้ป่วยชั่วครู่ และในตอนที่เธอกลับไป พยาบาลคนหนึ่งก็เดินเขามาหาเธออย่างกระวนกระวาย “ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉันเข้าไปข้างใน ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งออกมาจากที่นี่ เมื่อฉันเข้าไปดูนายน้อย ฉันก็สังเกตว่าหน้าของเขาเป็นสีม่วงและไม่หายใจ ในตอนนี้เขาอยู่ในห้องฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตค่ะ”เมเดลีนรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอกำลังถูกบีบคั้นโดยมือที่มองไม่เห็น เธอหยิบโ
เจเรมี่กำลังจะออกแรงมากขึ้น แต่หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเมเดลีน มือของเขาก็คลายออกเขาจ้องมองสายตาที่ขุ่นมัวของเธอแล้วก็ตกลงไปในภวังค์ความคิดในที่สุดในตอนนั้น น้ำตาของเมเดลีนก็ร่วงลงบนหลังมือของเขา อุณหภูมิของน้ำตาเธอแทรกผ่านผิวของเขา เดินทางตรงไปสู่ก้นบึ้งของหัวใจเขา ความรู้สึกอบอุ่นนั้นทำให้เขาได้สติและกลับสู่ความเป็นจริง“เลิกทำกับผมเหมือนผมเป็นสามีที่ตายไปแล้วของคุณสักที” เจเรมี่กล่าวอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาคลายมือออก“แค่ก แค่ก” เมเดลีนสำลักและหอบหลังจากที่ถูกปล่อยแรงบีบบนคอของเธอก่อนหน้านี้เจ็บจริง ๆ แต่มันก็ไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับความผิดหวังที่เธอรู้สึกได้จากสายตาที่เยือกเย็นและไร้หัวใจของเขาแม้ว่าเธอจะผ่านอะไรมามากมาย แต่เมเดลีนก็ยังคงไร้ความกลัว “คนที่คุณห่วงมากที่สุดในตอนนี้คือ ลาน่า ใช่ไหม? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจว่าหล่อนจะต้องชดใช้ด้วยราคาเดียวกัน!”เจเรมี่มองสายตาที่เฉียบคมของเมเดลีนด้วยท่าทีที่ไม่เห็นด้วยและหัวเราะเบา ๆ “ด้วยตัวของเธอเองงั้นเหรอ?”สายตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยความดูถูกเมเดลีนมองตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึม “กล้าก็ลองดู”เธอ
เขาจับคางของเมเดลีนและจูบเธอโดยไม่ให้โอกาสให้เธอได้สู้กลับ เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอออกด้วยมือขวาก่อนที่จะกัดลงบนไหล่ของเธอ แล้วทิ้งรอยฟันเป็นแถวไว้“โอ๊ย” เมเดลีนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดเจเรมี่หยุดและมองสายตาที่ดื้อรั้นของเมเดลีน“นี่คือความอ่อนแอที่คุณพูดถึงงั้นเหรอ?” มีความประชดประชันในน้ำเสียงของเขา “เอวลีน ผมไม่ใช่สามีของคุณ เพราะงั้นผมจะไม่อำนวยความสะดวกให้คุณหรือเสียเวลามาเกลี้ยกล่อมคุณอย่างอดทนหรอกนะ มันจะดีที่สุดถ้าคุณเชื่อฟังผม ไม่อย่างนั้น คุณจะเป็นคนที่ทรมานที่สุด”เขาทิ้งคำข่มขู่ไว้ให้เธอก่อนที่จะถอนตัวออกจากเธอหลังจากที่เมเดลีนได้ยินเสียงประตูปิด เธอก็นึกขึ้นได้ว่าลาน่าและเจเรมี่อาจจะนอนบนเตียงนี้ด้วยกันมาก่อน ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกขยะแขยงและกระโจนออกจากเตียงเธออยากจะออกไป แต่เปิดประตูไม่ได้เจเรมี่ขังเธอไว้เพื่อทรมานเธออย่างช้า ๆ อย่างนั้นหรือ?อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งจะได้ข่าวว่าลูกของเธอถูกใครบางคนทำร้าย ขณะที่เธอได้ไล่ตามมาด้วยความโกรธที่มืดบอด เธอก็ลืมพกโทรศัพท์มาด้วยเมเดลีนกังวลขณะที่เธอไม่รู้ว่าอาการปัจจุบันของลูกเธอเป็นอย่างไรพยาบาลคนนั้นบอกว่าหน้าของลูกเปลี่
เขายืนอยู่ด้านหลังเธอในขณะที่จับมือของเธอไว้กับที่ กักขังเธอได้อย่างประสบความสำเร็จเมเดลีนตะลึงเล็กน้อยไปชั่วครู่ เมื่อเธอได้สติกลับมาเพื่อสู้กลับ เธอก็พบว่าชายคนนั้นกำลังจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอเธอเอาชนะแรงของเขาไม่ได้เธอไม่เข้าใจพฤติกรรมของเจเรมี่ เขาไม่ได้อยู่กับลาน่าอย่างนั้นเหรอ?ทำไมเขาถึงยังทำเรื่องพวกนี้กับเธอล่ะ?ถ้าลาน่ายังเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมแปลก ๆ ของเจเรมี่ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็คงสมเหตุสมผลอย่างไรก็ตาม เมื่อเมเดลีนคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกถูกผลักไสเธอกัดปากของเจเรมี่ แล้วทำให้ชายคนนั้นยิ่งโกรธ ทันใดนั้น เขาก็อุ้มเธอขึ้นและโยนเธอลงบนเตียง“อย่าพยายามหนีล่ะ ก่อนที่คุณจะทำสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำ คุณก็ทำได้แค่อยู่ที่นี่เท่านั้น ได้ยินไหม?”เมเดลีนกำหมัด และในที่สุด เธอก็ทำได้แค่คลายมันโดยไม่มีทางเลือก “ฉันอยากโทรหาสักสายหนึ่ง ฉันอยากรู้ว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง”“ผมจะให้โอกาสให้คุณรู้ว่าลูกชายของคุณเป็นยังไง แต่คุณต้องเชื่อฟังผม”มีความสงบในแววตาของเมเดลีน เธอยอมและตอบตกลงว่า “โอเค ฉันสัญญา”เจเรมี่พอใจหลังจากที่เขาได้คำตอบนี้ภายใต้การจั
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ