ดวงตาทั้งคู่ของเจเรมี่หม่นลงเมื่อได้ยินสิ่งที่เมเดลีนพูดทว่ามันก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “ผมรู้ว่าคุณพูดเพื่อปกป้องลูกของเฟลิเป้เท่านั้น แต่เอวลีน คุณต้องทำแท้งซะ”“เจเรมี่! ถ้าคุณกล้าบังคับให้ฉันทำแท้ง ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณตราบเท่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่!” เมเด ลีนจ้องไปที่ชายผู้นั้นโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ และในตอนนี้ เธอก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมา “ถ้าคุณกล้าทำร้ายเด็กในตัวฉัน คุณก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”เมเดลีนเดินผ่านเขาด้วยมืออันสั่นเทาถ้าเธอไม่ถาม ลูกของเธอคงจากไปแล้วเธอรู้สึกเย็นไปทั้งตัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะไปได้ไกลกว่านั้น เจเรมี่ก็หยุดเธอไว้"ปล่อยฉัน!" เธอดิ้น“คุณมีลูกคนนี้ไม่ได้” เจเรมี่ย้ำ ทันใดนั้น เขาก็อุ้มเมเดลีนที่เอวของเธอและเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดเมเดลีนใจหาย “เจเรมี่ วางฉันลง! ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายลูกของฉัน! เจเรมี่!”เธอกำปกคอเสื้อของชายคนนั้นแน่น แต่ชายผู้นั้นไม่มีท่าทีเปลี่ยนใจเลย“เจเรมี่! นี่คือลูกของคุณ! ถ้าคุณยังฝืนทำแบบนี้ คุณนั้นแหละที่จะเสียใจทีหลัง!”“ถึงเป็นลูกผม เราก็เก็บเขาไว้ไม่ได้!” ชายคนนั้นคำราม ทันใดนั้นเอง เขาก็รู
“เอวลีน ฟังผมนะ”"ออกไป!" เสียงของเมเดลีนสั่นสะท้านเหมือนกับมือของเธอ “ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไปซะ! กลับไปที่เกลนเดล อย่าให้ฉันเห็นคุณที่นี่อีก!”เธอจ้องมองในขณะที่ไล่เขาออกไป น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เธอไม่อยากคิดว่าเจเรมี่จะไปไกลถึงขนาดฆ่าลูกของเขาเองได้นี่มันแย่ยิ่งกว่าความเจ็บปวดที่เขาทำกับเธอในตอนนั้นเสียอีกเจเรมี่ไม่ต้องการรบกวนเธอต่อไปอีก เมื่อเขาเห็นเธออยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขนาดนี้ “คุณควรใจเย็น ๆ ก่อน ผมจะไปรอข้างนอก”เจเรมี่เดินออกไปและปิดประตูตามหลังเขาเขามองดูเมเดลีนผ่านหน้าต่างบานเล็กก่อนจะนั่งลงเขารู้ว่าเมเดลีนเข้าใจเขาผิดแต่มันก็เป็นไปตามคาดใกล้จะบ่ายโมงแล้ว เจเรมี่กำลังจะไปซื้ออาหารกลางวันให้เมเดลีน เขาเลยออกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะจากไป เขาขอให้พยาบาลดูแลเมเดลีนไว้พยาบาลตอบตกลงโดยไม่ลังเลเพราะเจเรมี่เป็นผู้ชายที่หล่อมากเมเดลีนมองที่หน้าต่างอย่างท้อแท้ จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปสัมผัสเปลือกหอยที่คอของเธอก่อนที่เธอจะสะอึกสะอื้นอย่างแผ่วเบา'เจเรมี่ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังฆ่าลูกของคุณด้วยน้ำมือของคุณเอง?'แม้ว่าคุณจะไม่คิดว่าเป็นลูกของคุณ แต่ทำไมคุ
เฟลิเป้รู้สึกประหลาดใจ เขามองไปยังคนที่ราวกับไม่มีชีวิตและหน้าซีดเซียวตรงหน้าแล้วถามว่า “เจเรมี่ปล่อยคุณมาเหรอ?”เมเดลีนพยักหน้าโดยไม่แสดงสีหน้าใด “ใช่ เขาปล่อยฉันมา เขายังสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่คุณทำ แต่มีเงื่อนไข คือ คุณต้องปล่อยเขากลับไปที่เกลนเดล”เฟลิเป้ฟังเธอแล้วถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เอวลีน นั่นคำขอของเขาหรือของคุณเองกันแน่?”“ไม่สำคัญว่าจะเป็นคำขอของใคร แต่คุณให้คนอื่นตามล่าเขาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว” เมเดลีนยื่นคำขาดและนัยน์ตาสีแดงของเธอมีนัยยะของการข่มขู่ “ถ้าคุณขอให้ใครสักคนตามล่าเขาอีกครั้ง อย่าหวังเลยว่าเด็กในท้องจะออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย”หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น รอยยิ้มของเฟลิเป้ก็หายไปเมื่อเธอพูดเช่นนี้ เมเดลีนก็รู้สึกราวกับว่ามีดนับพันกรีดผ่านหัวใจของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกบังคับให้ทำแท้งเด็กได้จากไปแล้วอย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมให้เฟลิเป้รู้เรื่องนี้แน่แน่นอนว่าเธอไม่ยอมให้เขารู้ว่าเด็กนั่นเป็นลูกของเจเรมี่ด้วยเห็นได้ชัดว่าเฟลิเป้ไม่เต็มใจกับคำขอนั้นสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังต้องประนีประนอมไป “ตกลง ผมสัญญาว่าจะปล่อยให้เขากลับไปที่เกลนเดล” เขาเ
“คุณต้องการให้ผมเชื่อคุณและทุก ๆ คำที่คุณพูด แต่คุณลืมไปแล้วเหรอ เอวลีน? คุณเป็นคนบอกผมว่าเด็กในท้องของคุณเป็นลูกของเฟลิเป้!”“...” เมเดลีนพูดไม่ออก แต่แล้ว เธอก็ได้ยินเจเรมี่พูดว่า “เด็กคนนั้นไม่ควรมีชีวิตอยู่ในท้องของคุณ”เพียะ!เมเดลีนตบเจเรมี่อีกครั้งบอดี้การ์ดสองคนเดินผ่านมาในขณะที่พวกเขากำลังสูบบุหรี่ เมื่อได้ยินเสียง พวกเขาจึงเดินเข้ามายังห้องใต้ดินอย่างระมัดระวัง“มีเสียงดังมากจากข้างล่างนี่”“ฉันว่าไม่ใช่มั้ง?”“ฉันจะไปดูสักหน่อย”“ฉันไปด้วย”บอดี้การ์ดสองคนเดินไปที่ประตูของห้องใต้ดิน หลังจากที่เปิดประตู พวกเขาก็เปิดสวิตช์ที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรในห้อง ไม่มีแม้กระทั่งหนูสักตัว นับประสาอะไรกับคน“ฉันบอกนายแล้วว่านายหูแว่ว รีบ ๆ สูบบุหรี่ของนายให้เสร็จแล้วเราจะได้กลับขึ้นไปสักที เราคงจบแน่ถ้าคุณวิทแมนกลับมาและเห็นว่ากำลังอู้งานกันอยู่”หลังจากที่ปิดประตู ในที่สุดเจเรมี่ก็ปล่อยมือออกจากปากของเมเดลีนจากด้านหลังประตูในตอนที่เขาแยกจากเธอ เมเดลีนก็ตบเขาอีกครั้งเขาไม่สามารถเห็นถึงท่าทีของเธอในความมืดได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความโกรธและความขุ่นเคืองใจที่เ
เมเดลีนเบือนหน้าหนีและแสดงให้เจเรมี่เห็นถึงด้านที่เย็นชาของเธอ“เฟลิเป้จะกลับมาในเร็ว ๆ นี้ ถ้าคุณไม่ออกไปตอนนี้ งั้นคุณก็คงหมดโอกาสแล้ว” เมเดลีนเตือนเขาอย่างเยือกเย็น“คุณห่วงผมด้วยเหรอ? ภรรยาเก่าของผมห่วงผมด้วย?” เสียงของเจเรมี่ถูกผสมกับนัยของความขบขัน อย่างไรก็ตาม มันเต็มไปด้วยการเสียดสีด้วยเช่นกันนิ้วที่อบอุ่นของเขาบีบไปที่คางของเมเดลีน บังคับให้เธอจ้องหน้าเขาเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดในหัวใจในตอนที่เขาเห็นดวงตาที่แดงและเต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ“เอวลีน ผมเป็นผู้ชายที่เลือดเย็นและไร้หัวใจในหัวใจของคุณจริง ๆ ใช่ไหม? คุณขอให้ผมเชื่อคุณ แต่คุณเคยเชื่อผมบ้างไหม?”หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น เมเดลีนก็รู้สึกใจสั่นในตอนนี้ พวกเขาได้ยินเสียงของรถที่ชั้นล่าง เฟลิเป้กลับมาแล้วเจเรมี่เดินไปที่หน้าต่างและสังเกตดู อย่างไรก็ตาม เขาไม่ตื่นตระหนกเลย “ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นในตอนนี้ ผมจะอยู่ที่นี่”“เจเรมี่ คุณเป็นบ้ารึไง?”“ใช่ ผมบ้า ผมได้สูญเสียเหตุผลทั้งหมดไปแล้วในตอนที่คุณบอกกับผมว่าคุณไม่รักผม”“...” เมเดลีนอยากจะร้องไห้และหัวเราะในตอนที่เธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด “ถ้าคุณรักฉันมาก ๆ จริง ๆ คุณคง
จากนั้น เมเดลีนก็เริ่มถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเจเรมี่ หลังจากนั้น เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำและแสร้งว่าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเจเรมี่กอดเมเดลีนในตอนที่เขาเห็นเธอปิดฝักบัวและกำลังจะออกไป เสียงเข้มของเขาเต็มไปด้วยคำเตือน “อย่ายอมให้เขาแตะต้องตัวคุณ ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่มีความสงบสุขใด ๆ ในคืนนี้”เมเดลีนไม่ตอบเจเรมี่ หลังจากที่เขาปล่อยเธอ เธอเดินออกไปและปิดประตูที่อยู่ข้างหลังเธอเฟลิปเป้ได้ยินเมเดลีนกำลังเดินออกมา เขาจึงปิดโทรศัพท์ของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่เมเดลีน “เมื่อกี้ คุณดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความกังวลในขณะที่สายตาของเขาดูใจดีเมเดลีนส่ายหน้า “ฉันสบายดีค่ะ”เฟลิเเป้ยืนมืออกไปและวางมันบนหน้าท้องของเมเดลีน “เด็กคนนี้ทำให้คุณลำบากใช่ไหม? ลูกของเราทะเล้นไม่เบาเลยนะ”การเคลื่อนไหวของเขากะทันหันเกินและเมเดลีนก็ขยับตัวหนีจากเขาในทันทีอย่างไรก็ตาม บางทีมันอาจจะเป็นแรงดันเข้าและผลักออก จู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกคลื่นไส้เธอกุมท้องของตัวเองอย่างตอบสนองขณะที่ความรู้สึกที่คุ้นเคยของอาการแพ้ท้องก็เข้ามาปะทะกับเธอเมเดลีนกุมปาก เมื่อเธอกำลังจะเข้าไปในห้องน้ำ
เมเดลีนตะโกนชื่อของเจเรมี่ด้วยความโหยหวนเมื่อเธอมองไปที่เลือดซึ่งสาดกระเซ็น เธอรู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอทั้งหมดถูกแช่แข็งเธอกดแผลถูกยิงของเจเรมี่อย่างเร่งรีบด้วยมือของเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล มือสวย ๆ ของเธอเปื้อนไปด้วยสีแดงอย่างรวดเร็วและเลือดสีแดงเข้มกำลังทำร้ายสายตาของเธอ“เจเรมี่ เจเรมี่” หัวใจของเมเดลีนกำลังเต้นผิดทาง มือที่เปื้อนเลือดของเธอจับที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจเรมี่ขณะที่น้ำตาคลอเบ้าเจเรมี่ขมวดคิ้วและอดทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวจากบาดแผลถูกยิง จากนั้นเขายกมือของเขาขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อจับใบหน้าที่เปียกน้ำตาของเมเดลีน “เอวลีน อย่าร้องไห้สิ อย่าร้องไห้ให้กับคนขี้ขลาดอย่างผมเลย”หัวใจของเขากำลังแตกสลายขณะที่เขาหรี่ตาลง พวกมันเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้งเช่นเดิมที่เขามีให้กับเธอ“ผมจะไม่ตายก่อนที่คุณกลับมาหาผม”แม้ว่าเขาจะพูดอย่างอ่อนแอ มันก็ไม่ได้ขัดขวางความกระตือรือร้นในสายตาของเขาเลยเฟลิเป้วางปืนพกของเขาและเดินไปด้านหลังของเจเรมี่ “วิดีโออยู่ไหน?” เขาถามอย่างตรงไปตรงมาเจเรมี่เพ่งไปที่เขาและยิ้มเยาะ “ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน วิดีโอจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณ
คำถามของเมเดลีนได้ส่งเฟลิเป้เข้าสู่วังวนแห่งความสับสนหัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่เขาจับผ้าผูกผมของเคธี่ที่ข้อมือตัวเองโดยอัตโนมัติเคธี่...ค่ำคืนเริ่มมืดมิดเมเดลีนยังคงรออยู่ตลอดเวลาที่เจเรมี่ยังอยู่ในขั้นตอนของการผ่าตัดหัวใจที่กระสับกระส่ายของเธอรู้สึกผ่อนคลายแค่เล็กน้อยเท่านั้น เมื่อหมอบอกกับเธอว่าเจเรมี่ได้พ้นขีดอันตรายแล้วเธอรู้ว่าเจเรมี่ถูกยิงก็เพราะเขาพยายามที่จะปกป้องเธอชายคนนี้มักจะเย็นชากับเธอเสมอ แต่ความห่วงใยของของเขาที่มีต่อเธอก็แน่ชัดแล้วมันเห็นได้ว่าเขาก็แค่ทำตัวเป็นเด็กในตอนที่เขาหมั้นกับอีเวตต์อย่างไรก็ตาม ทำไมอีเวตต์ทำให้เธอมีความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนี้?เมเดลีนยังคงรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัด จากนั้น เธอก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอตื่นขึ้น มันก็เป็นวันถัดมาเรียบร้อยแล้ว เธอมีผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้และมีบอดี้การ์ดสองคนข้าง ๆ เธอเธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “เจเรมี่อยู่ที่ไหน?”“คุณวิทแมนได้จัดการเรื่องคุณเจเรมี่เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้น อย่ากังวลมากเกินไปครับ มาดาม คุณกลับไปที่คฤหาสน์ก่อนก็ได้”เมเดลีนไม่คิดว่าเฟลิเป้จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับเจเรมี
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ