‘ฉันทำอะไรกับเขาจริง ๆ เหรอ?’เมเดลีนรู้สึกว่าเริ่มมีไอร้อนออกมาใบหูของเธอ เมื่อเดินไปส่องดูตนเองในกระจก ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นรอยแปลก ๆ บริเวณซอกคอเมื่อล้างเนื้อล้างตัวเร็จเรียบร้อย เธอเดินออกมาและเห็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เจเรมี่ทิ้งไว้ ซึ่งมีข้อความสั้น ๆ เขียนอยู่บนนั้น [ลินนี่ ผมกำลังจะส่งแจ็คไปโรงเรียน คุณนอนพักอยู่ที่นี่อีกสักหน่อยก็ได้]เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เลย และให้ความรู้สึกเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นเมเดลีนมองดูกระดาษที่เจเรมี่ทิ้งเอาไว้และเริ่มกวาดตามองอย่างถี่ถ้วนเธอมองลายมือที่เรียบร้อยของเขา และทันใดนั้น เธอพลันนึกถึงคำสารภาพที่เธอเคยเห็นในสมุดบันทึกที่ร้านอาหารใกล้กับมหาวิทยาลัยเกลนเดล [เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด ผมชอบคุณ]ตอนนี้ เมเดลีนก็รู้เสียทีว่าเจเรมี่เป็นคนที่เขียนข้อความที่ไม่ระบุชื่อคนเขียนนี้เองเขาชอบเธอตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเรียนปีแรกแล้วแต่ว่าเขาพยายามที่จะปกปิดความรู้สึกที่มีต่อเธอเอาไว้ตอนที่เมเรดิธพยายามที่จะเลียนแบบพฤติกรรมของเธอ เขาทำได้เพียงแค่ห้ามตนเองไม่ให้ไล่ตามเธออีกเพราะว่าสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ตั้งแต่ตอนเด็กเมเดลีนออกมาจากโร
ในที่สุดก็ถึงคิวของเจเรมี่เสียที เมื่อกำลังจะสั่งเค้ก เขาหันหลังกลับมาและสังเกตว่าลิเลียนหายตัวไปเขามองไปรอบร้านขนมหวาน แต่ก็ไม่เห็นตัวเธอที่ไหนเลย ทันใดนั้น หัวใจของเจเรมี่ก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเขาเอ่ยถามผู้คนในร้านนั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งบอกว่าเห็นเด็กน้อยตัวเล็กน่ารักวิ่งออกไปทางประตูคนเดียวเมื่อครู่นี้เองเด็กผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสสีฟ้าสดใสและหน้าตาน่ารักน่าชังเจเรมี่มั่นใจแล้วว่าต้องเป็นลิเลียนแน่แต่ว่า ทำไมเด็กน้อยถึงวิ่งออกไปแบบนั้นล่ะ?จากนั้น เขาจึงวิ่งไปตรวจสอบคลิปกล้องวงจรปิดที่ห้องของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในร้าน เขาเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งออกไปเองจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอวิ่งออกไปเพราะเห็นอะไรบางอย่างแต่ว่าเหมือนกับเป็นโชคร้ายของเขา กล้องวงจรปิดภายในร้านมีรัศมีที่ค่อนข้างแคบ ดังนั้นเจเรมี่จึงไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกร้านได้เลยเขาวิ่งไปทั่วบริเวณนั้นเพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัว แต่กลับไม่พบอะไรมากกว่านั้นเลยลูกสาวหายตัวไปภายใต้การดูแลของเขา เพราะฉะนั้นเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เขาไม่สามารถอยู่สุขได้ ลิเลียนยังเด็กมาก และ
ขณะที่ได้ยินเมเดลีนพูดสิ่งนั้นกับเขา เฟลิเป้มัวแต่จดจ่ออยู่กับเวลาตรงหน้าปัดนาฬิกาของเขาเขาหันกลับมามองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตนเอง “เอวลีน?”เมเดลีนขี่ม้าเข้ามาใกล้กับเขาพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ พวกเราจะเดินทางกลับไปยังเมืองเอฟพร้อมกับลิลลี่ เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตที่มีความสุขกันสามคนพ่อแม่ลูก”เฟลิเป้อึ้งไปอย่างถนัดตาเมื่อได้ยินคำตอบของเมเดลีนเธอตอบตกลงยอมกลับไปเมืองเอฟกับเขาแล้วแค่สามคนพ่อแม่ลูกคำพูดนั้นหยั่งลึกลงไปยังก้นบึ้งของจิตใจเขาอย่างไรก็ตาม...เขามองดูเธอขี่ม้าห่างออกไป จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที หลังจากนั้นเขารีบคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรออกไป แต่กลับไม่มีคนรับสายนั้นเลยเฟลิเป้ไม่ได้ลังเลเลยที่จะโทรหาเคธี่หลังจากที่รับสายจากเฟลิเป้ เคธี่ก็รู้ว่าเฟลิเป้ต้องการให้เธอทำบางสิ่งให้กับเขา แม้ยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอก็ปฏิบัติตามคำสั่งเขาอย่างเต็มใจเมเดลีนขี่ม้าออกมาห่างจากตรงนั้นพอสมควรเธอระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สองสามวัน และรู้สึกว่าควรที่จะได้เวลาจบเรื่องนี้เสียที“คุณตกหลุมรักมันอีกครั้งแล้วนะ คุณตกหลุมรักชายคนที่เคยปรารถนาให
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมเดลีนก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสดวงตาของเธอว่างเปล่าและเธอทรุดตัวล้มลงไปยังด้านหนึ่งอย่างหมดแรงจะมีชีวิตต่อ“ลินนี่!” เจเรมี่วิ่งเข้ามาพยุงร่างกายของเมเดลีนที่เป็นลมล้มไป เวลาเดียวกันนั้น สภาพของเขาก็ไม่ต่างกับเมเดลีน ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่จนทำให้เขารู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกลูกสาวของเขา ลูกสาวของเขากับเมเดลีนจากไปแล้วจริงหรือ?ขณะที่กำลังพยุงร่างกายของเมเดลีน เวลาเดียวกันนั้น เจเรมี่ก็ได้สูญเสียทุกประสาทสัมผัสไปแล้วสิ้น ร่างกายของเขาจมปลักอยู่กับความหนาวเหน็บที่พัดผ่าน“คุณคะ คุณ คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? หลานสาวของฉันไม่มีสัญญาณชีพแล้วอย่างนั้นเหรอ?” เอโลอิสเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทีเสียใจ “ครับ เด็กน้อยเสียชีวิตแล้ว”“ไม่!” เอโลอิสและฌอนทำใจยอมรับข่าวร้ายครั้งนี้ไม่ได้อีกด้านหนึ่ง ข่าวร้ายครั้งนี้ลบเลือนความสง่างามและความสงบนิ่งบนใบหน้าของเฟลิเป้ออกไป “คุณสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดแล้วใช่ไหม? ลูกสาวผมจะตายแบบนี้ได้ยังไงกัน?”เจเรมี่จ้องมองไปยังใบหน้าของเฟลิเป้ เขาไม่ต้องที่จะโต้เถียงกับเขาว่าใครเป็
ดวงตาของเฟลิเป้เป็นประกาย และในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมเดลีนก็เดินเข้ามาจากด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็วเจเรมี่มองไปที่เมเดลีน “ลินนี่…”เพียะ!เมเดลีนตบหน้าเจเรมี่ด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมีอย่างแรงใบหน้าของเจเรมี่หันไปทางอีกด้านจากแรงตบ เขาเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเมเดลีนจ้องไปที่เจเรมี่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า เธอกัดริมฝีปากแน่น “แม้ว่าคุณจะไม่ได้ต้องการให้ลิลลี่ตาย แต่เธอก็หายตัวไปตอนที่คุณกำลังดูแลเธออยู่ คุณไม่มีทางหนีความจริงนี้ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะแก้ตัวยังไงก็ตาม!”สายตาของเธอบอกถึงความเจ็บปวด “เจเรมี่ ทำไมคุณต้องทำให้ฉันเกลียดคุณถึงขนาดนี้” เมเดลีนพูดก่อนจะหันกลับมา จากนั้นเฟลิเป้ก็ไล่ตามเธอไปเจเรมี่ไม่ได้เจอลิเลียนเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่เธอจะหายตัวไปหลังจากนั้นไม่นาน ทุกสิ่งรอบตัวก็เงียบสงัด เจเรมี่ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเขาปกป้องผู้หญิงที่เขารักไม่ได้ในตอนนั้น และปล่อยให้เธอหมดลมหายใจในอ้อมแขนของเขา และวันนี้เขาก็ทำผิดพลาดร้ายแรงแบบเดิมอีกครั้งเจเรมี่ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ เพราะความประมาทเลินเล่อของเขา เขาต่อยต้นไม้ใกล้ ๆ และคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็ส่งเสียงคร่
เจเรมี่หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเร่งรีบและเปิดผลดีเอ็นเอ ซึ่งยืนยันความเป็นพ่อของเขาที่เขาบันทึกไว้“ลินนี่ ดูนี่สิ นี่คือผลดีเอ็นเอที่ยืนยันว่าผมเป็นพ่อของลิลลี่ ลิลลี่ที่เป็นลูกสาวของเราไง” เขาถือโทรศัพท์ไว้ต่อหน้าเมเดลีนเพื่อพิสูจน์ว่าเขากำลังพูดความจริงเมเดลีนหลุบตาลง ดวงตาของเธอพร่ามัวด้วยน้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้า“ลินนี่ คุณเห็นไหม” เจเรมี่ถามอย่างระมัดระวังแต่ทันทีที่เขาถามเสร็จ เมเดลีนกลับยกมือขึ้นแล้วผลักมือของเขาออกไปโทรศัพท์ตกลงบนพื้นที่เปียกด้วยเสียงอันดัง จากนั้นหน้าจอก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆเจเรมี่รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาก็ได้แตกสลายลงไปด้วยเช่นกันเมเดลีนมองเขาอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่อยากเจอคุณอีก”น้ำเสียงของเธอแน่วแน่ และเธอก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองสักครั้งเดียวเจเรมี่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างสิ้นหวัง ขณะที่เขามองดูแผ่นหลังเย็นชาของเธอ น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของเขาบนหน้าจอที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เขามองเห็นรอยยิ้มที่สวยงามนั้น และนั่นทำให้เจเรมี่เจ็บปวดที่สุด“ลิลลี่…”'ขอโทษนะ ลิลลี่''พ่อปกป้องลูกไม่ได้'ขณะที่เขาโทษตัวเอง เขาก็เห็นเงาดำ ๆ เดินเข้ามาหาเข
เธอยกมือขึ้นมาแตะท้องของตัวเอง แล้วค่อย ๆ ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจหลังจากที่เคธี่จากไป เฟลิเป้ก็หยิบเปลือกหอยหลากสีสันที่เขาเก็บไว้หลายปีขึ้นมา“เอวลีน”เขาเรียกชื่อเมเดลีนในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่ในใจเขาไม่เคยลืมว่าชีวิตที่มืดมนของเขาเจอแสงสว่างได้อย่างไร หลังจากที่เขาพบกับเธอที่ชายหาด“ฉันจะไม่ให้เธอกลับไปหาเจเรมี่อีก เธอเป็นของฉัน"เขาถือเปลือกหอยขณะที่ดวงตาของเขาแสดงคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมออกมาอย่างชัดเจนวันนั้น เหตุผลที่เขาบอกว่าต้องการพาเมเดลีนไปผ่อนคลายสมองของเธอในสนามขี่ม้า ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เธอติดต่อกับโลกภายนอกและทำให้แผนของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นเขารู้ว่าเขาไม่สามารถซ่อนความจริงที่ว่าเขาวางยาเมเดลีนได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมรับมันเขายังรู้ด้วยว่าเมเดลีนไม่ต้องการกลับไปที่เมืองเอฟกับเขา เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกต่อเจเรมี่อีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เขาวางแผนที่จะสร้างความขัดแย้งระหว่างเมเดลีนและเจเรมี่ โดยเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของลิเลียนทว่า เมเดลีนบอกเขาว่าเธอจะกลับไปเมืองเอฟกับเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันก็สาย
หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด ทั้งเจเรมี่และเมเดลีนต่างก็ร้องไห้ออกมาเขานึกถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำขึ้นมา ราวกับว่าอดีตที่เปื้อนเลือดของเขาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในขณะนี้ และเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากพวกมันได้"ไปซะเถอะ"เมเดลีนพูดสามคำนี้อย่างราบเรียบ แล้วเธอก็หันหลังกลับไม่มองเขาอีก“ตอนลิลลี่ติดอยู่ในรถที่ไฟกำลังลุกไหม้ และเกือบจะถูกเผาทั้งเป็น ฉันบอกได้เลยว่าคุณอยากจะช่วยเธอด้วยความจริงใจจริง ๆ แต่มันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า เธอเสียชีวิตเพราะความประมาทเลินเล่อของคุณได้”“เจเรมี่ ฉันไม่สามารถยกโทษให้คุณได้ และฉันไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าคุณอีก”เจเรมี่มองไปยังแผ่นหลังของเมเดลีนและยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน จนในที่สุดเขาก็หันหลังกลับพร้อมกับแบกรับคำตำหนิที่หนักอึ้งเหล่านั้นไว้สายลมหนาวพัดผ่านเข้าไปสู่หัวใจของเขา จากนั้นน้ำตาก็เริ่มร่วงหล่นจากดวงตาของเขามากขึ้นเมเดลีนยืนอยู่หน้าหลุมศพของลิเลียนและได้ยินเสียงฝีเท้าของเจเรมี่ขณะที่เขาเดินจากไปดวงตาของเธอแดงก่ำ ขณะมองดูคำสลักบนศิลาหน้าหลุมศพ จากนั้นเธอก็กลั้นน้ำตาของเธอไว้'ลิเลียน จนถึงท้ายที่สุดแล้ว แม่ก็ยังไม่สามารถเป็นแม่ท
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ