ถึงอย่างนั้นลิเลียนก็เอาแต่ส่ายหัวและเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิมเจเรมี่รู้สึกว่าหัวใจของเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อเห็นน้ำตาของลิเลียน‘เด็กน้อยคนนี้คงต้องผิดหวังอย่างมากที่มีพ่ออย่างฉัน’เขายิ้มเยาะให้กับตัวเอง และคิดว่านี่คือผลพวงจากการกระทำของเขาทั้งหมดลิเลียนร้องไห้เป็นเวลานานในอ้อมแขนของเมเดลีน ก่อนที่ในที่สุดเธอก็สลบไปคงเพราะด้วยความเหนื่อยล้าแพทย์เข้ามาตรวจอาการของลิเลียนอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเมื่อหมอขอตัวออกไปแล้วเมเดลีนก็ปลอบโยนเจเรมี่ที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ “อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะคะ แกยังเด็ก”“เพราะลูกยังเด็ก อารมณ์ทั้งหมดที่แสดงออกจึงเป็นความจริงที่สุดแล้ว” เจเรมี่เอ่ย เขามองดูเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่นอนหลับสนิทด้วยความรู้สึกหดหู่“เจเรมี่”“ลินนี่ ผมจะไม่โทษตัวเองอีกแล้ว” เจเรมี่จับมือเมเดลีน “ผมจะดูแลลิเลียนอย่างดี ผมจะทำให้เด็กคนนี้รู้ว่าผมรักเธอจริง ๆ”เมเดลีนยิ้มเมื่อได้ยินคำสัญญาจากเขา จากนั้นเธอก็ไปจัดเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันวันนั้นเจเรมี่และเมเดลีนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลลิเลียนลิเลียนดูเหมือนจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอไม่ม
เจเรมี่กำลังจะตอบสนอง แต่เขาเห็นของเหลวใส ๆ ซึ่งกำลังถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายของเขาเสียก่อนเขาไม่รู้ว่าของเหลวนั้นคืออะไร แต่สังเกตเห็นว่าเมเดลีนดูเครียดมากนอกจากนั้น ตอนนี้เขาก็รู้สึกถึงความเย็นที่ซึมเข้าไปถึงกระดูก มันเริ่มต้นจากแขนและค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย หลังจากความรู้สึกเย็นนั้นหายไป สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากแต่เจเรมี่ก็ยังคงนิ่งและอดทนต่อความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่าเมเดลีนกำลังจะเอาเข็มออกหลังจากฉีดยาเสร็จ เขาก็รีบหลับตาและแสร้งทำเป็นหลับต่อไปถึงอย่างนั้นตอนนี้จิตใจของเขากลับรู้สึกสับสนไปหมดเขารู้สึกสับสนกับของเหลวที่เมเดลีนฉีดให้ และยิ่งสงสัยมากขึ้นถึงสาเหตุที่เมเดลีนทำแบบนี้ในตอนที่เขาหลับแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เต็มใจที่จะรับ แม้ว่ามันอาจจะเป็นยาพิษก็ตามเขาทำให้เธอผิดหวังหลายต่อหลายครั้ง และเข้าใจได้หากเธอยังโกรธแค้นเขาอยู่เมเดลีนยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง และคอยจับตาดูปฏิกิริยาของเจเรมี่ เมื่อเห็นว่าเขายังหลับสนิท เธอก็รู้สึกโล่งใจ‘ดูเหมือนว่ายาแก้พิษนี่จะปลอดภัย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีผลข้างเคียง’เธอ
ในครั้งแรกตอนที่พบกัน เด็กน้อยยังจุ๊บเขาด้วยท่าทางไร้เดียงสาอยู่เลยทว่าตอนนี้เธอเกลียดเขาแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ฟาเบียนรู้สึกผิดหวังขนาดนี้เขาไม่มีอะไรแอบแฝงต่อลิเลียน และพยายามปกป้องพร้อมทั้งมอบความรักความห่วงใยให้เธออย่างจริงใจแต่เมื่อลองคิดดูอีกครั้ง เขาก็ตระหนักได้ว่าลิเลียนอาจไม่ได้คิดเหมือนกัน เขาเป็นใครสำหรับลิเลียน?‘ทำไมเธอถึงจะมาสนใจความเป็นห่วงของฉันล่ะ?’เมเดลีนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ชั้นบน เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเธอก็รีบลงมาคาเลนปลอบลิเลียนไปในขณะที่ดุฟาเบียน “คุณเข้ามาได้ยังไงกัน? จะมาลักพาตัวเด็ก ๆ ไปละสิ”‘ลักพาตัว?’เมื่อมองไปที่ทางเข้าหลัก เมเดลีนก็สังเกตเห็นฟาเบียนเธอรู้ดีว่าฟาเบียนปฏิบัติกับลิเลียนเป็นอย่างไรจึงพยายามที่จะเข้าไปอธิบาย “แม่คะ เขาเป็นคนที่หนูรู้จัก เขาไม่เคยลักพาตัวลิเลียน แล้วลิเลียนก็ชอบเล่นกับเขาด้วยค่ะ”คาเลนไม่เชื่อ “เป็นไปได้ยังไงที่ลิเลียนชอบเล่นกับเขา? ก่อนหน้านี้แม่เห็นลิเลียนพยายามหนีเขาด้วยนะ แม่เห็นเองกับตา พอเขาปล่อย ลิเลียนก็รีบวิ่งมาหาแม่ทันทีเลย”เมเดลีนรู้สึกตกอกตกใจหลังจากฟังสิ่งที่คาเลนอธิบาย“จริงเหรอคะ? ลิเลียนไ
หัวใจของเมเดลีนเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะไม่คิดว่าเจเรมี่จะตื่นขึ้นมา!เธอรีบฉีดของเหลวทั้งหมดที่มีเข้าไป แล้วดึงเข็มออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็วเข็มถูกซ่อนไว้ด้านหลังด้วยความลนลาน เธอพยายามครุ่นคิดหาวิธีว่าควรอธิบายทุกอย่างกับเขาอย่างไรดีเจเรมี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยใบหน้างัวเงีย ตอนนี้เขามองมาที่เมเดลีนด้วยสีหน้ามึน ๆ งง ๆ “ทำไมคุณตื่นแล้วล่ะ ลินนี่?”“...” คนฟังรู้สึกผิดและหลบสายตา เธอสับสน‘เจเรมี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าฉันฉีดยาบางอย่างให้เขา?’เมเดลีนเดาว่าเจเรมี่คงไม่ได้สังเกตเห็น‘ถ้าเห็น เขาคงถามว่าฉันทำอะไรไปแล้ว’“ฉันกำลังจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เมเดลีนอธิบาย “แล้วคุณล่ะคะ? ทำไมถึงตื่นแล้วล่ะ? ฉันปลุกคุณหรือเปล่าคะ?”เจเรมี่ส่ายหัวด้วยใบหน้าง่วงงุน ก่อนจะนอนลงบนเตียงแล้วพูด “ผมก็คิดว่าจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน”ขณะที่กำลังพูด เขาก็พลิกตัวไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อมองไปที่ด้านหลังของคนรัก เมเดลีนก็รีบเก็บเข็มและยาที่ใช้หมดแล้วทิ้งลงในถังขยะเจเรมี่รู้สึกใจสลายเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอจากปลายหางตาเขาเข้าไปในห้องน้ำและมองดูรอยเจาะเล็ก ๆ บนแขนของตัวเอง แต่กลับประหลาดใจที่เ
เมเดลีนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจมดิ่งลงเช่นกันหมอถามขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาชี้ไปที่เจเรมี่ “ลิเลียน หนูจำชายรูปหล่อและใจดีคนนี้ไม่ได้เหรอจ๊ะ?”ในที่สุดลิเลียนก็หันไปจ้องเจเรมี่ แต่หลังจากที่มองดูเขาครู่หนึ่ง เธอก็หันกลับมาและส่ายหัว‘เธอจำเขาไม่ได้‘เธอพยายามสื่อว่าเธอไม่รู้จักเจเรมี่เลย’“ลิเลียน ลองคิดอีกครั้งนะ หนูจะจำเขาไม่ได้ได้ยังไง? เขาเป็นพ่อของหนูนะ พ่อที่รักหนูมากกว่าใครในโลกนี้ไงจ้ะ” คุณหมอย้ำอีกครั้งลิเลียนส่ายหัวและขมวดคิ้ว เธอทำหน้าลำบากใจก่อนจะพุ่งตรงไปที่อ้อมแขนของเมเดลีนเมเดลีนสงสัยว่าเธอควรสงสารใครก่อนดี เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกสาวตัวเองเธอมองไปที่เจเรมี่ซึ่งขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสำนึกผิดและความทุกข์ทรมานอย่างสุดจะพรรณนาเมเดลีนตัดสินใจทำลายความเงียบ เพราะกลัวว่าเจเรมี่จะเริ่มคิดมากเรื่องที่ไม่จำเป็น “หมอคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวฉันเหรอคะ? ทำไมเธอถึงจำสามีของฉันไม่ได้?”หลังจากวิเคราะห์อาการของลิเลียนแล้ว หมอก็อธิบายว่า “เพราะว่าเธอเคยได้รับการกระทบกระเทือน เราจึงไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ว่าตอนนี้เธออาจจะกำลังความจำเสื่อมอยู่”หมอเง
ไรอันสังเกตเห็นว่าเมเดลีนไม่พอใจ แต่ก็รู้ว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ตราบใดที่เธอยังรักเจเรมี่ เธอจะยอมรับคำขอของเขาทุกอย่างเขาเริ่มสตาร์ทรถอย่างใจเย็น และไม่ได้บอกความต้องการออกไปแม้เวลาจะผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ แล้วก็ตาม เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการชื่นชมเธอแทน“วันนี้คุณดูสวยจัง สร้อยคอมรกตนั่นทำให้ผิวคุณดูขาวขึ้นอีกนะ” เขาชมเมเดลีนไม่รู้ว่าไรอันรู้อะไรหรือเปล่า ขณะที่เธอหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง “ฉันไม่ต้องการคำชมจากคุณ บอกมาได้แล้วว่าคุณต้องการอะไร”ไรอันมองไปที่เมเดลีนซึ่งมีใบหน้าแข็งกร้าว “คืนวันพฤหัสนี้จะมีงานเลี้ยง ครอบครัวของท่านเคลเวอร์จะเป็นคนจัดงาน คุณอาจจะไม่คุ้นหน้าเขาเท่าไหร่ แต่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์โพล พอเกษียณเขาก็ได้รับตำแหน่ง และถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเกลนเดล วันนั้นจะเป็นวันเกิดครบรอบ 80 ปีของเขา”เขาหยุดชั่วครู่และพูดต่อ “เขาเชิญบุคคลระดับสูงหลายคนในเกลนเดล แน่นอนว่ารวมถึงผมและเจเรมี่ด้วย”เมื่อไรอันพูดอย่างชัดเจนเช่นนั้น เมเดลีนก็เหมือนจะรู้ว่าอะไรคือข้อแลกเปลี่ยนที่ชายหนุ่มหมายถึงทันที “นี่คุณอยากให้ฉันปรากฎตัวในงานด้วยฐานะภรรยาของคุณงั้นเหรอ?
เมเดลีนไม่อยากให้เจเรมี่ต้องอารมณ์เสียอีกไรอันชำเลืองมองอดัม เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเมเดลีนไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้อดัมได้รับข้อความโดยนัยของไรอัน เขาจึงเดินไปหาเมเดลีน “ครึ่งเดือนมานี้ อาการของเจเรมี่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”สายตาเยือกเย็นของเมเดลีนจับจ้องไปที่ใบหน้าของอดัม “ก็ถ้ายาเป็นของจริง คุณน่าจะรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับผลลัพธ์ของมันอยู่แล้ว”อดัมรับรู้ได้ว่าเมเดลีนไม่พอใจเขามาก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเลย และกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าแทน“ยาเป็นของแท้แน่นอน ตราบใดที่คุณฉีดมันตามเวลาที่กำหนด พิษในร่างกายของเขาก็จะค่อย ๆ หายไป แต่…”อดัมเงียบไปสองสามวินาที“แต่ผมควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณ ในระหว่างขั้นตอนของการรับยาต้านสารพิษ หากเกิดการหยุดชะงักหรือให้ยาด้วยเวลาที่คลาดเคลื่อนไป ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมันจะเลวร้ายกว่าทีคุณคิด ซึ่งหมายความว่าหากเจเรมี่ไม่ได้รับยาสามโดสตามเวลาที่กำหนด ยาสองโดสก่อนหน้านี้จะกระตุ้นให้พิษก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งและร้ายแรงกว่าเดิม”“นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร…” เมเดลีนตกตะลึงหลังจากฟังอดัมอธิบายเธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกฉีกขาดออกจากกัน และมดนับล้านตัวกำลังกัดกินกระดูกของเธอจนรู้
เมเดลีนไม่คิดว่าโจรจะทำแบบนั้น แม่น้ำตรงหน้านั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน แต่เมเดลีนก็รู้ว่าเธอไม่ต้องคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำเมื่อเห็นกระเป๋าไหลไปตามแม่น้ำ เธอก็ตัดสินใจกระโดดลงไปทันทีผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเห็นเหตุการณ์นี้ต่างประหลาดใจ และรวมตัวกันรอบ ๆ สะพานเพื่อมุงดู“ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้วหรือไง?”“เพื่อกระเป๋าใบเดียวต้องทำอะไรที่เสี่ยงชีวิตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”“แสดงว่าเงินในนั้นอาจจะเยอะมากก็ได้นะ!”ผู้คนที่เดินผ่านไปมาซึ่งไม่รู้ความจริงต่างก็คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา แต่สำหรับเมเดลีนแล้วกระเป๋าใบนั้นบรรจุสิ่งของที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มันเป็นสิ่งที่สามารถช่วยผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตได้หลังจากที่เมเดลีนกระโดดลงไปในแม่น้ำแล้ว เธอก็ว่ายไปสักพักก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินขอตัวเองเอาไว้ได้เธอมัดกระเป๋าเงินไว้ด้านหลังและเผยรอยยิ้มไม่นานนักเมเดลีนก็ตั้งสติได้อีกครั้งและเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่กลางแม่น้ำ อีกทั้งเธอก็ไม่รู้วิธีการว่ายน้ำสำหรับผู้เริ่มต้นด้วย!ดูเหมือนเธอเพิ่งจะรู้ตัว!ก่อนหน้านี้เธอมุ่งมั่นที่จะเอากระเป๋าเงินคืนโดยที่ไม่รีรออะไรเลยแม้แต่น้อยอาจจะเป็นเพราะอารมณ์และ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ