หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาในขณะนี้เองที่เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น เอวาไม่ต้องการใช้เวลากับผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เธอจึงออกไปเปิดประตูหลังจากที่เปิดประตู เธอก็เห็นว่านั่นคือเมเดลีน“แมดดี้ ทำไมเธอมาหาฉันที่นี่ล่ะ?” เอวารู้สึกประหลาดใจเมเดลีนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเอวา “แดนบอกว่าเธอปิดโทรศัพท์ เขาเลยเป็นห่วง ฉันอยู่แถว ๆ นี้อยู่แล้วก็เลยรีบแวะมาหาน่ะ”“เอวา ลูกมีเพื่อนแล้ว ตอนนี้แม่ว่าแม่ควรจะกลับก่อน” เธอไม่ได้บังคับเอวาอีกต่อไป จากนั้นเธอก็จากไปหลังจากชำเลืองมองเมเดลีนเมเดลีนเดาไว้ว่าผู้หญิงจากสนามบินครั้งล่าสุดคือแม่ของเอวา แต่เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงเธอรู้จักเอวามาหลายปีแล้ว และตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดว่าเอวาเป็นเด็กกำพร้าเหมือนเธอมาโดยตลอดเมื่อเธอถามเอวาเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว เอวาก็จะหลีกเลี่ยงด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเธอไม่ต้องการจะพูดถึงแต่จากที่ดูตอนนี้ ดูเหมือนมันจะไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิดเอวาหันกลับมาและหยิบน้ำผลไม้ออกมาสองกระป๋องก่อนจะนั่งลงบนโ
เอบีเมเดลีนรู้สึกว่าการมองเห็นของเธอมืดลงตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอสงสัยว่าเลือดนั้นเป็นของเจเรมี่หรือไม่ นอกจากนั้นเมื่อเธอพบว่ากรุ๊ปเลือดของมันคือเอ เธอก็รู้สึกโล่งใจแต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าจากการกลายพันธุ์ของยีนจะทำให้แม้แต่กรุ๊ปเลือดก็จะเปลี่ยนไปด้วยกรุ๊ปเลือดของเจเรมี่คือเอบีเมเดลีนรู้สึกไม่สบายใจ และรู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาแทงหัวใจเธอซ้ำ ๆ“คุณมอนต์โกเมอรี คุณได้ตัวอย่างเลือดนี้มาจากไหนครับ จากการค้นคว้าวิจัยของเราหากบุคคลนี้ไม่ได้รับการรักษาในทันที เขาจะตายเมื่อพิษในร่างกายเข้าสู่ระยะที่ห้า”คำว่า ‘ตาย’ ให้ความรู้สึกเหมือนมีดแหลมคมที่แทงทะลุหัวใจของเมเดลีนทันทีเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่ความเจ็บปวดระทมทุกข์แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอแม้ว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงลางสังหรณ์ แต่ความเจ็บปวดในร่างกายของเธอบอกว่าลางสังหรณ์ของเธอนั้นถูกต้องแล้วหลังจากที่ออกจากห้องแล็บ เมเดลีนก็ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว เธอโทรหาไรอันเพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ไหนเมื่ออีกฝ่ายรับสายเธอ เขาก็รู้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เพราะน้ำเสียงของเมเดลีนฟังดูแปลกไปสิบนาทีต่อมาเมเดลีนมาพบเขาและพูดกับเขาอย่างต
พูดจบเขาก็วางสายไปเมื่อเมเดลีนโทรหาเขาอีกครั้ง เธอก็พบว่าเขาปิดเครื่องไปแล้วหญิงสาวเริ่มร้องไห้เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลงเธอรู้สึกได้ถึงหนามคมที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจ แม้มองไม่เห็น แต่มันก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีเลือดไหลออกมามากมายไรอันกอดไว้เมเดลีนอย่างอ่อนโยน เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น บางทีการไม่พูดอะไรอาจเป็นการปลอบประโลมความเจ็บปวดในใจของเธอได้เมเดลีนร้องไห้อยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดที่เสียดแทงลึกเข้าไปถึงหัวใจของเธอได้เลยหญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาและข่มอารมณ์ขณะที่ผละตัวเองออกจากอ้อมแขนของไรอัน “ไรย์ ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะทำอย่างนี้กับคุณ แต่ฉันหวังว่าคุณจะให้เวลาฉันนะ ฉันต้องการไปตามหาเขา และถ้าเขารักษาไม่หายจริง ๆ ก็ได้โปรดให้ฉันได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเขานะคะ”ไรอันยิ้มบาง ๆ และเช็ดน้ำตาให้เมเดลีนอย่างอ่อนโยน“อันที่จริง เหตุผลสำคัญที่ผมแต่งงานกับคุณก็เพื่อปกป้องคุณ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมรู้ว่าใครคือคนที่คุณรักจริง ๆ ดังนั้นผมจะไม่บังคับคุณ ไปทำในสิ่งที่คุณต้องการเถอะ ไปหาเขา”เมเดลีนเงยหน้าขึ้นด้วย้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจเรมี่ได้เช่าโฮมสเตย์ใกล้กับชายหาดของเอพริลฮิลล์ และอยู่ที่นั่นเพียงลำพังทุกเช้าเขาจะอ่านข้อความทั้งหมดที่เมเดลีนส่งให้ จากนั้นเขาก็จะไปดูทะเล และนึกถึงช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของเธอและเขาได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนึกย้อนไปในอดีตทุกอย่างก็ยังปกติดี สิ่งเดียวที่ไม่ปกติดีคือร่างกายของเขาที่อ่อนแอลงเรื่อย ๆเมเดลีนค้างคืนในคฤหาสน์นั้นคนเดียวหลังจากที่เธอตื่นขึ้น หัวใจของเธอก็เริ่มปวดร้าวอีกครั้งเมื่อมองเห็นชายในภาพเธอไปหาไรอันเพื่อพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของเจเรมี่เธอพยายามควบคุมอารมณ์ขณะที่ถามไรอัน “ไรย์ พิษในร่างกายของเจเรมี่มาจากไหนคะ? คุณรู้ใช่ไหม?”ไรอันไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างตรงไปตรงมา “มาจากลาน่า ในตอนที่เขาสูญเสียความทรงจำ ลาน่าได้เติมความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขาให้กับเจเรมี่ แล้วเธอก็ให้เขาสูบบุหรี่ทุกวัน และในบุหรี่นั้นก็มีพิษที่ออกฤทธิ์ช้าอยู่ด้วย” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เมเดลีนก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลาน่าทำแบบนี้กับคนที่รักได้ยังไง?“ลาน่าใช้ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้านี้ควบคุมเจเรมี่ เธอต้องการให้เจเรมี่อยู่เคียงข้างเธอและเป็นคนของเธอตลอดไป”คำอธิบ
เมเดลีนปิดอัลบั้มและรีบวิ่งไปที่ประตูเมื่อออกมาจากประตู เธอคาดว่าจะได้เห็นเจเรมี่ ทว่ากลับไม่พบใครเลยจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงมาจากประตูหน้า เมื่อหันไปเธอก็พบกับร่างสูงดวงตาของเมเดลีนเป็นประกาย ขณะที่เธอไล่ตามบุคคลนั้นไป“เจเรมี่!”เธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเองแน่ไม่มีใครมีลักษณะรูปร่างที่เธอคุ้นเคยที่สุดในโลกแบบนี้อีกแล้ว และไม่มีใครที่จะทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงได้เช่นนี้อีกจากนั้นหญิงสาวก็จำสิ่งที่เธอเห็นตรงประตูห้องทำงานของเจเรมี่ในวันนั้นได้คนที่นัวเนียกับลาน่าในวันนั้นไม่ใช่เจเรมี่เธอถูกเขาหลอกมันเป็นเพียงภาพลวงตาที่เจเรมี่ต้องการให้เธอเห็นเขาทำทุกอย่างเพื่อให้เธอโกรธเกลียดและไม่พอใจเขา!เมเดลีนรู้สึกแย่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เธอวิ่งออกจากประตูและเห็นร่างนั้นวิ่งไปที่ถนน ดังนั้นเธอจึงเริ่มวิ่งไล่ตามเขาไปทันทีเจเรมี่ไม่ได้ขับรถมาเพราะเขาไม่ต้องการให้เมเดลีนสังเกตเห็นตัวเอง ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่วิ่งไปที่ถนนด้วยความหวังว่าเขาจะสามารถเรียกรถแท็กซี่และออกไปจากที่นี่ได้เขาไม่ต้องการให้เธอเห็นเขาในสภาพนี้เธอคงเสียใจและทุกข์ใจไม่น้อยหากเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่เขาทำมาก็จะไ
เมเดลีนสัมผัสได้ว่าเจเรมี่จะไม่หันกลับมามองเธออีกแล้วบางทีนี่อาจเป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายของพวกเขาก็ได้เธอหวังว่าเขาจะได้ยินที่เธอบอกว่ารักเขามากแค่ไหน ความรักของเธอสามารถเอาชนะความเกลียดชังและความแค้นที่เธอมีต่อเขาในตอนนั้นได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความรักที่ลึกซึ้งเจเรมี่มองดูร่างบางท่ามกลางสายฝนที่ค่อย ๆ หายไปจากกระจกมองหลัง ในที่สุดเขาก็อาเจียนเลือดที่เขากลั้นเอาไว้ตลอดออกมาขณะมองไปที่ของเหลวสีแดงสดบนกระดาษทิชชู่ชายหนุ่มก็เอนตัวพิงเบาะด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับดวงตาของเขาที่เริ่มพร่ามัว‘ผมได้ยินคุณแล้ว ลินนี่‘ขอบคุณที่ไม่ปล่อยให้ผมจากโลกนี้ไปด้วยความเสียใจนะ’เขาเหยียดยิ้มด้วยริมฝีปากสีซีดพลางยกมือซ้ายขึ้นมองแหวนแต่งงานที่ถูกนำมาสวมกลับคืนสู่นิ้วนางของเขาอีกครั้งเมื่อมองผ่านน้ำตาไป เขาก็เห็นแหวนที่พร่างพรายภายใต้แสงสลัวราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นภาพวันที่เขาได้พบกับเมเดลีนผ่านแสงระยิบระยับเหล่านั้น วันนั้นเธอชนเขา และรอยยิ้มเขินอายที่เธอมอบให้เขาในตอนที่เธอเงยหน้านั้นยอดเยี่ยมเหลือเกินเมเดลีนยืนอยู่ตรงทางแยกที่จอแจเป็นเวลานานมากฝนโปรยปรายลงมาจนเธอเป
เจเรมี่รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเมเดลีนทว่าอีกฝ่ายกลับยังไม่ตื่น เธอเพียงจับมือของเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว“เจเรมี่ อย่าทิ้งฉันไปอีก…” เธอพูดในขณะหลับ ไม่รู้เลยว่ามีเขาอยู่ข้าง ๆเจเรมี่จับและจูบที่หลังมือของเธอเบา ๆ ภายใต้แววตาบนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความความหลงใหล“ลินนี่ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน คุณก็จะเป็นคนเดียวในใจของผมเสมอ”เจเรมี่นั่งลงบนเตียงและมองดูใบหน้าที่หลับใหลด้วยความพึงพอใจหลังจากป้อนยาลดไข้ให้เมเดลีน เขาก็อยู่ดูเธอเงียบ ๆเจเรมี่อยู่ตรงนั้นตลอดทั้งบ่าย เมื่อสังเกตว่าหน้าผากของเธอไม่ร้อนมากเท่าเดิมแล้ว เจเรมี่ก็วัดอุณหภูมิ และเห็นว่าไข้ของเธอลดลงแล้วจริง ๆเขารู้สึกโล่งใจขึ้นมากจึงตัดสินใจที่จะจากไป เขาหยิบกล่องเครื่องประดับออกมาจากกระเป๋า แล้ววางมันลง ก่อนจะมองคนที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาที่จริงจัง“ลินนี่ ลาก่อน อย่าคิดถึงผมนะ” เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินจากไป ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังมาจากชั้นล่าง“ไรอัน ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะซ่อนตัวจากฉัน!”เจเรมี่รู้สึกว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้น ๆ ในขณะที่กำลังสงสัยว่าเป็นใคร เขาก็สังเกตเ
นาโอมิพยายามใช้โอกาสนี้โน้มน้าวไรอัน“เรากลับมาคบกันเถอะนะคะ ไรย์ ได้ไหมคะ? ฉันเป็นคนที่รักคุณจริง ๆ นะ”เพราะนาโอมิตามตื๊อไรอันไม่หยุดหย่อน สุดท้ายเขาจึงเผลอคลายมือจากเมเดลีนเมเดลีนวิ่งออกไปนอกประตูท่ามกลางลมและฝนในฤดูใบไม้ร่วง “เจเรมี่ เจเรมี่!”เธอตะโกนต่อความว่างเปล่าตรงหน้า “ถ้าคุณปล่อยฉันไปไม่ได้ แล้วคุณจะหลบหน้าฉันทำไม? คุณคิดว่าฉันจะไม่เจ็บปวดเลยเหรอถ้าคุณซ่อนตัวจากฉัน?”เจเรมี่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งและกำลังรู้สึกดีใจที่ฝนตกลงมาอย่างน้อยเมดลีนก็จะไม่ได้กลิ่นของเขาอีกไรอันวิ่งเข้ามาจับเมเดลีนไว้ เขาเห็นเธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าบาง ๆ ขณะยืนอยู่กลางสายฝน“ใจเย็น ๆ นะ เอวลีน” ไรอันปลอบโยน ขณะที่เขากอดเธอที่กำลังดิ้นทุรนทุรายไว้ แล้วพาเธอกลับเข้าไปข้างในนาโอมิทนไม่ได้ที่ไรอันห่วงใยเมเดลีนมากขนาดนี้ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงเข้าไปขวางหน้าทั้งสองเพื่อจะหยุดพวกเขา“แกทำลายครอบครัวฉันเมเดลีน! แกล่อลวงคู่หมั้นของฉัน! ตอนแรกไรย์เป็นแฟนของฉัน!” นาโอมิตะโกนด้วยความโกรธเมเดลีนไม่สนใจนาโอมิ เธอจึงยังคงว่าร้ายเมเดลีนต่อไป“เอวลีน ฉันรู้ว่าทำไมแกถึงอารมณ์เสีย เจเรมี่กำลังจะตายใช่ไหมล่ะ? ฮ่าฮ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ