เจเรมี่ขยับเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ในแก้วกาแฟที่เธอดื่มทุกเช้า รวมถึงนมอุ่น ๆ ที่ฉันส่งให้เธอกับมือเมื่อวานนี้ ฉันได้ใส่บางสิ่งที่แสนพิเศษลงไปในพวกนั้นทั้งหมด”“...”“มันเป็นสิ่งที่เธอเติมเข้าไปในบุหรี่ และเป็นเหมือนกับที่ฉันกินเข้าไป แต่ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือฉันได้เพิ่มปริมาณให้มันเยอะกว่าปกติ”"อะไรนะ?!" ลาน่าเบิกตากว้าง “คุณ… คุณทำแบบนั้นได้ยังไง?”เจเรมี่จ้องไปที่เธอ “เธอลืมที่ขอให้อดัมสั่งยาให้เอวลีนแล้วเหรอ?”“...” ลาน่าเริ่มกังวลหลังจากได้ยินแบบนั้น “ไม่ เป็นไปไม่ได้! ถ้าฉันกินเข้าไปจริง ๆ ทำไมฉันถึงไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย!”“แน่นอนว่าไม่มีสิ เพราะฉันเปลี่ยนบุหรี่ของเธอด้วยเหมือนกัน”“...” คำตอบของเจเรมี่ทำให้ลาน่าตกตะลึง“จากนี้ไป ถ้าเธอไม่สูบมัน เธอก็จะค่อย ๆ สัมผัสกับสิ่งที่ฉันเคยผ่านมาไปจนกว่าเธอจะตาย”“ลาน่า ฟาเบียนพูดถูกเรื่องเธอนะ เธอเป็นผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง แต่เพราะเธอแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันจึงถูกทำลายลงทั้งหมด”สีหน้าของลาน่าซีดลงราวกับแผ่นกระดาษ และพละกำลังทั้งหมดค่อย ๆ หายไปจากตัวเธอเธอประมาทมากเกินไปเธอประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกิ
หลังจากที่เมเดลีนถามออกไป เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ‘นั่นเป็นเลือดของมนุษย์’‘แต่เลือดมนุษย์ควรจะเป็นสีแดงไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันถึงเป็นสีนั้นล่ะ?’ในขณะที่เธอยังคงครุ่นคิดอยู่นั้น แพทย์นิติเวชก็ตอบทางโทรศัพท์ว่า “จากการตรวจสอบของเราดูเหมือนว่าตัวอย่างเลือดจะมีการกลายพันธุ์บางอย่าง และเรายังพบการปนเปื้อนจากตัวอย่างที่ไม่รู้จักอีกด้วย ซึ่งเรายังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้รู้ว่ามันคืออะไร“แต่ตัวอย่างนี้เป็นเลือดมนุษย์แน่นอน” แพทย์นิติเวชย้ำข้อความสุดท้ายด้วยน้ำเสียงมั่นใจมือของเมเดลีนที่ถือโทรศัพท์อยู่แข็งทื่อ ก่อนเธอจะโพล่งออกมาอย่างไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวว่า “ขอบคุณค่ะ”หลังจากวางสายไปใจของเธอก็หวนนึกถึงคำพูดของแพทย์นิติเวชอีกครั้ง‘เลือดของมนุษย์’ ‘และมันเป็นเลือดมนุษย์ที่กลายพันธุ์ไป’เธอมั่นใจมากว่ากระดาษนั้นเคยอยู่ในมือเจเรมี่มาก่อน แต่เธอไม่แน่ใจว่าเลือดนั้นเป็นของเจเรมี่หรือไม่‘ถ้าเป็นเลือดของเจเรมี่จริง ๆ นี่หมายความว่ายังไงกัน…’เมเดลีนรู้สึกสับสนและบังคับตัวเองให้หยุดคิดเรื่องนี้ก่อนจะวิ่งไปยังห้องรับรองผู้โดยสารขาออกเมื่อเข้าไปในห้องโถง
แต่เอวากลับงุนงง และไม่รู้ว่าทำไมแดเนียลถึงเอาธนบัตรหนึ่งร้อยนั่นยื่นให้กับเธอ?“ถ้าคุณคิดว่าไม่อยากไปแล้ว ก็เก็บแบงค์ร้อยดอลลาร์นี้ไว้” สีหน้าของแดเนียลจริงจัง“การจะทำความรู้จักคนคนหนึ่งจนตกหลุมรักกันได้ มันต้องใช้ทั้งพลังงานและเวลามาก ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าคุณตกลง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็มาผู้สนับสนุนทางการเงินให้ผมสิ”“...”“...”คำพูดของแดเนียลทำให้ทั้งเมเดลีนและเอวาประหลาดใจ‘แดเนียลสารภาพรักหรือขอแต่งงานกันแน่?’“เอวา ฉันไม่คิดว่าเธอกับแดนจะมาถึงขั้นนี้แล้ว” เมเดลีนกล่าว“ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่ควรไปนะ แดนเป็นสุภาพบุรุษ และเขาเป็นคนดีที่เธอจะพึ่งพาได้”แต่เอวากำลังอึ้งและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจของเธอเต้นแรง “แดน คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”ดวงตาของแดเนียลดูเต็มไปด้วยความรักมากขึ้น “เอวา ผมไม่คิดว่าเรื่องคืนนั้นระหว่างเราจะเป็นเพียงความทรงจำอันไร้ความหมาย บางทีคุณอาจพบว่าสิ่งที่ผมพูดในตอนนี้มันยากที่จะเชื่อ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นเมื่อไร แต่ผมรู้แล้วว่าตัวเองค่อย ๆ เป็นห่วงคุณมากขึ้น เรายังมีเวลาอีกมาก และผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผม
เมเดลีนรู้สึกกระวนกระวายใจและเอาแต่ตั้งคำถาม แต่ฟาเบียนอ้างว่าการพูดกันทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงชวนเมเดลีนให้ออกมาพบกันในขณะเดียวกันเมเดลีนเองก็ไม่ได้อยากจะรบกวนเวลาที่แดเนียลและเอวาจะได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอจึงขอแยกตัวออกมาก่อนทว่าทันทีที่เมเดลีนจากไปแล้ว เอวาก็รู้สึกอึดอัดและหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งใบหน้าของเธอยังร้อนผ่าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกันแต่แดเนียลกลับจับมือของเธอเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ และพาเธอเดินไปตามถนนราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเอวารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในความฝันอันแสนวิเศษ สิ่งนี้เป็นเพียงความฝันอันน่าประทับใจและไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้อีกแล้วเมเดลีนขับรถไปยังที่นัดพบระหว่างเธอกับฟาเบียน ทันทีที่ลงจากรถฟาเบียนก็เดินเข้ามาหาเธอ และถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “รู้ไหมว่าตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหน?”“คุณขอให้ฉันมาที่นี่เพื่อจะถามว่าเจเรมี่อยู่ที่ไหนเหรอ?” เมเดลีนงง “ทำไมคุณถึงตามหาเขา? เกี่ยวกับลาน่าหรือเปล่า?”ฟาเบียนขมวดคิ้ว “ลาน่าถูกทีมไอบีซีไอจับตัวไปแล้ว พี่โยริคเองก็ติดอยู่ในนั้น และยังออกมาไม่ได้ ก่อนหน้านั้นลาน่าบอ
เมเดลีนยืนขึ้นทันที “เจเรมี่มาที่นี่เหรอคะ? เมื่อไหร่? เขามาที่นี่ทำไม?”“เมื่อกี้ตอนที่เธอออกไปเขาก็เข้ามาทันทีที่เธอไป” คาเลนดูเป็นกังวล “เขาอยู่ไม่นาน และไม่สนใจด้วยว่าแจ็คสันจะไล่ตามและเรียกหาเขายังไง”เมื่อเมเดลีนได้ยินสิ่งนี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจเป็นอย่างมากเป็นอย่างนี้เพราะความใจร้ายและความไม่ใส่ใจของเขานี่เอง“เจเรมี่ถูกลาน่าล้างสมองแล้วจริง ๆ เขาไม่เพียงทำแบบนั้นแค่กับเธอ แต่ตอนนี้เขายังไม่สนใจเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยซ้ำ ดูสิ แจ็คล้มจนเข่าถลอก แต่ในฐานะพ่อ เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยด้วยซ้ำ”เมเดลีนรู้สึกแย่ลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอเดินไปหาแจ็คสันและถลกขากางเกงเขาขึ้น เมื่อเห็นผ้าพันแผลที่หัวเข่าของคนตัวเล็ก หญิงสาวก็กำหมัดแล้วเดินออกไปโทรหาเจเรมี่ทันทีเธอไม่คิดว่าเขาจะรับเร็วขนาดนี้ จากนั้นเมเดลีนก็ได้ยินเสียงลม ทว่าเจเรมี่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ“เจเรมี่ ไม่เป็นไรเลยถ้าคุณไม่รักฉันแล้ว แต่ทำไมคุณต้องทำร้ายลูกเราด้วย?” เมเดลีนตำหนิขณะที่เธอรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังแตกสลาย “การทำร้ายคนที่ห่วงใยและรักคุณ ทำให้คุณมีความสุขมากหรือไง?“เจเรมี่ คุณเป็นคนป่าเถื่อนขน
ลาน่ามองชายตรงหน้าด้วยความสับสน"ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่? แกมาทำอะไรที่นี่?" เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม "ทำไม? แกมาที่นี่เพื่อจะซ้ำเติมฉันเพราะฉันถูกจับแล้วงั้นสิ?”เธอกล่าวเยาะเย้ยในขณะที่พิงกำแพงอย่างเกียจคร้าน“เฮอะ เอวลีน มอนต์โกเมอรีนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ เธอตกผู้ชายจากครอบครัวชนชั้นสูงในเกลนเดลได้ตั้งสามในสี่ตระกูลเชียว ฉันได้ยินมาว่าลูกชายคนเดียวของตระกูลเกรแฮมก็แอบชอบเธอเหมือนกันนี่ มันดีกว่าฉันยังไง?”ในคำถามสุดท้ายหญิงสาวกัดฟันกรอด ทั้งดวงตาและหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาที่มีต่อเมเดลีน“คุณในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะสู้กับเอวลีนได้แล้วล่ะ” ไรอันพูดช้า ๆเขาสวมชุดสูทสีหมึกซึ่งทำให้รูปร่างของเขาดูเข้ารูปสง่างาม ความอ่อนโยนบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่มีให้เห็นอีกแล้ว และในทางกลับกันเขามีเพียงความเคร่งขรึมและสง่าผ่าเผยเท่านั้นลาน่าพูดอย่างอวดดีเมื่อได้ยินสิ่งที่ไรอันพูด “ไรอัน แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงพูดกับฉันแบบนี้?” เธอพูดอย่างเย่อหยิ่ง เธอยังคงทำตัวเหยียดหยามคนอื่นได้แม้แต่ตอนที่เป็นนักโทษแล้วก็ตาม"ออกไปเดี๋ยวนี้! แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกไม่มีสิทธิ์ที่จ
ไรอันสอบปากคำลาน่าเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและร้องขอทนายความในความเป็นจริง ลาน่ามีโอกาสร้องขอทนายเพื่อแก้ต่างให้กับตัวเธอเอง แต่ไรอันไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้โอกาสนั้นทันทีที่เขาเดินออกจากห้องพักฟื้นสำหรับผู้ต้องหา เพื่อนร่วมงานของชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จากเจเรมี่หลังจากคุยไปสักพัก ชายคนนั้นก็บอกไรอัน “เขาอยากรู้ว่าใครคือคนในแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสัน”ไรอันพยักหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบเจเรมี่นั่งอยู่คนเดียวในร้านกาแฟท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามากระทบร่างสูง เขามองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาตรงหน้าต่าง ก่อนจะละสายตาไปอย่างช้า ๆมีตั๋วเครื่องบินสำหรับไปที่ไหนสักแห่งวางอยู่ข้างแก้วกาแฟร้อน ๆ บนโต๊ะตรงหน้าเขาทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกระดิ่ง และเห็นใครบางคนเดินขึ้นชั้นบนหลังจากที่ผลักประตูร้านกาแฟเข้ามาก่อนหน้านี้ไม่นานเจเรมี่เพิ่งคุยกับเพื่อนร่วมงานของเขาจากอินเตอร์โพลเสร็จ เพื่อนร่วมงานของเขาบอกว่าผู้บัญชาการที่แฝงตัวเข้าไปในแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสันจะมาพบเขาที่ร้านกาแฟในตอนนี้ชายหนุ่มมองไปที่บันได และเห็นชายผู้หนึ่งที่คุ้นเคยซึ่งตอนนี้แต่งงานกับคนที่
เจเรมี่ไม่รู้ว่าไรอันกำลังพูดถึงอะไรแต่เขาก็หยิบกุญแจรถและเดินไปที่ประตูร้านกาแฟ เมื่อเห็นรถของไรอันจอดอยู่ข้างถนน ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแดดช่วงบ่ายของฤดูร้อนอันอบอุ่นตกกระทบลงบนตัวรถรวมถึงแทรกผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นเจเรมี่ก็เห็นใบหน้างดงามที่เขาฝันถึงทุกวันอยู่ภายใน“ลินนี่”หัวใจที่สงบของเขาได้พบกับความสุขที่เขาเคยมีอีกครั้งเจเรมี่เปิดประตูอย่างเบามือแล้วได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกกุหลาบญี่ปุ่น“เอวลีนดูเหนื่อย ๆ ผมเลยบอกเธอว่าเราน่าจะออกมาผ่อนคลายกัน แล้วผมก็จุดเครื่องหอมที่เธอทำขึ้น ตอนนี้เธอเลยนอนหลับสนิท นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้ใช้เวลาด้วยกันกับเธอ”เสียงของไรอันดังขึ้นจากด้านหลังเจเรมี่เข้าใจทันที “ขอบคุณครับ”“ผมควรจะเป็นคนขอบคุณคุณมากกว่าที่ทำภารกิจยาก ๆ จากอินเตอร์โพลได้สำเร็จ และยังมอบคนที่คุณรักให้ผมอีก ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”หลังจากไรอันพูดอย่างนั้น เขาก็เดินจากไปเพื่อให้เจเรมี่ได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับคนที่เขารักที่สุดเจเรมี่นั่งลงที่เบาะคนขับและมองคนที่หลับอยู่บนเบาะผู้โดยสารข้าง ๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นช้า ๆ เพื่อจะลูบไล้
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ