สีหน้าของลาน่าเปลี่ยนไปและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจไม่มีทางแผนการของเธอเป็นไปโดยราบรื่นมาตลอด และเธอก็ใช้เงินสดในการติดสินบนอีฟด้วยซ้ำ แผนของเธอจะผิดพลาดได้อย่างไร?ลาน่าคิดว่าเมเดลีนแค่ขู่ไปงั้นเธออดไม่ได้ที่จะพัดเปลวเพลิงให้ลุกโชนขึ้นอีก “ผู้สมรู้ร่วมคิดยอมรับแล้วเอวลีน ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ที่จะเถียงไปเรื่อยแบบนี้”เมดเดลีนรู้แล้วว่าลาน่าคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังบทละครทั้งหมดนี่แต่ตอนนี้เธอคือ เอวลีน มอนต์โกเมอรี ไม่ใช่เมเดลีน ครอว์ฟอร์ด ไม่มีทางที่เธอจะให้อภัยและลืมคนที่พยายามจะใส่ร้ายเธอ“คุณพูดถูก ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงกัน นี่คือเหตุผลที่ฉันโทรหาตำรวจ” เมเดลีนดึงโทรศัพท์ออกมาและโทรต่อหน้าทุกคนอีฟยังคงนั่งอยู่บนพื้น ดวงตาของอีฟจับจ้องไปยังลาน่าก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและแสดงต่อไปอย่างรวดเร็ว “คุณจะโทรหาตำรวจไม่ได้นะคะ! คุณสั่งฉันเองนี่เอวลีน คุณหลอกฉันเหรอ? คุณเป็นคนที่บอกว่าฉันจะปลอดภัย แม้ว่าพวกเขาจะรู้ก็ตาม ทำไมคุณถึงได้…"แทนที่จะโกรธเมเดลีนกลับยิ้มและปลอบใจ “โถ ในเมื่อเธอยืนกรานว่าเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน ในการขโมยเงิน 30 ล้านในครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นเราก็ลงเรือลำเดียวกัน
ผู้คนเริ่มประณามเมเดลีนด้วยการพูดว่า “เธอต้องเลวแค่ไหนถึงขโมยเงินจากกองทุนการกุศลลง? เธอต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีในคุกเพื่อชดไช้ในสิ่งที่ทำลงไป!”สองสามปี? ในคุก?หัวใจของอีฟเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เมเดลีนเดินผ่านมา “คุณยอมรับแล้วจริง ๆ เหรอ คุณมอนต์โกเมอรี?”เมเดลีนหยุดและยักไหล่ให้อีฟอย่างสิ้นหวัง “เธอระบุตัวตนของฉันชัดเจนขนาดนี้ แล้วฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ?”“...” อีฟตะลึงกับการแสดงออกและท่าทียอมรับของเมเดลีนเมื่อมองไปที่สีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีฟ เมเดลีนก็กล่าวต่อไปว่า “แม้ตำรวจจะบอกว่าพวกเขาไม่พบหลักฐานใด ๆ ว่าฉันเป็นคนสั่งเธอ แล้วฉันอาจจะไม่ถูกตั้งข้อหาอะไร แถมอาจจะได้ออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ฉันรับรองไม่ได้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นกับเธอเหมือนกันหรือเปล่า…”เมเดลีนจงใจเงียบไปหลังจากเอ่ยออกมาอย่างนั้น และจ้องไปยังสีหน้าแตกตื่นของอีฟอย่างมีเลศนัย“ตำรวจพบภาพจากกล้องตอนที่เธอโอนเงิน ยังไงเธอก็จะโดนข้อหาแน่ ๆ เพราะเป็นการโอนเงินด้วยจำนวนที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นเธอคงต้องใช้เวลาในคุกอย่างน้อยก็หนึ่งทศวรรษ เธอไม่ใช่เหรอ ที่เป็นคนอ้างว
ลาน่ารู้สึกได้ถึงสายตาสงสัยของคนรอบข้าง และเธอก็รู้ว่าเธอวิ่งหนีไม่ได้อีกแล้ว เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้แต่แสดงสีหน้าว่าถูกใส่ร้ายและงุนงงออกมา“ฉันไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำนะคะ ได้โปรดอย่ากล่าวหาฉันในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำเลยค่ะ!”“หมายความว่าไงไม่รู้จักเหรอ? เมื่อศุกร์ที่แล้ว คุณคือคนที่รอฉันที่ออฟฟิศแล้วก็เป็นคนที่เรียกฉันไว้! คุณเป็นคนบอกให้ฉันเป็นหุ้นส่วนกับคุณ!” อีฟกล่าวอ้างขณะที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ “คุณแค่ใช้ฉันจัดการกับเอวลีน มอนต์โกเมอรีใช่ไหม? คุณมันเลวขนาดนี้ได้ยังไง?”เมื่อได้ยินดังนั้นเมเดลีนจึงหันไปกระซิบกับโคโค่ เลขาของเธอที่ยืนอยู่ข้าง ๆโคโค่พยักหน้าและรีบเดินออกไปเมเดลีนมองลาน่า แต่พบว่าสายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่เจเรมี่ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงคนนั้นแทนดวงตาของทั้งสองสบกัน ทำให้เมเดลีนต้องหลบตาจากสายตาเย็นชาคู่นั้นในตอนนี้ความสงบของลาน่าหายไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่เธอจ้องไปที่อีฟเพื่อบอกให้หุบปาก แต่นี่ยิ่งทำให้อีฟโกรธมากขึ้นไปอีก“มองหน้าฉันทำไม? จะปฏิเสธเหรอว่าไม่ได้เป็นคนสั่งฉันตั้งแต่แรก? คุณยังบอกฉันด้วยนี่ว่าจะมีผู้หญิงอีกคนมาทำงานร่วมกับฉันเพื่อทำลายเอวลีน! ค
เจเรมี่ชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็น “ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ไม่มีอะไรที่คุณต้องกลัว”“แน่นอนอยู่แล้ว!” ลาน่าเอ่ยแล้วหันไปจ้องอีฟหญิงสาวกำลังกลอกตาในขณะที่กุญแจมืออีกคู่ถูกคล้องเข้าที่แขนของเธอเธอรู้สึกมึนงง “คุณจับฉันทำไมคะคุณตำรวจ? ฉันบอกคุณทุกอย่างที่ฉันรู้แล้ว ทำไมคุณยังจับฉันอีกล่ะคะ?”“แล้วคิดว่าเขาจะต้องจับใครกันล่ะ? ฉันเหรอ?” เมเดลีนยิ้มและโต้กลับ “เธอบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์และถูกหลอกใช้ อีฟ แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าในคืนนี้เธอจะไม่ตั้งใจทำร้ายฉันแต่แรก”“...”อีฟพูดไม่ออก จ้องไปที่ใบหน้าสงบนิ่งของเมเดลีน ไม่ใช่แค่รู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ แต่เธอยังแพ้เมเดลีนโดยสิ้นเชิงอีกด้วยเมื่อลาน่าและอีฟถูกพาตัวไปแล้ว นาโอมิที่ถูกทิ้งไว้ก็กระทืบเท้าด้วยความเดือดดาลเธอมองเมเดลีนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ รู้สึกอิจฉาขณะที่ไรอันปกป้องเมเดลีน ทุกคนที่พูดจาไม่ดีและสงสัยว่าเมเดลีนเป็นผู้กระทำผิดต่างออกมาขอโทษอย่างจริงใจผู้รับผิดชอบที่พูดให้เมเดลีนเสียหายที่สุดก็ออกมาเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ รู้สึกลำบากใจ “ฉันขอโทษจริง ๆ คุณมอนต์โกเมอรี ฉันควรจะตรวจสอบทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนที่จะกล่าวหาคุณ ฉัน
เจเรมี่ชะงักฝีเท้าหนัก ๆ ของเขาและไม่สามารถก้าวเดินได้อีกต่อไปเขายังคงเฝ้าดูขณะที่หญิงสาวอันเป็นที่รักยิ้มให้ไรอัน ริมฝีปากของเธอเผยอออกขณะที่ลักยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้างดงาม เขาปรารถนาว่ารอยยิ้มนั้นจะมีไว้ให้กับเขาคนเดียวเท่านั้นแต่เจเรมี่ก็รู้ ว่าเขาไม่คู่ควรกับรอยยิ้มนั้นอีกต่อไปเมเดลีนจับมือไรอันไว้แล้วหมุนตัวเดินมาหยุดอยู่ข้างเจเรมี่ ขณะที่เดินสวนกันเธอก็พูดว่า “ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ? ไปประกันตัวแฟนคุณจากสถานีตำรวจได้แล้ว มีแฟนเป็นคนที่มีอำนาจแบบคุณ ฉันมั่นใจว่าในไม่ช้าเธอก็คงได้ออกมา”เจเรมี่รู้ว่าเมเดลีนกำลังเย้ยหยันเขายิ้มอย่างเฉยเมยพลางมองไปที่ดวงตากลมโตและห่างเหินของหญิงสาวอีกครั้ง “ขอบคุณที่เตือน คุณมอนต์โกเมอรี งั้นผมต้องไปพาคนรักของผมกลับบ้านแล้วล่ะ”พาคนรักกลับบ้านบ้านมือของเมเดลีนซึ่งอยู่ในฝ่ามือของไรอันบีบเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่ความหนาวเย็นพัดผ่านรูพรุนในหัวใจอันว่างเปล่าเธอหันไปยิ้มให้ไรอันโดยไม่สนใจเจเรมี่“คุณรู้ไหม ไรย์ ว่าการแต่งงานครั้งล่าสุดของฉันเหลวแหลกไม่เป็นท่า เพราะฉันแต่งงานกับผู้ชายเลว ๆ คนหนึ่ง” ดวงตาที่เปล่งประกายมองเย้ยหยันเจเรมี่ “
'ทำไมผมต้องมาถึงปลายฝั่งแล้วด้วยนะ?'มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ลินนี่ ผมไม่คู่ควรกับคุณตั้งแต่แรก'ผมหวังว่าคุณจะไม่คิดถึงผมอีก คนที่ทำให้คุณร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน'เจเรมี่ยังไม่ประกันตัวลาน่าออกมา จนกว่าเขาจะแน่ใจว่าเธออยู่ภายใต้การควบคุมตัวของตำรวจเป็นเวลา 48 ชั่วโมงเต็ม เขาจึงประกันตัวเธอออกมาเมื่อลาน่ากลับมาที่วิลล่า เธอก็เริ่มด่าว่าเมเดลีน“ภรรยาเก่าของคุณนี่มันมีเล่ห์เหลี่ยมจริง ๆ นะ เจเรมี่” เธอพูดจาถากถาง “เธอไม่กลัวบางเหรอว่าวันหนึ่งฉันจะฆ่าเธอซะ?”คิ้วของเจเรมี่ขมวดมุ่น ขณะที่ความเย็นชาฉายผ่านแววตาของเขา “เอวลีนกับฉันหย่ากันแล้ว ทำไมเธอต้องสร้างปัญหาให้ตัวเองโดยไม่จำเป็นอย่างการไปหาเรื่องเขาด้วย?”ลาน่ากัดฟันอย่างขุ่นเคืองขณะที่เดินไปหาเจเรมี่ด้วยแววตาสงสัย “เจเรมี่ คุณยังรักเอวลีนอยู่ใช่ไหม?”“ก่อนหน้านี้ก็ใช่ ที่ฉันเคยรักเธอมาก่อน เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง” น้ำเสียงของเจเรมี่ไร้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังพูดถึงคนที่ไม่สำคัญ แล้วเขาก็ยังอธิบายโดยเน้นเพียงรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายเท่านั้นริมฝีปากแดงของลาน่าคลี่ยิ้มและเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม “คุณชอบเธอแค่หน้าตางั้นเหรอ
“เอวลีน!”สายเกินไปแล้วที่ไรอันจะหยุดรถไว้ได้ เขาจึงเรียกแท็กซี่จากข้างทางอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ตามรถให้ทันเขาโทรหาเมเดลีนทันที แต่ก็ถูกตัดสายเพราะกังวลว่าคนในรถจะทำอะไรบ้า ๆ ไรอันจึงโทรกลับไปหาคนที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อกี้อย่างไม่ลังเล “สั่งทีม A ให้ติดตามรถของฉันเดี๋ยวนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคนในรถจะไม่ตกอยู่ในอันตราย!”คนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้รับคำสั่งของไรอันก็ปฏิบัติตามทันทีภายในรถของไรอันมีดสั้นสีเงินแวววาวถูกกดลงบนคอของเมเดลีน หญิงสาวเห็นนาโอมิกำพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว และกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่นาโอมิขับรถอย่างงุ่มง่ามและฝ่าไฟแดงถึงสามครั้งเมเดลีนเพิ่งสะสางเรื่องเงินการกุศลไปเมื่อสองวันก่อน และเพิ่งได้มีเวลาว่างมาทานอาหารกับไรอันในวันนี้ เธอไม่คิดเลยว่านาโอมิจะมาสร้างปัญหาให้เธออีกเมเดลีนรู้สึกเหนื่อยในตอนแรกและตอนนี้ก็ยิ่งเหนื่อยมากขึ้น แต่เธอก็ยังคงสงบและใจเย็นอยู่“นาโอมิ ถึงแม้ว่าเธออยากจะฆ่าฉัน แต่เธอก็ไม่จำเป็นเอาชีวิตของตัวเองมาแลกนะ”“หุบปากซะ เอวลีน!” นาโอมิตะโกนใส่เธอให้เงียบปากอย่างดุร้าย และหันหน้าไปจ้องมองเธอ "เอวลีน แกทำให้ฉันเป็นตัวตลกต่อหน้าชา
เมื่อนาโอมิได้ยินอย่างนั้น เธอก็หงุดหงิดอย่างห็นได้ชัด“เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะอยู่กับฉันงั้นเหรอ? คุณอยากอยู่กับเอวลีนใช่ไหม? ได้ งั้นฉันก็จะตายไปพร้อมกับมัน!” ราวกับว่านาโอมิถูกปีศาจร้ายเข้าสิง เธอถือมีดและแกว่งใบมีดลงไปเพื่อจะแทงเข้าที่หัวใจของเมเดลีนในตอนที่เมเดลีนกำลังจะเบี่ยงตัวหลบ จู่ ๆ เธอก็เห็นไรอันล้วงเข้าไปในเสื้อสูทและดึงปืนลูกโม่ออกมาจากด้านหลัง จากนั้นเขาก็เล็งไปที่มีดของนาโอมิแล้วยิงกระสุนตกลงบนด้ามมีดอย่างแม่นยำ แรงกระแทกทำให้นาโอมิคลายมือด้วยความเจ็บปวดทันที และมีดก็ร่วงลงกับพื้นในขณะที่เมดลีนยังคงตกใจกับการกระทำของไรอัน ไรอันก็วิ่งเข้ามาหาเธอพร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา และกดมันลงบนคอของเธอที่มีเลือดไหลอยู่ “เอวลีน คุณโอเคไหม?”เมื่อเห็นว่าไรอันเป็นห่วงเมเดลีนมาก นาโอมิจึงหยิบมีดขึ้นมาและจะเข้าไปทำร้ายเมเดลีนอีกครั้งทันใดนั้นมือของนาโอมิที่กำลังยกขึ้นก็โดนกระสุนร้อน ๆ เฉียดผ่านไป หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มีดหล่นลงข้าง ๆ ฝ่ามือของเธอมีอาการปวดแสบปวดร้อนตามมาไรอันหันไปมองแล้วพบว่าเมื่อกี้เขากำลังประมาท และเกือบปล่อยให้นาโอมิทำร้ายเขากับเอวลีนเสียแล้ว อ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ