หลังจากที่มาถึงสถานที่นั้นก่อนฟาเบียนและคนอื่น ๆ เมเดลีนก็เห็นเปลวเพลิงที่ลุกท่วมโรงงาน ในตอนนั้นหญิงสาวก็เข้าใจทันทีว่าการแก้แค้นที่เจเรมี่หมายถึงคืออะไรเมเดลีนรีบวิ่งไปที่ประตูโลหะ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน เมื่อเข้ามาเธอก็พบกับเจเรมี่ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าโรงงานราวกับรูปปั้น เขาเฝ้าดูเปลวไฟที่โหมไหม้อยู่อย่างห่าง ๆหัวใจของเมเดลีนดับวูบลงเธอรีบโทรหาหน่วยดับเพลิงและวิ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าเจเรมี่ทันทีตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มรู้แล้วว่าเมเดลีนมาถึง ดวงตาที่หม่นแสงของเขาก็กลับเป็นประกาย“คุณมาทำอะไรที่นี่ลินนี่? ออกไปเร็ว” เจเรมี่ดึงเมเดลีนออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากให้เธอถูกไฟลวกเมเดลีนปัดมือของเขาออก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่? คุณยังมีสติดีอยู่ไหม?”“ผมรู้” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ เปลวไฟสะท้อนในดวงตาที่เย็นชาของเขา “แต่เธอสมควรตาย”“ใช่ เธอสมควรตาย แต่คุณต้องไม่เป็นฆาตกร!” เมเดลีนตื่นตระหนกและอยากวิ่งเข้าไปดูข้างใน แต่เจเรมี่รั้งเธอไว้ขณะที่เธอกำลังดิ้นรน ดวงตาของเมเดลีนก็เปียกชื้นขึ้นมา เธอไม่รู้ว่ามันเกิดจากความร้อนหรืออะไร “คุณต้องรู้สิว่าลาน่
เมื่อมองดูดวงตาของเมเดลีนที่แดงจากการร้องไห้ ในที่สุดแววตาของเจเรมี่ก็สะท้อนความรู้สึกบางอย่างออกมา ชายหนุ่มไม่สามารถเพิกเฉยต่อการวิงวอนของเมเดลีนได้ นับประสาอะไรกับความปรารถนาของเธอ“มันอยู่ใต้ประตู” เจเรมี่เฉลยออกมาในที่สุดเมเดลีนรีบตะโกนบอกฟาเบียน “มันอยู่ใต้ประตู!”ฟาเบียนหมอบลง และคลำไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกุญแจเมื่อเปิดประตูได้ ทั้งเขาและโยริคก็วิ่งเข้าไปอุ้มลาน่าและนาโอมิที่หมดสติไปแล้วทันทีเพราะลาน่าและนาโอมิถูกราดด้วยน้ำมันเบนซิน เปลวไฟที่กำลังปะทุจึงติดตัวในขณะที่ถูกอุ้มออกมาขอบคุณนักผจญเพลิงที่มาทันเวลาและดับไฟไว้ได้ทันลาน่าและนาโอมิถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในภาวะที่อันตรายถึงชีวิตทว่าสุดท้ายแล้วปลายผมที่สั้นอยู่แล้วของลาน่านั้นถูกไฟไหม้และขาดเป็นกระจุก ขณะที่มีกลิ่นควันอบอวลไปทั่วเส้นผมของเธอเมื่อรู้ว่าลาน่าและนาโอมิไม่เป็นไร เมเดลีนจึงกลับเข้าไปในรถอย่างกังวลใจเธอได้แต่จินตนาการว่าเจเรมี่ต้องเกลียดลาน่าและตัวเขาเองมากเพียงใดถึงทำเรื่องแบบนี้ลงไปเมเดลีนเอื้อมมือไปหยิบรูปถ่ายของเอโลอิสและฌอนมาดูอย่างโหยหา“พ่อกับแม่จะตำหนิที่หนูขัดขวางเจเ
เจเรมี่กลืนน้ำลาย ยอมแพ้ให้แก่เมเดลีน และบังคับให้ตัวเองหันหนีชายหนุ่มใช้เวลาทั้งวันกับเด็ก ๆลิเลียนยังคงเรียกเขาว่า 'คุณ' แต่มันก็ดีพอสำหรับเขาแล้วท้องฟ้ามืดลงและเมเดลีนเองก็กลับมาเจเรมี่วางเอกสารการหย่าที่เพิ่งเซ็นไว้ตรงหน้าเธอ และรู้สึกวิงเวียนศีรษะมันคงเป็นเพราะยาพิษออกฤทธิ์ช้าอย่างที่ลาน่าพูดถึง ตอนนี้เขาจึงต้องเก็บกลั้นอาการของมันไว้และยิ้มให้เมเดลีนอย่างอ่อนโยน“ผมไม่อยากให้คุณทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว ลินนี่” เขาพูดอย่างอ่อนโยน “พอผ่านอะไรมามาก ผมถึงได้เข้าใจว่ารักแท้ไม่ได้หมายถึงการครอบครอง ตราบใดที่คุณมีความสุข ผมก็จะมีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม”เมื่อได้ยินลูกชายของเธอพูดแบบนั้น คาเลนก็ถามอย่างเป็นกังวลว่า “ลูกพูดอะไร เจเรมี่? แกเลิกกับเอวลีนจริง ๆ เหรอ?”เธอถาม แต่เจเรมี่ไม่ตอบจากนั้นคาเลนจึงเดินไปยืนข้าง ๆ เมเดลีน “ก่อนหน้านี้แม่เคยทำเรื่องเลวร้ายกับเธอมามาก ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยกโทษให้ แม้การกระทำของแม่จะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยกโทษให้เจเรมี่เลยเหรอ?“เขาทำผิดพลาด เอวลีน ใช่ แต่เขาสูญเสียความทรงจำและโดนลาน่าควบคุม ยัยปีศาจร้ายคนนั้น…”
“อดัมเหรอ?”เจเรมี่เดินตามร่างนั้นไปและแน่ใจเหลือเกินว่าเป็นอดัมอดัมดูไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน เขายังคงสวมแว่นตาและดูสุภาพถึงกระนั้นชายหน้าตาใจดีคนนี้ยังเอาชีวิตของคนอื่นมาเป็นตัวทดลองอยู่ดีเจเรมี่จะให้อภัยอดัมในสิ่งที่เขาทำกับเมเดลีนได้อย่างไรหญิงสาวเชื่อใจอดัม โดยคิดว่าเขากำลังช่วยเหลือเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นเพียงตัวทดลองสำหรับเขาเท่านั้นเมเดลีนยังไม่รู้ว่าว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบใจที่เธอกินยาแก้ปวดจากอดัมอดัมกลับมาที่ออฟฟิศเพื่องานวิจัย แต่เขาไม่คาดคิดว่าเจเรมี่จะปรากฏตัวที่หน้าประตูทันทีที่เขานั่งลงในห้องทำงานความตื่นตระหนกฉายผ่านดวงตาของอดัมอย่างชัดเจน แต่เขาก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว“เจเรมี่ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?"เจเรมี่ล็อกประตูห้องทำงานของอดัมไว้ แล้วชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอดัมพลางจ้องเขม็ง “แกไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานเลยด้วยซ้ำ นี่ยังจะเรียกตัวเองว่าหมอได้อีกเหรอ? แกไม่มีสิทธิ์ใส่เสื้อกาวน์นั่น!”อดัมดูสับสนงุนงง “นี่นายพูดเรื่องอะไรกัน เจเรมี่?”“ฉันรู้แล้วว่าแกทำอะไรลงไป!” เจเรมี่คว้าคอเสื้ออดัมอย่างแรง “เอวลีนเชื่อใจแกและเห็นแกเป็นเพื่อน แต
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้คลั่งไคล้ในการทดลอง ไม่มีอะไรทำให้อดัมมีความสุขได้มากไปกว่าการบรรลุผลลัพธ์ที่เขาต้องการถึงอย่างนั้นสถานที่เดียวที่สามารถให้การสนับสนุนในสิ่งเขาต้องการได้ก็คือแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสันเพียงตัวของอดัมนั้ยไม่มีความสามารถ ความมั่งคั่ง หรืออำนาจใด ๆ เลยเจเรมี่ไม่เชื่อในคำพูดทั้งหมดของอดัม ชายหนุ่มจึงเอารายงานไปปรึกษาศาสตราจารย์ที่เขารู้จัก แต่กลับได้รับคำตอบที่คล้ายกันกลับมาศาสตราจารย์เล่าเรื่องการกลายพันธุ์ในเลือดของเจเรมี่และแนะนำให้เขาตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแต่ถึงจะรู้สาเหตุ เจเรมี่ก็รู้ดีว่าการรักษาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงสองทางเลือกที่อดัมมอบให้ เจเรมี่ก็ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วตอนนี้เขาสามารถตามล่าและฆ่าอดัมได้ด้วยมือเขาเองเลยด้วยซ้ำ แต่คำพูดของเมเดลีนกลับกำลังขัดขวางเขาอยู่ “เจเรมี่ ได้โปรด! กลับมาหาฉัน คุณอย่าทำผิดพลาดอีกเลยนะ!”'ผมจะไม่ทำพลาดแบบนั้นอีก ลินนี่'เจเรมี่ทิ้งผลการทดสอบลงถังขยะและออกมาจากโรงพยาบาลรถโรลส์-รอยซ์สีดำคันหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ในขณะที่เขากำลังเดินไปที่ลานจอดรถหน้าต่างเลื่อนลง เ
เมเดลีนถามอย่างสงสัย ทว่าพบเพียงรอยยิ้มอันขมขื่นจากท่าทางอ่อนโยนของเขา“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงกลายมาเป็นศิลปินสมัครเล่น?” ไรอันถามหญิงสาวจึงส่ายหัวแล้วยิ้ม “บอกหน่อยสิคะ”ไรอันหันไปมองเมเดลีน “เพราะคุณ ที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้”“ฉันเหรอคะ?” เมเดลีนสับสนเมื่อไรอันเริ่มเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายปีก่อนก่อนหน้านั้นเมเดลีนเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย และมันเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก่อนเปิดเทอมมหาวิทยาลัยเมเดลีนได้งานพาร์ทไทม์ที่ร้านขนมหวาน วันหนึ่งตอนที่เธอเดินออกไปข้างนอกก็พบเข้ากับแผงขายงานศิลปะริมถนนในตอนนั้นเมเดลีนยังไม่ได้สนใจการออกแบบเครื่องประดับ แต่ศิลปะก็เป็นสิ่งที่เรียกความสนใจจากเธอได้ เมื่อเดินเข้าไปดู เธอก็พบว่างานศิลปะค่อนข้างน่าสนใจกว่าที่คิดดังนั้น เธอจึงหยิบมันขึ้นมาดูทันใดนั้นก็มีเด็กชายคนหนึ่งเข้ามาถามอย่างใจเย็นว่า “คุณต้องการมันไหม?”เธอตกใจมาก แต่เด็กชายก็พูดต่อก่อนที่เธอจะตอบกลับไปว่า “จ่ายเท่าไรก็ได้ที่คุณคิดว่ามันคุ้ม”“...” เมเดลีนยังเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาที่เขินอายเกินกว่าจะวางงานศิลปะลงหลังจากที่หยิบมันขึ้นมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ เธอจึงคุ้ยกระเป๋า
เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มแล้วที่เมเดลีนไม่รู้ว่าเจเรมี่อยู่ที่ไหน เธอได้ยินจากฟาเบียนว่าโยริคดุลาน่าจนตอนนี้เธอกลับไปที่เมืองเอฟแล้วถึงกระนั้นการดุด่าจะยุติสิ่งที่ลาน่าทำลงไปได้อย่างไร?เมเดลีนไม่เคยลืมจุดจบที่น่าเศร้าของพ่อแม่ของเธอเลยสักครั้งในขณะที่ลาน่าใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มในเมืองเอฟคลุกคลีอยู่กับ 'กลุ่มเพื่อนคู่หู' บางครั้งพวกเขาก็ถามเธอเกี่ยวกับผู้หญิงชื่อเอวลีน มอนต์โกเมอรี คนที่เธอเคยคุกเข่าและขอโทษ เมื่อใดก็ตามที่ชื่อของเอวลีนถูกพูดถึง ลาน่าก็จะรู้สึกละอายใจในตัวเองตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำให้เธออับอาย แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวตลกของทุกคนไปแล้ว!ลาน่าไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเอฟอีกต่อไป เพราะในทุก ๆ ที่ที่เธอไป เธอก็มักรู้สึกราวกับว่าทุกคนรอบตัวจะรู้เรื่องที่เธอคุกเข่าลงจรงเท้าของเอวลีนเพื่อขอโทษยิ่งลาน่าคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากเท่านั้น หญิงสาวจึงแอบกลับไปที่เกลนเดลโดยไม่บอกให้โยริคหรือฟาเบียนรู้เมื่อกลับมาถึง สิ่งแรกที่ทำคือถามหาเจเรมี่ เมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่กับเมเดลีนแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจพวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะเจเรมี่เ
ลาน่าคิดว่าได้ยินเขาผิด แต่เมื่อสังเกตปากของอีกฝ่ายดี ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเจเรมี่พูดว่า “บุหรี่” บุหรี่เขามาขอบุหรี่กับเธอดวงตาของลาน่าเป็นประกาย ความหวาดกลัวในใจจึงหมดไปหญิงสาวหัวเราะกับตัวเอง แม้แต่คนที่หัวแข็งที่สุดก็ไม่สามารถรอดจากยาพิษที่ค่อย ๆ ฆ่าพวกเขาจากภายในไปได้ลาน่าเดินเข้าไปหาและยิ้มอย่างชื่นชมกับรูปร่างที่ดูสูงกำยำ ทว่าตอนนี้ดูซูบผอมลงเล็กน้อย“ฉันให้บุหรี่คุณได้ถ้าคุณต้องการ แต่คุณต้องเต็มใจเป็นของฉัน” ลาน่าแสดงความต้องการอย่างชัดเจน ขณะที่เธอจ้องมองเจเรมี่ด้วยความปรารถนาในแววตาเจเรมี่ก็จ้องกลับด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ก็ได้”ลาน่าดีใจ จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ยั่วยวน ขณะที่เธอลดเสียงลงกระซิบ “ถ้าอย่างนั้น คุณจะพิสูจน์ตัวเองยังไง? ฉันเริ่มกลัวคุณตั้งแต่ที่คุณทำกับฉันแบบนั้นเพราะเอวลีน จะปลอบใจฉันยังไงดีล่ะ?”ไม่ต้องเดาชายหนุ่มก็เข้าใจในความหมาย"คุณเลือกโรงแรมสิ” เจเรมี่ตอบห้วน ๆคนฟังยิ้มมีความสุข ไม่คิดว่าจะมีเวลานี้กับเขาบ้างสักทีหญิงสาวเลือกโรงแรมและจองห้องในทันทีก่อนจะเป็นคนนำเจเรมี่ไปเมื่อเข้ามาในห้อง ลาน่าก็เข้าไปอาบน้ำทันทีหลังอาบน้ำรู้สึกเวียนหัวเล็
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ