"ดังนั้นเธอก็รั้งกว๋อ ซิ่นหลี่ ไว้ในขณะที่ไปกับผู้ชายอีกคนสินะ?" ทันใดนั้นเสียงของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ก็ดังออกมาหลิง อี้หราน รู้สึกปวดหัวขึ้นมา โลกดูเหมือนจะไม่เคยขาดคนอย่างฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไปบ้างเลยอี้ จิ่นหลี หันกลับมาและมองไปที่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาท่าทางปากร้ายที่อยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อเธอเห็น อี้ จิ่นหลี แววตาของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ส่องประกายความประหลาดใจออกมา ผู้ชายคนนี้หล่อกว่านักแสดงนำชายในละครทีวีเสียอีก แม้ว่าผมหน้าม้าของอีกฝ่ายจะยาวไปหน่อย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าเขาดูแลทรงผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีเขาสามารถผลักดาราชายออกจากตำแหน่งจัดอันดับได้อย่างแน่นอนฟาง เชี่ยนเชี่ยน รู้สึกอิจฉาทันที ทำไมหลิง อี้หรานถึงมีแต่เรื่องดี ๆ ไม่เพียงแค่กว๋อ ซิ่นหลี่ จะชอบเธอ แต่เธอยังมีผู้ชายที่หล่อเหลาติดตามเธอด้วย!"ทันใดนั้นเธอก็ยกมุมปากขึ้นและแสดงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย "คุณเป็นเพื่อนของหลิง อี้หราน หรือเปล่า? คุณคงไม่รู้ว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน ในอดีตเธอเคยขับรถชนใครบางคนขณะเมาแล้วขับ มันเหมือนกับการฆาตกรรมนั่นแหละ!"แต่เธอก็ต้องผิดหวัง ใบหน้าของชายคนนั้นไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจ ไม่
ในอดีต เธอและเพื่อนร่วมงานสำนักงานกฎหมายมักจะมาที่นี่เพื่อทานอาหารหลังเลิกงาน สำหรับเธอในตอนนั้น การทานอาหารที่นี่ก็เหมือนกับการทานอาหารในเวลาพักทำงาน แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นอะไรที่หรูหราที่สามารถเพลิดเพลินได้เป็นครั้งคราว"ฟังดูดีนะพี่สาว มาสั่งอะไรกินกันดีกว่า" อี้ จิ่นหลี เปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเรียนหลิง อี้หราน สั่งอาหารที่ถูกกว่าทั้งหมด โดยที่แพงที่สุดคือจานกุ้ง 480 บาทราคารวมของอาหารทั้งหมดอยู่ที่ 1780 บาท แม้ว่ามันจะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่มันก็เป็นอาหารที่แพงที่สุดที่หลิง อี้หราน ได้กินหลังจากเว้นไปนานแม้ว่าอี้ จิ่นหลี ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอสั่งเพิ่มอีกเล็กน้อยว่า “พี่ ฉันมีเงิน"หลิง อี้หราน ยังคงกล่าวว่า "แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถึงเราจะได้ออกมากินอะไรดี ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งมากเกินไป"หลังจากนั้นไม่นานพนักงานก็เสิร์ฟอาหาร และพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารกัน อาหารที่นี่ดีกว่าอาหารง่าย ๆ ที่พวกเขามักจะทานกันเมื่อพวกเขาเริ่มกินกุ้ง อี้ จิ่นหลี ก็แกะเปลือกให้หลิง อี้หราน อย่างเป็นธรรมชาติจากนั้นใส่กุ้งที่แกะเปลือกแล้วทั้งหมดลงในชามของเธอเธอจ้องมองพวกเขาด้วยความงุนงง“มี
หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปด้านข้าง จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลีและพูดว่า "นายจ่ายค่าอาหารแล้วใช่ไหม?""อืม จ่ายแล้ว""ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ" เธอพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเขาราวกับว่าเธอกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง"เป็นอะไรรึเปล่า? พี่กำลังหลบใครอยู่เหรอ?" เขาถามฝีเท้าของเธอหยุดลง และสีหน้าเธอดูขมขื่น "อดีตเพื่อนร่วมงานของฉันก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวด้วย ฉัน... ฉันไม่อยากให้พวกเขาเห็นฉันน่ะ"เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแคลนตัวเองว่า "มันไร้สาระ ใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าฉันผ่านอะไรมาบ้างและพวกเขาก็คงเดาได้ว่าตอนนี้ฉัสภาพฉันต้องย่ำแย่แค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ต้องการที่จะเจอพวกเขาอยู่ดี ฉันไม่อยากเห็นความเห็นใจและความสงสารของพวกเขา”ในอดีตการเป็นทนายความเป็นสิ่งที่เธออยากทุ่มเททั้งชีวิต แต่ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของเธอจะยังคงทำงานนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่เธอจะสามารถกลับไปทำได้อีกครั้ง การไม่เห็นคุณค่าในตัวเองของเธอทำให้หัวใจของเขาเจ็บเขาจับมือเธอแน่นขึ้นและพูดเสียงเบาว่า "ถ้าอย่างนั้นเรามาหลบพวกเขากัน วันหนึ่ง
เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเซียว จื่อฉี กำลังจะเหยียบคันเร่งออกไป แต่จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ รูปร่างของชายคนนั้น... รูปร่างของชายที่ถูกเรียกว่าคนสำคัญที่สุดในเมืองเฉินปรากฏขึ้นในความคิดของเขารูปร่างของชายคนนี้ดูเหมือนอี้ จิ่นหลีมาก! แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยอี้ จิ่นหลี จะมายืนอยู่ข้างหลิง อี้หราน ได้อย่างไร? ตลกสิ้นดี!รถที่อยู่ข้างหลังเซียว จื่อฉี บีบแตรใส่เขา เซียว จื่อฉี จึงเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนี้ ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิง อี้หราน มองขึ้นมาในทิศทางที่เซียว จื่อฉี อยู่เมื่อพวกเขาสบตากัน เซียว จื่อฉี รู้สึกตกใจมาก อี้… อี้ จิ่นหลี?!นั่นคือ อี้ จิ่นหลี จริง ๆ หรือ? แม้ว่าชุดและทรงผมของอีกฝ่ายในตอนนี้จะดูแตกต่างจากความคิดของเขาที่มีต่อ อี้ จิ่นหลี แต่ใบหน้านั้นก็ดูเหมือนเขาจริง ๆ!ร่างกายของเซียว จื่อฉี แข็งทื่อขณะที่เขาขับรถ เขารู้สึกว่าทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่เกินคาดหมายในขณะเดียวกันที่สี่แยกหลิง อี้หรานกำลังขยี้ตา ในที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีฝุ่นอยู่ในดวงตาของเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่าการเป่าของจินจะได้ผลดีทีเดียว เธอมองไปที่คนข้าง ๆ เธอพบว่าเขากำลังมอง
หลิง อี้หราน ขมวดคิ้ว เซียว จื่อฉี กำลังถามถึง... จิน หรือเปล่า? “คุณเซียว ทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ดิฉันต้องรายงานคุณว่าฉันอยู่กับน้องชายด้วยเหรอ?"น้องชาย เธอมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" เซียว จื่อฉี ถาม เขารู้แค่ว่าเธอมีน้องสาว“เเขาเป็นคนที่ฉันเห็นเป็นน้องชายของฉัน ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เหรอไง?” เธอถามเซียว จื่อฉี จ้องไปที่หลิง อี้หราน ราวกับว่าเขาต้องการตรวจสอบว่าเธอโกหกหรือไม่จากการแสดงออกของเธอในขณะนี้ พี่ซูซึ่งกำลังกวาดพื้นอีกฟากหนึ่งของถนนเห็นความวุ่นวายและวิ่งข้ามมา “คุณเซียวโปรดใจเย็น ๆ อย่าใช้ความรุนแรงเลยค่ะ”พี่ซูจำได้ว่า เซียว จื่อฉี เป็นคนที่มาพร้อมกับห่าว อี้เหมิง ตอนที่เธอขอโทษที่ศูนย์บริการสุขาภิบาล ตามคำบอกเล่าของคนงานที่นั่น เซียว จื่อฉี เป็นอดีตแฟนของอี้หราน"คุณเซียว ถ้าคุณไม่ปล่อยมือฉัน คุณไม่กลัวว่าจะมีคนมาถ่ายรูปคุณเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะต้องอธิบายตัวเองให้คุณห่าวฟังนะคะ" หลิง อี้หราน กล่าวสีหน้าของเซียว จื่อฉี เปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือเธอและจากไปพี่ซูมองไปที่หลิง อี้หราน อย่างเป็นห่วงและพูดว่า "ทำไมคน ๆ นั้นถึงมาหาเธอ?"“ใครจะไปรู้
"ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ผมไม่ต้องการให้ใครมาเป็นศัตรูกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้ หลิง อี้หรานเคยต้องรับโทษจำคุกก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างและไม่ให้โอกาสเธอ และเนื่องจากคุณรู้สึกว่าไม่สามารถทำงานกับหลิง อี้หราน ได้ ผมคิดว่าคุณควรลาออกจากงาน"เธอ... เธอมีตำแหน่งงานที่มั่นคงนะ! เธอถูกไล่ออกอย่างนั้นเหรอ? ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามนี่คือความจริง!“เชี่ยนเชี่ยน พูดอะไรบ้างสิ” เสียงข้าง ๆ เธอกระตุ้นฟาง เชี่ยนเชี่ยน มองไปรอบ ๆ เมื่อเธอเห็น หลิง อี้หราน เธอก็รู้สึกขุ่นเคือง เธอก้าวไปข้างหน้าและพูดกับหลิง อี้หราน ว่า "เป็นเพราะเธอ มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงไม่ถูกผู้อำนวยการไล่ออก! เธอควรจะเป็นคนที่ต้องถูกไล่ออก"ทุกคนตกตะลึง คนที่ถูกไล่ออกคือ... ฟาง เชี่ยนเชี่ยน?!“เชี่ยนเชี่ยน เธอล้อเล่นหรือเปล่า?”“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”ฟาง เชี่ยนเชี่ยน จ้องมองไปที่หลิง อี้หราน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอยื่นมือออกไปและต้องการจะตบหลิง อี้หราน หลบได้ แต่ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ดูเหมือนจะโกรธมาก ในขณะนี้มีคนมาขวางข้างหน้าและหยุดเธอ "หยุด
เมื่อเช้านี้แม้ว่าหลิงอี้หรานจะบอกว่าชายคนนั้นเป็น "น้องชาย" ของเธอ เขาก็รู้สึกว่าต้องตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนจึงจะสบายใจได้รถมาถึงประตูทางเข้าหมู่บ้านชานเมือง เซียวจื่อฉีก็ลงจากรถเข้าไปในหมู่บ้าน มองหาอาคารและเลขตึก หลังจากหาอยู่พักหนึ่งในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูแคบ ๆนี่ก็เป็นแบบบ้านเช่าชานเมืองทั่วไปหลิงอี้หรานอาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?เซียวจื่อฉีกำลังจะเคาะประตูขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาเขาหลบไปอยู่ในมุมมืดอีกด้านโดยสัญชาตญาณแล้วมองไปทางเสียงฝีเท่าปรากฎว่ามีรูปร่างสูงเดินเข้ามาทางเขาเมื่อร่างสูงนั้นเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดวงตาของเซียวจื่อฉีก็เบิกกว้างขึ้นทุกที การคาดเดาที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในที่สุดก็กลายเป็นความจริงนั่นคือ...อี้จิ่นหลี! อี้จิ่นหลีจริง ๆ !เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะมีลักษณะคล้ายกันขนาดนี้ตอนนี้อี้จิ่นหลียังแต่งตัวชุดเดิมแบบที่เขาเห็นเมื่อวาน ทำไม... ทำไมอี้จิ่นหลีถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!เซียวจื่อฉีรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาจากฝ่าเท้าและร่างกายของเขาก็เย็นเยียบในที่สุดอี้จิ่นหลีก็ยืนอยู่หน้าประตูแคบ ๆ ที่เซียวจื่อฉียืนอยู่เมื่อกี้ เขายกมือข
ท่าทีที่อี้จิ่นหลีมีต่อหลิงอี้หรานนั้น… เซียวจื่อฉีรู้สึกว่ามันสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า "อ่อนโยน"นายน้อยอี้ผู้เฉยชาไม่เคยอ่อนโยนต่อผู้หญิง แม้แต่เมื่อก่อนห่าวเหมยยวี่ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นใช่ไหม?ทันใดนั้น เรื่องที่โฆษณาถูกถอนออกก็แล่นเข้ามาในหัวของเซียวจื่อฉี ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะหลิงอี้หรานที่ทำให้อี้จิ่นหลีเกลียดแค้นตระกูลเซียว และไม่ชอบที่จะเห็นการขอแต่งงานที่ฟู่ฟ่าแบบนั้นแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันก็เป็นเพราะหลิงอี้หรานจริง ๆ แต่แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เขาคิดในตอนแรกอย่างมากเซียวจื่อฉีรู้สึกโลกของเขากลับตาลปัตรในห้องเช่า หลิงอี้หรานกำลังทานอาหารกับอี้จิ่นหลี อี้หรานยังเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ทำงานวันนี้ "ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ผู้อำนวยการฟางไล่ฟางเชี่ยนเชี่ยนออก จริง ๆ ฉันคิดว่าฉันจะเป็นคนที่ถูกไล่ออก"“แล้วไม่ดีเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามหลิงอี้หรานลังเลเล็กน้อยก่อนบอกว่า "ไม่ถูกไล่ออกแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่ฉันไม่รู้ว่าฟาง เชี่ยนเชี่ยนจะหาทางแก้แค้นฉันหรืออะไรไหม วันนี้ตอนที่หล่อนมองฉันแววตามีแต่ความเกลียดชัง”
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ