เย็นนั้นหลิง อี้หรานกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์เช่า ขณะที่เธอกำลังทานอาหารเย็นกับอี้ จิ่นหลี ก็มีคนมาเคาะประตูหลิง อี้หรานแปลกใจ ปกติเธอไม่เคยมีใครมาเยี่ยม เป็นไปได้ว่านั้นคือพ่อ แม่เลี้ยง และน้องสาวอาจจะมาที่นี่อีกไหม?แต่เมื่อเธอเปิดประตูเธอ เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็น กว๋อ ซิ่นหลี่ ยืนอยู่ข้างนอกกว๋อ ซิ่นหลี่ สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีดำและใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย เขามองไปที่หลิง อี้หราน และพูดอย่างตะกุกตะกัก “ผม…” เขากำลังจะพูดแต่หยุดเมื่อสังเกตเห็นอี้ จิ่นหลี ที่เดินไปยืนข้างหลังหลิง อี้หราน และเขาก็ดูไม่แน่ใจอี้ จิ่นหลี พินิจชายที่ยืนอยู่นอกบ้าน เขาจำผู้ชายคนนี้ได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของหลิง อี้หราน จากศูนย์บริการสุขาภิบาลและดูเหมือนว่าเขาจะชอบเธอ"อะไรกัน? คุณมาหาพี่สาวเหรอ?" อี้ จิ่นหลี ถาม"ผม… ผมมีธุระต้องคุยกับอี้หรานสองต่อสอง" กว๋อ ซินหลี่ พูดด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลิง อี้หราน และถาม "อี้หราน สะดวกหรือเปล่า?"อี้ จิ่นหลี ขมวดคิ้วเบา ๆ และพบว่าวิธีที่กว๋อ ซื่นหลี่ เรียกเธอว่า "อี้หราน" นั้นช่างน่าหงุดหงิดเสียจริงหลิง อี้หราน ลังเลและกำลังจะตอบแต
“พี่สาว พี่ชอบผู้ชายคนนั้นเพราะเขาพูดแบบนั้นเหรอ?” เขาพึมพำและถาม ในแววตาของเขามีนัยแห่งความหึงหวงที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวกลิ่นอายของเขาแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของเธอและระยะประชิดทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกตามสัญชาตญาณในภาวะวิกฤตกำลังเกิดขึ้นภายในตัวเธอ รู้สึกเหมือนว่าถ้าตอบผิด ในวินาทีต่อมาสัตว์ดุร้ายจะตะครุบตัวและงับคอเธออย่างรุนแรงโอ้ คุณพระ เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!หลิง อี้หรานหยันตัวเองกับความคิดที่เพิ่งแล่นเข้ามาในใจของเธอ คนข้างหน้าเธอคือจินและเขาไม่ใช่คนอันตราย“ฉันไม่ได้ชอบกว๋อ ซิ่นหลี่" เธอตอบ เธอทำได้เพียงแค่ขอโทษเขาสำหรับความรู้สึกที่เขามีให้คำตอบของเธอทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นทันที เขาจ้องไปที่เธอและถามว่า "พี่สาว พี่ไม่ชอบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?"“ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะ?” เธอบอก ตั้งแต่ออกจากคุกมา เธอไม่เคยคิดที่จะตกหลุมรักใครอีก ความรักเป็นความรู้สึกที่เป็นภาระมากเกินไป เวลาที่รักใครสักคนเธอทุ่มเทสุดหัวใจและเมื่อถูกทอดทิ้งก็เจ็บปวดแสนสาหัส เธอไม่ต้องการความรู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้วดวงตาเขาฉายแววยินดี “ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องจำไว้ว่าต้องปฏิเสธเขา ไม่อย่างนั้นเขา
แค่การหางานเพื่อเลี้ยงตัวเองก็ยากพอแล้ว“แต่เธอจะเสียเวลาหลายปีไปกับงานแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วจะหาสามีดี ๆ ได้อย่างไร?!” สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับคนอย่างพี่ซูคือการแต่งงาน “อากว๋อเหมือนจะไม่สนใจเรื่องอดีตของเธอ เธอแน่ใจหรือว่าเธอไม่ต้องการพิจารณาเรื่องนี้? ผู้ชายที่ซื่อสัตย์อย่างอากว๋อหาได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้น่ะ""ไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก สำหรับฉันและเขาน่ะ" หลิง อี้หราน ตอบพี่ซูลังเลก่อนจะถามว่า "อี้หราน เธอคิดว่าอากว๋อต่ำต้อยกว่าเพราะเขาเป็นแค่คนขับรถหรือเปล่า? เพราะแฟนเก่าของเธอคือ..."“พี่ซู!” หลิง อี้หราน ขัดจังหวะเธอและพูดว่า "ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น มันแค่... ฉันผ่านอะไรมามากมาย ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะตกหลุมรักได้อีก"“เฮ้อ เด็กน้อย!” พี่ซูถอนหายใจ “เธอควรรู้ว่าถ้าเธอไม่ได้แต่งงานจริง ๆ และต้องอยู่ลำพังน่ะ ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่เมื่อวันหนึ่งเธอแก่ตัวลงโดยไม่มีลูกหลานอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ... มันจะเป็นความเหงาที่ไม่มีใครสามารถทนได้เลย"ลูก ๆ เหรอ…หลิง อี้หรานฝืนยิ้มสำหรับเธอก็อาจจะเกินเอื้อมไปแล้วหลังจากทำงานมาทั้งวันหลิง อี้หราน และพี่ซูก็เก็บอุปกรณ์ของพวกเขาแ
ย้อนไปในอดีตตอนนั้น เขาเพิ่งเลิกงานและสังเกตเห็นเธอนั่งยอง ๆ อยู่ริมถนน เธอปลอบเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด เธอร้องเพลงและกระโดด ทำท่าทางตลก ๆ ราวกับว่าเธอไม่สนใจเลยกับสายตาแปลก ๆ ที่มองมาจากผู้คนที่ผ่านไปมาในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ เด็กน้อยหยุดร้องไห้แล้ว จากนั้นเธอก็ซื้อหมั่นโถวให้เด็กหญิงตัวน้อยกินทันที เธอโทรหาตำรวจและรออยู่ที่นั่นโดยตั้งใจจะดูว่าครอบครัวของเด็กหญิงจะมาตามหาเธอหรือไม่ในที่สุดตำรวจและครอบครัวของเด็กหญิงก็มา พ่อแม่ของเด็กหญิงตัวน้อยได้ควักเงินหลายพันบาทและต้องการยัดใส่ในมือของเธอเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่เธอกลับส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะไม่รับเงินแม้แต่สตางค์เดียวจากพวกเขาเมื่อพ่อแม่จากไปพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของพวกเขา เธอมองดูภาพครอบครัวของพวกเขาจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอิบในเวลานั้น กว๋อ ซิ่นหลี่ รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากระตุก เขาตระหนักว่าเขาต้องการผู้หญิงที่อ่อนโยนและเงียบสงบเช่นเดียวกับเธอเขาไม่รู้ว่ามันเป็นรักแรกพบไหม แต่เขารู้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเคยมีความรู้สึกมากขนาดนี้กับผู้หญิงคนหนึ่ง“ถึงคุณจะไม่รังเกียจ แล้วพ่อแม่ของคุ
"ดังนั้นเธอก็รั้งกว๋อ ซิ่นหลี่ ไว้ในขณะที่ไปกับผู้ชายอีกคนสินะ?" ทันใดนั้นเสียงของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ก็ดังออกมาหลิง อี้หราน รู้สึกปวดหัวขึ้นมา โลกดูเหมือนจะไม่เคยขาดคนอย่างฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไปบ้างเลยอี้ จิ่นหลี หันกลับมาและมองไปที่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาท่าทางปากร้ายที่อยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเย็นชาเมื่อเธอเห็น อี้ จิ่นหลี แววตาของฟาง เชี่ยนเชี่ยน ส่องประกายความประหลาดใจออกมา ผู้ชายคนนี้หล่อกว่านักแสดงนำชายในละครทีวีเสียอีก แม้ว่าผมหน้าม้าของอีกฝ่ายจะยาวไปหน่อย แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าเขาดูแลทรงผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีเขาสามารถผลักดาราชายออกจากตำแหน่งจัดอันดับได้อย่างแน่นอนฟาง เชี่ยนเชี่ยน รู้สึกอิจฉาทันที ทำไมหลิง อี้หรานถึงมีแต่เรื่องดี ๆ ไม่เพียงแค่กว๋อ ซิ่นหลี่ จะชอบเธอ แต่เธอยังมีผู้ชายที่หล่อเหลาติดตามเธอด้วย!"ทันใดนั้นเธอก็ยกมุมปากขึ้นและแสดงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย "คุณเป็นเพื่อนของหลิง อี้หราน หรือเปล่า? คุณคงไม่รู้ว่าเธอเคยติดคุกมาก่อน ในอดีตเธอเคยขับรถชนใครบางคนขณะเมาแล้วขับ มันเหมือนกับการฆาตกรรมนั่นแหละ!"แต่เธอก็ต้องผิดหวัง ใบหน้าของชายคนนั้นไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจ ไม่
ในอดีต เธอและเพื่อนร่วมงานสำนักงานกฎหมายมักจะมาที่นี่เพื่อทานอาหารหลังเลิกงาน สำหรับเธอในตอนนั้น การทานอาหารที่นี่ก็เหมือนกับการทานอาหารในเวลาพักทำงาน แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นอะไรที่หรูหราที่สามารถเพลิดเพลินได้เป็นครั้งคราว"ฟังดูดีนะพี่สาว มาสั่งอะไรกินกันดีกว่า" อี้ จิ่นหลี เปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเรียนหลิง อี้หราน สั่งอาหารที่ถูกกว่าทั้งหมด โดยที่แพงที่สุดคือจานกุ้ง 480 บาทราคารวมของอาหารทั้งหมดอยู่ที่ 1780 บาท แม้ว่ามันจะไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่มันก็เป็นอาหารที่แพงที่สุดที่หลิง อี้หราน ได้กินหลังจากเว้นไปนานแม้ว่าอี้ จิ่นหลี ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอสั่งเพิ่มอีกเล็กน้อยว่า “พี่ ฉันมีเงิน"หลิง อี้หราน ยังคงกล่าวว่า "แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถึงเราจะได้ออกมากินอะไรดี ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งมากเกินไป"หลังจากนั้นไม่นานพนักงานก็เสิร์ฟอาหาร และพวกเขาก็เริ่มรับประทานอาหารกัน อาหารที่นี่ดีกว่าอาหารง่าย ๆ ที่พวกเขามักจะทานกันเมื่อพวกเขาเริ่มกินกุ้ง อี้ จิ่นหลี ก็แกะเปลือกให้หลิง อี้หราน อย่างเป็นธรรมชาติจากนั้นใส่กุ้งที่แกะเปลือกแล้วทั้งหมดลงในชามของเธอเธอจ้องมองพวกเขาด้วยความงุนงง“มี
หลิง อี้หราน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปด้านข้าง จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอเงยหน้าขึ้นมองอี้ จิ่นหลีและพูดว่า "นายจ่ายค่าอาหารแล้วใช่ไหม?""อืม จ่ายแล้ว""ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ" เธอพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าและเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเขาราวกับว่าเธอกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง"เป็นอะไรรึเปล่า? พี่กำลังหลบใครอยู่เหรอ?" เขาถามฝีเท้าของเธอหยุดลง และสีหน้าเธอดูขมขื่น "อดีตเพื่อนร่วมงานของฉันก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวด้วย ฉัน... ฉันไม่อยากให้พวกเขาเห็นฉันน่ะ"เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแคลนตัวเองว่า "มันไร้สาระ ใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าฉันผ่านอะไรมาบ้างและพวกเขาก็คงเดาได้ว่าตอนนี้ฉัสภาพฉันต้องย่ำแย่แค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ต้องการที่จะเจอพวกเขาอยู่ดี ฉันไม่อยากเห็นความเห็นใจและความสงสารของพวกเขา”ในอดีตการเป็นทนายความเป็นสิ่งที่เธออยากทุ่มเททั้งชีวิต แต่ตอนนี้เพื่อนร่วมงานของเธอจะยังคงทำงานนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ใช่อาชีพที่เธอจะสามารถกลับไปทำได้อีกครั้ง การไม่เห็นคุณค่าในตัวเองของเธอทำให้หัวใจของเขาเจ็บเขาจับมือเธอแน่นขึ้นและพูดเสียงเบาว่า "ถ้าอย่างนั้นเรามาหลบพวกเขากัน วันหนึ่ง
เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเซียว จื่อฉี กำลังจะเหยียบคันเร่งออกไป แต่จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ รูปร่างของชายคนนั้น... รูปร่างของชายที่ถูกเรียกว่าคนสำคัญที่สุดในเมืองเฉินปรากฏขึ้นในความคิดของเขารูปร่างของชายคนนี้ดูเหมือนอี้ จิ่นหลีมาก! แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยอี้ จิ่นหลี จะมายืนอยู่ข้างหลิง อี้หราน ได้อย่างไร? ตลกสิ้นดี!รถที่อยู่ข้างหลังเซียว จื่อฉี บีบแตรใส่เขา เซียว จื่อฉี จึงเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนี้ ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิง อี้หราน มองขึ้นมาในทิศทางที่เซียว จื่อฉี อยู่เมื่อพวกเขาสบตากัน เซียว จื่อฉี รู้สึกตกใจมาก อี้… อี้ จิ่นหลี?!นั่นคือ อี้ จิ่นหลี จริง ๆ หรือ? แม้ว่าชุดและทรงผมของอีกฝ่ายในตอนนี้จะดูแตกต่างจากความคิดของเขาที่มีต่อ อี้ จิ่นหลี แต่ใบหน้านั้นก็ดูเหมือนเขาจริง ๆ!ร่างกายของเซียว จื่อฉี แข็งทื่อขณะที่เขาขับรถ เขารู้สึกว่าทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่เกินคาดหมายในขณะเดียวกันที่สี่แยกหลิง อี้หรานกำลังขยี้ตา ในที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีฝุ่นอยู่ในดวงตาของเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่าการเป่าของจินจะได้ผลดีทีเดียว เธอมองไปที่คนข้าง ๆ เธอพบว่าเขากำลังมอง
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ